โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ
https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ตอนที่ ๒๔ คืนอำนาจ
|
|
เตโชกับพรรคพวกหันมองหน้ากันแล้วถอนใจโล่งอกเมื่อเวลาล่วงเข้าตีห้าแต่ยังไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ให้โกลาหล ชายหนุ่มขยับตัวไล่ความเมื่อยล้าพร้อมกับบอกให้คนของพี่ชายไปพัก เพราะมั่นใจว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องกังวลอีก
พอทหารนายสุดท้ายก้าวพ้นประตูชายหนุ่มจึงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ก่อนยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิดโรยแล้วเปรยกับตัวเองเบาๆ
โชคดีที่ข่าวนั่นไม่เป็นความจริง
แม้จะโล่งใจที่ไม่มีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้น แต่เขาก็ยังไม่มีคำสั่งให้ถอนกำลังออกจากจุดเสี่ยง นั่นเพราะยังไม่วางใจเสียทีเดียว
ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ แล้วพ่นลมหายใจหนักหน่วงออกมา วันนี้เขากับคนของชยินเลือกใช้วิธีตรึงกำลังอยู่ตามจุดเสี่ยงเพื่อป้องกันภัย มากกว่าจะสั่งอพยพผู้คนให้เกิดความวุ่นวาย แม้ในคราแรกจะมีเสียงคัดค้านเพราะเกรงว่าหากมีการปะทะกันจริงๆ ชาวบ้านอาจได้รับผลกระทบโดยตรง
แต่หลังจากช่วยกันวิเคราะห์ถึงผลดีและผลเสียทุกคนจึงเห็นชอบกับวิธีกระจายกำลังแล้วแฝงตัวอยู่ตามจุดสำคัญ มากกว่าปล่อยข่าวที่ยังไม่ได้ข้อสรุปนั่นออกไปจนทำให้ชาวบ้านเกิดความโกลาหล
เมื่อที่ประชุมได้ข้อสรุปเขาจึงออกคำสั่งให้กับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระจายกำลังไปยังจุดต่างๆ โดยทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด
ตลอดทั้งวันเขาและทหารอีกจำนวนหนึ่งต่างคร่ำเคร่งอยู่กับมาตรการป้องกันค่าย จากตะวันขึ้นจวบจนคล้อยต่ำแล้วเปลี่ยนผันเป็นดวงจันทร์ และอีกไม่ถึงชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะโพล่ขึ้นมาทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง
สำหรับคนอื่นอาจมองว่าเมื่อแสงสีเงินสีทองส่องสว่างขึ้นอีกครั้งมันก็เป็นเพียงการเริ่มต้นกิจวัตรของวันใหม่ แต่สำหรับเขามันเป็นมากกว่านั้น เพราะหากพวกเขาสามารถผ่านห้วงรัตติกาลไปยังทิวากาลได้นั่นเท่ากับว่าจะไม่มีการรุกรานใดๆ จากศัตรู
มองเทร์แม้ฉันไม่รู้ว่านายได้ข่าวลวงนั่นมายังไงและหวังดีกับพวกฉันด้วยใจจริงหรือไม่ แต่ก็น่ายินดีที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น เขาทอดสายตาอ่อนล้าผ่านหน้าต่างมองแสงสลัวด้านนอกแล้วพึมพำกับตัวเองด้วยความโล่งใจ ก่อนจะค่อยๆ หลุบเปลือกตาลงและหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยล้า
ช่วงสายเสียงเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่เหนือค่ายปลุกร่างที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเก้าอี้ให้ตื่นขึ้น ก่อนเจ้าของร่างสูงสมาร์ทจะผลุนผลันออกไปยืนอยู่นอกชาน แล้วเงยหน้ามองแมลงปอยักษ์สองลำที่กำลังร่อนลงตรงลานจอดชั่วคราว
เกิดอะไรขึ้น เขาหันไปถามทหารแต่พวกเขากลับส่ายหน้าไปมา เตโชยกมือขึ้นเสยผมแล้วหรี่ตาเพื่อมองกลุ่มคนที่กำลังลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้วมุ่งตรงมาที่เขา
คุณพ่อ... ชายหนุ่มครางเมื่อเห็นชัดว่าใครกำลังเดินมา ก่อนผลุนผลันลงจากกระท่อม
นายพลอาเชไล่สายตามองเสื้อผ้าหน้าผมที่ยับยู่ยี่ และท่าทางอิดโรยของบุตรชายคนเล็กด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
คุณพ่อมาได้ยังไง...
แกไปทำอะไรมารึเตโช แล้วชยินล่ะ...
เตโชมองท่าทางร้อนใจของบิดาแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่ สายตาและคำถามคาดคั้นของอีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งคำถาม
ฉันถามไม่ได้ยินเหรอชยินไปไหน
พาหมอไปต่อรองอาวุธฮะ ชายหนุ่มตอบพร้อมกับนิ่วหน้าเมื่อเห็นท่าทางร้อนใจเปลี่ยนเป็นคำสบถก่อนอีกฝ่ายจะออกคำสั่งให้เขาไปพาแพทย์อีกคนมาพบ แล้วก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปยังกระท่อม เอ่อ...พ่อครับชยินพาหมอไปทั้งสองคน และคำตอบนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายหันขวับกลับมาทันควัน เตโชเผลอถอยไปด้านหลังเมื่อเห็นประกายตาดุดันเอาเรื่องจ้องนิ่งมาที่ตน
ว่าไงนะ...แกกำลังบอกว่าเจ้าชยินมันพาหมอไปทั้งสองคนงั้นเรอะ... คะ...ครับ เขาตอบเสียงกุกกักพลางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น ทั้งๆ ที่ไม่ทราบสาเหตุเลยสักนิดว่าคำสบถพร้อมกับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของนายพลผู้กุมอำนาจสูงสุดมันเกิดจากอะไร
พวกนั้นเดินทางไปนานแค่ไหน ฉันสั่งให้พาไปแค่คนเดียวไม่ใช่หรือ...ถ้าเราให้มองเทร์ขึ้นฮอฯ ตามไปคุณว่าจะทันช่วยพวกเขาไหม นายพลอาเชถามน้ำเสียงอ่อนลงก่อนตำหนิด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ พอบุตรชายจะอ้าปากอธิบายใบหน้าเคร่งเครียดกลับหันไปถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะเบนสายตาไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้ม
เตโชมองตามสายตาของบิดาไปยังกลุ่มคนแปลกหน้า ก่อนจะหยุดอยู่ที่ทหารร่างใหญ่เพราะสะดุดหูกับชื่อที่ได้ยิน
มีอะไรหรือฮะพ่อ เขาถามน้ำเสียงงุนงง แต่สายตายังไม่ละจากคนที่จับจ้องอยู่
สายของเรารายงานว่าลอซูจะเข้าถล่มฐานทัพหลังชยินออกเดินทาง คำตอบของบิดาทำเอาคนที่มึนงงมาพักใหญ่ผ่อนลมหายใจแล้วเบนสายตากลับมาจ้องคนพูด
อ้อ...ผมทราบจากมองเทร์แล้วฮะ เมื่อคืนพวกเราจึงวางกำลังตามจุดเสี่ยง แต่ดูเหมือนข่าวนั่นจะไม่ใช่เรื่องจริง เพราะรอจนกระทั่งเช้าก็ยังไม่เห็นมีความผิดปกติอะไร คุณพ่อสบายใจได้
อย่าพึ่งวางใจ...
หมายความว่ายังไงฮะพ่อ แล้วเอ่อ...คนพวกนี้เป็นใคร เตโชถามพลางเหลือบสายตาไปทางกลุ่มคนแปลกหน้า
พวกเรากำลังถูกเกซาร์ปั่นหัว
ผู้พันเกซาร์เป็นทหารคนสนิทของพ่อไม่ใช่หรือ
ก็เพราะเป็นคนสนิทน่ะสิฉันถึงไม่เคยสงสัย
แล้วทำไมพ่อทราบล่ะว่าผู้พันกำลังคิดไม่ซื่อ
ช่วงสายของเมื่อวาน ฉันได้รับโทรศัพท์จากสายลับฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีการลอบวางระเบิดกองบัญชาการ ตอนแรกก็คิดว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลวง แต่ก็ไม่ได้วางเฉยจึงกำชับฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้ตรวจสอบคนเข้าออกอย่างเคร่งครัด จนพบรถยนต์ต้องสงสัยจอดอยู่ข้างห้องประชุม จากการตรวจค้นพบระเบิดเวลาไว้ที่สิบสามนาฬิกา หลังสอบสวนทหารยามแจ้งว่าเกซาร์เป็นคนนำมาจอดก่อนจะนั่งรถอีกคันกลับไป...นับว่าโชคเรายังดีที่พบระเบิดก่อน และที่น่าตกใจก็คือระเบิดนั่นสามารถถล่มตึกได้ทั้งหลัง
อะไรนะฮะ!...
ฉันไม่อยากเชื่อว่าคนที่ไว้ใจมันจะคิดคดจนกล้าทรยศหักหลัง...ตลอดเวลาฉันได้ให้ความสุขสบายและอำนาจมันพอควร แต่เกซาร์กลับละโมบอยากได้ทั้งหมดจนคิดการใหญ่ถึงขนาดจะระเบิดกองบัญชาการ... มันยอมแลกเลือดเนื้อของพวกพ้องเพียงเพราะต้องการมีอำนาจเหนือผู้อื่น
ดวงตาสีหม่นทอประกายอ่อนล้าเมื่อเอ่ยถึงนายทหารคนสนิท
คุณพระช่วย... อาเชจ้องสีหน้าตกใจของบุตรชายแล้วพูดต่อ
ตอนแรกก็ไม่อยากเชื่อว่ามันจะคิดฆ่าพี่น้องรวมถึงฉัน แต่หลังส่งมันไปรีดความจริงข้อมูลที่ได้เพิ่มมาก็ยิ่งน่าตกใจเพราะนอกจากลอซูคิดวางระเบิดกองบัญชาการแล้วมันยังเตรียมถล่มค่ายของเราด้วย
เรื่องถล่มค่ายมองเทร์บอกผมแล้ว...แต่ชยินไม่เชื่อ
แกกำลังหมายถึงเจ้าทหารไทยคนนั้นรึ และคำตอบของบิดาก็ทำให้ใบหน้าของเตโชยุ่งเหยิงหนักเข้าไปอีก
พ่อกำลังพูดถึงอะไร...ผมไม่เข้าใจ
นายพลอาเชหันไปทางชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่อีกด้านแล้วบอกเสียงเรียบ
นั่นมองเทร์
เตโชทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกเมื่อหันไปทางเจ้าของชื่อ ก่อนวกกลับมาจ้องบิดาตาเขม็งขณะกำลังอ้าปากถามหาความกระจ่างเสียงไม่คุ้นหูก็ดังขัดขึ้น
ผมว่าท่านนายพลน่าจะรีบจัดการออกคำสั่งแล้วออกตามหาผู้กองก่อนที่ทุกอย่างจะสาย ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ค่อยอธิบายกันทีหลัง คำพูดนั้นเป็นของชายร่างสูงใหญ่ที่ชื่อว่ามองเทร์
ชยินออกเดินทางไปนานแค่ไหนแล้ว นายพลวัยกลางคนพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับหันไปถามบุตรชาย เตโชนิ่งคิดชั่วครู่แล้วตอบออกไป
ประมาณหนึ่งวันกับอีกสามชั่วโมง
จากการคำนวณระยะทางผมว่าถ้าเราใช้ฮอฯ บินไปตามเส้นทางน่าจะทันช่วยพวกเขา ท่านนายพลคิดเห็นเป็นประการใด มองเทร์เอ่ยขึ้นพร้อมกับขอความคิดเห็น
แถบนั้นเป็นป่าทึบฮอฯ คงลงจอดไม่ได้
แต่มันไม่มีทางเลือกอื่น เอาแบบนี้ก็แล้วกันท่านนายพลเท่าที่ดูจากแผนที่น่าจะมีจุดพอให้ฮอฯ บินลงได้ ผมจะให้มองเทร์และลูกทีมโรยตัวลงจากฮอฯ เพื่อทำลานจอดชั่วคราว ก่อนกระจายกำลังดักเส้นทางก่อนที่คนของท่านจะเข้าเขตอันตราย เพราะถ้าเดินเท้าผมว่าพวกเขาคงถูกเล่นงานก่อนถึงจุดหมาย ชายวัยกลางคนในชุดพรางทหารเอ่ยขึ้นบ้าง
อืม...เป็นความคิดที่ดี ยังไงคงต้องให้คนของผมร่วมทีมไปด้วย
เตโชมองหน้าบิดาสลับกับกลุ่มคนแปลกหน้าไปมา แม้ไม่เข้าใจว่าทั้งหมดกำลังคิดจะทำอะไร แต่เขาก็เลือกที่จะรอฟังคำอธิบายมากกว่าถามไถ่ หลังจากเฝ้ารอด้วยความอดทนในที่สุดระหว่างเตรียมตัวทุกความคลางแคลงใจก็ถูกเปิดเผยออกมา แม้เขาจะทราบเพียงคร่าวๆ แต่มันก็มากพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เมื่อได้ข้อสรุปนายพลอาเชจึงออกคำสั่งให้ทหารฝีมือดีสองนายพร้อมด้วยเตโชที่ยืนยันขอออกเดินทางไปกับทีมของมองเทร์ ทั้งหมดใช้เวลาราวสิบห้านาทีในการอ่านแผนที่และทบทวนรายละเอียดที่สำคัญ
พอได้เวลาทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปยังเฮลิคอปเตอร์ ก่อนเข้านั่งประจำที่เตโชโค้งศีรษะให้กับบิดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แล้วกระชับอาวุธไว้แน่นเมื่อแมลงปอยักษ์ทะยานขึ้นสู่ผืนฟ้ากว้าง
นายพลอาเชใช้มือบังฝุ่นผงและสายลมที่โหมแรง เงยหน้ามองตามเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังเคลื่อนตัวห่างออกไป
หวังว่าพวกเขาจะไปทัน นายพลวัยกลางคนพึมพำกับตัวเอง
มองเทร์เป็นทหารมีฝีมือ...ท่านนายพลสบายใจได้...ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือกระจายกำลังไปตามจุดต่างๆ เพื่อป้องกันการรุกรานของลอซู ส่วนกองหนุนรัฐบาลได้เซ็นอนุมัติตามคำร้องขอไม่ช้าคงมาถึง ชายในชุดพรางทหารวางมือลงบนหัวไหล่ของอีกฝ่ายแล้วตบเบาๆ
ดวงตาสีหม่นเบนกลับมายังคนพูดแล้วพยักหน้าน้อยๆ ก่อนบอกให้ทหารที่ยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบไปประจำจุดรับผิดชอบของตนแล้วจึงเดินนำไปยังกระท่อมหลังใหญ่ เมื่อผู้นำสูงสุดของค่ายขยับ เหล่าทหารจึงกระจายกำลังไปยังจุดประจำของตน
นายพลอาเชและนายทหารระดับสูงซึ่งมาจากกองทัพฝ่ายรัฐบาลใช้เวลานับสองชั่วโมงในการปรับยุทธศาสตร์การศึกด้วยความเคร่งเครียด จวบจนทุกฝ่ายเห็นชอบและเข้าใจหน้าที่ของตนทุกอย่างจึงยุติลงในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา
หลังกองกำลังของฝ่ายรัฐบาลเข้าประจำจุดที่ได้รับมอบหมาย นายพลสูงวัยจึงเดินไปยืนข้างหน้าต่างพลางกวาดตามองไปรอบๆ แล้วหยุดนิ่งอยู่ตรงบ้านเรือนของชาวบ้านที่ปลูกสร้างอยู่รอบค่าย
เฮ้อ!...
เสียงลมหายใจหนักหน่วงที่พ่นออกมาคล้ายกับเจ้าของกำลังโล่งใจ ราวกับได้ยกภูเขาทั้งลูกออกจากอก อาเชมองผู้คนที่ดำเนินชีวิตประจำวันของตนอย่างสงบด้วยความรู้สึกที่แช่มชื่นกว่าทุกครา เขาคิดถูกแล้วที่ยอมถอยจากอำนาจนายพลวัยดึกยิ้มกับตัวเอง ก่อนหลุบเปลือกตาลงแล้วนึกย้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับหนังสือเพียงฉบับเดียว
หลังทราบว่ากองบัญชาการถูกเล็งเป็นเป้า เขาและนายทหารระดับสูงต่างเคร่งเครียดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ครานั้นแม้ทุกอย่างจะสามารถควบคุมได้ แต่ข่าวใหม่ที่ได้รับก็ทำให้ทุกฝ่ายเกิดความกังวลจนต้องระดมความคิดเพื่อปรับยุทธศาสตร์
ขณะสถานการณ์กำลังตึงเครียดและวุ่นวาย อยู่ๆ ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับซองเอกสารที่ปิดผนึกอย่างดีและมีข้อความเขียนว่า ลับ ด้วยหมึกสีแดง
แม้ข่าวเรื่องกองบัญชาการถูกลอบวางระเบิดจะมาจากสายลับฝ่ายรัฐบาล แต่การปรากฏตัวของอีกฝ่ายก็ทำให้สายตาหลายคู่มองด้วยความเคลือบแคลงสงสัย พอเปิดเอกสารและเห็นข้อความว่าลอซูเตรียมถล่มค่ายซึ่งเป็นข่าวเดียวกับที่รีดได้จากเกซาร์ และข้อความถัดมาที่ชี้ชัดว่ายังมีทีมสังหารรอซุ่มโจมตี รวมถึงเปิดเผยแผนการทั้งหมดของลอซู จึงทำให้ทุกความคลางแคลงเปลี่ยนไป
หากวันนี้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยไม่พบระเบิด เขาคงมองข้อความนั่นด้วยความขบขัน และไล่ตะเพิดทหารนายนั้นกลับไปโดยไม่ใส่ใจกับไมตรีที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้
แต่เวลานี้ทุกอย่างรอบกายกำลังบอกชัดว่าทุกข้อความนั่นเป็นเรื่องจริง จึงทำให้หลายคนเริ่มมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป เมื่อต้องยืนอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาจึงเรียกประชุมและใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีในการไตร่ตรอง
เนื่องจากสิ่งที่อีกฝ่ายนำมาเชื่อมความสัมพันธ์มีความเป็นความตายของบุตรชายและผู้บริสุทธิ์อีกหลายร้อยชีวิตเป็นสิ่งเดิมพัน เมื่อเห็นว่าไม่มีเวลาอิดออดอีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจยื่นมือออกไปกระชับไมตรีกับฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับยอมรับทุกเงื่อนไขที่อีกฝ่ายเสนอมา
นายพลเอชาพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงข้อความรวมถึงเงื่อนไขของฝ่ายรัฐบาล เวลานี้เขาพอทราบว่าสถานการณ์ตึงเครียดภายในประเทศกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น นั่นเพราะรัฐบาลเริ่มเปิดกว้างรวมถึงการแสดงท่าทีที่เป็นมิตรต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างเปิดเผย
บางทีถ้าเขายอมวางมือจากสงครามระหว่างชาติพันธุ์แล้วเดินไปตามวิถีแห่งประชาธิปไตยเฉกเช่นประเทศอื่นๆ ยอมละทิ้งอำนาจที่ไม่รู้ว่ามันจะคงอยู่ได้อีกนานแค่ไหนรวมถึงการต่อสู้ที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้ แล้วส่งบุตรชายทั้งสองไปยังต่างประเทศตามข้อตกลงอาจทำให้พวกเขามีอิสระในการดำเนินชีวิต
แต่ที่สำคัญกว่านั้นหากวันนี้เขายอมวางความเห็นแก่ตัวรวมถึงความอยากได้อยากมี เขาเชื่อว่าผู้ใต้บังคับบัญชาและชาวบ้านอีกมากมายจะมีชีวิตรวมถึงที่อยู่อาศัยเป็นของตนอย่างแท้จริง
รอยยิ้มยินดีผุดออกจากมุมปากของอาเช เมื่อเขามองว่าการตัดสินใจครั้งสำคัญกำลังทำให้หลายๆ อย่างแปรเปลี่ยนไปในทางที่ดี หากเขายังเห็นแก่ตัวมัวเมากับอำนาจที่ไม่จีรัง พวกพ้องพี่น้องรวมถึงพลเรือนอีกหลายร้อยคนคงจะมีวิถีชีวิตที่ไร้อนาคต เพราะถ้าการสู้รบยังไม่ยุติพวกเขาเหล่านั้นก็จะต้องเร่ร่อนอพยพย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ และมีชีวิตแขวนอยู่บนความไม่แน่นอนไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน
ฉันหวังว่าทุกอย่างจะยังไม่สาย...ขอให้ปลอดภัยกลับมานะชยิน
ดวงตาที่ทอดมองไปเบื้องหน้าทอประกายอ่อนลง ก่อนหมุนตัวเดินไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้แล้วขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงผลประโยชน์ที่จะหายไป แต่พอตัดความอยากได้ใคร่มีออกคนที่เคยมองเห็นแต่ความต้องการของตัวเองก็มองเห็นความต้องการของคนอื่น
เขารู้อยู่แก่ใจว่าการที่รัฐบาลยื่นมือเข้ามาขอรอมชอม อีกทั้งยอมช่วยชีวิตของบุตรชายรวมถึงชาวบ้านนั้น มันจะต้องมีอะไรมากกว่าแค่การกระชับไมตรี และก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เพราะสิ่งที่คนพวกนั้นต้องการก็คือขอมีส่วนร่วมในการบริหารเหมืองแร่ทองคำและแบ่งฐานอำนาจของเขา
แม้ว่าการแบ่งผลประโยชน์จากเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงถ่ายเทอำนาจให้กับคนพวกนั้นแล้วหันหลังให้กับความวุ่นวายจะทำให้เขาเหมือนเสียเปรียบ แต่หากมองให้ลึกซึ้งสิ่งที่ได้รับกลับคุ้มค่ามากกว่านั้นเพราะมันคือการสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นแก่คนในปกครอง ซึ่งย่อมดีกว่าสร้างความขัดแย้งที่ไม่จบสิ้น
น่าขำในขณะที่เขายอมรับกับความผันแปรของอำนาจที่ไม่จีรัง และปล่อยมันไปเพียงเพราะต้องการให้ตนเองและคนรอบข้างพบกับความสุขที่แท้จริง แต่ในทางกลับกันยังมีคนอีกไม่น้อยที่พยายามไขว่คว้ามันไว้และกำอำนาจที่ไร้ตัวตนนั่นสุดกำลังโดยไม่คิดหันมองรอบตัว ว่าจะต้องมีคนอีกเท่าไรได้รับผลกระทบกับความเห็นแก่ตัวนั่น
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
12 comments |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2555 9:25:03 น. |
Counter : 7819 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: sansook 8 กุมภาพันธ์ 2555 9:26:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: jee IP: 10.249.112.88, 182.255.13.41 8 กุมภาพันธ์ 2555 11:26:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: owajung (owajung ) 23 พฤศจิกายน 2555 0:50:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลดความอ้วน (DJT ) 5 มกราคม 2556 15:40:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|