น่าอ่าน..."ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน"
ผู้คนมากมายในโลกนี้ เลือกประกอบอาชีพแตกต่างกันออกไป บางคนเลือกเพราะเงินเป็นแรงจูงใจ บางคนเลือกเพราะอยากได้ชื่อเสียงเกียรติยศ ในขณะที่บางคนเลือกเพราะความพอใจ จะมีการเลือกใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า การเลือกที่จะรักชีวิตทุกชีวิต จะมีความนึกคิดใดที่งดงามไปกว่าความฝัน จะมีการกระทำใดที่น่ายกย่องไปกว่าการให้และการแบ่งปัน จะมีก็แต่ผู้ที่เคยให้และเคยแบ่งปันเท่านั้น ที่มีโอกาสลิ้มรสความสุขอันประณีตอย่างแท้จริง คุณงามความดีทั้งมวลอันเนื่องมาจากการแปลหนังสือเล่มนี้ ขออุทิศเป็นกตเวทิตาแด่ ผู้ประกอบอาชีพที่มีคุณูปการแก่แผ่นดิน อันได้แก่ นักบวช.................ผู้นำทางจิตวิญญาณ ชาวไร่ชาวนา........ผู้ผลิตอาหารให้แก่โลก หมอ......................ผู้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และครู..................ผู้อบรมสั่งสอนศิษย์ด้วยใจรักและกรุณา บันทึกผู้แปล จากหนังสือ ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน หากมีความศรัทธาในความใฝ่ฝันของผู้คน เห็นความมีชีวิตชีวาของสรรพสิ่งรอบตัว มีหนังสือที่อ่านแล้วอยากแนะนำให้อ่าน "ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน" เขียนโดย ลูเซีย บาเกดาโน่ เป็นภาษาสเปน แปลเป็นภาษาไทยโดย คุณรัศมี กฤษณมิษ ล่าสุดตีพิมพ์ครั้งที่แปด (ตุลาคม 2550) การบอกเล่าเรื่องราวของมูริเอล ครูสาวที่พึ่งจบการศึกษามาหมาดๆ เปี่ยมล้นด้วยพลังใจ มุ่งมั่นจะเป็นครูที่ดี เธอผิดหวังอย่างแรงเมื่อทราบว่า ถูกส่งไปเป็นครูที่หมู่บ้านเล็กๆในชนบทห่างไกล เธอเคยฝันถึงโรงเรียนที่ทันสมัย ปลูกสร้างอย่างดีในเมืองที่มีบรรยากาศรื่นเริง เธอสอบได้คะแนนยอดเยี่ยม เธอสามารถตอบคำถามที่ยากที่สุดในการสอบคัดเลือกได้ แต่ทว่า...กลับถูกส่งไปเป็นครู ณ หมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางขุนเขาอันไกลลิบ
ครั้งแรกที่มูริเอลได้เห็นโรงเรียน มันเป็นอาคารชั้นเดียวและดูทรุดโทรม ลักษณะคล้ายเล้าไก่พังๆ เธอไม่มีวันลืมความรู้สึกแรกที่ย่างเท้าเข้าไปในห้องเรียน พื้นไม้กระดานซึ่งเหยียบทีไรก็จะส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ตรงกลางห้องมีหนูสองตัวกำลังแทะอะไรบางอย่าง เธอไม่คิดแม้แต่จะถามว่าที่โรงเรียนมีหนูมากขนาดไหน เธอตัดสินใจในนาทีนั้นเองว่าจะอยู่เพียงเทอมเดียว เช้าวันแรกในหมู่บ้าน ครูมูริเอลถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงระฆังจากโบสถ์ เสียงใสดังกังวาน...เหง่งหง่าง....เหง่งหง่าง....ช้าๆ ...เป็นไปได้อย่างไรภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือหมู่บ้านเดียวกับที่เห็นเมื่อวาน ภูเขาทะมึนที่ดูราวจะข่มขู่เมื่อค่ำคืน กลับเปลี่ยนเป็นภูเขาสีเขียวปนน้ำเงินสวยงามยิ่งนัก บ้านสีเทาที่แลดูเศร้าสร้อยกลับดูสว่างไสว มีชีวิตชีวาด้วยกระถางไม้ดอกหลากสีสันบานสะพรั่ง สวนผักที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีมีผักต้นอวบอ้วนเต็มไปหมด ต้นแพร์และต้นแอปเปิ้ลออกลูกดกดื่นและไกลออกไปยังมีท้องนาท้องไร่ แต่แล้วมูริเอลก็ต้องผิดหวังเมื่อไปพบผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอรายชื่อเด็กที่อายุถึงเกณฑ์เรียนเพื่อจัดชั้นเรียนแต่กลับได้รับคำตอบว่า ไม่เคยมีครูคนไหนมาขอรายชื่อเด็กๆแบบนี้เลย ยิ่งกว่านั้นเขาไม่รู้ด้วยว่าจะต้องทำรายชื่ออย่างไร เทศบาลไม่มีงบให้ปรับปรุงโรงเรียน เธอรู้สึกโดดเดี่ยวกับการมาทำงานในหมู่บ้านนี้ ไม่มีใครอยากพูดหรือเข้ามาช่วยเธอที่โรงเรียน เธอจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภายในสองปีต้องเปลี่ยนครูไปแล้วถึงเจ็ดคน และมีครูคนเดียวเท่านั้นที่อยู่จนครบเทอม ...จะให้อะไรๆเป็นไปตามใจนึกทันทีทันใดน่ะคงเป็นไปไม่ได้ เธอต้องใจเย็นๆและรู้จักอดทน สิ่งที่วันนี้เธอคิดว่าเป็นวัชพืชอาจจะออกดอกงดงามในวันหน้าก็ได้ จิตวิญญาณของมนุษย์เรานั้นยิ่งใหญ่นัก แม้ว่ามันจะถูกครอบงำด้วยความหยาบกระด้างที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด พ่อรับรองได้เลยว่าไม่ใช่เจตนาร้ายของชาวบ้าน ทว่าเป็นความเคยชินของพวกเขาต่างหาก ....บาทหลวงโฆเซ่ (หน้า 31) ครูมูริเอลต้องสอนหนังสือในหมู่บ้านที่ผู้คนล้วนแต่ไม่รู้หนังสือ เด็กๆไม่เห็นความสำคัญของการเรียน คิดเพียงว่าโรงเรียนคือที่ที่จะต้องไปในขณะยังเล็ก เพื่อจะได้ไม่อยู่สร้างความรำคาญให้ที่บ้าน เมื่อโตขึ้นพวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่กับงานในไร่นาของครอบครัว การใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้ทำให้มูริเอลได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เธอมองผืนดินที่ปราศจากต้นไม้ ดอกไม้หรือแม้แต่วัชพืช ขณะที่เสียงของบาทหลวงลอยเข้ามาให้ได้ยิน ชาวบ้านได้เตรียมแผ่นดินไว้เพื่อการหว่านไถ ที่ที่ว่างเปล่าและแห้งแล้งนี้รอคอยมือที่อบอวลไปด้วยความรักมาสัมผัส และหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปในรอยไถ และหลังจากนั้นก็ให้รู้จักรอคอย เธอก็ต้องทำเช่นเดียวกัน เตรียมดิน ใส่ปุ๋ยและหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปในสมองน้อยๆของเด็กๆเหล่านั้น เธอต้องพยายามทำให้เด็กๆ อ่านหนังสือให้้ได้ การอ่านจะทำให้เราตื่นตัวและเป็นที่มาของการอยากแสวงหาความรู้และรักการเรียน ถ้าพรหมลิขิตกำหนดให้พวกเขาอยู่ที่นี่ อยู่ในท้องทุ่ง หนังสือจะเปรียบเสมือนการศึกษาต่อเนื่องจากโรงเรียน (หน้า 61) ครูมูริเอลไม่ยอมแพ้ แต่ค่อยๆเอาชนะอุปสรรค ความท้อแท้ สิ้นหวัง ด้วยวิธีการของเธอเอง จนสามารถค้นพบว่าภารกิจแท้จริงของเธอคืออะไร ทั้งยังได้เรียนรู้ว่าชาวบ้านที่ดูภายนอกออกจะแข็งกระด้าง แล้งน้ำใจ ไร้การศึกษานั้น ที่จริงแล้วกลับมีค่าควรแก่การนับถือ ความประทับใจเมื่ออ่าน ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน จบคือความอิ่มเอมกับพลังความใฝ่ฝันและความมุ่งมั่นของคนวัยหนุ่มสาว ที่บางคราวแม้จะท้อแต่ก็ไม่สิ้นหวังด้วยเชื่อว่าโลกนี้ดีงาม หากมีศรัทธาย่อมไปถึงเป้าหมายได้ ที่สำคัญเรื่องนี้ยังบอกเราว่าต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักและตัดสินผู้คน ความรักไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว หากเปิดใจกว้างแล้วจะได้รับรู้ความรักนั้น เป็นหนังสือที่ฝากไว้สำหรับผู้ที่ยังกรุ่นในไฟฝันและผู้ที่ต้องการเติมพลังความฝันให้ตนเอง ขมวดปมเล็กๆที่ได้จากการอ่าน การคิดบวกและการคิดลบ มูริเอลกลับบ้านด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ทั้งเหนื่อยผิดหวัง และโมโหผู้ใหญ่บ้านที่ไม่สามารถให้รายชื่อเด็กที่อายุถึงเกณฑ์เรียนแก่เธอได้ เขาให้รอไปอีกหนึ่งอาทิตย์ เพราะต้องเก็บหญ้าให้เสร็จก่อน นี่เขาเห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นสำคัญกว่าการค้นเอกสารเพื่อทำรายชื่อเด็กๆหรือ? เธอยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่ว่าจะไปโรงเรียนหรือจะไปที่ไหนๆ ก็ไม่เห็นมนุษย์สักคน ผู้คนราวไม่มีตัวตน ทั้งที่เธอมั่นใจว่าพวกเขาเห็นเธอ ทว่าไม่มีใครอยากพูดด้วยหรือเข้ามาช่วยทำอะไร ...อย่าพยายามทำความเข้าใจมนุษย์เลย มูริเอล จงรักพวกเขาเถิด และเมื่อเธอเริ่มเรียนรู้ที่จะรัก เธอจะรู้เองว่า แม้จะไม่เข้าใจพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ....บาทหลวงโฆเซ่ (หน้า 30) ...เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงไปหน่อยหรือ ที่จะเหมาเอาว่าทุกคนหาเรื่องเธอ เพียงเพราะผู้ใหญ่บ้านคนดีซึ่งคงจะอายที่จะให้เธอเห็นลายมืออันโย้เย้ของเขา จึงยังไม่คัดรายชื่อเด็กให้เธอ ....บาทหลวงโฆเซ่ (หน้า 31) ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่ละคนต่างมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว "ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอาศัยความเห็นอกเห็นใจและความอดทนต่อนิสัยส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ที่เราต่างก็มีกันทุกคน" (หน้า 48) เมื่อเข้าใจความจริงก็จะค้นพบตัวตน เจ้าโง่ที่อาจหาญ! เจ้าคิดว่าเจ้าแน่นักหรือ! (หน้า 83) การศึกษาเป็นพื้นฐานของชีวิต ถ้าเขาเรียนหนังสือ ไม่ว่าเขาจะประกอบอาชีพอะไร เขาจะทำได้ดีกว่าไม่รู้หนังสือ เพราะความรู้จะช่วยเขาได้ (หน้า 110) เมื่อให้ก่อนจะได้รับตอบแทนกลับที่มากกว่า ...พระเจ้ามักจะให้มากกว่ารับเสมอ มีผู้ถวายขนมปังบาร์เลย์เพียงห้าก้อนกับปลาสองตัวแด่พระเยซู แต่พระองค์กลับทำให้คนทั้งห้าพันได้มีกินกันทั่วหน้า... (หน้า 164)
ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน : CINCO PANES DE CEBADA ลูเซีย บาเกดาโน่ เขียน รัศมี กฤษณมิษ แปล ISBN 974-8344-66-5 จำนวน 168 หน้า ราคา 80 บาท พิมพ์ครั้งที่แปด : ตุลาคม 2550 นอกจากจะได้รับความสุขใจจากการอ่านแล้ว ท่านยังได้ช่วยเด็กยากจนในชนบท ทั้งนี้คุณลูเซีย บาเกดาโน่ ผู้เขียนและสำนักพิมพ์เอสเอ็ม ประเทศสเปน ได้มอบลิขสิทธิ์หนังสือ ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน ฉบับภาษาไทยเพื่อนำผลกำไรจากการจำหน่ายไปช่วยเด็กยากจนในชนบท
Create Date : 29 สิงหาคม 2551 |
|
65 comments |
Last Update : 29 สิงหาคม 2551 16:48:02 น. |
Counter : 3783 Pageviews. |
|
|
|