Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
9 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
ค้นพบ “หนังสืออินตก-เทพทำนาย” โดยย่อ‏


นำเสนอโดย "โหรศิงขร"

     หนังสือใบลานสี ได้ถูกตกมาในวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอัตตะบือ (ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแผ่ให้ เลยเกิดความศัรทธาเสียสละทรัพย์พิมพ์แจกจ่ายมายังพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นกุศล และเพื่อพิจารณาญาณด้วยตนเอง ถึงเกิดเหตุการณ์มหันตภัยของโลกยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพุทธทำนายไว้ ดังนี้

โลชังชม โทโพโส อินโตกรุณา

พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้วจงรีบบอกให้คนอื่นฟังหรือพิมพ์แจกตามกำลังศัรทธา จะเกิดมหากุศลเพื่อจะช่วยให้ท่านได้หลุดพ้นจากมหันตภัยพิบัติทั้งปวง ถ้าบุคคลจะลงมาเกิดพร้อมทั้งหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าใครไม่มีไว้ในบ้านเรือนจะมีภูตผีปีศาจเข้ามาอย่างแน่แท้

ในปีจอถึงปีกุน เมื่อเดือนหงายจะมีงูพิษอยู่บนศีรษะฉกกัดให้ถึงตาย และผู้คนทัง้หลายจะเกิดความเดือดร้อนหลายประการ

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกสงครามบ่แล้ว

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนน้ำและไฟ

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีไผสิเบิงไผ

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัว –เมียบ่เห็นหน้ากัน

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ่งนา

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีผู้เฒ่า

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก

ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนนอนบ่หลับ

ในปีจอนี้ ในเมืองเวียงจันทร์จะมีฤาษีองค์ทองคำ สิกขาลาเพศออกมาเป็นพ่อค้าในปีจอ ขึ้น8ค่ำ ห้ามบ่ให้ตักน้ำอาบน้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึง หลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนค่ำ) พระยายมราชจะนำเอายาพิษพ่นใส่โลกมนุษย์

ในปีจอเมืองกรุงเทพฯ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกตหังเชียงเมี้ยงขาวเม็ดใหญ่จะกลับสู่เวียงจันทร์ นี่คือ พระคาถาขององค์อินทร์พรหมยมราช ได้เขียนไว้ในใบลานจงเก็บรักษาไว้ให้ดีเพื่อช่วยหลุดพ้นจากภัยพิบัติได้ในยามเกิดเหตุการณ์มหันตภัย พระคาถาเขียนไว้ว่า

ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ

จิตะ เมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ ฯ


พระคาถาบทนี้เขียนลงในใบลาน แผ่นทองหรือแผ่นผ้าก็ดีติดไว้ที่ประตูบ้านหรือในรถ หรือโพกศีรษะ ยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้หลุดพ้นจากภัยอันตรายในกาละเวลานี้ เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้รักษาคุ้มครองโลกได้กราบทูลต่อพระอินทร์ว่ามนุษย์โลกทำกุศลเพียง 3ส่วนและทำบาปกรรมถึง7ส่วนเมื่อเป็นเช่นนี้องค์อินทร์จะสั่งลงโทษมนุษย์ผู้ใจบาปถึง9ข้อ นับตั้งแต่ปีจอ ถึงปีกุน ดังนี้

1.จะเกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหว

2.จะให้เกิดอัคคีภัย

3.จะเกิดอุทกภัย

4.จะเกิดฟ้าผ่า

5.จะเกิดร้อนเกินไป หนาวเกินไป

6.จะเกิดสารพิษต่างๆ

7.จะเกิดกาฬโรคต่างๆ

8.จะเกิดข้าวยากหมากแพง

9.จะเกิดพยาบาทเบียดเบียนกันเอง


     มหันตภัย 9 อย่างนี้ จะหลุดพ้นได้โดยเฉพาะผู้มีบุญคนที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นรู้แล้วจงรีบบอกต่อกันไปให้รีบทำความดีมากๆ ถ้าเลยปีจอ ปีกุนไป แล้ว ทุกคนพร้อมทั้งลูกหลานจะได้รับความสุขกายสบายใจทุกคน ให้ทุกคนเคร่งครัดในศีล5

นอกจากหนังสืออินตก ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีพระผู้ทรงศีลอีกองค์หนึ่งได้พบเห็นคำสอนที่จารึกไว้ในแผ่นศิลาที่พึ่งพบในภูเขาแห่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าได้เดินธุดงค์วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป พระผู้ทรงศีลกล่าวว่า พี่น้องทั้งหลายถ้าไม่เชื่อสุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าท่านเชื่อก็เป็นกุศล รู้เพียงเท่านี้ข้าพเจ้าจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในแผ่นศิลาได้เขียนไว้โดยพระมหากัสสะปะว่า ในปีระกา ปีจอ ปีกุน เดือน7-8 จะเกิดเหตุการณ์ร้ายตามถนนหนทางในเดือน9-10 คนใจบาปจะถูกล้างผลาญให้หมดไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน

สุดท้าย พระผู้ทรงศีลได้กล่าวย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหนังสืออินตกเพิ่มเติมว่า ถ้าท่านผู้เคารพบูชา หรือตั้งจิตอธิษฐานว่า จะบอแก่ผู้อื่น หรือผู้พิมพ์แจกจ่ายให้สมใจนึก จะปราศจากภัยพิบัติทั้งปวงตลอดไป ไม่เชื่ออย่าลบลู่

พระพุทธเจ้าทรงทำนาย ออกจากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมหาเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะทูตไทยที่ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเมื่อปี พ.ศ.2485 ตามคำแปลเป็นภาษาไทยว่าดังนี้

สาธุ อะระหังตา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาสรรพสัตว์ทั่วโลก ที่เกิดมาแล้วแต่ลำบากทั่วหน้าทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติเมื่ออาตมาเข้านิพพานไปแล้วครบห้าพันปีเป็นที่สุด โลกจะหมุนไปใกล้จะถึงจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้สองพันห้าร้อยปี มนุษย์และสัตว์จะได้ภัยพิบัติเสียครั้งหนึ่งในระยะ3oปี สิ่งที่สาธุชนไม่เคยเจอะเจอจะได้เห็น ไม่เคยพบจะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับกลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก ใกล้กับพ.ศ.2550ยิ่งทวีกันใหญ่ขึ้นทุกทิวาราตรี มนุษย์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันกันจนถึงเลือดนองเต็มพื้นดินพื้นน้ำจะลุกลามเผามนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำลายเหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินจะเป็นเปลวไฟจะตายไปอย่างละครึ่งหนึ่ง จึงจะเลิกล้ม ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยยักษ์ร้ายนอกศาสนึ่งถือกำเนิดจากป่าอำมหิต ส่วนพุทธศาสนิกชน ผู้ทำแต่บุญเดินตามทางตถาคตสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ ผ้ากาสาวพัตร์ ก็จะรับภัยพิบัติเบาบางแต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม สมณชีพพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้า เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำ สงครามจะเกิดทั่วทิศ

พยานาคจะพ่นพิษเป็นเพลิง ทหารจะเป็นเจ้าข้าวสารจะขาดแคลนทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง สีเหลืองจะชนะ พระยังอยู่คู่เมืองอีกต่อไป สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด ครุฑจะบินกลับฐาน คนจะกลับบำรุงพระพุทธเจ้าว่าดังนี้

ชา ตะ มะ สะ ละ วา พระพุทธชินลิตนี้ท่านให้เขียนใส่กระดาษหรือผ้าขาวติดไว้หน้าบ้านหรือหัวนอน ดังนี้จะมีอายุยืนยาว จะทันผู้มีบุญชื่อ พระธรรมมิกราช เมื่อแรกสถิตอยู่เขตอยุธยา บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ลานช้าง ภาคอีสานในปัจจุบันพระธรรมมิกราช เข้ามาปีกุนเดือน11 เป็นเที่ยงแท้หนักหนา ท่านเสด็จมาในปีระกา แรม5ค่ำ มหากษัตริย์มาทางทิศตะวันตกสมณชีพราหมณ์ตามมาประมาณได้ 76,400รูป ทั่วอาณาจักร สมเด็จพระบรมนักปราชญ์ได้ประกาศคาถาว่าดังนี้

นะสัจจังทะ คะยังมะสำคำปัง คอยดูในปีมะโรง คนจะเดินโก่งโค้งคลานผู้ใดอยากพบผู้มีบุญชื่อ พระธรรมมิกราชให้ภาวนา ให้หมั่นรักษาศีลสดับรับฟังพระธรรมเทศนาคอยดูปีมะเส็งตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง ท่านเข้ามาปีกุนเดือน8เป็นเทียงแท้ ผู้ใดไม่เชื่อจะรับอันตรายคอยดูในปีจอคนจะพ้นภัย สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะมะ ภาวนาทุกค่ำเช้า ผู้นั้นจะมีอายุยืนนานจะได้เห็นพระธรรมมิกราช(พระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรย)ในปีกุนท่านจะเข้ามาอีก ถ้าไม่เห็นหนังสือบ้านใด ผู้นั้นจะได้รับอันตรายรู้แล้วให้รีบช่วยกันพิมพ์เพื่อเผยแพร่ และช่วยบอกต่อๆกันด้วย

     สำหรับประเทศไทยจะเริ่มเกิดตั้งแต่ปี2550 คาดว่าจะได้รับภัยทางน้ำและไฟ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายทะเลและกรุงเทพมหานคร แผ่นดินจะยุบตัวคลื่นน้ำจะพัดเข้าถล่มความสูง200เมตร มนุษย์จะล้มตายมากกว่าครึ่งน้ำจะเข้าช่องแคบสระบุรี และด้านตอนล่างของโคราชบางส่วนภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆสุดท้ายประเทศไทยจะเหลือประชากรประมาณสามสิบเปอร์เซนต์!

ส่วนประเทศอื่นทั่วโลกจะเหลือเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น บุคคลที่รอดชีวิตส่วนมากก็สูญเสียสติสัมปชัญญะไม่ปลอดภัย เหมือนเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนา เพราะไม่เข้าใจบำเพ็ญฌานภานา ฉะนั้นอย่าหลงใหลในทรัพย์สินของตนเองให้มากนัก เพราะเมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ เงิน ทอง จะไม่มีค่าเลย เพราะมนุษย์ยุคนั้นวัดกันที่ความดี ศีลธรรมบุญกุศลเท่านั้น ปีมะโรง พ.ศ.2555ปีมะเส็ง2556ปีระกาพ.ศ.2560พ.ศ.2561ปีกุนพ.ศ.2562

คำทำนายของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี )

รัชกาลที่1 ทายว่า มหากาฬ(ทำลายเพื่อน พี่น้อง)

รัชกาลที่2 ทายว่า ฌานยักษ์(ชำนาญเวทมนต์)

รัชกาลที่3 ทายว่า รักมิตร(มีการค้าขายกับต่างชาติมากมาย)

รัชกาลที่4 ทายว่า สนิทคำ(ออกบวช)

รัชกาลที่5 ทายว่า จำแขนขาด(คือต้องยอมเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและเขมร เพื่อป้องกันอธิปไตย)

รัชกาลที่6 ทายว่า ราชโจร(เกิดสงครามโลกครั้งที่1เกิดกลุ่มโจรมากมาย มีการตั้งกองเสือป่าครั้งแรกของไทย)

รัชกาลที่7 ทายว่า ชนร้อนทุกข์(เกิดการเดินขบวนเพื่อการเรียกร้องประชาธิปไตย)

รัชกาลที่8 ทายว่า ยุคทมิฬ(พระเจ้าแผ่นดินจะถูกลอบปลงพระชนม์)

รัชกาลที่9 ทายว่า ถิ่นกาขาว(มีฝรั่งมากมาย นำเงินมาซื้อประเทศไทย ทำให้เกิดวิกฤตการเงิน)

รัชกาลที่10 ทายว่า ชาวศิวิไลซ์(จะมีเหลือเฉพาะผู้มีบุญเท่านั้นที่รอด เป็นยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย)

วิธีการทำบุญให้เกิดสัมฤทธิ์ผล พระพุทธเจ้าทรงแสดงที่มาแห่งบุญไว้ 3 ประการย่อๆคือ

1.บุญเกิดจากการให้ทาน

2.บุญเกิดจากการรักษาศีล

3.บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ

     การสร้างความดีทุกประการนั้นล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให้เกิดอานิสงค์ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทุกเรื่อง

บุญอันเกิดจากการให้ทานพระภิกษุสงฆ์หรือให้ของแก่ใครไม่ว่าจะให้ของแก่พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาอาหารให้สัตว์ได้กิน ขณะนั้นจะเกิดกระแสบุญเป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้ให้ทันที และเพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบนและสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้นจึงขอเน้นย้ำหลักสำคัญที่สุดว่า ขณะของหลุดจากมือเมื่อใส่บาตร/ถวายของพระสงฆ์ หรือให้ของแก่ใครก็ตาม เราต้องรีบอธิษฐานจิตแผ่บุญทันที หรือตอนพระสวด “ยะถาสัพพี” ก็กรวดน้ำแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ หรือผู้ที่เราต้องการให้ในทันทีทันใดว่า “บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้าพเจ้า หรือ บุญนี้จงเป็นของกรรมนายเวรของข้าพเจ้าหรือบุญนี้จงเป็นของเทวดาภูติ-ผีปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่สถิตอยู่ในสถานบ้านเรือนของข้าพเจ้า” เป็นต้น

บุญอันเกิดจากการภาวนา ให้อธิฐานแผ่เมตตาก่อนเช่นว่า “ขอบุญที่เกิดจากการภาวนาต่อไปนี้ ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บป่วย (เป็นอะไร) หรือจะให้ใครก็ให้อธิษฐานเอาเอง” แล้วก็เริ่มภาวนาได้เลย

หลังจากเลิกภาวนาก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง บุญที่เกิดจากการภาวนานี้จะมีพลานุภาพแรง ยิ่งกว่าบุญจากการให้ทานมาก ฉะนั้นพวกภูตผีชั้นต่ำมักรับไม่ค่อยได้ เราต้องเปิดช่องไว้ก่อนภาวนา เขาจะได้เตรียมรับตามกำลังความสามารถของตนเอง เพราะหากให้ตอนที่ภาวนาเสร็จจึงให้ ก็เปรียบเหมือนเราปล่อยน้ำพุ่งแรง แต่เขาเอาภาชนะที่ไม่เหมาะสมมารับ เขาจะรับไม่ได้เนื่องจากกำลังจิตของเขาไม่แข็งแรงพอ หากเราอธิษฐานเปิดให้เขาเตรียมตัวไว้ก่อน ก็เหมือนเปิดก๊อกน้ำค่อยๆ ใครภาชนะน้อยก็เอามาตวงรับตามกำลังที่เขามี แต่สำหรับเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ท่านสามารถรับบุญใหญ่หลังภาวนาได้อยู่แล้ว เปรียบเหมือนท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับน้ำที่พุ่งออกมานั่นเอง

บุญเกิดจากการรักษาศีล การทำบุญด้วยการตั้งใจรักษาศีลก็ย่อมเกิดกุศลขึ้นเช่นกัน ทุกครั้งที่ระลึกถึงศีล ตัวเองรักษาดีแล้วไม่ด่างพร้อย ก็สามารถอธิฐานส่งบุญได้ว่า “บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลนี้จงถึงแก่……” หรือในการทำความดีทุกอย่าง เช่นแม้แต่การพูดให้เขามีสติคิดดี การได้ช่วยเหลือคน การได้ทำสาธารณประโยชน์ ส่วนรวมย่อมก่อให้เกิดความปีติดีใจ นั่นแหละคือบุญให้รีบอธิษฐานจิตและแผ่บุญส่งถึงผู้ที่เราต้องการให้ทันที

การใช้บุญสร้างความสำเร็จในปัจจุบัน

     พวกเราชาวพุทธแต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อน ถ้าจะนับบุญก็คงจะใหญ่เท่าภูเขาเลากา หรือเท่าก้อนโลก แต่ไม่รู้จักใช้บุญของตนเองให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันชาติ จึงต้องรอตายแล้วไปรับบุญในสรวงสวรรค์ คนทำบุญก็ได้แต่บ่นว่าทำแต่บุญไม่เห็นได้ดีสักที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจ้องกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเขตเรือน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อยมีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่เขาได้รับบุญจากเราบ่อยๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์อำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบผลสำเร็จได้ดังใจหมาย บางคนอ้างว่าทำบุญทุกครั้งก็กรวดน้ำให้เทวดาและเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง โปรดเข้าใจว่าท่านให้ไม่เป็นเขาจึงไม่ได้รับ เช่นให้ไม่เจาะจง หรือแสงบุญหมดแล้วจึงมากรวดน้ำให้เขาก็ไม่ได้รับ

เมื่อกำลังให้ของแก่ใคร ไม่ว่าจะถวายของแก่พระสงฆ์ให้ของแก่ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ มิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกินย่อมเกิดกระแสบุญขึ้นเป็นแสงเรืองรอง แผ่ออกจากตัวผู้กำลังให้ เพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้อนบน แล้วสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้นขณะให้ของแก่ใครจึงควรอธิษฐานจิต คิดทันทีว่า “บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า” หรือ ”บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า” หรือ ”บุญนี้จงเป็นของเทวดา-ภูติ-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์-ที่อาศัยอยู่ในเรือกสวนไร่นาหรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า” หรือบุญนี้จึงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดา มารดาของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่ว่าเราต้องการแก้ไขในจุดไหน

เช่น บุตรของเราเกเรเหลือเกิน ชอบสร้างแต่ความเดือดร้อนสั่งสอนไม่ฟัง แบบนี้ต้องให้เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ขนาบตักเตือน วิธีที่เทวดาตักเตือนนั้นท่านจะสั่งการไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเขา ถ้าเทวดาของเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อได้รับบุญบ่อยๆ เทวดารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น มีฤทธิ์อำนาจขึ้นเขาจะทราบได้เองว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นมาจากไหน เมื่อเราอุทิศบุญให้ท่านก็อธิษฐานว่า “เมื่อเทวดาได้รับบุญแล้วขอให้มีความสุข มีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัยและขอให้อบรมตักเตือนลูกของข้าเป็นคนดีด้วย” ดังนี้ไม่นานหรอกจะเกิดกรณีพิสดารขึ้นกับบุตรเกเรคนนั้นจนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีแน่นอน

สามีหรือภรรยา คู่ครองของตนเป็นที่น่าเอือมระอาเหลือเกิน อยากให้คู่ครองดี รักเรา ละเลิกความประพฤติชั่วเหลวไหล ก็ให้ทำแบบเดียวกันกับที่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาบุตร

กิจการค้าของท่านล้มเหลวหรือซบเซา เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศให้เทวดาประจำตัวของท่านและเทวดาที่ดูแลกิจการค้าด้วยพร้อมกันไป แล้วอธิษฐานว่า “เทวดารับบุญของเราแล้วโปรดช่วยเหลือกิจการธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด ถ้าร่ำรวยขึ้นจะทำบุญให้ท่านยิ่งๆขึ้นไปอีก” จะใช้คำเรียกตัวเองว่าข้า ว่าเรา ก็ได้ทั้งนั้น

ร้านค้าขายจะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศแก่เทวดาที่รักษาร้านค้านั้นด้วย แล้วบอกว่า “เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้วโปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มากๆด้วย”

การอุทิศบุญไม่ต้องพูด ไม่ต้องกรวดน้ำ ให้ใช้การคิด ต้องรีบคิดทันที อย่าชักช้า เพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจะหายไปอยู่สวรรค์ ถ้าฝึกบ่อยๆเราจะชำนาญในการคิดเพราะมีกระแสแรงกว่าพูดออกจากปาก เวลาหย่อนก้อนข้าวลงในบาตรให้คิดส่งบุญทันที และคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของหลุดจากมือเราก็ให้คิดทันทีอย่าช้า

การรักษาโรคภัยที่เกิดกับตัวเราสืบเนื่องมาจากนายเวร ผู้เคลียดแค้นชิงชังกระทำทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมสุขภาพไม่ดี ดังนั้นการรักษา ต้องส่งบุญไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้นๆ และให้เทวดาที่รักษาตัวเรา ในขณะเดียวกันโปรดอธิษฐานว่า "หมอใด ยาใดที่สามารถรักษาอาการนี้ให้หายขาดได้ ขอให้เทวดาจงนำหมอนั้นมารักษาตัวเรา เจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญของเราแล้ว จงอโหสิกรรมให้เราด้วย ถ้าเราหายเราจะทำบุญให้แก่ท่านยิ่งๆขึ้นไป” การอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวน ควรทำวันละหลายๆครั้งจนเขาพอใจอาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้น

     วิธีการให้บุญเจ้ากรรมนายเวร ควรทำดังนี้เป็นตัวอย่างเช่น คนป่วยมะเร็งจุดไหน เมื่อส่งบุญให้คิดว่า "บุญนี้ให้แก่เจ้ากรรมนาเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยตรงพวกเชื้อโรคมะเร็ง เมื่อรับบุญแล้วขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้วเราจะทำบุญให้แก่พวกเจ้า ส่งชีวิตให้พวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียที ตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลอยู่ในธรรม เลิกการเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น ขอส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย”

ผู้มีอาชีพเกี่ยวเนื่องกับการฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์อื่น คนเหล่านี้ต้องสร้างบาปกรรมทุกวันๆ จึงก่อความเคียดแค้นชิงชัง ให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาก็พยายามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะบุญเก่าของผู้นั้นยังมีอยู่เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากว่านายเวรได้ช่องทางเมื่อไร วิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้นเหล่านั้น (นายเวร) จะตามมาทวงและให้ร้ายทันที ดังนั้นต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วยการทำบุญแล้วอุทิศ ให้วิญญาณสัตว์ที่ตัวเองทำบ่อยๆ ส่งบ่อยๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้นทำอาหารถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า”บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราได้ฆ่าหรือผู้อื่นฆ่าด้วยคำสั่งเรา เหล่าสัตว์เหล่าใดได้รับบุญแล้ว ขอให้มีแต่ความสุข ความเจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้น จงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตนเองสร้างไว้ จงมีภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเทวบุตร เทวดาในสรวงสวรรค์ เมื่อได้รับบุญแล้วจงอโหสิกรรมให้เราด้วย

คาถาบริกรรมและปฏิบัติเพื่อปลดหนี้ต่อเจ้ากรรมนายเวรตั้งแต่อดีตชาติ

     เนื่องเพราะเราทุกๆคน เคยมีหนี้สิน (หนี้กรรม) มาตั้งแต่อดีตทั้งโดยเจตนา พอมาในชาตินี้จึงปรากฏว่า เกือบทุกคนที่ต้องเสียเงินทอง เสียทรัพย์สินไปโดยไม่ได้กลับคืนมา เช่น มีผู้ขอยืมเงินไปแล้วไม่เอามาคืน โดนลักทรัพย์ โดนอุบัติเหตุในทรัพย์สินทุกชนิดเสียหาย บางคนขายของโดย สินเชื่อแล้วยังไม่ได้เงิน บางคนโดนโกงแชร์ ฯลฯ เป็นต้น และเกือบทุกคนๆ ทำบุญทำทาน ถวายพระมากมายแต่ไม่เคยคิด ที่จะนำเงินที่มีมาใช้หนี้เก่าที่ติดค้างมาตั้งแต่อดีตชาติ เจ้ากรรมหนี้ จึงมาทวงคืนตามเวลาและจังหวะที่เหมาะสมของเขา จึงเกิดเรื่องขึ้นว่าทำไหมเราเป็นคนถือศีลทำทานแล้ว ยังมีเหตุการณ์โกงหนี้สินเกิดขึ้นไม่เว้นเลย

ฉะนั้น เพื่อเป็นการปลดหนี้กรรมและได้รับอโหสิกรรมต่อ เจ้ากรรมนายเวรดังกล่าวเสียแต่บัดนี้ เพื่อความเป็นมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว และสกุล
จึงขอให้ท่านบริกรรม-ปฏิบัติดังนี้

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

(สวด 3 จบ)


ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ข้าพเจ้า (นาย, นาง….) ได้ติดหนี้ท่านเท่าใด เวลาใด ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ข้าพเจ้าขอปวารณาว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะขอทยอยใช้หนี้คืนให้ทุกบาททุกสตางค์ จนกว่าจะหมด และขออโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความสุขความเจริญของข้าพเจ้าและครอบครัวด้วยเทอญ (นั่งบริกรรมโดยถือเหรียญ 1 บาท- ไว้ในมือ- เสร็จแล้วเอาเหรียญหย่อนใส่กระปุกหรือถ้วยไว้ทุกๆวัน จนครบ4 เดือน แล้วเอาเหรียญทั้งหมดไปทำบุญทำทาน ห้ามนำไปซื้อของกลับมาใช้) ให้ท่านทำตอนเช้าก่อนที่จะใช้เงินต่างๆในทุกๆวัน

ปฏิบัติธรรมอย่าข้ามขั้นตอน อย่าย้อนความหมาย

พระพุทธองค์ทรงประกาศหลักสำคัญ หรือที่เรียก "หัวใจของพระพุทธศาสนา” ดังนี้คือ

ขั้นที่1 ไม่ทำชั่วทั้งปวง

ขั้นที่2 เพียรสร้างความดีให้ถึงพร้อม

ขั้นที่3 ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส

นั้นคือ อยากเป็นคนปกติต้องละชั่วให้ได้เสียก่อน เมื่อละชั่วแล้ว ก็ต้องเร่งหมั่นเพียรพยายามสร้างสมคุณงามความดี

โอวาทธรรม “คัมภีร์กัปป์สุดท้าย”

องค์พระศรีอาริยเมตไตรย พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม ทรงน้อมสดับฟังพระวจนะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่องการประคับประคองช่วยเหลือเหล่าเวไนยสัตว์ที่ต้องผจญกับความทุกข์ยากและชั่วร้าย ในช่วงวาระกัปสุดท้าย

“ฟ้าเบื้องบนจะทรงบัญชาให้เทพยดาผู้คุมเกณฑ์กำหนดตารางสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อสำรวจดูคัมภีร์กัปป์สุดท้าย หากพบว่ามีเหล่าสาธุชนเผยแพร่ด้วยความศัรทธา

ผู้ที่ละเว้นกรรมชั่ว ถือศีลกินเจ ประกอบแต่คุณงามความดีจะไม่ต้องเศร้าสลดวิตกกังวลที่จะประสบพบเจอภัยพิบัติทั้ง 10 ประการอันได้แก่

1.ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญ ถูกน้ำไหลบ่าท่วมท้น

2.ถูกเมฆหมอก ควันพิษ ทำลายล้าง

3.มึนซึม หลับใหลหมดสติตาย

4.ถูกสัตว์ร้าย งูพิษ ขบกัด

5.ถูกประหัดประหาร เข่นฆ่าตายด้วยภัยสงคราม

6.สามีภรรยาต้องพลัดพรากหย่าร้าง

7.ต้องเร่รอน อพยพหลบหนี ไม่มีที่อยู่อาศัย

8.ต้องเผชิญกับอากาศผันแปร ทั้งหนาวเหน็บ ทั้งร้อน

9.ต้องเศร้าโศก ต่อภาพของซากศพที่กองเกลื่อนกลาดทั่วแผ่นดิน

10.ไม่ได้พบเห็นความสงบสุขสันติ

หากมนุษย์ในโลก จิตใจชั่วร้าย ต่ำทราม ลบหลู่หลักธรรมคัมภีร์ สิ้นศัรทธาในความดี ถึงเกณฑ์ ปีวอก ปีระกา ปีจอ ปีกุน เมื่อใด…เมื่อนั้นมีข้าวก็ไรคนกิน…มีเสื้อก็ไรคนใส่…มีถนนก็ไรคนเดิน…มีบ้านก็ไรคนอยู่… มีที่นาก็ไรคนทำ จวบถึงวาระเดือนห้าเดือนหก สัตว์ร้ายงูพิษจะออกเพ่นพ่านไปทั่ว เข้าเดือนแปดเดือนเก้า เหล่าคนชั่วร้ายจะตายสิ้น จนซากศพเกลื่อนกลาดเต็มพื้น!

บนท้องถนนคนล้มตายนับไม่ถ้วน… มหันตภัยมาถึง หนึ่งหมื่นคนตายเก้าพัน! พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้ผลน้อย เกิดลมพายุฝนฟ้าคะนอง เหล่าพญานาคดุร้ายเกะกะระรานไปทั่ว

ถึงกาลเวไนยสัตว์มีภัย องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ผู้เป็นใหญ่ จึงมีบัญชาส่งสองขุนพลจอมเทพผู้พิทักษ์ด่านประตูสวรรค์ ลงสู่แดนมนุษย์เหนือบรรยากาศโลก เทพยาดาที่สัญจรอยู่เหนือโลกมนุษย์จะบัญชาการส่งหมู่ดาว “อ่านชิง” ลงเก็บกวาดคนชั่วร้ายทั้งหมด จะเกิดทุพภิขภัยข้าวยากหมากแพง

องค์พระศรีอาริยเมตไตรยจะปรากฏ…

สองขุนพลจอมทัพผู้พิทักษ์ด่านประตูสวรรค์ลงสู่แดนมนุษย์นับจากปีจอ…เริ่มต้นด้วยโรคระบาด…จนถึงปีกุนประชาราษฎร์…ในเก้าคนรอดตายเพียงหนึ่ง!

จะเกิดมหันตภัยใหญ่ ครอบคลุมไปทั่ว อันได้แก่

1.ภัยจากแรงลมมหาศาล

2.ภัยจากไฟโหมลุกไหม้

3.ภัยจากน้ำท่วมใหญ่

4.ภัยจากการทำศึกสงคราม

5.ภัยจากโรคร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน

6.ภัยจากสัตว์ร้ายมีพิษขบกัด

7.ภัยจากกระแสไฟฟ้า ฟ้าผ่า

8.ภัยจากอาหารขาอแคลน อดอยาก

9.ภัยจากการคลอดบุตร ทารกร่างกายผิดปกติ

10.ภัยจากการสูญสิ้นของมวลมนุษยชาติ

องค์สมเด็จพระศากยมุนีพระพุทธเจ้า ทรงครองธรรมกาล3,000 ปี.. ลุถึงปัจจุบันครบบริบูรณ์ พระศรีอาริยเมตไตรยทรงสืบทอดครองธรรมกาลต่อ…

เริ่มเข้าเกณฑ์ปีวอก…จนถึงปีชวด พืชพันธุ์ธัญญาหารจะไม่สมบูรณ์ ทุกคนจะอดอยากตาย มีภัยสงครามยากจะหลีกหนี!

หากมีคนนำคัมภีร์ออกไปเผยแพร่ถึงพัน… ถึงหมื่น…จะรอดพ้นจากภัยพิบัติเข้าถึงยุคบรรพกษัตริย์ เหยาและซุ่น อันเป็นยุคท่บ้านเมืองเจริญรุ่งโรจน์ สังคมมีความยุติธรรม ผู้คนได้ประสบสุขเกษมสันต์อยู่กันในโลก ดอกบัวแห่งมหาสันติเบ่งบาน

คนพาลสันดานหยาบ แม้ล่วงรู้คัมภีร์กลับลบหลู่ปกปิดมุ่งทำลาย ย่อมประสบกับ

สาธุชนคนดี…ประกอบด้วยเมฆตาจิตตั้งใจเผยแพร่คัมภีร์ออกไป เขาเหล่านั้นย่อมประสบความเป็นสิริมงคล ทุกคนในครอบครัวจะร่มเย็นเป็นสุข สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยทั้งหลาย

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อกราบบังคมทูลรายงานถึงความดี ความชั่ว ที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้นองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบข่าวสภาพ

ความเลวร้ายบนโลกมนุษย์ ก็ทรงพิโรษยิ่งนัก และตรัสบริภาษต่อว่าเหล่าเทพยดาทั้งหลาย

“เสียแรงเปล่าที่ชาวโลกพากันจุดธูปเทียนบูชา กราบไหว้ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มาจนบัดนี้…ในโลกมนุษย์จึงเนืองแน่นไปด้วยคนใจบาปหยาบช้า ผู้คนไม่มีมโนธรรมสำนึกหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นจึงมีราชโองการโทษทัณฑ์ ให้เกิดภัยพิบัติต่อเนื่องกันมาหลายปี เพื่อกำหราบคนชั่วช้าสามานย์ และให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจิตใจชาวเสียใหม่!”

ในเวลานั้น…บรรดาเหล่าทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอนแม้องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมแห่งทะเลทักษิณ ถึงกับพระวรกายทรุดหมอบลงกับพื้นพระบรมวิมาณ ทรงพร่ำทูลขอให้โปรดกรุณาแก่ชาวโลกซ้ำเป็นหลายครั้งว่า

“ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ…ผู้ดีงามควรคัดออก…ๆ…ๆ…

องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า

“ดีชั่ว สองฝ่ายแยกกัน!

ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด!

ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น!”

และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรมจงรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่วร้ายดังต่อไปนี้

1.พวกที่กล่าวโทษ ด่าว่าฟ้าดิน

2.พวกที่ดำเนินชีวิติปฏิบัติตนผิดหลักฟ้า ฝืนหลักธรรม

3.พวกที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่

4.พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็นอาชีพ ฆ่าเป็นกีฬา

5.พวกที่ลักขโมย ปล้นชิง หยิบฉวยทรัพย์สมบัติขงผู้อื่น

6.พวกที่โกหกมดเท็จ พูดจาหลอกลวงให้คนอื่นหลงเชื่อ

7.พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากในตัณหาราคะ

8.พวกที่ชอบดื่มสุรา ยาเมา สูบบุหรี่ หลงใหลในสิ่งเสพติด ของมอมเมาสติทุกประเภท

9.พวกที่ไม่ยึดถือศีลธรรม จิตใจขาดหิริโอตัปปะ ไม่สำนึกละอายในการทำชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม

10.การที่ทำลายพระศาสนา บิดเบือนหลักธรรม หลอกลวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

11.พวกที่เหยียบย่ำทำลายพระคัมภีร์ หลักธรรมะ อักษรหนังสือ

12.พวกที่ใจเหี้ยมโหด เข่นฆ่าเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตน

13.พวกที่ทำลายผู้อื่น เพื่อมุ่งผลกำไรและความสุขส่วนตน

14.พวกที่ค้าขายใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง

15.พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกลวงชาวบ้าน

16.พวกที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ค้าขายเอาเปรียบคนอื่น

17.พวกที่หาประโยชน์จากผู้อื่นด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋น

18.พวกที่พูดจาหยาบคาย ทุบตีด่าว่าบุพการี ปู่ย่าตายาย

19.พวกที่ชอบพูดจาให้ร้ายป้ายสีผู้อื่น

20.พวกที่อารมณ์ร้าย โมโหโกรธา ด่าว่าผู้อื่นไปทั่ว

21.พวกที่ชอบว่ากล่าว ชอบตำหนิโทษผู้อื่นด้วยใจอคติไม่เที่ยงธรรม

22.พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่ไม่เคารพซื่อสัตย์ต่อสามี

23.พวกที่ชอบยุแหย่ ทำร้ายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยกล่มสลาย

24.พวกพี่น้องที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นฟ้องร้องแย่งชิงทรัพย์สมบัติมรดก

25.พวกที่วงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งไม่สามัคคีกลมเกลียว

26.พวกที่ชอบยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้องร้องคดีความ

27.พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก สวมหน้ากากเข้าหากัน

28.พวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกแต่งกายให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม

29.พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ใช้อิทธิพลในทางที่ผิด

30.พวกที่กดขี่ราษฏร ยักยอกฉ่อราษฏร์บังหลวง โกงกินบ้านเมือง

31.พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตน

32.พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี กลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่

33.พวกที่ชอบประจบสอพลอ พะเน้าพะนอยกย่องเชิดชูรับใช้คนเลว

34.พวกที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื่อสัตย์สุจริต

35.พวกคนพาลสันดานหยาบ ที่คอยก่อกวนให้ผู้คนเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข

36.พวกคนร่ำรวย แต่ใจร้ายข่มเหงคนยากไร้

37.พวกที่ชอบยกย่องคนรวย เหยียบย่ำคนจน

38.พวกที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ไม่ยากช่วยเหลือ

39.พวกที่พบเห็นคนอยู่ในฐานะลำบาก ได้รับความทุกข์แต่กลับเมินเฉยแล้งน้ำใจ

40.พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวย ก็เกิดความอิจฉาริษยา

41.พวกที่เห็นผู้อื่นในฐานะสูงส่งด้วยชื่อเสียงเกียรติยศก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัง

42.พวกที่มีจิตใจอาฆาตมาดร้าย ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำสาปแช่งผู้อื่น

43.พวกที่ร่ำเรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝดฝังรูปฝังรอย

44.พวกที่ชอบฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผีกลั่นแกล้งทำลายล้างผู้อื่น

45.พวกที่ชอบเผาป่า ทำลายสุสาน บุกรุกสถานที่อันศักสิทธิ์

46.พวกที่กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณข้าว น้ำ อาหาร

47.พวกที่ทุบตีเด็กไร้เดียงสาด้วยโทสะ ข่มเหง รังแกเด็กๆผู้ที่ไม่สามารถจะช่วยเหลือตนเองได้

48.พวกที่อกตัญญู ไม่รู้คุณคน

49.พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำสอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลังกระทำตามจนต้องกลายเป็นคนเลว ชีวิตไร้แก่นสาร

50.พวกที่ถือตัวว่าอาวุโส สูงอายุ ใครว่ากล่าวไม่ได้ ทำผิดไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอมแก้ไข

51.พวกอนุชนรุ่นหลัง ไม่รู้จักเด็ก ไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ยึดถือหลักคุณสัมพันธ์

52.พวกที่ไม่พิจารณาสำรวจดูกรรมดีกรรมชั่วของตนเอง

53พวกที่เคยตักเตือนให้ทำความดี กลับทุ่มเถียงดื้อด้านไม่ยอมฟัง

54.พวกที่คอยเสาะแสวงหาแต่ช่องทางกระทำชั่วอยู่ไม่ว่างเว้น

“นี่คือ 54ข้อกรรมชั่วที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั่นจะต้องถูกตรวจตราควบคุมเก็บกวดให้เรียบร้อย ไม่ให้เหลือไว้ในโลก! เมื่อตายลงไปก็ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต สัตว์นรก อสูรกาย ยามมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาเหล่านั่นมีอันเป็นไป สูญพันธุ์ทั้งตระกูล ให้บ้านแตกสาแหรกขาด ให้นองเลือดท่วมแผ่นดิน ให้กระดูกทับถมในพงพี บ้านเรือนของพวกเขาให้ผู้อื่นอยู่อาศัย ที่นาของพวกเขาให้ไร้คนจะเพาะปลูกทำกินได้! หากมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะหาย อายุจะยั่งยืน”

ครั้นครบกำหนดเวลา3ปี ที่ให้มนุษย์รีบเร่งปฏิบัติแต่สิ่งดีงาม เมื่อกระแสความคิดจิตใจและการกระทำของเหล่าเวไนยสัตว์ ถูกนำขึ้นกราบทูลรายงานเบื้องบน ทันทีที่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบ พระองค์ทรงมีพระราชองค์การดังนี้

“ข้าฯ…จะลงมาตระเวนตรวจตราดูทุกแห่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯจะดำเนินการพิพากษาตัดสิน ให้เกิดภัยสงครามอีกระลอกหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่เดือนให้เกิดโรคระบาดขึ้นอีกบางส่วนทุกหนทุกแห่งจะถูกเก็บกวาดให้หมดสิ้น! ต่อให้วิงวอนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์… สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มิตอบสนอง ต่อให้กินยารักษาโรคยาก็ไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่ ยาวิเศษแค่ไหน ดีชั่วมีผลต่างกัน… คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาโรค ก็จะสัมฤทธิ์ผลคนชั่วช้าสามานย์กินยาแล้วก็ไม่อาจรอด

บัดนี้…ข้าเห็นสภาพการณ์ว่า น่าเวทนา…ไม่มีวิธีการใด สามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ทัน ต่อให้จุดธูปบูชาข้าฯ ก็เสียแรงเปล่า ที่เห็นข้าเป็นเทพยดาน่ากราบไหว้สักการะแต่ปัจจุบันมีทุกข์ให้คนช่วย ใช่ว่าข้าฯ จะบิดเบือนต่อเบื้องบน ต่อเบื้องบนข้าฯ ก็ได้กราบบังคมทูลวิงวอนด้วยความเร่งรีบร้อนรนยิ่ง และต่อชาวโลกเบื้องล่าง… ข้าก็ให้ป่าวประกาศเผยแพร่สัจธรรม ชี้นำย้ำเตือนให้ผู้คนได้รับรู้

บัดนี้…ถึงวาระเข้าสู่ปลายกัปป์…เกณฑ์มหันตภัยยุคสุดท้าย

ปุถุชนธรรมดาให้เก้าคนตายเหลือไว้เพียงหนึ่ง ให้เกิดสงครามอาวุธหอกดาบมีขึ้นรอบด้าน โรคระบาดจู่โจมบุกรุกทุกแห่งหน อสุนีบาดสายฟ้าฟาดผ่าดังสนั่นสะเทือนเลือนลั่น อุทกภัยใหญ่น้ำไหลหลากท่วมท้นบ้านเรือน วาตะภัยลมพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่งธรรมชาติแห้งแล้งชีวิติทั้งหลายยากที่จะอยู่รอดพญามารมาเคาะประตูบ้านในยามค่ำคืน โรคระบาดเข้าประชิดตัวในเวลากลางวัน เสือร้ายจากป่าเขาออกอาละวาด จะหลบหนีกันอย่างไร อสรพิษเลื้อยเต็มถนนหนทางจนยากจะเดิน!

มหันตภัยทั้งสิบนี้ยากจะหลีกหนีพ้น! หากสามารถผ่านพ้นไปได้จึงนับว่าเป็นยอดคน นี่แหละคือสิบมหันตภัยอันใหญ่หลวงข้าฯมีเพียงคำเตือนให้มนุษย์ทั้งหลายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจิตใจยังพอมีโอกาส จงรีบแก้ไขสำนึกในความผิดบาป เมื่อได้ยินได้รู้ข่าวนี้ให้เร่งกลับตัวกลับใจโดยทันที! อย่ามัวรีรอจนกระทั่งภัยพิบัติมาประชิดตัว ถึงตอนนั้นจะวิงวอนร่ำร้องไห้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล จงสร้างบุญทำกุศลสะสมความดีกันเสียแต่เนินๆ เพื่อหลบหลีกและเป็นเกราะกำบังวิบัติภัย

เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายเอย...จงรีบเร่งตั้งจิตศรัทธาเคารพกตัญญูต่อฟ้าดิน บิดามารดา จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองประชาราษฎร คนยากคนจนให้รู้จักเจียมตน ตั้งมั่นอยู่ในความมัธยัสถ์ ผู้มากมีมั่งคั่งจงรีบเร่งช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ยากไร้ผู้ปราดเปรื่องเรืองปัญญา จงพยายามตักเตือนช่วยชี้แนะ ผู้ต่ำต้อยด้อยความรู้ ให้ได้ผ่านพ้นโลกโลกีย์ไปด้วยกัน บุคคลใดไร้บุญบารมีจะตกจมลงสู่ทะเลทุกข์ แต่ผู้มีสัมพันธ์สะสมมาดีย่อมจะได้พบความสงบสุขและสันติในที่สุด”

“บัดนี้ข้าฯ แฝงธรรมญาณ ยืมปากกาท่านไหว้วาน บรรดาผู้รู้จักตัวอักษรหนังสือ คัดเขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ แม้หนึ่งเล่ม จะช่วยปกป้องรักษาให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

ถ่ายทอดให้ข้าฯ สิบเล่ม ทั้งครอบครัวจะพ้นเคราะห์ภัยอันตราย

เผยแพร่ออกไปให้ข้าฯ ร้อยเล่มจะปกปักษ์รักษาให้อายุยั่งยืน อีกทั้งโชคลาภ วาสนาเพิ่มพูนทวี รีบแจกจ่ายธรรมทาน คัมภีร์นี้โดยทันทีทันใด จะปกป้องรักษาให้เกียรติศักดิ์รุ่งโรจน์มียศฐา

หากพบผู้ใดไม่รู้หนังสือ จงใช้วาจาเมตตาบอกต่อให้เขาได้ฟังได้เขาใจ ถ้าแม้นมีคนโฉดเขลาชั่วร้าย ไม่ศรัทธาเคราะห์ภัยจะมาถึงตัว จะประสบวิบัติให้ปวดเศียรเวียนหัว หน้ามืดตาลาย เจ็ดทวารเลือดไหล ถึงที่ต้องไปเมืองผีด้วยสิบเหตุเภทภัยร้ายนั้น

ข้าฯไม่อาจกล่าวให้ละเอียดมากความไปกว่านี้ คิดอยากจะเผยความลับสวรรค์ ก็เกรงด้วยเบื้องบนจะลงฑัณฑ์

หากคนทั้งหลายไม่เชื่อไม่ศรัทธา ดูหมิ่นดูแคลนว่าไม่จริง ไม่นานมหันตภัยที่กล่าวไว้จักมาถึงตัว

ผู้มีใจศรัทธา น้อมจิตเชื่อฟังตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมความดีถือศีลกินเจ เบื้องบนย่อมทรงโปรดเมตตา ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาด มิให้เภทภัยใดๆเข้าใกล้ถึงตัวได้เลย”

พระผู้ลงมาช่วโลกยุคปัจจุบันมีที่มาอ้างอิง 2 แห่ง คือ

1.จากหนังสือพระคริสตธรรมใหม่ หน้า 563

“พระองค์ผู้ทรงม้าขาวมีพระนามว่า ”สัตย์ซื่อและสัตย์จริง”พระองค์ทรงพิพากษาและทรงกระทำสงครามด้วยความเป็นธรรม พระนามจารึกไว้ไม่มีใครรู้จัก นอกจากพระองค์ “ทรงเฉลองพระองค์สีจุ่มเลือด และพระนามคือ พระวาทะของพระเจ้าจอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย ผู้ถือคฑาเหล็ก”

2.จากคำกล่าวของหลวงปู่โลกอุดร “พระผู้มาโปรดโลกยุคปัจจุบัน คือ พระผู้ครองจีวรสีแดงเพลิง”

*พระผู้มาช่วยโลก คือพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์กับพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมนั่นเอง (ชาโลกจงอย่าวิตกใดๆไปเลย)

*พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์ คือ “พระผู้ถือลูกแก้วสารพัดนึก” อันเป็นผลการสร้างของฤษี109 , เทพ , พรหมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน 9 แสนในจักรวาลร่วมกันสร้าง ซึ่งสำเร็จจากการรวมของแก้ว 3 ประการ (รัตนตรัย) คือองค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ร่วมเป็น “องค์แก้วสารพัดนึก” มีฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเหนือฤทธิ์ใดๆ ในจักรวาลเพื่อพิทักษ์รักษาดูแลจักรวาล และเผยแพร่พระธรรมเพื่อชาวโลกบรรลุธรรมทั้งหมดทั้งสิ้นให้ลุล่วงไปโดยสมบูรณ์ ดูแลปกป้องชาวโลกตลอดไป

*พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์ผู้ถือลูกแก้วสารพัดนึกในพระหัตถ์ซ้าย ลือคฆาเหล็กในพระหัตถ์ขวา เผลแพร่พระธรรมในทุกที่ทุกสถานใน 3 โลก นี่คือ พระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งของชาวพุทธ และชาวโลกทั้งปวง คือผู้เป็นครูนั่นเอง ชาวโลกไม่ต้องทุกข์ร้อนไป.

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 09 เมษายน 2553
Last Update : 9 เมษายน 2553 20:34:36 น. 0 comments
Counter : 4849 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.