sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ 27 เข้าทาง




“คุณนามีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”

จีรัณบีบกระชับมือนุ่มนิ่มในอุ้งมืออย่างห่วงใย

“พิณกำลังมีปัญหา”

หญิงสาวเอ่ยลอยๆ ขึ้นเพื่อรอฟังว่าอีกคนจะตอบกลับด้วยคำพูดแบบไหน
“คุณพิณมีปัญหาอะไร? รัชญ์มันทำอะไรคุณพิณหรือเปล่า”

จีรัณถามน้ำเสียงร้อนรนเพราะกังวลเกรงว่าจีรัชญ์จะกลับไปเสียสติเหมือนครั้งก่อน

“เปล่าค่ะคุณจีรัชญ์ไม่ได้เป็นอะไร”

พอได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของจีรัณวีณากลับเข้าใจว่าชายหนุ่มกำลังตื่นตระหนกกับความผิดปกติของจีรัชญ์แล้วกลัวว่าน้องชายอาจจะคิดทำร้ายเพื่อนของเธอ ใบหน้างดงามจ้องวงหน้าคมคายประกายตาสับสน เธอจะเริ่มคำถามกับจีรัณยังไงดี

“คุณนาเป็นอะไรไปทำไมมองผมเหมือนไม่ไว้ใจแบบนั้นล่ะครับ”

จีรัณที่เริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติของหญิงสาวเอ่ยถามขึ้น

“นาอยากคุยกับคุณและเรื่องที่นาจะคุยค่อนข้างจริงจังด้วย”

นางแบบสาวตัดสินใจโพล่งความต้องการของตนออกไป

“คุณมีอะไรหรือเปล่าคุณนาบอกตรงๆ ผมเห็นสีหน้าคุณแล้วผมรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ”

จีรัณรู้สึกใจเสียพิลึกเมื่อเห็นแววตาของหญิงสาวดูเฉยชาระคนหวาดหวั่นจนเขารับรู้ได้

“มีค่ะเป็นเรื่องของคุณกับคุณจีรัชญ์”

“ผมกับรัชญ์งั้นเหรอ?”

จีรัณทวนคำน้ำเสียงงุนงง

“คุณมีเรื่องอะไรที่ยังปิดบังนาหรือเปล่า”

“อย่างเช่นเรื่องอะไรล่ะครับ”

“เช่นเรื่องคุณรัชญ์กับภรรยา”

วีณาตัดสินใจเปิดประเด็นให้ชัดเจน

“คุณไปรู้เรื่องอะไรมาเหรอคุณนา”

จีรัณถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อีกคนจับอารมณ์ได้ว่าคู่สนทนาแสดงความกังวลกับเรื่องที่เธอกำลังสงสัยออกมาชัดเจนจนรับรู้ได้

“ผมไม่รู้ว่าคุณไปรู้เรื่องอะไรมาถ้าคุณอยากรู้ว่ามันคืออะไรผมก็ยินดีที่จะเล่าให้ฟัง แต่ถ้าเรื่องที่คุณอยากรู้เป็นเรื่องอดีตของรัชญ์ผมว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่หากจะเอาเรื่องแบบนี้ไปคุยกันในที่ที่มีคนพลุกพล่าน”

“ทำไมถึงคุยในที่ที่คนเยอะๆ ไม่ได้ล่ะคะ”

วีณาที่ระแวงเต็มอัตรารีบถามขึ้น

“มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนหากพูดออกไปรัชญ์อาจจะเสียหาย”

“จะเสียหายได้ยังไงในเมื่อคนที่ได้ยินอาจจะไม่รู้จักคุณรัชญ์ อีกอย่างคนรอบๆ ตัวเราเขาก็ไม่ได้รู้จักเราด้วยซ้ำ”

“ผมอยากให้เรื่องนี้รู้แค่คนในครอบครัว”

จีรัณพ่นลมหายใจออกมาเมื่อรู้สึกอัดอัดกับการที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่อยู่ในใจ

“แต่นาเป็นคนนอกนี่คะหากเรื่องของคุณรัชญ์ให้รู้จำกัดเฉพาะบุคคลในครอบครัวนาก็คงไม่มีสิทธิรับฟัง”

หญิงสาวบอกออกไปตามมารยาทไม่ได้เหน็บแนมหรือประชดแต่อย่างใด
“ใครบอกว่าคุณเป็นคนนอกล่ะครับ”

จีรัณยิ้มในตาชายหนุ่มละสายตาจากถนนหรี่ตาจ้องคนข้างๆ เพื่อบอกเป็นนัยว่าๆ วันหน้าอย่างไรเสียเธอก็จะไม่ใช่คนอื่นสำหรับเขาและครอบครัว

“ตกลงคุณเอาจริงเหรอคะ”

พอเห็นสีหน้าของจีรัณคนที่ถูกหมายมั่นก็ถึงกับหวั่นๆ กับความจริงจังบนดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่สวย

“อ้าว...ตกลงที่ผ่านมาคุณคิดว่าผมเล่นๆ งั้นหรือคุณนา”

“ก็ประมาณนั้นแหละค่ะเห็นพูดพล่ามซะเกร่อนาก็คิดว่าคุณถูไถไปตามความกะล่อนน่ะซีคะ”

“โธ่! คุณเห็นความรักอันจริงจังของผมเป็นความกะล่อนเลยเหรอครับเนี่ย”
จีรัณหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อหญิงสาวข้างกายเห็นเขาเป็นคนเหลาะแหละไม่น่าเชื่อถือไปเสียแล้ว

“คนจริงจังเขาไม่พูดเพ้อเจ้อหรอกค่ะ”

“คุณนาคุณอยากรู้เรื่องครอบครัวของผมจริงๆ เหรอ”

จีรัณถามกลับน้ำเสียงคล้ายกำลังชั่งใจ

“ค่ะ”

“แล้วคุณพร้อมที่จะยอมรับทุกข้อเสนอของผมไหมหากจะต้องแลกกับสิ่งที่คุณอยากรู้”

“ข้อเสนออะไรแล้วทำไมฉันต้องยอมรับด้วย”

“ข้อเสนอระหว่างเรามีแค่ข้อเดียวคือถ้าคุณอยากรู้คุณจะต้องยอมรับความรักของผมก็เท่านั้น”

ชายหนุ่มบอกเงื่อนไขออกไป พอได้ยินเงื่อนไขนางแบบสาวถึงกับอมยิ้มก็แค่ความรักมันจะไปหนักหนาอะไร เมื่อเห็นว่าเงื่อนไขที่ชายหนุ่มยื่นมาให้ไม่ได้หนักหนาจนยากทำใจหญิงสาวจึงหันไปบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงร่าเริงขึ้น

“ถ้าเงื่อนไขมีแค่นั้นทำไมนาจะรับไม่ได้ล่ะคะ”

จีรัณผุดรอยยิ้มออกมาก่อนจะหักพวงมาลัยขับรถมุ่งขึ้นทางด่วนแล้วขับไปเรื่อยๆ เกือบสามสิบนาทีคนที่นั่งนิ่งเงียบมาพักใหญ่ก็เริ่มเอะใจเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังขับรถตรงไปบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

“อ้าวแล้วคุณจะไปไหนคะ”

วีณาหันไปถามน้ำเสียงตื่นๆ

“คุณอยากคุยกับผมไม่ใช่เหรอ”

สารถีหนุ่มยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงปลายทางที่กำลังมุ่งหน้าไป

“ก็ใช่แต่ไม่ใช่ในที่ๆ นาไม่รู้จักคุณจีรัณพานากลับบ้านเดี๋ยวนี้”

นางแบบสาวที่มีความกังวลเป็นทุนเดิมถึงกับใจเสียเมื่อเห็นว่าเส้นทางที่จีรัณกำลังขับพาเธอมุ่งหน้าไปดูเหมือนกำลังจะออกนอกชานเมือง

“อย่าทำหน้าเหมือนผมจะพาคุณไปทำมิดีมิร้ายซีครับ”

จีรัณทั้งขำทั้งเอ็นดูเมื่อเห็นสีหน้าเผือดซีดปนตื่นๆ ของหญิงสาวข้างกาย

“ไม่รู้ล่ะนาไม่ไว้ใจคุณพานากลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”

“ในกระเป๋าคุณมีอาวุธหรือเปล่า”

จีรัณเลิกคิ้วหันไปถามเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังขยับตัวแล้วยึดกระเป๋าในมือในท่าเตรียมพร้อมก่อนจะเบนสายตากลับไปจ้องท้องถนนทำเป็นไม่สนใจกับอาการตื่นกลัวของเธอนัก

“มีปืน”

วีณาตอบกลับน้ำเสียงห้วนๆ จนคนได้ยินหัวเราะออกมาเบาๆ

“ปืนเลยเหรอ โหย...แบบนี้ตัวผมก็พรุนแย่น่ะซีครับ”

เจ้าหนุ่มหน้าหล่อยังมีแก่ใจเย้าแหย่

“ไม่รู้ล่ะถ้าคุณไม่พานากลับเราจะได้เห็นดีกัน”

“อย่าทำเสียงดุซีครับเห็นผมเป็นแบบนี้ผมก็กลัวคุณเป็นนะ”

จีรัณหัวเราะเริงร่าออกมาเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของนางแบบสาวเริ่มง้ำงอ ชายหนุ่มเร่งสปีดความเร็วของเครื่องยนต์อีกเล็กน้อยเหมือนรีบไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง

“คุณจีรัณ! คุณขับช้าๆ หน่อยได้มั้ยที่นี่กรุงเทพฯ ถนนไม่ได้โล่งเหมือนต่างจังหวัดมันอันตรายไม่รู้หรือไง”

วีณาแหวเสียงปรามน้ำเสียงทั้งกลัวทั้งตำหนิ

“ถนนสายนี้อยู่นอกเมืองรถไม่พลุกพล่านหรอกครับอีกอย่างผมก็ขับแค่ร้อยยี่สิบเองความเร็วระดับนี้แถวนี้เขาเรียกชิวๆ ครับ”

“ร้อยยี่สิบ! คุณพระคุณเจ้าคุณจีรัณลดความเร็วลงเดี๋ยวนี้”

หญิงสาวถึงกับแหกปากเสียงลั่นรถเมื่อรับรู้ระดับความเร็วที่เธอไม่เคยไต่ระดับขึ้นไปถึง ขนาดเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเธอก็ว่าเร็วปานสายฟ้าแลบ แต่นี่ตั้งร้อยยี่สิบผู้ชายจิตไม่กระจ่างกลับบอกว่าชิวๆ งั้นเหรอ....

“อีกไม่เกินสามกิโลก็ถึงจุดหมายแล้วใจเย็นๆ ซีครับรับรองคุณปลอดภัยหายห่วง”

จีรัณบอกยิ้มๆ พร้อมกับหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปในถนนส่วนบุคคลก่อนจะลดระดับความเร็วลงอีกเล็กน้อย

“ปลอดภัยอะไรคุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้ขับรถราวกับจะเหาะแบบนี้”

ชายหนุ่มไม่ได้สะทกสะท้านกับเสียงเขียวๆ ของคนข้างๆ ซักเท่าไหร่ตรงกันข้ามใบหน้าคมคายกลับฉายแววทะเล้นจนคนที่กำลังนั่งหน้าเสียเริ่มกระสับกระส่าย

วีณาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มตาเขม็งเมื่อเห็นว่ารถยุโรปคันหรูกำลังตีวงเลี้ยงเข้าไปในเขตบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่ปลูกอยู่ห่างจากหลังอื่นๆ อยู่ลึกจนเกือบสุดซอย

“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”

“กลับบ้านไงเชิญครับ”

จีรัณดับเครื่องยนต์โค้งศีรษะเชื้อเชิญด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มละมุนละไม

“บ้านใคร?”

นางแบบสาวถามเสียงขุ่นเคือง

“บ้านหลังนี้น่ะเหรอ?”

จีรัณที่อ้อมมาเปิดประตูรถให้กับหญิงสาวหันหลังพิงกับตัวรถไขว้ขากอดอกจ้องตัวตึกหลังใหญ่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วอมยิ้มบางๆ เหมือนกำลังยั่วโมโหอีกคนให้เดือดเล่น

“คุณอย่ามายียวนคุณจีรัณบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”

วีณาที่เริ่มเดือดปุดๆ ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางเอาเรื่องจนคนที่กำลังยั่วอารมณ์เกิดใจแป้วขึ้นมาตงิดๆ ถึงแม้จะเริ่มหวั่นๆ กับไอโกรธของหญิงสาวแต่จีรัณก็อดกลั้นยิ้มให้กับโอกาสงามๆ ของตัวเองไม่ได้ นั่นเพราะเวลาจากอาทิตย์สู่อาทิตย์เขาแทบไม่มีเวลาได้อยู่กับวีณาตามลำพังในสถานที่ๆ เป็นส่วนตัว

“คุณยิ้มอะไรคุณจีรัณ”

จีรัณถึงกับสะดุ้งแล้วหลุดออกจากภวังค์ในบันดลเมื่อเสียงเขียวๆ ของหญิงสาวข้างกายแว๊ดขึ้น

“เราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า”

ชายหนุ่มแตะข้อศอกเชิญชวน

“ไม่ไปไหนทั้งนั้นฉันจะกลับ”

นางแบบสาวบอกพร้อมกับหมุนร่างทำท่าจะกลับขึ้นรถ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันก้าวขาเสียงกระหืดกระหอบของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“คุณท่านจะมาทำไมไม่บอกป้าล่ะคะ”

หญิงกลางคนที่วิ่งห้อมาแต่ไกลยืนหอบแฮ่กๆ ถามไถ่น้ำเสียงตื่นๆ อยู่ห่างออกไปนับสองวาหยุดอาการฮึดฮัดของวีณาไปชั่วขณะ หญิงสาวหันกลับไปมองคนที่เพิ่งเข้ามาแววตาสงสัยว่าหญิงกลางคนที่กำลังยืนหอบๆ ท่าทางนอบน้อมเป็นใคร

“ก็ผมไม่ได้ตั้งใจมานี่ครับป้าสาย”

จีรัณบอกยิ้มๆ

“ตั้งใจไม่ตั้งใจก็น่าจะบอกป้าก่อน...เอ่อ...คุณท่านจะค้างหรือเปล่าคะ”
หญิงกลางคนถามไถ่เจ้านายแต่สายตากลับสอดส่ายไปทางหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนทำหน้างงๆ อยู่ข้างๆ ร่างสูงใหญ่คล้ายรับรู้กรายๆ ว่าเจตนาของผู้เป็นนายคืออะไร

“อย่ามองผมแบบนั้นซีครับป้าสายคนนี้ไม่เหมือนใคร”

จีรัณอมยิ้มเมื่อเห็นประกายตารู้ทันของแม่บ้านเก่าแก่

“เอ่อ...ป้าก็แค่จะได้เตรียมห้องพักรับรองให้น่ะค่ะ”

แม่บ้านกลางคนรีบออกตัว

“ไม่ต้องหรอกป้านี่คุณวีณาคุณผู้หญิงของผมวันนี้ผมแค่แวะมาเฉยๆ อาจจะไม่ได้ค้าง”

จีรัณอ้างฐานะของหญิงสาวหน้าตาเฉยโดยไม่ปรึกษาเจ้าตัวซักนิดว่ายินดีรับตำแหน่งที่เขายัดเยียดหรือไม่พร้อมเน้นคำว่าอาจจะช้าๆ ชัดๆ และหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวข้างกายประกายตามีความหมายจนคนที่ยืนหวั่นๆ ชักหวาดๆ

“ค่ะ..”

แม่บ้านกลางคนยิ้มกว้างออกมาเหมือนกำลังยินดีปรีดาเป็นนักหนาเมื่อรับรู้ฐานะของผู้หญิงเบื้องหน้า

“เอ่อป้าสายช่วยเตรียมอาหารให้ผมซักสองสามอย่างขึ้นโต๊ะหน่อยซีเสร็จก็ไปพักผ่อนไม่ต้องขึ้นมาดูแลผมก็ได้”

“ค่ะคุณท่าน”

พอรับคำสั่งหญิงกลางคนก็รีบหมุนตัวเดินจ้ำอ้าวเข้าบ้านไปเพื่อเตรียมสำรับทันที

“ที่นี่เป็นบ้านของผมในบ้านมีคนอยู่สามสี่คนหวังว่าคุณคงสบายใจขึ้น”

จีรัณหันไปบอกหญิงสาวที่กำลังยืนหน้าเหวออยู่ข้างๆ น้ำเสียงสดใสจนคนฟังเริ่มใจชื้นขึ้นมาเมื่อเห็นมีคนอื่นอยู่ในบ้าน

“ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันบ้างคุณมีความสุขมากนักหรือไงคุณจีรัณที่เห็นความกลัวของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกแบบนี้”

วีณาบอกน้ำเสียงตำหนิ ถึงจะรู้สึกเบาใจเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ตามลำพังอย่างที่กลัวแต่ลึกๆ เธอก็อดหวั่นไม่ได้กับอันตรายที่อาจจะคืบคลานเข้ามา

“ผมบอกคุณแล้วไงว่าจะคุยกับคุณในที่ๆ เป็นส่วนตัวเอาเถอะไหนๆ เราก็มาถึงแล้วเข้าบ้านกันเถอะครับ”

ชายหนุ่มถือวิสาสะคว้าหมับไปที่ข้อมือเรียวเล็กแล้วจูงพาเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจซักนิดว่าคนที่กำลังตกกระไดพลอยโจนจะเต็มใจหรือไม่

“ฉันเดินเองได้ไม่ต้องมาจูง”

วีณาบอกน้ำเสียงสะบัดๆ แล้วพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือแล้วขืนตัวไม่ยอมคล้อยตามร่างสูงใหญ่ง่ายดาย

“คุณไม่อยากรู้เรื่องที่คุณสงสัยหรือไงคุณนา”

พอเห็นท่าทางดื้อดึงของหญิงสาวจีรัณที่กลัวเหตุการณ์จะบานปลายรีบเอาความข้องใจที่กำลังสุมแน่นอยู่ในอกของหญิงสาวขึ้นมาต่อรอง

และก็ได้ผลเมื่อร่างเพรียวระหงที่กำลังแข็งขืนหยุดกึกลงแทบจะทันที วีณาเงยหน้าจ้องคนที่กำลังจ้องเธอด้วยแววตาที่แปลกออกไป พอเห็นประกายตาสีฟ้าน้ำทะเลกำลังหม่นลงหญิงสาวก็ถึงกับนิ่งอึ้งตกลงจีรัณกำลังกำเรื่องราวอะไรไว้ในมือกันทำไมความทุกข์ระคนหวาดเกรงมันถึงได้มากมายจนเธอรับรู้ได้

“คุณจีรัณฉันขอถามหน่อยซีว่าฉันควรรู้ไหมกับความทุกข์ที่สุมอยู่ในใจคุณ”

เมื่อความทุกข์ที่ฉายออกมาจากดวงตาสีสวยกำลังบีบรัดความรู้สึกของเธอให้แน่นหนักจนเกิดความเห็นใจหญิงสาวจึงตัดสินใจหยุดความขุ่นเคืองแล้วหยิบยื่นความห่วงใยออกไป

“คุณมีสิทธิรู้ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับผมและคนในครอบครัว เราไปคุยกันที่ห้องรับรองแขกดีกว่าคุณไว้ใจผมไหม”

จีรัณจ้องดวงหน้านวลเนียนแววตาหวานฉ่ำจนคนถูกมองเริ่มวูบๆ วาบๆ ไปกับแรงเร้าบางอย่างที่กำลังพุ่งทยานเข้ามาที่ร่างกายเธอ

“ก็ได้ค่ะถ้าคุณคิดว่ามันเหมาะสม”

หญิงสาวยอมเดินตามร่างสูงใหญ่เข้าบ้านไปอย่างว่าง่าย เมื่อคิดว่าบางทีข้อมูลที่จีรัณเก็บงำอาจจะช่วยเหลือรพิชาได้บ้าง จีรัณเดินตรงไปยังห้องรับรองที่อยู่ถัดจากห้องโถงไปทางด้านขวา ไม่ถึงสิบก้าวชายหนุ่มก็มาหยุดกึกอยู่ที่หน้าบานประตูไม้แกะสลักบานใหญ่ มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูแล้วเบี่ยงตัวเพื่อให้หญิงสาวผ่านเข้าไปด้านใน

วีณารู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อยเมื่อได้ยินเสียงประตูที่ปิดงับลง หญิงสาวเม้มปากแน่นแล้วบอกตัวเองให้ตั้งสติไว้ให้มั่นเพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์.....





 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2553
1 comments
Last Update : 6 พฤษภาคม 2553 10:22:09 น.
Counter : 435 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 6 พฤษภาคม 2553 10:42:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.