Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
17 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 

เวทีสนามหลวง 1

"เวทีสนามหลวง 1" เป็นเวทีที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน เพื่อเล่าข่าว บอกกล่าวเรื่องราว เหตุการณ์น่าสนใจ ประชาสัมพันธ์

แสดงความคิด
ออกความเห็น
ได้ที่นี่





H O M E




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2551
66 comments
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 23:03:28 น.
Counter : 3252 Pageviews.

 

//www.nstda.or.th/nac2008/

//www.nstda.or.th/hrd/pmm/uk-thailandpartnersinscience/





















 

โดย: 8048 IP: 58.9.137.144 18 กุมภาพันธ์ 2551 14:48:46 น.  

 

สำนักงานยุทธศาสตร์การพาณิชย์ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ จะจัดสัมมนาเรื่อง “กฏหมายการค้าการลงทุนของจีน” ในวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 8.30 น. -16.30 น. ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ด้านกฏหมายการค้าการลงทุน รวมถึงนโยบายกฏระเบียบ มาตรการ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคในการค้าขายกับประเทศจีน ให้กับผู้ประกอบการไทย และผู้สนใจทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เนื่องจากมีที่จำกัดกระทรวงขอสงวนสิทธิ์ให้เข้าเฉพาะผู้ที่แจ้งลงทะเบียนล่วงหน้า
ผู้สนใจโปรดสำรองที่นั่ง และสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักยุทธศาสตร์การพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02 507 7885 และ 02 507 7887 หรือ //www.moc.go.th

 

โดย: 1986 IP: 58.9.137.144 18 กุมภาพันธ์ 2551 17:08:44 น.  

 

สัมมนาเรื่อง "Protecting Intellectual Property in China" 24-25 มีนาคม 2551 โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์


รายละเอียดข้อมูลสัมมนา Tentative Program 24-25 Mar[1]..pdf (65.89 KB 14.02.2008 11:11)

ติดต่อที่

กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ 02-547 4655
1
Program
“Protecting Intellectual Property in China”
24 – 25 March 2008 Ballroom 1 Room, 3rd Floor, The Emerald Hotel
Rachadapisek Road, Bangkok
Date/Time
Topic/Description
Speaker(s)
Monday, 24 March 2008
08.30 – 09.15
Registration
09.15 – 09.30
(15 min.)
Opening Ceremony: Mr. Kajit Sukhum Director of IP Promotion and Development Division Mrs. Puangrat Asavapisit Director General of DIP presides over the ceremony and delivers the opening statement.
09.30 – 09.45
Coffee Break
09.45 – 11.15
(90 min.)
“Trading with China: Dealing with the Changes Profitably”
- How has the Chinese market changed over the years and how did Thailand fare in those years? What is the present situation in the China Markets? What should the Government and Private sectors do in order to capture the benefit from 1.3 billion consumers? And How should Thai producers and exporters adapt for the future?.
Mr. Viboon Tangkittipaporn Far East Legal Counsellors Ltd.
11.15 – 12.15
(60 min.)
“Intellectual Property in China: Overview of the existing Intellectual Property System and its future”
- The present structure of the intellectual property system in China. What does it look like? Who is responsible for what aspect of intellectual property? What are the IP laws of the land? What is the Government policy on intellectual property?
Expert from SIPO
12.15 – 13.30
Lunch
2
Date/Time Topic/Description Speaker(s)
13.30 – 14.15
(45 min.)
“Working with Technology in the New Chinese Economy: Protecting your technology with patent”
- How to register Patent in China? What are the laws and regulation governing each aspect of Patent? What are the basic requirements for national persons and foreigners to obtain patent protection in China? How can patent be registered? What are the costs?
Expert from SIPO
14.15 – 15.00
(45 min.)
“Successfully Trading with Intellectual Property in China: the Importance of Patent, Petty Patent and Design Protection in China”
- How do the Chinese Producers and Exporters in China use the industrial property system in their trade? What is the Chinese Government doing in order to encourage a wide spread use of industrial property? How can foreign traders benefit from the intellectual property system in China?
Expert from SIPO
15.00 – 15.15
Coffee Break
15.15 – 16.30
(75 min.)
“Selling Your Products to the Chinese Market Successfully with Intellectual Property”
- Each panelist presents 5-10 minutes on their respective experience regarding the registration and the protection of
the marks, the patents and the designs in China.
- Approximately 30 minutes will be given to the floor for questioning.
Chair: Mr. Kajit Sukhum
Director of IP Promotion and
Development Division
Panalist:
THAI LAW FIRM THAI EXPORTER Expert from SIPO
Tuesday, 25 March 2008
09.00 – 10.30 (90 min.)
“Accessing Trademark Protection in China: How can trademark be used in China?”
- How can Thai exporters and producers benefit from the Trademark system in China? How can Thai Exporters and Producers register their trademark in China?
Expert from CTMO
3
Date/Time Topic/Description Speaker(s)
What are the requirements? Who should they contact? How can they get trademark quickly in China?
10.30 – 10.45
Coffee Break
10.45 – 12.00
(75 min.)
“The Legal Aspect of Intellectual Property System in China”
- How does the juridical system in China fit into the intellectual property system? How should Thai exporters and producers deal with it?
- What is the law(s) governing the licensing agreement in China? What do you do in the event of contractual breach?
Expert from CTMO
12.00 – 13.00
Lunch
13.00 – 13.45
(45 min.)
“Enforcing Your Intellectual Property in China”
- Who is responsible to receive the first complaint regarding an encounter of infringement? What are the procedures that would take place in such event? What is the best thing for the rights’ owner to do? - Who are the best authority to notify? What kind of evidence should the rights owner has before the complaint?
Expert from CTMO
13.45 – 14.30
(45 min.)
“Enforcing IP rights in China: The Chinese Commercial Court System and its implication to Thai exporters”
- What are the different system of court of justice in China? Which are the courts that deals with IP matters?
- How does each court work? Which is the best way for Thai exporters who need to use the Chinese court deal with it?
Export from CTMO
14.30 – 14.45
Coffee Break`
14.45 – 15.30
(45 min.)
“Selling to China with Protection : Thai Exporter Experience in China”
Mr. Sa-nguankiat Liewmanomont Lewmanomont International Law Office
4
Date/Time Topic/Description Speaker(s)
- How did a Thai exporter fare in dealing with the Chinese IP system and the benefit of being registered in China? What if it is not registered? How much does it cost? And How much it would have cost if not protected?
15.30 – 16.30
(60 min.)
Panel Discussion: Enforcing IP rights effectively in China.
- Each panelist will have approximately 5-10 minutes presentation on their experience on the resolution of the infringement. The discussion should be direct to the overall picture of how to solve the problem in the best possible way.
Chair: Mr. Kajit Sukhum Director, IP Promotion and Development Division
Panelist:
- Mr.Sa-nguankiat Liewmanomont
- SIPO
- CTMO

 

โดย: 1795 IP: 58.9.137.144 18 กุมภาพันธ์ 2551 17:12:30 น.  

 

มหกรรมหนังสือมุสลิม ครั้งที่ 2 สะพานสู่การทำความรู้จักอิสลาม


มหกรรมหนังสือมุสลิม ครั้งที่ 2

พบกับหนังสือมุสลิมลดราคา 20 - 80 %

ร่วมเสวนาหลากหลายประเด็น

เกี่ยวกับแวดวงหนังสือมุสลิม

ชมนิทรรศการนักเขียนมุสลิมจากปัจจุบันสู่อดีต

22 - 24 กุมภาพันธ์ 2551

สิบโมงเช้าถึงสองทุ่ม ณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย


ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ ดาวุด โทร. 0865097936

หรือ 0863755636



กำหนดการกิจกรรมเสวนาในงานมหกรรมหนังสือมุสลิมครั้งที่ 2


22 กุมภาพันธ์ 2551


13.30 น. พิธีเปิดงานมหกรรมหนังสือมุสลิมครั้งที่ 2 โดย ศ.ดร.อิมรอน มะลูลีม ประธานมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย

14.00 น. สนทนาเรื่อง บทบาทวรรณกรรมกับการเฟื่องฟูและเสื่อมถอยของมุสลิม โดย ดร.อณัส อมาตยกุล และคุณนาอีม วงค์เกศร

16.20 น. เสวนาเรื่อง "ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอิสลามในวรรณกรรมไทยและวรรณกรรมเทศ" โดย ดร.จรัญ มะลุลีม อ.บรรจง บินกาซัน อ.อาลี เสือสมิง ดำเนินรายการโดย คุณฮัมซะ อัลการีมี

18.45 น. อภิปรายเรื่อง อินเตอร์เน็ต สนามนักเขียนในโลกยุคใหม่? โดย อนิรุทธ์ บูสู (เวบมาสเตอร์ดีนทูดู) อ.สมคิด ลีวัน (เว็บมาสเตอร์มุสลิมไทย) อ.ธนะ วงศ์มณี อาจารย์พิเศษด้านสื่อสารมวลชน ม.บูรพา ดำเนินรายการโดย คุณฟาฮัด ยิ้มใย



23 กุมภาพันธ์ 2551


10.30 น. เสวนาเรื่อง ทำหนังสือให้ลูกอ่าน โดย รศ.อามีนะฮฺ ดำรงผล อ.อาอีซะฮฺ วงสันต์ อ.โยธิน ยะก๊บ คุณมูฮัมมัด ส่าเหล็ม ดำเนินรายการโดยคุณบุชรอ สมันเลาะ

13.00 น. เสวนาเรื่อง บทบาทสื่อท่ามกลางความขัดแย้งทางความคิด อุดมการณ์และการเมือง โดย อ.อัชอารีย์ เรืองปราชญ์ (ประธานสมาพันธ์เครือข่ายสื่อมุสลิมไทย) คุณมูซา จามจุรี (อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ทางนำ) คุณวิทยากร อิสมาแอล (บรรณาธิการหนังสือพิมพ์กัมปง) คุณอุมัร มะละกีมะ (เว็บมาสเตอร์พินออนไลน์) ดำเนินรายการโดย อ.สมาน งามโขนง (ทีวีมุสลิมไทม์)

16.20 น. เสวนาเรื่อง ทำหนังสืออย่างไรให้ขายได้ โดยคุณสมาน อู่งามสิน (สำนักพิมพ์อัลอีหม่าน) อ.อับดุลมะญีด อุปมา (สำนักพิมพ์อัตเตาบะฮฺ) คุณดาวุด ลาวัง (วารสารโรตีมะตะบะ) คุณฮุสนา อิบรอเฮม (นิตยสารอิสลามสันติชน) ดำเนินรายการโดยคุณชารีฟ ยิ้มใย

18.45 น. เสวนาเรื่อง คนอ่านอยากอ่านอะไร โดย คุณกุศลศรี ตอเล็บ คุณนภ โสภณวสุ คุณวิลาสินี มะแก้ว ดำเนินรายการโดยคุณกฤติน ตอเล็บ



24 กุมภาพันธ์ 2551


10.30 น. เสวนาเรื่อง มุสลิมในวรรณกรรมไทย โดย รศ.เสาวนีย์ จิตต์หมวด คุณมูฮัมมัด ส่าเหล็ม คุณพิเชษฐ์ แสงทอง ดำเนินรายการโดยคุณจิระโรจน์ มะหมัดกุล

13.00 น. เสวนาเรื่อง วรรณกรรมมุสลิมในสายตานักเขียนไทย โดย ผศ.สุชาติ เศรษฐมาลินี คุณขจรฤทธิ์ รักษา บรรณาธิการสำนักพิมพ์บ้านหนังสือ คุณกว่าชื่น บางคมบาง บรรณาธิการนิตยสารลัช คุณซะกะรียา อมตยา ดำเนินรายการโดย อ.ปิยะณัฐ ศรีสง่า

16.20 น. เสวนาเรื่อง วรรณกรรมในไฟใต้ โดย คุณศิริวร แก้วกาญจน์ (นักเขียนเข้ารอบสุดท้ายซีไรท์สามปีซ้อน ผู้เขียนหนังสืออิหม่ามการฆาตกรรมอิหม่ามสตอร์ปาการ์เด) คุณวรพจน์ พันธ์พงศ์ (ผู้เขียนหนังสือ ณ ที่เกิดเหตุ) คุณอนันต์ ฤทธิ์โต (สำนักพิมพ์อลีฟ) คุณรอมฎอน ปันจอร์ (นักข่าวหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ) ดำเนินรายการโดย คุณเมธี มุขตารี

18.45 น. เสวนาเรื่อง เคล็ดลับนักเขียนหนุ่ม โดย อัลอัค คุณอนุสรณ์ วงศ์เสงี่ยม (บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อะซาน) ดำเนินรายการโดย คุณดานิส สัจติประเสริฐ

หมายเหตุ ภายในงานจะมีนิทรรศการนักเขียนมุสลิมจากปัจจุบันสู่อดีตและจะมีการเปิดตัวหนังสือจากสำนักพิมพ์ต่างๆ ภายในงานด้วย

 

โดย: 9968 IP: 203.113.38.12 21 กุมภาพันธ์ 2551 10:53:58 น.  

 


‘ภควดี’ แปล: บรรษัทข้ามชาติ เชื้อเพลิงชีวภาพและเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรม



โดย ภัควดี วีระภาสพงษ์

แปลจาก Silvia Ribeiro, “Corporations, agro-fuels and GM seeds,” La Jornada, Rebelion; November 23, 2007.


ที่มาภาพประกอบ: furnari

กระแสความคลั่งไคล้ในเชื้อเพลิงชีวภาพ (bio-fuel หรือเชื้อเพลิงที่ผลิตจากพืชผลทางการเกษตร อาทิเช่น เอธานอล) ยังคงเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่เพราะเชื้อเพลิงประเภทนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือเป็นหนทางแก้ไขปัญหาโลกร้อน โดยข้อเท็จจริงแล้ว เชื้อเพลิงชีวภาพจะซ้ำเติมให้ปัญหาเหล่านี้เลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดบนพิภพใบนี้เห็นว่าเชื้อเพลิงชีวภาพคือแหล่งกำไรหอมหวาน กลุ่มอิทธิพลนี้จึงวิ่งเต้นให้รัฐบาลในหลายๆ ประเทศอำนวยประโยชน์ด้วยกฎหมายและเงินอุดหนุน กลุ่มเหล่านี้ประกอบด้วยกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ (ซึ่งหวังว่าประชาชนจะเปลี่ยนรถใหม่มาใช้พลังงานชีวภาพ) กลุ่มบริษัทน้ำมัน (ซึ่งควบคุมการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดอยู่แล้ว) กลุ่มบริษัทที่ควบคุมการผลิตธัญญาหารในโลก (ซึ่งจะได้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งจากความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพที่เพิ่มขึ้นและจากราคาอาหารที่สูงขึ้น) และบรรษัทข้ามชาติที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรม

ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กำลังจับจ้องธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพตาเป็นมันก็คือ บรรษัทข้ามชาติด้านการทำป่าไม้และเส้นใยเซลลูโลส (เช่น บริษัท Stora Enso, Aracruz, Arauco, Botnia, Ence ฯลฯ) ซึ่งปัจจุบันผลิตวัตถุดิบป้อนอุตสาหกรรมกระดาษ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีเพียงเล็กน้อย บรรษัทเหล่านี้สามารถเปลี่ยนผลผลิตไปเป็นพืชที่ใช้ทำเอธานอลได้ ในทำนองเดียวกัน ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมหัวอาหารของวัวและไก่ เช่น บริษัท Tyson Foods หันมาจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทน้ำมัน (ในกรณีของ Tyson คือการเป็นพันธมิตรกับบริษัทน้ำมัน Conoco-Phillips) เพื่อผลิตไบโอดีเซลจากไขมันสัตว์

เหตุใดบรรษัทข้ามชาติจึงสนใจเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรม? ประการแรก เมล็ดพันธุ์เหล่านี้คือผลผลิตที่ครองยอดขายสูงสุดในเมล็ดพันธุ์เชิงพาณิชย์อยู่แล้ว ในปัจจุบัน เมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมทั้งหมดที่ปลูกเชิงพาณิชย์ในโลก อยู่ในเงื้อมมือของบริษัทมอนซานโต (ประมาณ 90%) ซินเจนตา, ดูปองท์, ไบเออร์, ดาว และ BASF ในขณะเดียวกัน บริษัทสามอันดับแรก นั่นคือ มอนซานโต, ซินเจนตาและดูปองท์ เป็นเจ้าของยอดขายเมล็ดพันธุ์จดสิทธิบัตรรวมกันในโลกถึง 44% หากบริษัทเหล่านี้สามารถเจาะตลาดใหม่ที่ “ปรารถนา” เมล็ดพันธุ์จดสิทธิบัตรได้ ก็จะกอบโกยกำไรมากขึ้น และมีอำนาจเหนือเมล็ดพันธุ์ ทั้งที่เป็นห่วงสำคัญในห่วงโซ่อาหารของมนุษย์และสัตว์ รวมทั้งขยายอำนาจไปสู่ภาคส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญอีกภาคส่วนหนึ่ง นั่นคือ พลังงาน

บรรษัทข้ามชาติทุกบริษัทที่ควบคุมเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมล้วนแล้วแต่ทุ่มลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ ส่วนใหญ่เป็นพืชดัดแปลงพันธุกรรมที่มีสารให้น้ำมันสูง เช่น น้ำตาลหรือแป้ง แต่เพิ่มเอ็นไซม์และแบคทีเรียดัดแปลงพันธุกรรมเข้าไปในพืชหรือต้นไม้ชนิดนั้น เพื่อทำให้กระบวนการแปรรูปทำได้เร็วขึ้นหลังจากเก็บเกี่ยว

บรรษัทข้ามชาติเหล่านี้กอบโกยผลประโยชน์มหาศาลพร้อมกับการขยายตัวของเชื้อเพลิงชีวภาพ ยกตัวอย่างเช่น การขยายตัวอย่างรวดเร็วของการปลูกถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรมในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะบราซิล รวมทั้งการขยายตัวของข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมในสหรัฐอเมริกา เมื่อพืชเหล่านี้สามารถนำมาใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ หรือในบางกรณีก็ใช้ได้ทั้งเป็นอาหารสัตว์และเชื้อเพลิง บรรษัทข้ามชาติก็มุ่งหวังจะนำเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมชนิดใหม่เข้าสู่ตลาด หน่วยงานด้านอาหารและยาไม่มีทางอนุญาตให้เมล็ดพันธุ์ประเภทนี้ออกสู่ตลาดในฐานะอาหารสำหรับมนุษย์บริโภค แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ เมล็ดพันธุ์เหล่านี้อาจปนเปื้อนสู่พืชและธัญญาหารที่มนุษย์ใช้บริโภค

แต่เหนืออื่นใด บรรษัทข้ามชาติไม่กี่บริษัทที่ครอบงำตลาดเมล็ดพันธุ์ในโลกมีเป้าหมายครอบครองส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ให้มากขึ้น พร้อม ๆ กับรุกคืบเข้าสู่เกษตรกรรายย่อยที่ใช้เมล็ดพันธุ์เชิงพาณิชย์เพียงจำนวนน้อยหรือไม่ใช้เลย แต่หากเกษตรกรเหล่านี้ติดกับด้วยเหยื่อล่อของการทำเกษตรพันธะสัญญาเพื่อผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ประชากรกลุ่มนี้ก็จะเริ่มใช้เมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรม

เงื่อนไขทั้งหมดกำลังก่อให้เกิดกลุ่มพันธมิตรบรรษัทอันทรงอำนาจกลุ่มใหม่ขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น บริษัทมอนซานโตกับบริษัทดาวเพิ่งลงนามในข้อตกลงผลิตเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งในพืชเพียงต้นเดียวจะมีทั้งภูมิต้านทานยากำจัดวัชพืชถึง 8 ชนิด รวมทั้งผลิตสารที่เป็นยาฆ่าแมลงได้ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า เมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมทำให้เกิดอาการดื้อยากำจัดวัชพืช จึงต้องใช้ยาในปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ และหากเมล็ดพันธุ์นั้นมิได้ปลูกเพื่อการบริโภคของมนุษย์ ก็เป็นไปได้ที่จะมีการใช้ยากำจัดวัชพืชที่เป็นสารพิษในปริมาณมากขึ้นกว่าปรกติ

นอกจากนี้ มอนซานโตยังจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท BASF ด้วยเงินลงทุน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมชนิดใหม่สำหรับปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง ฝ้ายและคาโนลา มอนซานโตจับมือกับคาร์กิลล์ก่อตั้งบริษัท Renessen เพื่อผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองจีเอ็มโอสำหรับเชื้อเพลิงชีวภาพและอาหารสัตว์ สำหรับมอนซานโต การลงทุนทั้งหมดนี้หมายถึงขยายอำนาจผูกขาดของตนออกไป พร้อมกับพยายามเบียดขับบริษัทคู่แข่งที่ไล่หลังมา คือซินเจนตาและดูปองท์ ให้ออกไปจากตลาดเชื้อเพลิงชีวภาพ

ส่วนดูปองท์ก็จับมือกับบริษัท Bunge (บริษัทด้านอาหารธัญพืชที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก) ก่อตั้งบริษัท Treus เพื่อผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองจีเอ็มโอป้อนแก่อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ รวมทั้งจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทบริติชปิโตรเลียม (บีพี) ผลิตเอธานอลจากข้าวสาลีและบิวทานอลชีวภาพ (bio-butanol บิวทานอลเป็นแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง ใช้หล่อลื่น) ซินเจนตาลงนามในสัญญาความร่วมมือระยะเวลา 10 ปี กับบริษัท Diversa Corporation (บริษัทที่ดำเนินการปล้นจุลินทรีย์ไปทั่วโลก) เพื่อพัฒนาเอ็นไซม์ดัดแปลงพันธุกรรมสำหรับใช้ในการผลิตเอธานอล ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่ตัดต่อเข้าไปในเมล็ดพันธุ์โดยตรงหรือใช้ระหว่างกระบวนการแปรรูป ซินเจนตากำลังร่วมมือกับผู้ผลิตอ้อยในบราซิล และเป็นบรรษัทยักษ์ใหญ่ด้านเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมบริษัทแรกที่กำลังขอใบอนุญาตในสหรัฐอเมริกา เพื่อจำหน่ายข้าวโพดที่มีเอ็นไซม์ที่ออกแบบมาสำหรับผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพโดยเฉพาะ

ขั้นตอนต่อไปที่จะคุกคามความปลอดภัยของมนุษยชาติและโลกใบนี้ เพียงเพื่อแสวงหากำไรของภาคเอกชนก็คือ ชีวภาพสังเคราะห์ (synthetic biology) นั่นคือ การสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Synthetic Genomics ซึ่งเป็นบริษัทของนักพันธุกรรมเจ้าปัญหาชื่อ Craig Ventner กำลังคิดค้นผลิตสิ่งมีชีวิตเทียมขึ้นมาสำหรับใช้ผลิตพลังงาน

พร้อมกับแผนการของบรรษัทข้ามชาติและนักวิทยาศาสตร์ที่รับใช้ผลกำไรอย่างหน้ามืดตามัว การต่อต้านและการตระหนักรู้ในระดับโลกก็กำลังเติบโตขึ้นเช่นกัน เมื่อดูจากเค้าเดิมพันที่ต้องเสี่ยงในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่จะเป็นสมรภูมิที่รบกันอย่างสาหัสแน่นอน








--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 18/2/2551

 

โดย: 4015 IP: 203.113.38.12 21 กุมภาพันธ์ 2551 11:03:58 น.  

 



ปัญหาสุขภาวะแรงงาน ความมั่นคงของชีวิต กับทางแก้ที่ไม่ใช่มาตรการความมั่นคง



คิม ไชยสุขประเสริฐ รายงาน



“...การพัฒนาไปอย่างรวดเร็วโดยการบริหารจัดการนั้นทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาอย่างมากมาย ที่กระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพังงา ก็คือปัญหาแรงงานต่างด้าวเถื่อนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพราะแรงงานต่างด้าวเถื่อนเหล่านี้เป็นต้นเหตุ หรือเป็นแหล่งเพาะเชื้อของโรคร้ายปัญหาอื่นๆ เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม ผู้ค้ายาเสพติดมักอาศัยแรงงานต่างด้าวให้เป็นผู้ลำเลียงหรือแฝงตัวมากับแรงงานต่างด้าว ปัญหาอาชญากรรมการลักทรัพย์ ฉกชิงวิ่งราว ปล้นทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และฆ่าเจ้าทรัพย์ ฆ่ากันเอง มีปรากฏให้เห็นอยู่เป็นประจำ

และปัญหาทางด้านสาธารณสุข ซึ่งแรงงานต่างด้าวเป็นพาหะนำพาเชื้อโรคต่างๆ โดยรัฐต้องเสียงบประมาณในการรักษาในแต่ละปีจำนวนเงินไม่น้อย ถ้าลองสังเกตให้ดีตามโรงพยาบาลของรัฐส่วนมากคนป่วยจะเป็นพวกต่างด้าวเสียเป็นส่วนใหญ่ คนไทยเจ็บป่วยไข้ส่วนมากจะไม่ค่อยได้นอนเตียง ต่างด้าวจับจองกันเกือบหมดโรงพยาบาล และนอกจากนั้นก็ยังมีปัญหาอีกจิปาถะตามกันมาเป็นระลอกคลื่น...”




ข้อความข้างต้นคัดมาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง แสดงเหตุผลมากมายสนับสนุนการออกประกาศของจังหวัด [1] ที่กำหนดมาตรการทางการปกครองเพื่อจัดระเบียบแรงงานข้ามชาติหลบหนีเข้าเมือง เมื่อกลางปี 2550 และมีการออกประกาศลักษะเดียวกันในหลายจังหวัด ด้วยเหตุผลหลักคือ “ความมั่นคงโดยรวม” ซึ่งในช่วงเวลานานข้ามปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า มาตรการฯ นี้ได้ไม่ได้สร้างความมั่นคงใดๆ ขึ้นในพื้นที่ อีกทั้งยังก่อให้เกิดบรรยากาศแห่งความไม่ไว้วางใจที่จะบ่มเพาะปัญหาให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการห้ามแรงงานออกจากที่พักอาศัย ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า หรือด้วยการการห้ามไม่ให้ใช้หรือครอบครองจักรยานยนต์และรถยนต์ และการห้ามมิให้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือแม้กระทั่งการห้ามมิให้แรงงานข้ามชาติร่วมชุมนุมกันเกิน 5 คน

บทเรียนของปัญหาที่มีในตอนนี้ คือมุมมองอคติทางชาติพันธุ์ยังคงมีอยู่ และมันถูกนำมาใช้เพื่อกำกับการดำเนินชีวิตของ ‘คนชาติพันธุ์อื่น’ ด้วยมาตรฐานที่แตกต่างไปได้อย่างชอบธรรม…





ต้องการแรง(งาน) แต่ระแวงคน (งาน)

‘ค่าแรงถูก’ ‘แข็งแรงอดทน’ ‘ไม่เกี่ยงงานหนัก’ และ ‘ไม่เลือกงาน’ โดยเฉพาะในงานที่แรงงานไทยไม่ทำ ทำให้แรงงานข้ามชาติเข้ามามีบทบาทอย่างมากในฐานะแรงงานเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในแรงงานสัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชา

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2535 รัฐบาลไทยเริ่มนโยบายอนุญาตให้มีการจ้างแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเริ่มจาก ‘พม่า’ ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนไทย-พม่า หลังจากนั้นก็เปิดให้มีการจ้างแรงงานข้ามชาติเพิ่มขึ้นเป็นสามสัญชาติ คือ พม่า ลาว และกัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ที่ขาดแคลนแรงงาน เช่น จังหวัดที่มีการประกอบกิจการประมงทะเล [2] จนปัจจุบันนี้เรียกได้ว่า ‘ทุกจังหวัดในประเทศไทยมีแรงงานข้ามชาติ’

จากข้อมูลขององค์กรแรงงานโลก (International Labour Organization: ILO) ระบุตัวเลขแรงงานข้ามชาติในไทยว่า มีถึง 1.8 ล้านคน ในปี 2549 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปี 2538 (มีประมาณ 700,000 คน) พร้อมชี้ว่าแรงงานข้ามชาติมีส่วนช่วยในการทำรายได้เข้าประเทศไทยในปี 2549 ถึง 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่พวกเขาเหล่านี้ได้รับค่าจ้างจากการทำงานเพียงแค่ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น นั่นคือประมาณร้อยละ 18.1 ของรายได้ที่แรงงานข้ามชาติเหล่านี้ทำเข้าประเทศไทย [3]

ทั้งนี้ ความต้องการแรงงานข้ามชาติของไทยมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโต ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2550 [4] เห็นชอบให้แรงงานข้ามชาติที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (มี ท.ร.38/1) ซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับและทำงานในประเทศไทย สามารถอยู่ในประทศได้อีกเป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี เนื่องจาก TDRI ได้สำรวจพบว่ามีความต้องการแรงงานต่างด้าวอีกกว่า 600,000 คน และมีความเป็นไปได้ในการเปิดขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่ เพื่อรองรับในกิจการประมง และภาคอุตสาหกรรมที่ยังขาดแรงงาน

คงต้องยอมรับความจริงในข้อที่ว่า ปรากฏการณ์การย้ายถิ่นเพื่อแสวงหางานทำ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก และประเทศไทยเองก็เป็นส่วนหนึ่งในการหมุนเวียนของแรงงานข้ามชาติ ทั้งในฐานะเป็นประเทศผู้ส่งออกและนำเข้าแรงงาน เมื่อความต้องการแรงงานข้ามชาติยังคงมีอยู่ เราก็ต้องอยู่ร่วมกันต่อไปเรื่อยๆ แต่จะอยู่กันอย่างไรคงเป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบร่วมกัน

เมื่อสภาวการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้สร้างความหวาดระแวงต่อกันในสังคมของคนไทยและแรงงานข้ามชาติ ทั้งจากการกำหนดมาตรการทางการปกครองของจังหวัดต่างๆ ตามคำสั่งด้านความมั่นคง แรงงานข้ามชาติบางส่วนตกเป็นจำเลยของสังคมในฐานะผู้ก่อปัญหาด้านอาชญากรรมจากสื่อมวลชน ในขณะที่แรงงานบางส่วนถูก กดขี่ ขูดรีด และบ้างก็อยู่ในสถานะเหมือนเป็น “มนุษย์ที่ไร้ตัวตน” ผู้ไร้สิทธิไร้เสียง

ดังเช่นในส่วนของการรักษาพยาบาล หนึ่งในปัจจัย 4 ของการดำรงชีวิต ที่ทุกคนควรมี และควรเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม...





การรักษาพยาบาล สิทธิพื้นฐานของมนุษย์ที่โยงกับ “รัฐ” และ “เงิน”

ข้อมูลจากองค์การหมอไร้พรมแดน – เบลเยี่ยม ประจำประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินโครงการเพื่อการเข้าถึงการรักษาและป้องกันโรคทั่วไปใน จ.พังงา (จังหวัดหนึ่งที่มีการออกประกาศจังหวัด) หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ ระบุว่า แรงงานข้ามชาติมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยสร้างและปรับปรุงสิ่งต่างๆ ที่ถูกทำลายไปจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเกษตร การประมง ให้ จ.พังงา กลับมาเป็นแหล่งทำรายได้ของประเทศไทยอีกครั้ง แต่พวกเขากลับไม่ได้แม้กระทั่งสิทธิในการเข้าถึงการรักษาซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

ทั้งนี้ องค์การหมอไร้พรมแดนฯ ทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล ซึ่งมีแรงงานข้ามชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก คือ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง และ ต.ท่าอยู่ อ.ตะกั่วทุ่ง โดยจัดแพทย์และอาสาสมัครให้บริการตรวจรักษาสุขภาพทั่วไป และให้การศึกษาในการดูแลรักษาสุขภาพแก่แรงงาน รวมทั้งให้บริการคลินิกเคลื่อนที่ตามท่าเรือประมง สวนยางฯ และพื้นที่ก่อสร้างที่แรงงานข้ามชาติทำงานและอาศัยอยู่ โดยในช่วงระยะเวลา 3 ปี ของการทำงาน ได้ทำการรักษาแรงงานข้ามชาติไปแล้วกว่า 10,000 คน

นางสาวสุขศรี เสน่หา ผู้ประสานงานโครงการเข้าถึงการรักษาในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ องค์การหมอไร้พรมแดนฯ จ.พังงา ฉายภาพความเป็นไปของการทำงานว่า แรงงานข้ามชาติในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าซึ่งเข้ามาทำงานโดยผ่านนายหน้าที่มีทั้งคนไทยและคนพม่า และปัญหาในการรักษาพยาบาล คือการไม่มีบัตรประกันสุขภาพ เนื่องจากไม่มีเอกสาร ทร 38/1 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญตามกฎหมายของแรงงานข้ามชาติ ที่จะนำไปใช้ทำใบอนุญาตทำงานรวมทั้งบัตรประกันสุขภาพต่อไป สิ่งเหล่านี้ทำให้แรงงานข้ามชาติที่อยู่ในฐานะคนนอกกฎหมาย (ไม่มี ทร 38/1) ไม่ได้รับหลักประกันในการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานด้วย

อย่างไรก็ตาม นางสาวสุขศรีได้อธิบายว่า การทำประกันสุขภาพนั้น ส่วนใหญ่โรงพยาบาลจะทำให้เพื่อนำไปใช้ขอใบอนุญาตทำงาน ทั้งนี้แรงงานไม่สามารถทำประกันสุขภาพเพียงเพื่อรับรองสิทธิในการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการทำประกันสุขภาพและใบอนุญาตทำงานรวมกันครั้งหนึ่งประมาณ 5,500 บาท ต่อคนต่อปี ถือว่าเป็นภาระสูงมากสำหรับแรงงานข้ามชาติ ซึ่งมีการได้เฉลี่ยเพียงเดือนละประมาณ 4,000 บาท แต่หากเป็นแรงงานในภาคธุรกิจประมงจะมีรายได้ต่ำกว่าคือประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อเดือน

นอกจากค่าใช่จ่ายที่แรงงานข้ามชาติต้องจ่ายต่อปีแล้ว แรงงานข้ามชาติยังถูกเก็บ ‘เบี้ยรายทาง’ จากผู้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่โดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ในอัตราเดือนละ 300-600 บาท บางพื้นที่จะมีคนเข้าไปเรียกเก็บถึงในสวนยางที่เป็นที่พัก และบางรายมีนายจ้างเป็นผู้เรียกเก็บจากแรงงานแล้วส่งต่อ โดยข่มขู่ว่า หากไม่จ่ายจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม

ในส่วนนี้เธอแสดงความเห็นว่า หากมีระบบเก็บเงินเป็นรายเดือนสำหรับการทำบัตรประกันสุขภาพ ก็จะช่วยลดภาระการซื้อบัตรประกันสุขภาพราคาแพงจากเหตุผลที่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากในครั้งเดียว หรืออาจจัดตั้งกองทุนในการรักษาพยาบาลแรงงานข้ามชาติเพื่อเป็นเงินสำหรับการรักษาพยาบาลในโรคที่บัตรประกันสุขภาพไม่ครอบคลุม หรือสำหรับคนที่ไม่มีบัตรประกันสุขภาพ

ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาการเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาลในแรงงานข้ามชาติสำหรับแรงงานข้ามชาติในทุกจังหวัดของประเทศไทย องค์การหมอไร้พรมแดนฯ ได้พยายามเสนอทางออกในการปรับปรุงการให้บริการตรวจรักษาพยาบาล โดยให้ปรับปรุงกระบวนการขึ้นทะเบียนฯ สำหรับแรงงานข้ามชาติให้มีขั้นตอนง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และมีค่าธรรมเนียมการขึ้นทะเบียนที่ไม่แพงจนเกินไป

“ทำอย่างไรให้แรงงานข้ามชาติทุกคนสามารถทำบัตรประกันสุขภาพ เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเข้าถึงการรักษาได้จริง โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับสถานภาพในการขึ้นทะเบียนฯ แรงงาน” นางสาวสุขศรี กล่าวด้วยความมุ่งหวัง

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการรักษาพยาบาล และการดูแลสุขภาพแรงงานข้ามชาติ ก็เป็นภาระความรับผิดชอบหนึ่งของหน่วยงานภาครัฐที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และหน่วยงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรงก็คือ กระทรวงสาธารณสุข





นโยบายกระทรวงสาธารณสุขกับการแก้ปัญหาสุขภาวะแรงงาน

นายชาญวิทย์ ทระเทพ ผู้อำนวยการ สำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงส่าธารณสุข กล่าวถึงปัญหาของนโยบายด้านสุขภาพของแรงงานข้ามชาติว่า การที่นโยบายตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผ่อนผันชั่วคราวเพื่อให้แรงงานข้ามชาติสามารถเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้ เป็นไปในรูปแบบปีต่อปี ทำให้โครงการต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการด้านสาธารณสุขของแรงงานไม่ต่อเนื่อง เมื่อรวมกับขั้นตอนการทำงานในระบบงานราชการ จึงทำให้กระบวนการต่างๆ ล่าช้า ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร

ส่วนปัญหาเกี่ยวกับตัวแรงงาน นายชาญวิทย์ กล่าวว่า การเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย ทำให้แรงงานเกิดความกลัว อีกทั้งยังมีปัญหาในการติดต่อสื่อสาร ในส่วนนายจ้างก็มีปัญหาเรื่องความไว้วางใจต่อแรงงานที่ต้องออกค่าใช้จ่ายล่วงหน้าเพื่อการจดทะเบียนแรงงานให้ถูกกฎหมาย และในส่วนของสถานบริการทางการแพทย์ของรัฐก็มีปัญหาทรัพยากรสาธารณสุขมีจำกัด ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากระบบหลักประกันสุขภาพที่ขาดความยืดหยุ่นกับคนที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพ ซึ่งโรงพยาบาลต้องเป็นผู้แบกรับภาระในส่วนนี้

สถานการณ์ในปัจจุบันนายชาญวิทย์ยอมรับว่า ปัญหาเกี่ยวกับทัศนคติของบุคคลากรทางการแพทย์ต่อแรงงานข้ามชาติยังคงมีอยู่ โดยกล่าวว่ามีพยาบาลบางส่วนสวมหมวกสองใบ คือเป็นพยาบาล และผู้รักชาติที่จะต้องดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของชาติ แต่ก็ย้ำว่าไม่ใช่กิจทางการแพทย์ที่อยู่ๆ จะไปแจ้งความว่า มีแรงงานข้ามชาติมาทำการรักษาพยาบาล หรือมาทำคลอด เพราะระบบบริการของสถานพยาบาลมุ่งรักษาสุขภาพเป็นหลัก

“การจัดหลักประกันสุขภาพ เราคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักสิทธิมนุษยชน โดยมีมิติการดูแลสุขภาพที่มีสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับคนไทยในโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คือโครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค” นายชาญวิทย์กล่าว

ทั้งนี้นายชาญวิทย์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้ประชาสัมพันธ์ให้แรงงานที่แม้ไม่ได้ลงทะเบียนแรงงานหรือไม่มีบัตรประจำตัวแรงงานก็สามารถซื้อบัตรประกันสุขภาพ โดยที่ไม่ต้องผ่านการลงทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ได้รับสิทธิในการตรวจรักษา ซึ่งจะลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคและทำให้แรงงานมีสุขภาพดีขึ้น

เมื่อมีการสอบถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของราคาบัตรประกันสุขภาพ นายชาญวิทย์กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายด้านหลักประกันสุขภาพของไทยนั้นถูกที่สุดในโลก โดยขณะนี้ รัฐบาลจ่ายค่าหลักประกันสุขภาพของคนไทย 2,000 บาทต่อคนต่อปี สำหรับแรงงานต่างด้าวได้จัดทำระบบประกันสุขภาพโดยแรงงานต้องจ่ายในราคา 1,300 บาท รวมกับค่าบริการตรวจสุขภาพอีก 300 บาท เป็นรายคนต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่คำนวณแล้วว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่ขาดทุนและแรงงานรายได้ต่ำสามารถจ่ายได้

เนื่องจากงบประมาณด้านสุขภาพของไทยในปัจจุบันลดลงจาก 5.2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เหลือ 3.9 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี จากการใช้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และรัฐต้องสนับสนุนงบเพิ่มมาโดยตลอด อีกทั้งคนไทยเองก็เรียกร้องให้เพิ่มเติมการประกันสุขภาพให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ เช่น ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายโรคไต ทำให้ต้องเพิ่มงบประมาณอีกกว่า 2,000 ล้าน จึงไม่มีเงินที่จะอุดหนุนเพิ่มเติมในส่วนของแรงงานต่างด้าว สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการสนับสนุนให้ซื้อบัตรประกันสุขภาพ ซึ่งในส่วนนี้เป็นสิ่งที่นายจ้างต้องสนับสนุน

“เมื่องบประมาณด้านป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น งบประมาณด้านสังคมและสาธารณสุขย่อมลดลง ฉะนั้นเราต้องตระหนักถึงความเป็นจริงข้อนี้และต้องช่วยกัน” นายชาญวิทย์กล่าว





เมื่อ (คิดว่า) แรงงานข้ามชาติคือแหล่งแพร่เชื้อโรค

โรคติดต่อในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ คือปัญหาหนึ่งที่พบเกี่ยวกับสุขภาวะแรงงานที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งการปิดกันการักษาพยาบาล หรือการขับไล่ผู้ป่วยให้ออกนอกประเทศของไม่ใช่ทางแก้ของปัญหาทีดีนัก...

นางสาวสุขศรีกล่าวว่า องค์การหมอไร้พรมแดนฯ ได้ทำการเยียวยาและให้ความรู้ อาทิ โรคเอดส์ มาเลเรีย ไข้เลือดออก และวัณโรค ซึ่งวัณโรคนั้นแม้จะเป็นโรงที่รักษาหายได้ แต่ก็เป็นโรคมีอาการดื้อยามากในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ เพราะคนไข้ส่วนใหญ่จะรักษาไม่ครบ 6 เดือน และบ้างก็ได้รับการรักษาล่าช้า

ทั้งนี้กระบวนการในการแพร่กระจายของเชื่อโรคนั้น เกิดจากแรงงานที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และเมื่ออาการของโรครุนแรงผู้ป่วยมักคิดว่าไม่มีทางรักษา จึงเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีการดูแลรักษาโรคที่ถูกต้อง ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายในพื้นที่นั้นๆ เมื่อแรงงานวัยหนุ่มในพื้นที่ดังกล่าวเข้ามาที่มาทำงานในประเทศไทยก็จะนำเชื้อโรคเข้ามาด้วยอย่างไม่รู้ตัว เพราะในเบื้องต้นยังไม่แสดงอาการ ทั้งนี้ เมื่อร่างกายอ่อนแออาการของโรคก็จะเกิดขึ้น และสามารถเป็นพาหะแพร่กระจายโรคต่อไปได้

จากการตรวจรักษาแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ พบมีผู้ป่วยวัณโรคโดยเฉลี่ยปีละ 50 ราย ซึ่งการรักษาโรคติดต่อในกลุ่มแรงงาน ถือเป็นการดูแลไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปสู่คนไทย นอกจากนี้ในส่วนของนายจ้างเองก็ได้แรงงานที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมที่จะทำงานได้อย่างเต็มที่

ดังคำพูดที่ว่า “ป้องกันเรา รักษาเขา” เพราะ ‘เราทุกคน’ ต้องอยู่ร่วมกัน อีกทั้งโรคภัยไข้เจ็บนั้นเป็นกันได้โดยไม่เลือกเชื้อชาติ

การอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นสุข ปราศจากโรคภัย ถือเป็นความมั่นคงอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิต ที่ไม่ต้องใช้อำนาจ (ทางกฎหมาย) บีบบังคับ หรือจับตามองกันด้วยความหวาดระแวง



เก็บตกจากการลงพื้นที่... เมื่อมีมาตรการทางการปกครอง

จากการลงพื้นที่ จ.พังงา เมื่อปลายปี 50 หลังการประกาศมาตรการปกครองจังหวัด สถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้วสำหรับแรงงานข้ามชาติยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อพวกเขาถูกจับจ้องจากเจ้าหน้าที่รัฐและคนในชุมชนมากยิ่งขึ้น

เมื่อแรงงานข้ามชาติมีบัตรประกันสุขภาพ ก็ไม่แปลกที่จะว่าแรงงานข้ามชาติเข้าไปรับการรักษาในโรงพยาบาล แต่อุปสรรค์ของการเข้ารับการรักษาพยาบาลของพวกเขาไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เมื่อการติดต่อสื่อสารยังเป็นปัญหา การเดินทางต้องมีค่าใช้จ่าย และความหวาดระแวงต่อเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายยังคงมีอยู่ อีกทั้งภาพในมุมลบต่อพวกเขายั้งติดตาตรึงใจของคนทั่วไป ทำให้ที่ผ่านมากว่าที่คนป่วยจะตัดสินใจเข้ารับการรักษา ร่างกายของพวกเขาก็เจ็บหนักจนเกิด เยียวยา และหลายต่อหลายรายต้องเสียชีวิตด้วยเหตุผลเช่นนี้

แม้ว่า ในพื้นที่จะมีสถานพยาบาลซึ่งมีอาสาสมัครที่สามารถสื่อสารภาษาพม่าได้จะได้รับความนิยมเข้ารับการรักษาจากแรงงานข้ามชาติชาวพม่าเป็นจำนวนมาก เพราะพวกเขาส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์การรักษาที่ครบครัน เนื่องจากอุปสรรค์ด้านภาษา การเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการักษา อีกทั้งความกลัวที่จะถูกตำรวจจับ

จากการพูดคุย (โดยผ่านล่าม) กับแรงงานข้ามชาติชาวพม่าราว 30 คน ซึ่งประกอบอาชีพกรีดยางในสวนยางเนื้อที่นับหมื่นไร่ ของบริษัทสวนยางงานทวี ซึ่งมีแรงงานข้ามชาติทำงานอยู่ทั้งสิ้นกว่า 2,000 คน โดยกระจายกันอยู่ในเต็นท์ (ที่พักของกลุ่มแรงงานเป็นเพิงที่ถูกจัดไว้เป็นชุมชนย่อมๆ) 23 แห่ง พบว่าแม้แรงงานแทบทั้งหมดจะเห็นด้วยกับการทำบัตรประกันสุขภาพ เพราะจะได้รับการดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลและเสียค่าใช้จ่ายที่ถูกลง

แต่ที่นี่ยังมีการทำคลอดกันเองโดยหมอตำแย ซึ่งถือว่ามีความเสียงต่อแม่และเด็กมากกว่าการแพทย์สมัยใหม่ ในสนนราคา 4,000 บาท ซึ่งไม่ได้ต่ำไปกว่าการคลอดในโรงพยาบาลเลย แต่พวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายด้วยเหตุผลที่ว่า

“เสียค่าใช้จ่ายเท่าๆ กัน แต่คลอดโดยหมอตำแยสามารถจ่ายเป็นงวดๆ ได้ ไม่ต้องจ่ายแล้วจ่ายเลยเหมือนที่โรงพยาบาล ไม่ต้องเสียค่าคนดูแล และที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาโดนตำรวจจับ...”

ถึงวันนี้ ปัญหาสุขภาวะแรงงานยังคงวนเวียน และวนเวียนอยู่ด้วยความกลัว ซึ่งการสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกนั้นไม่ได้ทำให้เกิดผลดีใดๆ ต่อการคลี่คลายปมปัญหา เพราะการดึงปมด้วยแรงกำลังที่หยาบกระด้าง เหมือนที่เราใช้มาตรการทางอำนาจแก้ไขปัญหา... ยิ่งใช้แรง ปมยิ่งแน่น จนแก้ไม่หลุด

เชิงอรรถ

[1] รายละเอียดประกาศจังหวัดพังงา //www.mapfoundationcm.org/Thai/pangnga.html

[2] อดิศร เกิดมงคล, รายงาน: แรงงานข้ามชาติในสังคมไทย (1): การย้ายถิ่นของผู้ลี้ภัย ความผูกพันกับสังคมไทย, ประชาไท, 19 ต.ค. 50

[3] จดหมายข่าวองค์การหมอไร้พรมแดน ฉบับที่ 4

[4] จดหมายข่าวกรมจัดหางาน //lib.doe.go.th/ebook/020400005892_0.pdf








--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 19/2/2551

 

โดย: 3602 IP: 203.113.38.12 21 กุมภาพันธ์ 2551 11:31:56 น.  

 

เมื่อสังคมละเลย…ขอทานเด็กก็กลับมา
โดย : เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข
เมื่อ : 20/02/2008 06:04 PM
"เด็กขอทาน" ประติมากรรมด้านมืดของสังคม ที่แสดงถึงความตกต่ำของจิตใจมนุษย์ในการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด เมื่อสังคมเริ่มตั้งคำถามต่อหน่วยงานภาครัฐในการจัดการและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ภาพของเด็กขอทานที่นั่งอยู่ตามข้างถนนก็บางตาลง แต่เมื่อใดที่รัฐละเลย...ประติมากรรมเหล่านั้น ก็กลับมา

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา หนึ่งในองค์กรพัฒนาเอกชนที่เกาะติดปัญหานี้ ขอนำเสนอข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ

เด็กขอทานมาจากไหน???

หากพิจารณาจากพื้นที่ภูมิศาสตร์ทำเลทองในการขอทาน โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อาจกล่าวได้ว่า กว่า 90 % คือขอทานที่มาจากประเทศกัมพูชา

ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลนักเพียงสองร้อยกว่ากิโลเมตร จากชายแดนด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เข้ามาถึงเมืองหลวงของประเทศไทย คงมิใช่เรื่องยากที่ขบวนการค้ามนุษย์จะลำเลียง "เด็ก" เพื่อมาเป็นแรงงานทาสในธุรกิจขอทาน...

"เด็ก" ที่ถูกนำมาเป็นขอทานมีอายุตั้งแต่แรกเกิด จนถึงประมาณ 10 ปี หากโตเกินกว่านั้นแล้ว ย่อมหมดความน่าสงสาร ไม่อาจทำรายได้ให้แก่ธุรกิจขอทานแต่อย่างใด

เกือบทุกครั้ง เรามักเห็นว่า "เด็กขอทาน" มีหญิงขอทานที่กล่าวอ้างตัวเองว่าเป็น "แม่" คอยนั่งอยู่ใกล้ๆ หรือ นั่งขอทานห่างไปอีกสักมุมสะพานลอยอยู่เสมอ นั่นอาจเป็นแม่ของเด็กขอทานหรือมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเด็กคนนั้นจริงๆ แต่อีกส่วนหนึ่งเราพบว่าหญิงและเด็กที่นั่งอยู่ด้วยกันนั้นไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด และเด็กถูกนำมาขอทานด้วยวิธีการที่ไม่ต่างจากสินค้า คือ การเช่า และซื้อ มาจากครอบครัวของเด็กเอง!!! แต่ถึงที่สุดแล้วไม่ว่าเด็กจะมาจากวิธีการก็ตาม พวกเขาต้องได้รับการการคุ้มครองสิทธิความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกันกับเด็กทั่วโลก และชีวิตของพวกเขาไม่ควรเรียนรู้โลกกว้างจากข้างถนนโดยเด็ดขาด!!!

วิธีการในการนำเข้าเด็กขอทาน

เส้นทางในการนำเด็กและขบวนการขอทานเข้าสู่ประเทศไทย ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนหรือยุ่งยากแต่อย่างใด เพราะมีวิธีนำพาเด็กมุ่งเข้าสู่ เมืองหลวงของประเทศไทย ได้หลากหลายวิธี
ทางรถยนต์

เป็นวิธีการยอดนิยม อีกวิธีการหนึ่งที่ขบวนการค้าคน จะขนส่งสินค้ามนุษย์เข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย โดยสนนราคาที่ 1,500-3,000 บาทต่อหญิงและเด็ก 1 คู่ ซึ่งหากพิจารณาถึงสภาพการตรวจตราที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในเส้นทางจากตลาดโรงเกลือถึงจังหวัดปราจีนบุรีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีขบวนการขนคนรอดสายตาไปได้... แต่ยุทธวิธี "กองทัพมด" ที่จอดรถเดินเท้าอ้อมผ่านด่านตรวจ ก็ยังคงเป็นวิธีการที่ถูกนำมาใช้ และใช้ได้เสมออย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน

ทางรถไฟ

เป็นอีกหนึ่งวิธีการ ที่จะสามารถขนคนเข้ามายังกรุงเทพมหานคร ได้อย่างสะดวก ทั้งๆ ที่บนขบวนรถไฟมีเจ้าหน้าที่รถไฟ และตำรวจรถไฟ คอยตรวจตราอย่างเข้มงวด

หญิงขอทานคนหนึ่ง เธอเปิดเผยว่า "สามารถซื้อตั๋วรถไฟจากช่องจำหน่ายตั๋วได้ด้วยตัวเอง" สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วที่สถานีรถไฟอรัญประเทศที่กล่าวว่า "ใครมีเงินมาซื้อ ก็ขายทั้งนั้น"

หญิงขอทานคนดังกล่าว ยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่า เธอต้องเตรียมเงินจำนวนหนึ่งไว้จ่ายค่าผ่านทางบนรถไฟ????

รถโดยสาร

รถโดยสารประจำทางที่แล่นจากอรัญประเทศเข้ากรุงเทพมหานคร ต้องหยุดตรวจค้นและแสดงบัตรประชาชนของผู้โดยสารทุกครั้ง แต่มีรถโดยสารประเภทหนึ่งที่วิ่งรับนักท่องเที่ยวจากบ่อนคาสิโนเข้ามายังกรุงเทพฯ ที่ไม่ต้องหยุดตรวจ และรถโดยสารดังกล่าวไม่เฉพาะนักเล่นการพนันเท่านั้นที่สามารถขึ้นได้ แต่ทุกคนที่มีเงินจ่ายค่าโดยสาร ก็สามารถเดินทางมากับรถโดยสารคันนี้ได้ทั้งนั้น ทุกอย่างเหมือนรถโดยสารประจำทาง แต่สิ่งที่ต่างกันคือ รถโดยสารเหล่านี้ไม่ต้องหยุดตรวจที่ด่านตรวจ


"เด็ก" เครื่องมือในการขอทาน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเมื่อใดก็ตามที่ท่านพบเห็นเด็กขอทานนั่งหน้าตาใสซื่อ หรืออยู่ในอ้อมกอดของคนที่พาเขามาขอทาน ความสงสารและความเห็นใจจะคืบคลานเข้าสู่สามัญสำนึกของเราๆ ท่านๆ และหลังจากนั้น คงต้องถึงเวลาตัดสินใจว่า จะยอมใจแข็งเดินจากไป หรือ ควักเศษเงินตอบแทนความน่าสงสารเบื้องหน้า...

ด้วยความน่าสงสารและน่าเห็นใจนี่เอง ที่ทำให้เด็ก ต้องกลายมาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ และการขอทาน ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ทำเงินให้แก่ ผู้อยู่เบื้องหลังได้ไม่น้อยทีเดียว

ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้ลงพื้นที่ติดตามขบวนการต่างๆ ที่นำเด็กมาขอทาน พบว่า เด็กบางรายต้องออกมาขอทานตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนกระทั่งเวลา 5 ทุ่ม กว่าจะได้กลับบ้านพักผ่อน ระยะเวลาในการขอทานช่างเนินนานนัก เมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตแบบข้างถนนที่เด็กไม่สมควรจะได้รับ ซ้ำร้ายเด็กเหล่านี้ขาดโอกาสทางการศึกษาตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้น เมื่อเด็กเติบโตขึ้น ทางเลือกในการประกอบอาชีพเลี้ยงตัวก็ลดน้อยลง ผลักดันให้เด็กกลุ่มนี้อาจเติบโตในภาวะของเด็กเร่ร่อนและอาจก่ออาชญากรรมเพื่อประทังชีวิตในอนาคต

ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม หากคนในสังคมยังมองภาพการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กอย่างตื้นเขิน ไม่ตั้งคำถามถึงที่มาที่ไป หรือ สงสัยต่อคุณภาพชีวิตที่เด็กทุกคนควรจะมีและควรได้รับการปกป้องคุ้มครอง "เด็กขอทาน" ก็ยังเป็นเครื่องมือที่ขายได้ และเป็นจะภาพชินตาของคนในสังคมต่อไป

คนในสังคมจะช่วยกันได้อย่างไร

หากย้อนมองดูพฤติกรรมที่ผ่านมาของตัวเอง เราอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนธุรกิจเด็กขอทานก็เป็นไปได้ หากการตัดความรำคาญหรือความสงสาร เป็นเพียงการหยิบยื่นเศษเงินให้เด็กขอทาน แล้วคิดในใจว่าได้ช่วยเหลือพวกเขาตามหน้าที่ของเพื่อนมนุษย์แล้ว ลองคิดในมุมกลับกันว่า เหตุใดเด็กคนนี้ยังไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเลย ทั้งๆ ที่มีคนบริจาคเงินให้เด็กขอทานเป็นจำนวนมาก เงินเหล่านั้นหายไปไหนและใครเป็นคนได้รับประโยชน์ นอกจากนี้ เราเคยตั้งข้อสังเกตกันมั้ยว่า เหตุใดเด็กขอทานจึงเพิ่มมากขึ้นทุกวัน??? คำตอบนั้นอาจอยู่ที่ความเป็นเด็ก "ขายได้" และ "ขายดี" เสียด้วย

ลองเปลี่ยนทัศนคติ และเปลี่ยนจากเศษเงินที่จะหยิบยื่นให้เด็กขอทาน เป็นค่าโทรศัพท์ในการแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปให้ความช่วยเหลือเด็กขอทานคนนั้นจะดีกว่ามั้ย???

เศษเงินของคุณคงจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เพราะนั่นเป็นการช่วยเหลือเด็กอย่างถูกวิธี...และหยั่งยืนที่สุด

บทบาทรัฐในการแก้ไขปัญหา

"รัฐ" คงมิอาจบ่ายเบี่ยงและปฏิเสธความรับผิดชอบในปัญหาเด็กขอทานไปได้ ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นเด็กไทยหรือเด็กสัญชาติใดก็ตาม เพราะรัฐมีหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองเด็กทุกคนที่อยู่บนพื้นแผ่นดินไทย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คงต้องยืดอกออกมาร่วมรับผิดชอบในฐานะเจ้าภาพอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เพราะเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์และการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เสียงปรบมือที่มีต่อกระทรวงฯ เคยดังก้องสมัยที่เอาจริงเอาจังในการช่วยเหลือเด็กขอทานและปราบปรามขบวนการค้ามนุษ์ที่นำเด็กมาขอทาน เมื่อสักประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันหน่วยงานรัฐที่คอยจับชีพจรปัญหาของสังคมกระทรวงนี้ อาจว่างเว้นและละเลยต่อปัญหาการนำเด็กมาขอทาน จึงทำให้ เด็กขอทาน เริ่มถูกนำกลับมาแสวงหาผลประโยชน์และผุดเต็มทั่วทุกพื้นที่อีกครั้ง

บทบาทสำคัญของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการเปิดศูนย์ฮอทไลน์ ชื่อว่า "ศูนย์ประชาบดี" คอยทำหน้าที่รับแจ้งปัญหาสังคมต่างๆ รวมทั้งเรื่องเด็กขอทาน ควรมีบทบาทเชิงรุกมากกว่าการรับแจ้งเพื่อประสานงานไปยังตำรวจท้องที่เกิดเหตุอีกต่อหนึ่ง ซึ่งนั่นแทบเป็นการโยนข้อมูลของพลเมืองดีทิ้งลงถังขยะจนแทบไม่มีประโยชน์ ที่ต้องกล่าวเช่นนั้นเพราะว่า กระบวนการของตำรวจท้องที่เมื่อได้รับแจ้งจากศูนย์ประชาบดี ส่วนใหญ่จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบและไล่ให้เด็กไปนั่งขอทานที่อื่นนอกพื้นที่รับผิดชอบของตนหรือบ่อยครั้งที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูที่เกิดเหตุเลย ซึ่งลักษณะการดำเนินการแบบนี้แทบไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย การปราบปรามขบวนการขอทานจำเป็นต้องทำการสืบสวนเก็บข้อมูลมาขยายผลเพื่อเชื่อมโยงคนบงการใหญ่ มิใช่เพียงไล่เด็กให้พ้นหูพ้นตาแล้วนั่งภูมิใจว่าไม่มีขอทานในพื้นที่ของตน

ท้ายสุดแล้ว การจัดการปัญหาเด็กขอทาน เป็นภารกิจและหน้าที่ของทุกคน ที่จะช่วยกันปกป้องเด็กของสังคมมิให้ต้องตกเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่ใจร้ายที่คอยแต่จะกัดกินผลประโยชน์จากชีวิตน้อยๆ อยู่ร่ำไป...และต้องร่วมกันหยุดสร้างบุญในธุรกิจบาป


เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข
ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์
มูลนิธิกระจกเงา

 

โดย: 9506 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 12:59:03 น.  

 

9 นักกฎหมายชั้นนำของโลก แฟกซ์ถึงนายกฯ ชี้ไทยทำ ‘ซีแอล’ ถูกต้อง เชื่อไม่โดนตอบโต้ทางการค้า

//www.prachatai.com/05web/th/home/11259

 

โดย: 6332 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 13:16:42 น.  

 

การประชุมเชิงวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยของศูนย์วิจัยเพื่อการศึกษาและแรงงาน
โดย : ศูนย์วิจัยเพื่อการศึกษาและแรงงาน เมื่อ : 20/02/2008 06:48 PM
การประชุมเชิงวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยของศูนย์วิจัยเพื่อการศึกษาและแรงงาน
(Centre for Education and Labour studies)

โดย ศูนย์วิจัยเพื่อการศึกษาและแรงงาน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

//www.thaingo.org/prboard_1/view.php?id=7178

 

โดย: 2935 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:05:02 น.  

 


สัมมนา รัฐบาลใหม่: ข้อเสนอเชิงนโยบายจากแรงงานหญิง[/
โดย : คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย เมื่อ : 20/02/2008 06:45 PM
คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ร่วมกับกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี และมูลนิธิเฟดริค เอแบร์ทฯ จัดสัมมนาเรื่อง “นโยบายแรงงานของรัฐบาลใหม่ : แรงงานหญิง?” ในวันอาทิตย์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค ดินแดง กรุงเทพฯ (รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย) ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งก่อนวันสตรีสากล ๘ มีนาคม ๒๕๕๑


กำหนดการสัมมนา เรื่อง
รัฐบาลใหม่: ข้อเสนอเชิงนโยบายจากแรงงานหญิง

๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค ดินแดง กรุงเทพฯ


๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ ลงทะเบียน
๐๙.๐๐-๐๙.๓๐ กล่าวต้อนรับ โดย เพลินพิศ ศรีศิริ ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี
ผู้อำนวยการมูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท
กล่าวเปิดงาน โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน*
๐๙.๓๐-๑๐.๓๐ แถลงข่าว ข้อเสนอจากผู้ใช้แรงงานหญิงต่อรัฐบาลใหม่
โดย คณะทำงานวันสตรีสากล ๒-๓ คน
แรงงานหญิงผู้ประสบปัญหาศูนย์เลี้ยงเด็ก
ดำเนินรายการโดย สุนี ไชยรส คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑๐.๓๐-๑๐.๔๕ พักกาแฟ
๑๐.๔๕-๑๑.๔๕ อภิปรายหัวข้อ “ศูนย์เลี้ยงเด็ก – คืบหน้าไปถึงไหนและ
ควรปรับแนวทางรณรงค์อย่างไร”
- ผู้แทนกระทรวงที่ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MoU)
เรื่อง ศูนย์เลี้ยงเด็ก*
- ดำเนินรายการโดย สุนี ไชยรส คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑๑.๔๕-๑๒.๓๐ อภิปรายทั่วไป
๑๒.๓๐-๑๓.๓๐ อาหารกลางวัน
๑๓.๓๐-๑๕.๐๐ แรงงานหญิง – บทบาทในไตรภาคี และแนวทางส่งเสริม
- ธนพร วิจันทร์ กลุ่มผู้ใช้แรงงานสระบุรีและใกล้เคียง
- รศ.มาลี พฤกษ์พงศาวลี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- รัชฎาภรณ์ แก้วสนิท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์
ดำเนินรายการโดย ศุภมาส เสนะเวส สื่อมวลชน
๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ อภิปรายทั่วไปและสรุป


* กำลังติดต่อ


คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)
Thai Labour Solidarity Committee (TLSC.)
สำนักงานประสานงาน ๕๐๓/๒๐ ถนนนิคมรถไฟ มักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐
โทรศัพท์/โทรสาร ๐-๒๖๕๔-๗๖๘๘ อีเมล solidarity@uni-tlsc.org Website : //www.unithailand.org , Webblog ://solidarity.blogth.com



 

โดย: 4334 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:18:46 น.  

 

รายละเอียดเวทีเสวนา:
หัวข้อ: อนามัยเจริญพันธุ์ และสุขภาวะทางเพศสำหรับทุกคน
วันที่: อังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551
เวลา: 16.00-18.00 น.

สถานที่: ศูนย์ปฏิบัติการด้านเอชไอวี/เอดส์ เครือข่ายสุขภาพและการพัฒนา 172/1 ถ.กำแพงดิน ต.หายยา อ.เมือง เชียงใหม่

โปรดสำรองที่นั่งล่วงหน้า: กรุณาโทรศัพท์มาที่ 053-449055 # 101 คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการเอชไอวี/เอดส์ ขอขอบคุณที่ท่านลงทะเบียนเข้าร่วมรายการล่วงหน้า เอกสารที่จัดทำจะจัดเตรียมไว้เฉพาะผู้ที่ลงทะเบียน

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาอีเมล์มาที่ actioncentre@hdnet.org
//www.thaingo.org/prboard_1/view.php?id=7176

 

โดย: 2875 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:26:06 น.  

 

ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ฯ
โดย : สภาที่ปรึกษาฯ เมื่อ : 19/02/2008 11:09 AM
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ขอเชิญประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551
เพื่อสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

จะได้จัดทำความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาต่อไป ...ทางเว็บไซต์ //www5.nesac.go.th/index.php

รายละเอียดเพิ่มเติม
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
128 อาคารพญาไท พลาซ่า ชั้น 27 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 หรือ ตู้ ปณ. 27 ปณฝ. ราชเทวี กรุงเทพฯ 10401

โทร. 0-2612-9222 (50 คู่สาย) โทรสาร 0-2216-5222-3
E-mail : nesac@nesac.go.th, //www.nesac.go.th

 

โดย: 1041 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:30:03 น.  

 

เดินป่า... ศึกษาธรรมชาติ ลอดถ้ำ... ชมความงามหินงอกหินย้อย และลำธาร... สายน้ำไม่เคยเหือดหายของน้ำตกไตรตรึงษ์
โดย : มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เมื่อ : 7/02/2008 12:25 PM
“ เดินป่า... ศึกษาธรรมชาติ ลอดถ้ำ... ชมความงามหินงอกหินย้อย และลำธาร... สายน้ำไม่เคยเหือดหายของน้ำตกไตรตรึงษ์ ”

กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมทัศนศึกษา ที่ไม่ได้มีแค่คำว่าพักผ่อน
ครั้งนี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ขอเชิญท่านสมาชิกร่วมผจญภัย และเรียนรู้เกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของถ้ำที่มีความสวยงามของหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตา เทือกเขาหินปูนที่โอบล้อมด้วยป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณที่รวมเอาความหลากหลายของระบบนิเวศมาไว้ด้วยกัน

กับกิจกรรม “ เดินป่า ลอดถ้ำ ล่องลำธาร” ระหว่างวันที่ 29 – 30 มีนาคม 2551
ณ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี

กำหนดการกิจกรรม

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2551

08.00 น. พร้อมกันที่หน้าโรงเรียนเทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ
เพื่อออกเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ท่ามกลางหมู่แมกไม้
กับเมนูอาหารธรรมดาที่รสชาติไม่ธรรมดา ณ. อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ อิ่มอร่อยกับอาหารกันแล้ว พักย่อยอาหาร
เตรียมตัวเดินศึกษาธรรมชาติเส้นทางถ้ำธารลอดน้อย – ถ้ำธารลอดใหญ่ ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ระหว่างเส้นทางท่านจะได้พบกับความสวยงามความมหัศจรรย์ของหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆ ของถ้ำธารลอดและทำความรู้จักกับ“จงโคร่งหรือหมาน้ำ” สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอุทยานฯ และรับฟังเรื่องราวของการก่อกำเนิดถ้ำ โดย ศศิน เฉลิมลาภ นักธรณีวิทยาและเลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
และร่วมฟังบรรยายจากทีมสื่อความหมายของอุทยานฯ ตามสถานีความรู้สองข้างทางของการเดินศึกษาธรรมชาติ ไปจนถึงน้ำตกไตรตรึงษ์ เพื่อสัมผัสกับสายน้ำเย็นที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
17.00 น. กลับจากเดินศึกษาธรรมชาติที่พัก
พักผ่อนตามอัธยาศัยกับบรรยากาศ ฟังเสียงน้ำไหลจากลำธารข้างที่พัก
18.00 น. รับประทานอาหารเย็น และเมื่ออร่อยกับอาหารแล้ว ร่วมกิจกรรมภาคกลางคืน ณ ลานกลางแจ้ง ชมสไลด์ธรรมชาติประกอบเพลงจากทีมสื่อความหมาย รวมถึงการแสดงรำตง การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยง
21.00 น. พักผ่อนเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมแห่งวันใหม่

วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2551

สวัสดีเช้าวันใหม่ กับบรยากาศสบายของสายลมและเสียงน้ำไหล
07.30 น. อาหารเช้า
08.30 น. ร่ำลาผืนป่า ก่อนเดินทางสู่บ้านห้วยหินดำ
09.30 น. ถึงบ้านห้วยหินดำ ชุมชนกะเหรี่ยงที่ยังคงวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม และการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ อีกทั้งชิมผลไม้ปลอดสารพิษของชุมชน ตลอดจนเลือกซื้อของฝากฝีมือชุมชนติดไม้ติดมือกลับไปเป็นที่ระลึก
12.00 น. รับประทานอาหารกับบรรยากาศสบายๆ ในหมู่บ้าน
15.00 น. เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าร่วมกิจกรรม
สมาชิก 2,000.- บาท / ท่าน
บุคคลทั่วไป 2,400.- บาท / ท่าน
เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 1,100.- บาท / ท่าน
(รวมค่าบริการรถบัสปรับอากาศ, ค่าอาหาร, ค่าที่พัก, และค่าประกันชีวิต)

สำรองที่นั่ง ชำระเป็นเงินสด / เช็ค / ธนาณัติ (ปณ.พลับพลาไชย 10100)
สั่งจ่ายในนาม มูลนิธิสืบนาคะเสถียร หรือ โอนเงินผ่านธนาคาร
ชื่อบัญชีมูลนิธิสืบนาคะเสถียร บัญชีออมทรัพย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางบัว เลขที่บัญชี 053 – 2 – 38652 – 4
ธนาคารกรุงไทย สาขา มหานาค เลขที่บัญชี 156 – 1 – 06820 – 9
ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักพหลโยธิน เลขที่บัญชี 099 – 2 – 68730 – 4

(หากโอนเงินผ่านธนาคาร กรุณาส่งสำเนาใบโอนเงินกลับมายังมูลนิธิสืบฯ เพื่อเข้าระบบบัญชี และออกใบเสร็จให้ท่านต่อไป)

ติดต่อสอบถาม
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร โทรศัพท์ / โทรสาร 02 224 – 7838 – 9
สอบถามเพิ่มเติม คุณกนกนุช 086 577 – 5396, คุณปิยะธิดา 085 931 – 5261

***ดูข้อมูลเพิ่มเติม และดาวน์โหลดใบสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่
www.seub.or.th***

 

โดย: 4872 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:33:42 น.  

 


ร่วมลงชื่อคัดค้านการทบทวนการทำ CL ในประเทศไทย
โดย : มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เมื่อ : 18/02/2008 06:37 PM
[หมายเหตุผู้ดำเนินรายการ: หลายคนคงกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อกับมติ ครม.ว่าด้วยการทบทวนการทำ CL ในประเทศไทย ซึ่งจะมีผู้คนอีกจำนวนมากได้รับผลกระทบหากมีมติออกมาให้ทบทวนหรือยกเลิกการทำ CL... ขณะเดียวกันเรายังมีเพื่อนอีกมากมายจากทั่วทุกมุมโลกที่กำลังจับตาดู และร่วมเคลื่อนไหว เพื่อให้รัฐบาลไทยได้ยุติความคิดนี้... มาร่วมกันลงชื่อคัดค้านเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของเราเอง ตามรายละเอียดข้างล่างค่ะ]
*****

**ทั่วโลกร่วมลงนามคัดค้าน สธ. ทบทวน CL**

สืบเนื่องจากคำประกาศทบทวนการใช้ CL ในยามะเร็ง 4 รายการ ของ รมว.สาธารณสุข ภายใต้ข้ออ้างนานัปการ ตั้งแต่ความหวาดวิตก เรื่องการใช้มาตรการตอบโต้ของสหรัฐ รวมไปถึงความพยายามชี้ชวน ให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดว่า การทำ CL ของไทย ในช่วงที่ผ่านมานั้น มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง

ทั้งที่การประกาศใช้ซีแอลของรัฐบาลที่ผ่านมา ถือได้ว่า เป็นการประกาศความเป็นอิสระ และหลุดพ้นจากการครอบงำของระบบทุน เช่น บริษัทยายักษ์ใหญ่ โดยไทยต่างได้รับความชื่นชมจากทั่วโลก

ดังนั้น จึงขอเชิญทุกท่านร่วมลงชื่อสนับสนุนการใช้ซีแอลโดยรัฐ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขของไทย สามารถพึ่งตัวเองได้อย่างยั่งยืน และปราศจากการครอบงำจากบริษัทยาข้ามชาติ

ร่วมลงชื่อได้ที่นี่
//cl4life.petitionhost.com/
อ่านรายละเอียดจดหมายคัดค้าน
//www.cl4life.net/th/news/news25.php
แถลงการณ์จากเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ
//www.cl4life.net/th/news/news26.php


 

โดย: 4672 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:39:44 น.  

 


รู้จักจิตด้วยใจ (Understanding Our Mind) ภาวนาตามแนวทางท่านติช นัท ฮันห์
โดย : หมู่บ้านพลัม เมื่อ : 5/02/2008 02:29 PM
”เมื่อเราเข้าใจการทำงานของจิต การฝึกปฏิบัติก็ง่ายขึ้น”
ติช นัท ฮันห์

ขอเชิญร่วมเรียนรู้การทำงานของจิต ผ่านการเจริญสติในชีวิตประจำวัน ตามแนวทางท่านติช นัท ฮันห์ พระเถระนิกายเซน โดยคณะภิกษุ ภิกษุณีธรรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเชิงพุทธ จากหมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และเวียดนามจำนวน 8 รูป

กำหนดการ

- ปาฐกถาธรรม “รู้จักจิตด้วยใจ (Understanding Our Mind)
2 เมษายน 2551 เวลา 17.30 น. - 21.00 น.
ณ ห้องเฉลิมพรหมมาศ ชั้น 1 ตึก อปร. โรงพยาบาลจุฬาฯ

- รู้จักใจ : ภาวนาเพื่อความเข้าใจในครอบครัว
5-7 เมษายน 2551 ณ ภูโอบน้ำใส รีสอร์ท จ.นครนายก
สำหรับครอบครัว(ผู้ปกครองและเด็กอายุ6ปีขึ้นไป) นักบวช และบุคคลทั่วไป

-รู้จักจิต : ภาวนาว่าด้วยจิตวิทยาเชิงพุทธ
10 - 20 เมษายน 2551 ณ ไร่หวานสนิท จ.สระบุรี
สำหรับ นักบวช และผู้มีอายุตั้งแต่18 ปีขึ้นไป

* หมายเหตุ
กิจกรรมภาวนารับจำนวนจำกัด และเปิดรับสมัครจนถึง 20 มีนาคม 2551

สอบถามรายละเอียดและสมัครที่
โทร 085-318-2939,086-688-4984
www.thaiplumvillage.org
awakeningsource@yahoo.com


 

โดย: 7768 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:43:40 น.  

 

เชิญร่วมงานกิจกรรมสัมมนากลุ่มพลเมืองภิวัฒน์
วันเสาร์ ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 13.00 น.-16.00 น.
ณ สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย (สะพานหัวช้าง) ชั้น2 ห้องประชุม 8
ถ.พญาไท ราชเทวี กรุงเทพฯ
เวลา 12.30 น.-13.00 น. ลงทะเบียน
เวลา 13.00 น.-14.00 น. สัมมนาหัวข้อ “ปฏิรูปการเมืองไทย ไม่เอาอำนาจนอกระบบ”
วิทยากร รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ภาคประวัติศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คุณวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)
ดำเนินรายการ คุณสิริวารี รำเพย คณะทำงานกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์
เวลา 14.00 น.-14.30 น. แสดงความเห็นแลกเปลี่ยน ซักถาม
เวลา 14.30 น.-14.50 น. พักรับประทานอาหารว่าง
เวลา 14.50 น. -16.00 น. ประชุมชี้แจง เป้าหมาย ภารกิจ แผนงาน กิจกรรม และคัดเลือกคณะกรรมการชุดใหม่




ประสานงานได้ที่
คณะทำงานกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์www.nocoup.net หรือ 082-606-8249 , 082-298-3183

 

โดย: 2211 IP: 203.113.38.9 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:54:25 น.  

 

//www.thaingo.org/webboard/view.php?id=12917
{1} ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล แสดงปาฐกถาเสมพริ้งพวงแก้ว ครั้งที่ 14 เรื่อง “พุทธธรรมในยุคโลกาภิวัตน์” จัดโดย มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2551 ณ เรือนร้อยฉนำ คลองสาน กรุงเทพมหานคร โปรดดู File เสียงที่//www.semsikkha.org/semmain/3-report/org_report/ram/sem_lec14th/lecture.wmaหรืออ่านสรุปได้ที่//www.prachatai.com/05web/th/home/11182
{2} โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมือง จบวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตด้านการวางแผนพัฒนาเมือง จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย ขณะนี้เป็นประธานกรรมการมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กรรมการหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ สาขาจรรยาบรรณและสาขาเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นกรรมการสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินอาเซียน และกรรมการที่ปรึกษาสถาบันประเมินค่าทรัพย์สินสหรัฐอเมริกา Email: sopon@thaiappraisal.org
{3} อ.วิทยากร เชียงกูล เขียน “ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว”ที่https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=birdwithnolegs&month=04-2007&date=17&group=4&gblog=4

{4} สัญญาบาวริ่ง ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดดูที่//home.kku.ac.th/history/suwit/course/418113.pdf
{5} โปรดดูรายละเอียดที่ มิลินทปัญหา วรรคที่ 1-7//www.dhammathai.org/milin/milin01.phpและ//www.geocities.com/i4058980/milin/ml12.htm
{6} โปรดดูรายละเอียดที่//www.dmky.com/
{7} ข่าว “เผยสถิติฆ่าตัวตายคนไทยลด จับตา ‘ระยอง’ มาแรงเสี่ยงแซงทุกจังหวัด”//www.dmh.go.th/sty_libnews/news/view.asp?id=7653
{8} โปรดดูตารางขององค์การอนามัยโลก//www.who.int/mental_health/prevention/suicide/suiciderates/enและดูเพิ่มเติมในแผนที่โลกที่//www.who.int/mental_health/prevention/suicide/suicideprevent/en

{9} จากวารสาร ปาจารยสาร ตุลาคม-พฤศจิกายน 2549 หน้า 44-45

{10} โปรดดูบทความ “ความปวดร้าวของค้างคาว”//www.suvinai-dragon.com/way_kwampuad.html
{11} ตามข้อ 8

{12} กาลามสูตร 10 คือ อย่าปลงใจเชื่อ 1.ด้วยการฟังตามกันมา 2.ด้วยการถือสืบ ๆ กันมา 3.ด้วยการเล่าลือ 4.ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ 5.ด้วยตรรก 6.ด้วยการอนุมาน 7.ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล 8.เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน 9.เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ และ 10.เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา เราจะเชื่อก็ต่อเมื่อพิจารณาเห็นด้วยปัญญา (ที่มาคือ //larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/002684.htm)

{13} โปรดดูรายละเอียดเกี่ยวกับองค์ทะไลลามะที่//www.skyd.org/html/priest/dalai.html
{14} โปรดดู บทความ “ธรรมะจากท่านติช นัท ฮันห์”//www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ID=8401&Key=HilightNews

{15} โปรดดูรายการหนังสือประมาณ 30 เล่ม และบทความอีกบางส่วนได้ที่//www.geocities.com/siamintellect/intellects/sakesan/articles.htm
{16} โปรดดู//search.library.tu.ac.th/ipac20/ipac.jsp?profile=pridi&menu=search&submenu=advanced#focusและพิมพ์ชื่อ อ.เสกสรรค์ ที่ Author Keyword

โดย : โสภณ พรโชคชัย (58.10.71.199) เมื่อ : 20/02/2008 07:52 PM

 

โดย: 2932 IP: 203.113.38.11 21 กุมภาพันธ์ 2551 15:20:03 น.  

 

10 วิกฤตสิ่งแวดล้อม ที่ท้าทาย รมต.สิ่งแวดล้อมใหม่
โดย : ศรีสุวรรณ จรรยา
เมื่อ : 20/02/2008 06:05 PM
//www.thaingo.org/writer/view.php?id=686

 

โดย: 4474 IP: 203.113.38.11 21 กุมภาพันธ์ 2551 15:40:21 น.  

 

ใจ อึ๊งภากรณ์ : ส.ว.สรรหาและประชาธิปไตยไทย– 6 ตุลา กับภาคใต้ ในสายตานายกฯ

//www.prachatai.com/05web/th/home/11254

 

โดย: 2059 IP: 203.113.38.11 21 กุมภาพันธ์ 2551 15:59:33 น.  

 

สายน้ำโขงกับการเปลี่ยนแปลงที่ (กำลังจะ) มาเยือน
โดย : ศิริพร โคตะวินนท์
เมื่อ : 20/02/2008 06:02 PM

//www.thaingo.org/writer/view.php?id=684

 

โดย: 9512 IP: 203.113.38.11 21 กุมภาพันธ์ 2551 16:19:14 น.  

 

ไร้เหตุผล.. ที่สังคมไทยวันนี้จะไม่จัด "เพศศึกษา" ให้เยาวชน

//www.thaingo.org/writer/view.php?id=683

 

โดย: 8612 IP: 203.113.38.11 21 กุมภาพันธ์ 2551 16:25:17 น.  

 

//www.9dern.com/rsa/view.php?id=1392

ช่วยกันส่งโปสการ์ด ให้กำลังใจชาวบ้านบางสะพาน...กันหน่อย

 

โดย: 1802 IP: 203.113.38.11 21 กุมภาพันธ์ 2551 16:35:40 น.  

 

//www.prachatai.com/05web/th/home/11234

นักวิชาการชี้สังคมเมินศึกษาประวัติศาสตร์นอกตำรา ‘6 ตุลา’ เหตุในตำรามีแต่จักรๆ วงศ์ๆ

 

โดย: 6096 IP: 203.113.38.11 21 กุมภาพันธ์ 2551 16:41:28 น.  

 

1 การสัมมนา เรื่อง "โครงการโขง-ชี-มูล : บทเรียน ผลกระทบ และทางออก"...ถ่ายทอดสดทาง //www.nesac.go.th/ (ตลอดการสัมมนา) 3 มี.ค. 2551 เวลา 08.00-16.30 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 27 สำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ คทง.วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
2 การสัมมนา (Focus Group) เรื่อง "การปลูกพืชเชิงเดี่ยวกับฐานความหลากหลายทางชีวภาพ กรณี ยูคาลิปตัส"...ถ่ายทอดสดทาง //www.nesac.go.th/ (ตลอดการสัมมนา) 29 ก.พ. 2551 เวลา 08.00-16.30 น. ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 27 สำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ คทง.วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
3 การสัมมนาเวทีสาธารณะ เรื่อง "พลังงานนิวเคลียร์" 27 ก.พ. 2551 เวลา 09.00-16.30 น. ณ ห้องประชุมโรงแรมเรดิสัน ห้วยขวาง กรุงเทพฯ คทง.โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคมและพลังงาน
4 การสัมมนารับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ...ถ่ายทอดสดทาง //www.nesac.go.th/ (ตลอดการสัมมนา) 26 ก.พ. 2551 เวลา 08.30-16.30 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 27 สำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ คทง.ศึกษานโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา
5 การสัมมนา เรื่อง "นโยบายส่งเสริมศาสนาในการพัฒนาสังคม" ...(ถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ //www.nesac.go.th) 25 ก.พ. 2551 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ห้องประชุม 1 สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คทง.การศึกษา ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม พลศึกษาและการกีฬา

 

โดย: 4009 IP: 203.113.38.7 21 กุมภาพันธ์ 2551 17:50:10 น.  

 

//www.baanaree.net/job.php
ตำแหน่ง (อาสาสมัคร)
1. งานแพคซีดีใส่ซอง
2. งานห่อปกหนังสือ
3. พิธีกรรายการทีวี
4. ผู้จัดผังรายการทีวี
5. ผู้ผลิตรายการทีวิและวิทยุ
6. เสียงอ่านหนังสือ
7. กิจกรรมเด็ก
8. อื่นๆ


หากท่านมีความสนใจกรุณาติดต่อ 02-279-7838 หรือ
ต้องการส่งใบสมัครงานออนไลน์
ตำแหน่ง
ชื่อ-สกุล
วัน เดือน ปี เกิด
อายุ ปี
เพศ
ที่อยู่
เบอร์โทรศัพท์
เบอร์มือถือ
อีเมล์

 

โดย: 5770 IP: 203.113.38.7 21 กุมภาพันธ์ 2551 18:24:05 น.  

 



เครือข่ายปฏิรูปสื่อร้องกรรมการสิทธิฯ พ.ร.บ.วิทยุโทรทัศน์ขัดสิทธิเสรีภาพ



ชนาธิป มังคลาด : รายงาน









เมื่อวันที่ 19 ก.พ.51 ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เครือข่ายปฏิรูปสื่อ นำโดย สุภิญญา กลางณรงค์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) พร้อมแกนนำเครือข่ายวิทยุชุมชนจากภูมิภาค เข้าให้ข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยอนุกรรมการด้านกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และการสูญหายของบุคคล ซึ่งมีนายวสันต์ พานิช เป็นประธานอนุกรรมการเป็นผู้รับมอบหมายตรวจสอบกรณีผู้ร้องเรียน สืบเนื่องจากการยื่นหนังสือให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ยับยั้งการออกกฎหมายการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 14 พ.ย.50



เครือข่ายปฏิรูปสื่อชี้แจงว่า ในร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ... ซึ่ง สนช.ผ่านความเห็นชอบเมื่อ 21 ธ.ค.50 นั้น มีเนื้อหาขัดต่อรัฐธรรมนูญและละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในหลายมาตรา อีกทั้งไม่เคารพเจตนารมณ์ในการปฏิรูปสื่อที่ประชาชนร่วมกันผลักดันมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540



สุภิญญา กลางณรงค์ รักษาการเลขาธิการ คปส. กล่าวว่า เหตุผลที่มาร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเมื่อปีที่แล้ว เนื่องเพราะไม่เห็นด้วยกับกระบวนการออกกฎหมายของสมาชิก สนช. แต่มันก็สายไปแล้ว วันนี้เลยขอเสนอความกังวลถึงเนื้อหาหลายมาตราในกฎหมายที่ขัดสิทธิเสรีภาพของสื่อและประชาชน โดยแบ่งเป็น 3 กรอบได้แก่



ประการที่หนึ่ง มาตรา 87 และ 88 คุ้มครองสื่อของรัฐในเครือกรมประชาสัมพันธ์ กองทัพ และหน่วยงานอื่นๆ ในการครองกรรมสิทธิ์คลื่นความถี่เดิม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จมากของกรมประชาสัมพันธ์และกองทัพที่ผลักดันให้ สนช. ผ่านกฎหมายฉบับนี้ได้ เพราะเท่ากับล้มหลักการในมาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญ หรือ มาตรา 40 เดิมที่บอกว่าสื่อเป็นทรัพยากรสาธารณะให้ดึงคลื่นกลับมาจัดสรรใหม่ แต่บทเฉพาะกาลกลับคุ้มครองสื่อของรัฐไม่ให้ถูกแตะต้อง รวมถึงสื่อที่ธุรกิจได้รับสัมปทานก็ได้รับการคุ้มครอง ทำให้ไม่สามารถนำไปสู่การปฏิรูปสื่อของรัฐได้ สื่อของรัฐ และสื่อพาณิชย์ที่ทำอยู่ในปัจจุบันจึงได้ประโยชน์ แต่วิทยุชุมตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะบทเฉพาะกาลไม่ได้คุ้มครอง ทันทีที่กฎหมายมีผลบังคับใช้จะทำให้กลายเป็นวิทยุเถื่อนกันหมด



ประการที่สอง มาตรา 39 ของกฎหมายนี้ให้อำนาจรัฐในการสั่งเซ็นเซอร์ หรือ สั่งถอดรายการได้ด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรถ้าเห็นว่ารายการวิทยุและโทรทัศน์นั้นๆ เข้าข่ายรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง ซึ่งคำนิยามของข้อจำกัดข้างบนไม่ชัดเจน เปิดช่องให้เกิดการตีความของรัฐ อันนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ และการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของสื่อมวลชนและการแสดงความคิดเห็นของประชาชนผ่านสื่อได้



ประการที่สาม กฎหมายฉบับนี้เพิ่มบทลงโทษทางอาญาหนักมากกว่า ใน พ.ร.บ. วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 เดิมมาก โดยเฉพาะสถานีวิทยุที่ไม่ได้ใบอนุญาต ซึ่งก็คือกลุ่มวิทยุชุมชนหรือวิทยุท้องถิ่นที่เกิดขึ้นใหม่ หลังรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 กรณี คุณเสถียร จันทร วิทยุชุมชนจังหวัดอ่างทองซึ่งถูกจับกุมเมื่อปี 2545 ฐานมีเครื่องส่งและออกอากาศโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ศาลตัดสินเมื่อปี 2549 ให้จำคุกโดยรอลงอาญาสองปี ซึ่งหมดอายุความไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และปรับสี่หมื่นบาท (โทษตามกฎหมายเก่า คือ จำคุกสองปี ปรับหนึ่งแสนบาท) แต่ในกฎหมายฉบับใหม่เพิ่มโทษอาญา ในมาตรา 80 ว่าผู้ใดออกอากาศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าล้านบาท นี่ถือโทษที่หนักมากสำหรับวิทยุชุมชน



ปัญหาเฉพาะหน้าคือ ทันทีที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ วิทยุชุมชนทั้งหมดก็จะเถื่อนทันทีและรัฐใช้เป็นเงื่อนไขในการดำเนินคดีได้ แม้จะไม่จับทุกสถานีแต่อาจเปิดช่องให้เกิดการเลือกปฏิบัติ และก่อให้เกิดบรรยากาศความกลัวกันมาก ที่สำคัญกฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ออกใบอนุญาตชั่วคราวหนึ่งปีให้กับวิทยุชุมชน การกำหนดเช่นนี้ทำให้ต้องวิ่งเต้นกันอุตลุดหรือไม่ก็ต้องสู้รบกับ กทช.



อินทอง ไชยลังกา ประธานเครือข่ายวิทยุชุมชนจาวล้านนาให้ความเห็นว่า หลังจากเกิดกระบวนการเรียนรู้ด้านสิทธิการสื่อสารของชุมชน ผ่านจุดปฏิบัติการเรียนรู้วิทยุชุมชนมาตั้งแต่ปี 2544 พบว่าหลักการสำคัญของวิทยุชุมชนคือ มีลักษณะที่เป็นการดำเนินการโดยชุมชน เพื่อชุมชน และเป็นของชุมชนโดยตรง อีกทั้งต้องไม่แสวงหากำไร หากมีการประกาศใช้กฎหมายวิทยุโทรทัศน์ฉบับดังกล่าวชุมชนที่ทดลองจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนต้องได้รับผลกระทบแน่นอน



ปัณณพร ไพบูลย์วัฒนกิจ ผู้ประสานงานเครือข่ายสื่อภาคประชาชนภาคเหนือ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเครือข่ายสื่อประชาชนภาคเหนือได้ระดมความคิดเห็นและจัดทำข้อเสนอยื่นต่อคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อจัดทำร่างกฎหมายการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ... แต่ร่างกฎหมายที่ปรากฏออกมานั้นกลับถูกบิดเบือนและยังมีสาระที่ลิดรอนสิทธิในการสื่อสารของภาคประชาชน หากรัฐต้องการให้เกิดการปฏิรูปสื่อที่เป็นธรรมโดยแท้จริงแล้วจะต้องนำคลื่นความถี่ที่มีอยู่มาจัดสรรใหม่และกระจายการถือครองอย่างเป็นธรรม และต้องไม่ใช่การนำส่วนที่เหลือมาจัดสรรให้ประชาชน



ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ... ผ่านการพิจารณาของ สนช. เมื่อ 21 ธ.ค.50 และอยู่ระหว่างรอประกาศราชกิจจานุเบกษา โดยในวาระรับหลักการ เมื่อ 14 พ.ย.50 สมาชิก สนช.มีมติเห็นชอบร่างรัฐบาล 44 เสียง จากจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม 44 คน โดยมีสมาชิกที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม 198 คน










--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 21/2/2551


 

โดย: 1389 IP: 203.113.38.7 21 กุมภาพันธ์ 2551 18:38:42 น.  

 

ศิโรตม์: ประวัติศาสตร์บาดแผลเดือนตุลาและพฤษภา : ระหว่างความตายที่ฟื้นได้ กับ ความตายที่ไม่มีวันฟื้น

//www.prachatai.com/05web/th/home/11257

เชิงอรรถ

[1] Slavoj ZIzek, For They Know Not What They Do : Enjoyment as a Political Factor (London : Verson, 1991), 272-3.

[2] ธงชัย วินิจจะกูล, “ความทรงจำ ภาพสะท้อนและความเงียบในหมู่ฝ่ายขวาหลังการสังหารหมู่ 6 ตุลา”, เอกสารในการสัมมนาโครงการเมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เรื่อง ‘สันติวิธี ความรุนแรง และสังคมไทย’ วันที่ 19-20 พฤศจิกายน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

[3] ดูการอภิปรายประเด็นนี้เพิ่มเติมใน Agamben, Giorgio (2002) Remnants of Auschwitz. The witness and the archive. Translated by Daniel Heller-Roazen. New York: Zone Books, 105.







อ่านงานที่เกี่ยวข้อง

แผลจากตุลาถึงพฤษภา: ยิ่งเพิกเฉยอดีต วันนี้ยิ่งพิกลพิการ ย้ำ อย่ารื้อฟื้น 6 ตุลา แบบตกหลุม ‘การเมือง’ - โพสท์ 20/2/2551



คลิกที่ชื่อเพื่อดาวน์โหลดไฟล์เสียง

ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ “ประวัติศาสตร์บาดแผลกับบท (ไม่) เรียน” (8.6 MB/25.17 Min)
กนกรัตน์ เลิศชูสกุล “6 ตุลา-บท (ที่ไม่) เรียนของสังคมไทย” (3.9 MB/17.14 Min)
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ “พฤษภาเลือด-อีกหนึ่งบท (ที่ไม่) เรียนของสังคมไทย” (5.8 MB/37.23 Min)










--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 21/2/2551

 

โดย: 7737 IP: 203.113.38.7 21 กุมภาพันธ์ 2551 18:45:55 น.  

 

//www.norsorpor.com/go2.php?u=http%3A%2F%2Fwww.matichon.co.th%2Fprachachat%2Fprachachat_detail.php%3Fs_tag%3D02com05210251%26day%3D2008-02-21%26sectionid%3D0209
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3977 (3177)

"ก.พ.ร."เสนอเร่งตั้งอีเมล์กลางภาครัฐ ห้าม"ข้าราชการ"ใช้ฟรีเมล์กันข้อมูลรั่ว

"ไอซีที" จับมือ ก.พ.ร.-สำนักข่าวกรองฯ- สำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ ขานรับมติ ครม. ห้ามข้าราชการใช้ฟรีอีเมล์ รวมถึงการจัดเก็บล็อกไฟล์ตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ฯ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลภาครัฐ พร้อมผลักดันการพัฒนาระบบ อีเมล์กลางภาครัฐให้พร้อมภายใน 1 ปี หลังพบสารพันปัญหาจากการใช้ฟรีอีเมล์



นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล อนุกรรมการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่องการพัฒนาระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐว่า ก.พ.ร.ได้ผลักดันให้มีการพัฒนาระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล์) กลางสำหรับภาครัฐ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 18 ธ.ค.2550 ให้ข้าราชการและพนักงานของรัฐยุติการใช้ฟรีอีเมล์ของเอกชนภายใน 1 ปี และให้ข้าราชการระดับผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่าขึ้นไป ต้องใช้ระบบของตนเอง หรือของภาครัฐภายใน 3 เดือน พร้อมกับให้ ก.พ.ร.พัฒนาระบบอีเมล์กลางของภาครัฐอย่างเร่งด่วน โดยถือว่าเป็นนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยของข่าวสารภาครัฐ

ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาระบบอีเมล์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐ โดยเบื้องต้นได้วางกรอบให้มีคุณสมบัติ คือ เป็นการใช้งานผ่านหน้าเว็บไซต์เช่นเดียวกับฟรีอีเมล์ โดยให้มีเสถียรภาพสูงสุดเท่าที่จะให้บริการได้ อย่างน้อยต้องมีค่าความเสถียรอยู่ที่ 99.5% หรือระบบจะล้มได้ไม่เกิน 216 นาทีต่อเดือน ขณะเดียวกันต้องมีการบันทึกข้อมูลจราจร (ล็อกไฟล์) ไว้ 90 วัน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

นอกจากนั้นยังต้องมีการเฝ้าระวังไวรัสและ อีเมล์ขยะ รวมถึงจัดการชั้นความลับ ชั้นความเร็วของเอกสารราชการ ที่สำคัญคือต้องมีพื้นที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้เทียบกับบริการฟรีอีเมล์ของต่างประเทศ (3 GB) รวมถึงจะรวบรวมปัญหาจากการใช้ฟรีอีเมล์ของแต่ละหน่วยงานเข้ามาพัฒนาระบบอีเมล์กลางด้วย โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้ทดลองใช้ระบบได้ประมาณเดือน ก.ค.-ก.ย. ปีนี้

"เบื้องต้นระบบอีเมล์กลางนี้จะยังไม่ได้มาแทนที่ระบบอีเมล์ของหน่วยงานที่มีอยู่เดิม แต่จะเป็นเหมือนระบบสำรองเพื่อให้สามารถทำงานได้ทุกวันแบบ 24 ชั่วโมง เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถให้แต่ละหน่วยงานโยกระบบมาใช้ระบบกลางได้ โดยคงชื่ออีเมล์เดิมไว้ได้"

นายสมบูรณ์ วนเศรษฐมงคล ผู้อำนวยการส่วนระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า การใช้ระบบอีเมล์กลางไม่ขัดกับระเบียบสารบรรณ สำนักนายกรัฐมนตรี แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนจะนำมติ ครม.นี้ไปออกเป็นระเบียบราชการต่อไป ส่วนการกำหนดระเบียบ เกี่ยวกับชั้นความลับที่จะใช้ในอีเมล์นั้นยังไม่ได้มีการกำหนดเฉพาะ จึงต้องใช้ตามระเบียบเกี่ยวกับการรักษาความลับทางราชการต่อไป ก่อนที่จะร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กำหนดระเบียบเป็นการเฉพาะต่อไป

"ส่วนงบประมาณรวมถึงผู้ดูแลและค่าใช้จ่ายในการสร้างระบบอีเมล์กลางต้องให้ ก.พ.ร.ไปศึกษาอีกครั้ง แต่คาดว่าน่าจะถูกกว่าที่แต่ละหน่วยงานจะมีระบบอีเมล์และเซิร์ฟเวอร์ ของตนเอง"

สำหรับปัญหาที่เกิดจากการใช้ฟรีอีเมล์ นายศักดิ์ เสกขุนทด สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ กล่าวว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ไม่ทราบว่า นโยบายการบริการในประเด็นความเป็นส่วนตัวของฟรีอีเมล์กระทบต่อการรักษาความลับของทางราชการ จากการที่อีเมล์ซึ่งส่งจากฟรีอีเมล์จะถูกทำสำเนาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ และผู้ให้บริการสามารถทำไปใช้เป็นข้อมูลดิบต่อไปได้ อาทิ บริการอีเมล์ของบริษัทกูเกิลจะระบุว่า คอมพิวเตอร์ของกูเกิลจะมีการอ่านและประมวลผลข้อความใน อีเมล์ของผู้ใช้ เพื่อจัดหน้าจอที่สวยงาม การเติมข้อความโฆษณาสินค้าที่สอดคล้องกับเรื่องที่สนใจ รวมถึงคัดกรองอีเมล์ขยะและสำรองข้อมูล

นอกจากนั้นยังพบว่าการใช้บริการฮอตเมล์ของบริษัทไมโครซอฟท์ ผู้รับมักไม่ได้รับอีเมล์หรือโดนตีกลับ เนื่องจากเลขไอพีส่วนใหญ่ในประเทศไทยถูกนำไปใช้ส่งสแปมเมล์ ผู้ให้บริการจึงสกัดกั้นไว้เพราะประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นสแปมเมล์

หน้า 31

 

โดย: 6258 IP: 203.113.38.7 21 กุมภาพันธ์ 2551 19:13:25 น.  

 

จดหมายของสุรินทร์ มาศดิตถ์

อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสมัย 6 ตุลาคม 2519

วัดพรหมโลก กิ่ง อ.พรหมคีรี นครศรีธรรมราช

วันที่ 24 ตุลาคม 2520
//www.prachatai.com/05web/th/home/11272

 

โดย: 3634 IP: 118.174.37.186 24 กุมภาพันธ์ 2551 6:10:41 น.  

 

ส.ว. / 6 ตุลา / ภาคใต้ และประชาธิปไตยไทย
โดย : ใจ อึ๊งภากรณ์
//www.thaingo.org/writer/view.php?id=692

 

โดย: 6685 IP: 118.174.37.186 24 กุมภาพันธ์ 2551 6:16:07 น.  

 

ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มธ. กล่าวปาฐกถานำในหัวข้อ “ประวัติศาสตร์บาดแผลกับบท (ไม่) เรียน” ในการเสวนาหัวข้อ “จาก 14 ถึง 6 ตุลา และพฤษภาเลือด ประวัติศาสตร์บาดแผลกับบท (ไม่) เรียนของเรา” จัดโดยมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, วิชา ป.211 โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มธ., หลักสูตรควบตรี/โท ด้านการบัญชีและบริหารธุรกิจ คณะพาณิชย์ศาสตร์ มธ. ที่ตึกอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา
ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ: 1 คนหรือ 40 คนไม่เป็นประเด็น ถ้ารู้ว่าอะไรคือเหตุการณ์ในอดีตที่เป็นจริง
//www.prachatai.com/05web/th/home/11264
อ่านงานที่เกี่ยวข้อง

ศิโรตม์: ประวัติศาสตร์บาดแผลเดือนตุลาและพฤษภา : ระหว่างความตายที่ฟื้นได้ กับ ความตายที่ไม่มีวันฟื้น - โพสท์ 21/2/2551

แผลจากตุลาถึงพฤษภา: ยิ่งเพิกเฉยอดีต วันนี้ยิ่งพิกลพิการ ย้ำ อย่ารื้อฟื้น 6 ตุลา แบบตกหลุม ‘การเมือง’ - โพสท์ 20/2/2551



คลิกที่ชื่อเพื่อดาวน์โหลดไฟล์เสียง

ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ “ประวัติศาสตร์บาดแผลกับบท (ไม่) เรียน” (8.6 MB/25.17 Min)
กนกรัตน์ เลิศชูสกุล “6 ตุลา-บท (ที่ไม่) เรียนของสังคมไทย” (3.9 MB/17.14 Min)
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ “พฤษภาเลือด-อีกหนึ่งบท (ที่ไม่) เรียนของสังคมไทย” (5.8 MB/37.23 Min)

 

โดย: 1080 IP: 118.174.37.186 24 กุมภาพันธ์ 2551 6:27:57 น.  

 


วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3977 (3177)

74ส.ว.กระจายสายตรงข้าม"ทักษิณ"เกินครึ่ง

เปิดรายชื่อ ส.ว.ลากตั้ง 74 คน ทหาร-ตำรวจได้มากสุด 14 คน ทั้ง เสธ.อู้, อำนวย เพชรศิริ, สุนทร ซ้ายขวัญ ขณะที่นักธุรกิจติดโผ 8 คน อาทิ บุญชัย โชควัฒนา, ถาวร ลีนุตพงษ์, วรวุฒิ โรจนพานิช, อนุศาสน์ สุวรรณมงคล ส่วนอดีต สนช.ติดโผ 8 คน ฟากสื่อมวลชน 5 คน เช่น สมชาย แสวงการ, คำนูณ สิทธิสมาน ที่เหลือคละเคล้ากันไป

สืบเนื่องจากตามที่คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รวบรวมรายชื่อบุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาจากองค์กรภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่นๆ จำนวน 1,087 องค์กร เสนอต่อคณะ กรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ตามมาตรา 129 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาพิจารณาสรรหาบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นสมาชิกวุฒิสภานั้น

คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาได้ดำเนินการพิจารณาสรรหาบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 ดังปรากฏรายชื่อบุคคลที่ได้รับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 74 คน เรียงตามลำดับตัวอักษรดังนี้

1.พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ 2.รศ.กอบกุล พันธ์เจริญวรกุล 3.พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร 4.พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ 5.นายคำนูณ สิทธิสมาน 6.นายจารึก อนุพงษ์

7.นายจำนง สวมประคำ 8.นายเจตน์ ศิรธรานนท์ 9.นายชลิต แก้วจินดา 10. นายโชติรัส ชวนิชย์ 11.นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ 12.พล.อ.อ. ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร 13.พล.ร.อ. ณรงค์ ยุทธวงศ์ 14.ศาสตราจารย์เกียรติคุณตรึงใจ บูรณสมภพ 15.นายตวง อันทะไชย

16.นายถาวร ลีนุตพงษ์ 17.รศ.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต 18.รศ.ทัศนา บุญทอง 19.นางทิพย์วัลย์ สมุทรักษ์ 20.นายธนู กุลชล 21.นายธวัช บวรวนิชยกูร 22.นายธีระจิตต์ สถิโรตมวงศ์ 23.นางนิลวรรณ เพชระบูรณิน 24.นายบุญชัย โชควัฒนา 25.นายประสงค์ นุรักษ์ 26.ศาสตรา จารย์พิเศษประสพสุข บุญเดช 27.นายประสาร มฤคพิทักษ์ 28.ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต 29.รศ.พรชัย สุนทรพันธุ์ 30.นางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์

31.นายพิชัย อุตมาภินันท์ 32.นายพิเชต สุนทรพิพิธ 33.ศาสตราภิชาน น.พ.พินิจ กุลละวณิชย์ 34.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 35.นายไพโรจน์ ถัดทะพงษ์ 36.ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงษ์หยก 37.นายมณเฑียร บุญตัน 38.พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี 39.นางยุวดี นิ่มสมบูรณ์ 40.นางรสสุคนธ์ ภูริเดช 41.นายรุสดี บินหะยีสะมะแอ 42.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ 43.นายไรน่าน อรุณรังษี 44.พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช 45.นายวรวุฒิ โรจนพานิช

46.นายวรินทร์ เทียมจรัส 47.นายวันชัย แสงสุขเอี่ยม 48.นายวิชาญ ศิริเอกชัยวัฒน์ 49.นายวิทวัส บุญญสถิตย์ 50.ศาสตราภิชานวิระ มาวิจักขณ์ 51.ศ.น.พ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ 52.นายแวดือราแมะ มะมิงจิ 53.นายสงคราม ชื่นภิบาล 54.พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา 55.นายสมชาย แสวงการ 56.นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ 57.นายสมัคร เชาวภานันท์

58.ศ.สุกัญญา สุดบรรทัด 59.พล.ท. สุจินดา สุทธิพงศ์ 60.พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน 61.พล.ต.อ. สุนทร ซ้ายขวัญ 62.นายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ 63.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย 64.พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ 65.นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ 66.นายอนันต์ วรธิติพงศ์

67.นายอนุรักษ์ นิยมเวช 68.นายอนุรักษ์ คงมาลัย 69.นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล 70.รศ.อัจฉรา เตชฤทธิพิทักษ์ 71.พล.อ.อ.อาคม กาญจนหิรัญ 72.พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ 73.นายอิทธิพล เรืองวรบูรณ์ 74.นางอุไร คุณานันทกุล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อ ส.ว.ที่มีชื่อเสียง ในแวดวงสื่อสารมวลชน อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายสมชาย แสวงการ ขณะที่ในส่วนแวดวงทหาร ได้แก่ พลเรือเอกณรงค์ ยุทธวงศ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม

นอกจากนี้ยังมีพลตำรวจเอกสุนทร ซ้ายขวัญ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตแกนนำนักศึกษา 6 ตุลาฯ ส่วนที่มาจากภาคธุรกิจ เช่น นายถาวร ลีนุตพงษ์ ผู้บริหารเครือยนตรกิจ กรุ๊ป นายบุญชัย โชควัฒนา ผู้บริหารเครือสหพัฒนพิบูล ส่วนตัวแทนผู้พิการตาบอดคือ นายมณเฑียร บุญตัน นายวรินทร์ เทียมจรัส คณะกรรมการองค์กรกลางตรวจสอบการเลือกตั้ง ส่วนตัวแทนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ อดีตคณะกรรมการอิสลาม จ.ปัตตานี นายรุสดี บินหะยีสะมะแอ นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล เจ้าของโรงแรมซีเอส ปัตตานี

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า การสรรหา ส.ว.ได้คำนึงถึงสัดส่วนทางเพศ การศึกษา และผู้ด้อยโอกาส โดย ส.ว.ที่มีอายุมากที่สุด คือ 73 ปี มีอายุน้อยที่สุด คือ 43 ปี ผู้พิการ 1 คน ผู้หญิงจำนวน 12 คน และผู้ชาย 62 คน ทั้งนี้ สามารถแบ่งออกตามอาชีพได้ ดังนี้ 1.ตำรวจและทหาร จำนวน 14 คน 2.นักกฎหมาย จำนวน 8 คน 3. สื่อมวลชน จำนวน 5 คน 4.สาธารณสุขและพยาบาล จำนวน 5 คน 5.แพทย์ จำนวน 3 คน 6.วิศวกร จำนวน 2 คน 7.สถาปนิก จำนวน 1 คน

8.ฝ่ายปกครองและผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 4 คน 9.นักการศึกษา จำนวน 5 คน 10.ด้านเกษตร จำนวน 3 คน 11.ด้านประมง จำนวน 1 คน

12.ด้านการบัญชีและการเงิน จำนวน 3 คน 13.ด้านคมนาคม จำนวน 1 คน 14.ด้านธุรกิจ จำนวน 8 คน 15.อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จำนวน 8 คน และภาคอื่นๆ 2 คน

หน้า 17

www.matichon.co.th%2Fprachachat%2Fprachachat_detail.php%3Fs_tag%3D02p0110210251%26day%3D2008-02-21%26sectionid%3D0201

 

โดย: 8941 IP: 118.174.37.186 24 กุมภาพันธ์ 2551 6:50:25 น.  

 

เสวนา ‘ซีแอล’ : รวมมุมองด้านการค้า กฎหมาย และสาธารณสุข
//www.prachatai.com/05web/th/home/11287
อ่านประกอบ

5 เหตุผล ทำไมไม่ควรล้ม ‘ซีแอล’ ยามะเร็ง
//www2.nesac.go.th/nesac/th/webboard/answer.php?GroupID=6&PageShow=1&TopView=&QID=350
กระบวนการ CL หรือ Compulsory Licensing หรือมาตรการบังคับใช้สิทธิ ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งตาม พรบ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พศ. 2535 และ (ฉบับที่ 3) พศ.2542 และเป็นไปตามปฏิญาโดฮา (Doha Declaration on Trips and Public Health) ตามข้อตกลง TRIPS (Trade Relate Intellectual Property Rights) ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ที่ให้อำนาจแก่ประเทศสมาชิกผลิตหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาที่ติดสิทธิบัตรได้หากเกิดความจำเป็นเร่งด่วน เกิดวิกฤตด้านสาธารณสุขขึ้นในประเทศ หรือ เพื่อประโยชน์สาธารณะที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ จากเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นข้อยืนยันยาคือสินค้าคุณธรรมที่ผู้ประกอบการต้องเข้าใจด้วย เพราะนี่คือบทหนึ่งของชีวิต

 

โดย: 6388 IP: 118.174.37.186 24 กุมภาพันธ์ 2551 7:11:45 น.  

 

ร่วมค้นหา "จิตวิญญาณชาวบ้าน" [/b] กับกวีเยอรมันในบทเพลง Kunstlied "กวีนิพนธ์ดั่งมนตรา"
โดย : สถานีวิทยุจุฬาฯ FM 101.5 เมื่อ : 22/02/2008 12:12 PM
กวีนิพนธ์: ต้นตอภาษาของมนุษยชาติ

"ภาษาไม่ได้กำเนิดจากความต้องการสื่อสาร แต่หากด้วยมนุษย์ต้องการสื่ออารมณ์ความรู้สึก กวีนิพนธ์จึง
เป็นต้นตอของภาษามนุษย์”

เมื่อนักคิดเยอรมัน โหยหาการศึกษาจิตวิญญาณชาวบ้านด้วยการเข้าใจผ่านกวีนิพนธ์ ด้วยเชื่อว่าภาษา
สะท้อนจิตวิญญาณของชนชาติ

ร่วมฟังเพลงประเภท “Kunstlied” หรือเพลงเลียนแบบพื้นบ้าน” รังสรรค์ในศตวรรษที่ 18 - 19 เพื่อค้นหาจิตวิญญาณพื้นบ้าน ด้วยการผสมผสานกวีนิพนธ์เข้ากับศิลปะเพลงพื้นบ้าน

รายการอักษรพาที
เสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2551
ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ FM 101.5

ร่วมค้นหา "จิตวิญญาณชาวบ้าน" กับกวีเยอรมันในบทเพลง Kunstlied "กวีนิพนธ์ดั่งมนตรา"

โดย ศาสตราจารย์ ดร. พรสรรค์ วัฒนางกูร

ดำเนินรายการโดย อาจารย์ ดร. อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล

ฟังรายการทางอินเทอร์เนต หรือฟังย้อนหลังได้ที่//www.curadio.chula.ac.th/
สอบถามเพิ่มเติม ติชมรายการที่
สุดา รังกุพันธุ์
089-693-7269
02-218-4697
02-218-4695 (fax)
suda.r@chula.ac.th suda_rangkupan@yahoo.com

 

โดย: 5430 IP: 118.174.37.186 24 กุมภาพันธ์ 2551 7:20:18 น.  

 

การประชุมเชิงวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยของศูนย์วิจัยเพื่อการศึกษาและแรงงาน
(Centre for Education and Labour studies)
27-28 กุมภาพันธ์ 2551
โดย ศูนย์วิจัยเพื่อการศึกษาและแรงงาน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
//www.thaingo.org/prboard_1/view.php?id=7178

 

โดย: 6302 IP: 118.174.37.186 24 กุมภาพันธ์ 2551 7:24:40 น.  

 


ฟรี..สนุกกับค่ายละครสำหรับเยาวชน "สีสันหน้ากากใหม่ และ จอสีรุ้ง" เปิด 2 รอบ มีนากับเมษานี้
โดย : หน้ากากเปลือย เมื่อ : 22/02/2008 05:09 PM
สนุกกับ ค่ายละครสำหรับเยาวชน "สีสันหน้ากากใหม่ และ จอสีรุ้ง" โดยหน้ากากเปลือย ส่วนเยาวชน และ เครือข่ายนักการละครเพื่อสุขภาวะรุ่นเยาว์ เปิดรับปิดเทอมใหญ่ 2 รอบ มีนาคม และ เมษายน รอบที่ 1 "สีสันหน้ากากใหม่" ระหว่างวันที่ 17-28 มีนาคม 2551 รอบที่ 2 "นักการละครเพื่อสุขภาวะรุ่นเยาว์: จอสีรุ้ง" ระหว่างวันที่ 21 เมษายน ถึง 2 พฤษภาคม 2551 สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาและระดับมหาวิทยาลัย โดยไม่ต้องเสียค่าสมัครในการร่วมกิจกรรม

ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ทุกปิดภาคเรียนฤดูร้อน หน้ากากเปลือย ส่วนเยาวชน/เครือข่ายหน้ากากเปลือย มีการจัดค่ายละครสำหรับเยาวชนทุกปี จนมาถึงปีนี้เป็นปีที่ 4 ซึ่ง เยาวชนที่เข้าร่วมอบรมก็ได้มีโอกาสสร้างผลงานการแสดง อย่าง "วัยสะรุ่น วุ่นแล้วฆ่า"(ชนะเลิศรางวัลละครส่งเสริมสุขภาพ 2548), "ว่าวน้อย ค่อยๆ ร่อน" (ชนะเลิศรางวัลละครส่งเสริมสุขภาพ 2549) และการแสดงละครสัญจรร่วมกับเครือข่ายนักการละครเพื่อสุขภาวะรุ่นเยาว์ "ตามหาลูกผู้ชาย" และ "บอกรัก" ฯลฯ

โดยในคราวนี้คณะผู้จัดอันประกอบไปด้วย หน้ากากเปลือย ส่วนเยาวชน/เครือข่ายหน้ากากเปลือย และ เครือข่ายนักการละครเพื่อสุขภาวะรุ่นเยาว์ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีการแบ่งการรับเยาวชนทั้งจากระดับมัธยมและอุดมศึกษาจากทุกสถาบัน เข้าร่วมกิจกรรม โดยแบ่งออกเป็น 2 รอบ คือ

รอบที่ 1 "สีสันหน้ากากใหม่" ระยะเวลา 17 – 28 มี.ค. 2551 จันทร์ ถึง ศุกร์ เวลา 13.00 – 16.00 น.

เป้าหมาย - ปูพื้นฐานทางศิลปะการละคร ทั้ง "การแสดง" สนุกกับการใช้จินตนาการ, ร่างกาย, เสียง เพื่อการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ "การเขียนบท" สนุกกับนำเรื่องประทับใจ มาสร้างสรรค์เป็นบทละคร และ \\"การกำกับ" สนุกกับการบูรณาการ องค์ประกอบต่างๆ ของละครไม่ว่าจะเป็นการแสดง, การเขียนบท, และองค์ประกอบศิลป์ เพื่อใช้ในการกำกับละครเวที โดยเป้าหมายของการปูพื้นฐานทางการละครนี้ ก็เพื่อให้เยาวชนได้มีสุขภาวะที่ดีทั้ง กายและใจ

รอบที่ 2 "นักการละครเพื่อสุขภาวะรุ่นเยาว์: จอสีรุ้ง" ระยะเวลา 21 เม.ย. ถึง 2 พ.ค. 2551 จันทร์ ถึง ศุกร์ เวลา 13.00 – 16.00 น

เป้าหมาย – บูรณาการศิลปะการละครกับการสร้างสรรค์สังคม โดยกระบวนการจะผลักดันให้เยาวชนที่เข้าร่วมนำความรู้และทักษะที่ได้รับการฝึกฝนมาสร้างสรรค์ ละครสะท้อนสังคมจากมุมมองของเยาวชนเอง

และเมื่อจบค่ายละครทั้ง 2 รอบ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมในกระบวนการสร้างสรรค์ละครขั้นต่อไปกับคณะผู้จัดได้ ซึ่งจะมีการจัดละครสัญจร ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง สิงหาคม 2551 และ ละครเวที ในเทศกาลละครสีสันหน้ากากใหม่ และ จอสีรุ้ง ในเดือนสิงหาคม 2551 รวมไปถึงร่วมแสดงในแทศกาลละครกรุงเทพ 2551 ด้วย

ค่ายละครสำหรับเยาวชน "สีสันหน้ากากใหม่ และ จอสีรุ้ง" นี้จะจัดขึ้นที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซอยทองหล่อ สุขุมวิท 55

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมโดยไม่ต้องเสียค่าสมัครในการร่วมกิจกรรม และหากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ 086-722-1435 และ 087-917-6843 และอีเมล์ nakedmasksyouth@gmail.com

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับหน้ากากเปลือยได้ที่ //www.//nmn2008.hi5.com
www.nakedmasks.com


 

โดย: 8709 IP: 118.174.37.186 24 กุมภาพันธ์ 2551 7:44:46 น.  

 

เล่นไฮไฟว์ ระวังถูกรุกเครือข่าย
--------------------------------------------------------------------------------

โดย Post Digital 24 กุมภาพันธ์ 2551 15:32 น.

ผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ เตือนนักท่องเน็ต เล่นไฮไฟว์ ระวังถูกบุกรุกเครือข่าย

นายปริญญา หอมเอนก นักวิชาการด้านความปลอดภัย ข้อมูลสารสนเทศ และประธานกรรมการบริษัทเอซิส โปรเฟสชันนัล เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยในรายการเอ็มคอทดอทเน็ต ถึงแนวโน้มความปลอดภัยในการใช้อินเตอร์เน็ตในปัจจุบันว่า มีโปรแกรมประเภทสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมและมีการใช้กันอย่างแพร่หมาย เช่น ไฮไฟว์ เฟสบุ๊ก และมายสเปซ ซึ่งเหล่านี้นับว่านับเป็นโปรแกรมที่มีแนวโน้มว่าจะมีความเสี่ยงต่อการถูกบุกรุกเครือข่ายมาก เนื่องจากโปรแกรมประเภทเครือข่ายสังคมออนไลน์นั้น จะมีการเพิ่มส่วนบริการพิเศษ นอกเหนือจากบริการ การพูดคุยกับเพื่อนๆ หรือ การแบ่งปันไฟล์รูปภาพ โดยเว็บไซต์เหล่านี้มักจะมีอีเมล์ หรือข้อความเชิญชวนให้สมาชิกติดตั้งโปรแกรมพิเศษ


ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการใช้บริการสังคมเครือข่าย แต่นับว่าเป็นจุดเสี่ยงที่จะทำให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีนำโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นสปาย (spyware) มาแอบติดตั้งในเครื่อง หากผ่านมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเป็นเรื่องง่ายที่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของเครื่องที่ติดตั้งโปรแกรมประเภท spyware จะถูกเจาะระบบ จนสร้างความเสียหายให้กับทั้งระบบ



นอกจากนี้ ผลการสำรวจ ระบุว่า การใช้โปรแกรมประเภทเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แพร่หลายในองค์กร ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงแล้ว หากในขณะเดียวกันมีการใช้โปรแกรมประเภทมัลติมีเดียพร้อมๆ กันจำนวนมาก จะทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรเครือข่ายขององค์กรด้วย.


 

โดย: 2809 IP: 118.174.46.197 24 กุมภาพันธ์ 2551 21:16:20 น.  

 

สตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนาประจำปี พ.ศ.2551


คอลัมน์ มองอย่างพุทธ โดย ฌาน ตรรกวิจารณ์

"สิกขมาตุ" หมายถึง นักศึกษาหรือนักบวชฝ่ายหญิงที่ใช้เรียกในกลุ่มชาวอโศก หรือที่รู้จักกันในนาม สันติอโศก ปัจจุบันสิกขมาตุผุสดี สะอาดวงศ์อายุได้ 83 ปีแล้ว "ข้าพเจ้าปฏิบัติธรรมตั้งแต่เยาว์วัยโดยได้ไปฟังเทศน์กับคุณป้า ได้ฟังพระท่านให้ศีล คือศีล 5 และศีล 8 ฟังแล้วกลัวบาปจึงเลิกรับประทานพวกเนื้อสัตว์ใหญ่ๆ เช่น วัว หมู ไก่ และเลิกรับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดตอนอายุ 13 ปีจนถึงปัจจุบันรวมเวลาได้ 70 ปีแล้ว"

เริ่มฝึกปฏิบัติธรรมตั้งแต่ยังไม่รู้จักสมณะโพธิรักษ์ โดยไปบวชเป็นแม่ชีที่วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ได้รู้จักกับสมณะโพธิรักษ์ที่นั่น "ซึ่งท่านฉันอาหารมังสวิรัติ จึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของท่าน ได้ติดตามไปฟังพระธรรมเทศนาจากท่านที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์,วัดธาตุทอง และได้ไปร่วมงานบวชพระชาวอโศก ฟังพระท่านให้ศีล 10 มีความรู้สึกซาบซึ้งประทับใจมากจึงตั้งจิตอธิษฐานสมาทานศีล 10 และในเวลาต่อมาได้รับศีล 10 จากสมณะโพธิรักษ์ หลังจากที่ถือศีล 10 เป็นนักบวชฝ่ายหญิง ก็ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายจากสีขาวมาเป็นสีน้ำตาล และให้เรียกว่า "แม่กรัก" ต่อมาให้เรียกว่า "แม่เณร" ปัจจุบันเรียกว่า "สิกขมาตุ" เป็นนักบวชหญิงรูปแรกของชาวอโศก ถือศีล 10 ฉันอาหารมังสวิรัติวันละ 1 มื้อ"

เกิดที่สมุทรปราการ จบการศึกษาจากโรงเรียนการช่างสตรีพระนครใต้ กรุงเทพฯ ไม่เคยแต่งงาน ก่อนที่จะออกบวชเคยช่วยติดต่อประสานงานกับตำรวจ อัยการและผู้พิพากษาให้กับร้านขายทองเพราะเขามีเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เคยเป็นผู้จัดการโรงเรียนการช่าง เป็นโรงเรียนที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียนจากนักเรียนทำการสอนฟรี ทำงานบริษัทก่อสร้างทำหน้าที่รับวัสดุในการก่อสร้างทำ และเป็นสมุห์บัญชีบริษัทน้ำมัน

ด้วยศรัทธาแก่กล้าในพระธรรม สิกขมาตุผุสดี สะอาดวงศ์ เคยบำเพ็ญตบะธรรม ด้วยการอดอาหาร 14 วัน นั่งเนสัชชิ (ไม่เอาหลังแตะพื้น) นาน 1 พรรษา เดินจาริกกับหมู่สิกขมาตุ จากแดนอโศก จ.นครปฐมไป ชลบุรี ระยอง และเกาะสีชังใช้เวลาในการเดินประมาณ 1 เดือนเศษ ปัจจุบันฝึกปฏิบัติสมาธิแบบลืมตา ให้รู้เท่าทันทวารทั้ง 6 ตลอดเวลา

นอกจากการปฏิบัติที่กล่าวแล้วยังเขียนหนังสือเป็นธรรมทาน 3 เล่ม คือหลักปฏิบัติตนให้บริสุทธิ์ ทางเดินชีวิตและบุญบาปที่เห็นได้ในชาตินี้

ปัจจุบันประจำอยู่ที่ พุทธสถานราชธานีอโศก หมู่ที่ 10 ต.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี สอนหรืออบรมนักเรียนสัมมาสิกขา สัปดาห์ละ 3 วัน ให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำกับญาติโยมที่แสวงหาความพ้นทุกข์

//www.matichon.co.th/news_detail.php?id=21124&catid=39

 

โดย: 3944 IP: 118.174.132.138 25 กุมภาพันธ์ 2551 3:59:15 น.  

 

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10933

เตือนภัยบ็อตเน็ตจู่โจมขโมยข้อมูล สามารถเปลี่ยนรูปแบบเมื่อถูกตรวจจับ



นายพอล เฟอร์กูสัน สถาปนิกด้านระบบเครือข่าย บริษัท เทรนด์ ไมโคร เปิดเผยว่า เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงบางสิ่งที่ใหญ่กว่าและซับซ้อนกว่าบ็อตเน็ตชื่อว่า Storm ถูกพัฒนาขึ้นมาให้เป็น DDOS เพื่อการโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์เป้าหมายหรือระบบเป้าหมายบนอินเตอร์เน็ตให้ทำงานหนักขึ้นและช้าลงเรื่อยๆ เมื่อเกินกว่าระดับที่รับได้ ก็จะหยุดทำงานในที่สุด และเครื่องมือสแปมที่ทำให้นักวิจัยด้านความปลอดภัยหวั่นเกรงด้วยความคล่องตัว และความสามารถในการเปลี่ยนตัวเองเป็นรูปแบบใหม่เมื่อเสี่ยงที่จะถูกตรวจพบ หรือเพื่อเอาตัวหนีรอดจากระบบตรวจจับด้านความปลอดภัย โดย Storm ได้เปลี่ยนรูปแบบไปไม่ใช่แค่เป็นบ็อตเน็ตเท่านั้น แต่บ็อตที่รับช่วงต่อกลายเป็นบ็อตที่มีประสิทธิภาพและมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่า

"ปัจจุบันบ็อตเน็ตไม่ได้แค่รบกวนระบบอีกต่อไปแล้ว แต่ยังเป็นโรงงานผลิตสแปมด้วย กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่สำหรับการก่ออาชญกรรม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้กระตุ้นให้องค์กรต่างๆ หันมาสนใจภัยร้ายนี้มากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมรับถึงการการแทรกซึมของบ็อตในองค์กรของตน"

นายพอล เฟอร์กูสัน กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา วิธีการเดิมของการติดบ็อตจะผ่านทางมัลแวร์ ขณะแค่ดาวน์โหลดข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ ก็เป็นเหยื่อไม่รู้ตัว นักวิจัยคาดว่าขณะนี้มีบ็อตเน็ตนับพันตัวที่ทำงานอยู่ หลายตัวมีประสิทธิภาพมาก สามารถแพร่กระจายตัวได้กว้าง ขณะนี้มีบ็อตเน็ตหลายกลุ่ม และ Storm มีขนาดใหญ่มากที่สุด

ทั้งนี้ บริษัท แดมบอลลา รายงานว่า บ็อตเน็ตสามอันดับแรก คือ Storm, Rbot บ็อตเน็ตแบบ IRC และ Bobax บ็อตเน็ตแบบ HTTP

ด้านนายแดนนี แมคเฟอร์สัน หัวหน้านักวิจัย บริษัท อาร์เบอร์ เน็ตเวิร์คส์ กล่าวว่า การสร้างบ็อตเน็ตขึ้นอยู่กับแรงจูงใจมากกว่า ขณะนี้สามารถพบบ็อตเน็ตได้มากถึง 50 รายการ ในระดับความเร็วของการโจมตีขนาด 4 กิกะบิตต่อวินาที หรือสแปมนับล้านต่อชั่วโมง และทั้งหมดเป็นฟิชชิง หลายสิ่งเริ่มถูกขโมยมากขึ้น ไม่ว่ารหัสซีดี การตรวจจับ การเคาะแป้นพิมพ์ การขโมยที่อยู่จากสมุดที่อยู่ ล้วนเป็นความสนใจที่บ็อตเน็ตในขณะนี้ต้องการทั้งสิ้น และตัวดำเนินการของบ็อตเน็ตแบบมืออาชีพกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น และกำลังโจมตีแบบมีเป้าหมายมากขึ้นด้วย

หน้า 26

//www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01epe01150251&day=2008-02-15§ionid=0147

 

โดย: 9768 IP: 118.174.132.138 25 กุมภาพันธ์ 2551 4:05:35 น.  

 


วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10941

ห่วงกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกวิธี



รายงานของ "กรีนพีซ" องค์กรด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่เปิดเผย เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ระบุว่า มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ประกอบไปด้วยสารเคมีที่เป็นพิษ และอุปกรณ์ที่ทำจากโลหะที่เลิกใช้แล้วจำนวนหลายล้านตันถูกทิ้งในแต่ละปี โดยไม่มีการนำไปผ่านกระบวนการกำจัดที่ปลอดภัยและการรีไซเคิล โดยกรีนพีซระบุว่า ในสหรัฐอเมริกามีโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เครื่องใช้อื่นๆ ที่ไม่ใช้แล้วหลุดรอดจากการถูกนำไปจัดการอย่างเหมาะสมมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในสหภาพยุโรป (อียู) มีราว 75 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในอินเดียมีถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ที่อุปกรณ์เหล่านี้ถูกนำไปจัดการผิดวิธี

รายงานของกรีนพีซระบุว่า การเริ่มต้นที่จะมีการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ไปใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือกำจัดอย่างเหมาะสมไม่ได้เดินหน้าไปไหนเลย ในขณะที่ยอดขายของอุปกรณ์เหล่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปีที่แล้วเพียงปีเดียว โทรศัพท์มือถือขายได้มากกว่า 1,000 ล้านเครื่อง โดยในโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง มีอุปกรณ์ต่างๆ เป็นส่วนประกอบราว 500 ถึง 1,000 ชิ้นส่วน ซึ่งส่วนใหญ่ในจำนวนนี้มีส่วนผสมของสสารที่เป็นอันตราย เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และเบริลเลียม รวมทั้งสารหน่วงการติดไฟชนิดอื่นๆ ที่เป็นอันตราย

กรีนพีซระบุว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ส่วนหนึ่งมี "การระบายถ่ายเทที่ไม่เปิดเผย" ไปยังประเทศอย่างไทย จีน และอินเดีย โดยที่มีระบบธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟูในการแยกชิ้นส่วนของขยะเหล่านี้ และนำมาซ่อมหรือประกอบใหม่และนำมาจำหน่ายเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือ 2 ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม (เอพี)

หน้า 32
//www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01for03230251&day=2008-02-23§ionid=0104



 

โดย: 6848 IP: 118.174.132.138 25 กุมภาพันธ์ 2551 4:12:15 น.  

 

สำรวจแม่น้ำโขงก่อนถูก"ยำ" โดย ภาสกร จำลองราช padsakorn@hotmail.com

//www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01way01170251&day=2008-02-17§ionid=0137


หมายเหตุ-ชมภาพถ่ายเพิ่มเติมและร่วมแสดงความคิดเห็นโดยตรงถึงผู้เขียนได้ที่ http//padsakorn.multiply.com

 

โดย: 5505 IP: 118.174.132.138 25 กุมภาพันธ์ 2551 4:27:12 น.  

 

//www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01edu19250251&day=2008-02-25§ionid=0107


วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10943

"ลุงเหลือ" ยอดนักประดิษฐ์สติเฟื่อง "ชีวิตที่เหลืออยู่ เพื่อการศึกษาที่ดีของเยาวชน"


 

โดย: 9811 IP: 118.174.132.138 25 กุมภาพันธ์ 2551 4:38:10 น.  

 

//www.prachatai.com/05web/th/home/11300


แรงงานสตรี พบ รัฐมนตรีหญิง : ดันตั้งสหภาพฯ ข้าราชการ-ไม่ขายรัฐวิสาหกิจ-ตั้งศูนย์เลี้ยงเด็ก





วันที่ 22 ก.พ.51 เวลาประมาณ 10.00น. กระทรวงแรงงาน ตัวแทนแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ( สรส.) จำนวน 50 คน นำโดย นางสุภาภรณ์ ร่มแก้ว รองเลขาธิการ สรส. ฝ่ายสตรีได้เข้าพบเพื่อรับทราบนโยบายและมีประเด็นในการหารือในเรื่องการคุ้มครองแรงงานสตรีโดยสรุปดังต่อไปนี้คือ



1. ขอให้รัฐสนับสนุนให้ข้าราชการและลูกจ้างทุกกระทรวง โดยเฉพาะในกระทรวงแรงงาน ให้มีการจัดตั้งสหภาพแรงงาน โดยสนับสนุนให้ผู้หญิงได้มีบทบาทแลมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสหภาพ



2.ขอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ 2542 และยกเลิกการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยให้ถือว่ารัฐวิสาหกิจเป็นสมบัติของประชาชนคนไทยทั้งหมด



3.ให้มีมาตรการเอาผิด ลงโทษ อย่างจริงจังในกรณีล่วงละเมิดทางเพศและกระทำการรุนแรงต่อเด็กและสตรี



4.เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบการและย่านชุมชนอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวของคนงานไทย แม่ได้มีโอกาสในช่วงพักปลีกตัวมาให้นมหรือใช้เวลาอยู่กับลูก โดยเสนอให้รัฐมีมาตรการสนับสนุน งบประมาณและบุคลากร



นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน ได้รับว่าจะนำข้อเสนอของ สรส.ไปดำเนินการต่อ โดยเฉพาะข้อเสนอเรื่องประกันสังคมคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยและคลอดบุตร และในการตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบการ ก็ได้เริ่มมีการจัดตั้งถึง 70 แห่งแล้ว และจะนำเรื่องไปหารือกับทางผู้ประกอบการต่อไป



หลังการเข้าพบ รมต. ตัวแทนผู้ใช้แรงงานกล่าวกับ “ประชาไท” ว่า ในกรณีการตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบการ ทางผู้ใช้แรงงานต้องการให้ทางกระทรวงแรงงานออกเป็นประกาศกระทรวงในสถานประกอบ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในวงกว้าง และค่อนข้างมีความหวังว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ เนื่องจากรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเป็นเพศหญิง น่าจะมีความละเอียดอ่อนเห็นอกเห็นใจคนเพศแม่ด้วยกัน และหวังว่าข้อเสนอของผู้ใช้แรงงานจะได้รับการพิจารณาและนำไปปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จ ไม่ใช่ยุติแค่การรับฟังความคิดเห็นของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเท่านั้น โดยทาง สรส.จะรณรงค์ประเด็น ดังกล่าวเป็นข้อเรียกร้องในวัน สตรีสากล ที่จะมาถึงในวันที่ 8 มีนาคมนี้ต่อไป








--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 24/2/2551

 

โดย: 9782 IP: 118.174.132.138 25 กุมภาพันธ์ 2551 7:00:47 น.  

 

สัมภาษณ์ ‘ชื่นชม สง่าราศรี กรีเซ่น’ : ชำแหละโครงสร้างไฟฟ้าไทย จากแผนประเทศถึงบิลค่าไฟ (1)
กลุ่มพลังไท (www.palangthai.com) ทำงานด้านข้อมูลสนับสนุนการใช้้พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดกับชุมชนตั้งแต่่ระดับรากหญ้าเพื่อการพัฒนา ที่ยั่งยืนและมีส่วนร่วมในกิจการไฟฟ้าอย่างเป็นประชาธิปไตย

//www.prachatai.com/05web/th/home/11328








*ขอขอบคุณสไลด์ประกอบจากคุณชื่นชม สง่าราศรี กรีเซ่น

 

โดย: 3888 IP: 118.174.129.236 27 กุมภาพันธ์ 2551 6:32:07 น.  

 

การประชุมสัมมนาสรุปบทเรียนรู้ 3 ปี สึนามิ “เพื่อสังคมไทยที่พร้อมพอต่อภัยพิบัติ”
โดย : โครงการถอดรหัสฯ เมื่อ : 26/02/2008 04:12 PM
การประชุมสัมมนาสรุปบทเรียนรู้ ๓ ปี สึนามิ
‘Lessons Learned From Thailand’s Tsunami Experiences For Future Preparedness’

ของ
- โครงการถอดรหัสข้อเรียนรู้เพื่อการอยู่ดีจากกรณีธรณีพิบัติภัยใต้ทะเลและคลื่นยักษ์

ร่วมกับ
- สภากาชาดไทย / กรมป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
- กองทุนไทยพาณิชย์เพื่อผู้ประสบภัย มูลนิธิสยามกัมมาจล

ด้วยการร่วมมือและสนับสนุนโดย
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) / มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(มพย.) และ Direct Relief International มูลนิธิซิเมนต์ไทย / สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต / สถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ (วพส.) / สถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพภาคใต้ (สวรส.ภาคใต้) ศูนย์ชุมชนน้ำเค็ม / เครือข่ายความร่วมมือฟื้นฟูชุมชนชายฝั่งอันดามัน (SAN) และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
๐๙.๐๐ น. – ๑๖.๓๐ น.
ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
เอสซีบี.ปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร
....................................................................

วัตถุประสงค์
๑) เพื่อสร้างความตื่นตัวในการเตรียมความพร้อมรับภัยในอนาคตของสังคมไทย
๒) เพื่อสรุปผลการศึกษาบทเรียนรู้จากกรณีธรณีภัยพิบัติของสังคมไทย
๓) เพื่อวางแนวทางในการเตรียมสังคมไทยให้พร้อมพอต่อภัยพิบัติ
๔) เพื่อร่วมเริ่มการสนับสนุนส่งเสริมการเตรียมความพร้อมโดยชุมชนเป็นฐาน
ภาคเช้า


๐๘.๐๐ น. ลงทะเบียนการประชุม
๐๙.๐๐ น. ที่ประชุมพร้อมกันในห้องประชุม
วีดิทัศน์ “เพื่อสังคมไทยที่พร้อมพอต่อภัยพิบัติ”

๐๙.๑๕ น. กล่าวรายงานโดย : นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผู้แทนขององค์กรร่วมจัดงาน / กล่าวเปิดโดย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี / กล่าวต้อนรับ โดย นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการกิจกรรมเพื่อสังคม ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

๐๙.๓๐ น. กล่าวปาฐกถานำ“ภัยพิบัติกับการจัดการของมนุษยชาติ” โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เกษม วัฒนชัย ที่ปรึกษาของโครงการ

๑๐.๐๐ น. นำเสนอ ถอดระหัสข้อเรียนรู้จากการศึกษาพร้อมข้อเสนอเบื้องต้น โดย : นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้แทนของโครงการถอดรหัส ฯ

๑๐.๑๕ น. พัก

๑๐.๓๐ น. อภิปรายคู่ขนานหาคำตอบใน ๗ ห้องย่อย
• ห้องที่ ๑ การจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนเป็นฐาน ( ห้องมหิศร)
• ห้องที่ ๒ การเชื่อมร้อยประสานสนับสนุนในภาวะวิกฤติ การอำนวยและสั่งการ (ห้องโยคะ สำราญรมย์)
• ห้องที่ ๓ อาสาสมัครกับการจัดการภัยพิบัติ (ห้องจดหมายเหตุราชหฤทัย ในพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย)
• ห้องที่ ๔ ช่วยอย่างไรไม่เป็นปัญหา (ห้องPresentation พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย)
• ห้องที่ ๕ การฟื้นฟูวิถีชีวิตหลังภัยพิบัติ (ห้องแอโรบิค สำราญรมย์)
• ห้องที่ ๖ หาย ตาย เจ็บ กับการดูแลสุขภาพหลังภัยพิบัติ (ห้องศูนย์การเรียนรู้ ในห้องสมุดฯ)
• ห้องที่ ๗ คนชายขอบกับภัยพิบัติ (ห้องประชุมย่อย ฝั่งตะวันตก)
๑๒.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน แล้ว ชมนิทรรศการ สิ่งแสดง สาธิต ผลิตผลชุมชน
๑๒.๐๐ น. การแถลงข่าวสื่อมวลชน ณ ห้องมหิศร

*************** ภาคบ่าย *******************

๑๓.๐๐ น. วีดิทัศน์ “เพื่อสังคมไทยที่พร้อมพอต่อภัยพิบัติ” (ฉายซ้ำ)

๑๓.๒๐ น. กรณีศึกษา “การส่งเสริมสนับสนุนการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนเป็นฐาน” โดย นายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการบริหารแผนฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ผู้แทนชุมชนจากการสนับสนุนของกรมป้องกัน ฯ อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ผู้แทนชุมชนจากการสนับสนุนของสภากาชาดไทย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ผู้แทนชุมชนน้ำเค็ม จังหวัดพังงา นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมฯ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พลโทนายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวนการสำนักบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย นายโจนาธาน ช็อตต์ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ดำเนินรายการ

๑๔.๓๐ น. อภิปรายส่งท้าย “สังคมไทยกับการจัดการภัยพิบัติในอนาคต” โดย ผู้แทนจาก UNDP หรือ ADPC UNDP หรือ ADPC / ผู้แทนจากประเทศญี่ปุ่น / ผู้แทนจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ คุณสุรนุช ธงศิลา มูลนิธิซิเมนต์ไทย
คุณภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ ดำเนินการอภิปราย

๑๖.๐๐ น. ปิดการประชุม โดย นายอนุชาโมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

หมายเหตุ
๑) ผู้ร่วมประชุมประมาณ ๔๐๐ คน ประกอบด้วย ผู้แทนจากแต่ละกรณีศึกษา ๆ ละ ๑ – ๒ คน ๖๐ กรณี ประมาณ ๘๐ คน ส่วนราชการ องค์กรเอกชนและภาคธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องและสนใจ ประมาณ ๘๐ คน ท้องถิ่น (อบจ. / เทศบาล / อบต.) ที่มีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการภัยพิบัติ ประมาณ ๑๐๐ คน เหล่ากาชาดจังหวัด / กิ่งกาชาด ทั่วประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ ประมาณ ๕๐ คน สื่อมวลชน และ ผู้สนใจทั่วไป ประมาณ ๘๐ คน

๒) เอกสารประกอบการประชุมประกอบด้วย
หนังสือเล่ม ๑. กรณีน่าศึกษา ณ ใจกลางคลื่นคลั่งของคนน้ำเค็มเล่มที่ ๑
๒. ๖๐ กรณีน่าศึกษา “เมื่อร่วมมือฟื้นฟูกู้ไทย...จากภัยพิบัติ”
๓. บันทึกรายงานการประชุมสรุปบทเรียนรู้ ๓ ปี สึนามิ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๐
ต้นร่างเอกสาร๑. สู่ความพร้อมพอต่อนานาภัย...ในอนาคต
๒. Lessons Learned From Thailand’s Tsunami Experiences For Future Preparedness’
๓) วีซีดี กรณีศึกษา “การจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนเป็นฐาน” ( ฉบับย่อ ๑๕ นาที)
๔) กิจกรรมช่วงบ่าย เวลา ๑๓.๓๐ น. กรณีศึกษา “การส่งเสริมสนับสนุนการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนเป็นฐาน”
เป็นการเปิดตัวกิจกรรมต่อเนื่องในชุดโครงการความร่วมมือเพื่อให้เกิดพื้นที่นำร่องชุมชนจัดการภัยพิบัติในแต่ละภูมิภาคและแต่ละกรณีความเสี่ยงทั่วประเทศประมาณ ๓๐ ชุมชน
๔) เชิญร่วมจัดและชมนิทรรศการ กิจกรรมผลงาน ผลิตภัณฑ์ ของหน่วยงาน องค์กร ภาคี และชุมชนในการฟื้นฟูผู้ประสบภัยสึนามิ ณ บริเวณโถงหน้าห้องประชุม
๕) สนใจเข้าร่วมประชุม สามารถติดต่อแจ้งความจำนง ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โทร ๐๒-๙๓๕ ๓๕๖๐-๒ http// //www.sdfthai.net โดยไม่มีค่าลงทะเบียน (มีบริการอาหารเฉพาะและเอกสารการประชุมไม่มีบริการที่พัก การเดินทาง ยกเว้นชุมชนชาวบ้านผู้ประสบภัย)
ร่าง ๒๒ มค. ๒๕๕๑ ปรับปรุงใหม่ ๑๒ กพ.๕๑



โครงการถอดรหัสข้อเรียนรู้เพื่อการอยู่ดีจากกรณีธรณีพิบัติภัยใต้ทะเลและคลื่นยักษ์
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
๘๖ ซอยลาดพร้าว ๑๑๐ แยก ๒ ถนนลาดพร้าว
เขตวังทองหลาง กรุงเทพ ๑๐๐๓๑๐


โทร ๐๒ ๙๓๕๓๕๖๐-๖๒ โทรสาร ๐๒๙๓๕๒๗๒๑

 

โดย: 4515 IP: 118.174.129.236 27 กุมภาพันธ์ 2551 6:41:55 น.  

 


ขอเชิญประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา
เมื่อวันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 เพื่อสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
จะได้จัดทำความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาต่อไป
...คลิกที่นี่

//www2.nesac.go.th/nesac/th/whatsnew/detail.php?myLeftMenu=&myDataID=541&myModuleKey=news&TxtSearch=สภาที่ปรึกษา&pic=main_76.gif






 

โดย: 1351 IP: 118.174.53.66 27 กุมภาพันธ์ 2551 20:11:15 น.  

 

ซีแอล กฎหมาย การค้าและสุขภาพ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551

คณะทำงานการพัฒนาคุณภาพชีวิต สาธารณสุข และคุ้มครองผู้บริโภค สภาที่ปรึกษาฯ จัดเสวนาวิชาการ เรื่อง "ซีแอล กฎหมาย การค้าและสุขภาพ" ในวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551เวลา 13.30 - 16.30 น. ณ ห้องประชุม 5 สำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ
//www2.nesac.go.th/nesac/th/whatsnew/detail.php?myLeftMenu=&myDataID=549&myModuleKey=newsgovernment&TxtSearch=&pic=main_64.gif

 

โดย: 2802 IP: 118.174.53.66 27 กุมภาพันธ์ 2551 20:22:16 น.  

 

วันอังคารที่ 4 มีนาคม 2551 ณ หอประชุมพุทธคยา บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ อาคาร อัมรินทร์ พลาซ่า ชั้น 22 ตั้งแต่ เวลา 10 .00 น.
หอประชุมพุทธคยา บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ อาคาร อัมรินทร์ พลาซ่า ชั้น 22


บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ในนามที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ของ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยหนึ่งในกลุ่มบริษัทดีที เจ้าของโครงการบ้านแม็กโนเลียส์ และคอนโด เดอะมิวซ์ ขอเรียนเชิญท่านร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดตัว “โครงการบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุ และเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง ” พร้อมโครงการประกวดแผนธุรกิจ (Innovation World’s CARE Award) โดยมี นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ กรรมการผู้จัดการ MQDC และผู้บริหารร่วมแถลง ในวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2551 ณ หอประชุมพุทธคยา บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ อาคาร อัมรินทร์ พลาซ่า ชั้น 22 ตั้งแต่ เวลา 10 .00 น. เป็นต้นไป
โครงการนี้ จัดขึ้นภายใต้ความยึดมั่นต่อพันธกิจที่ต้องการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น MQDC ได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุในสังคมที่มักถูกละเลยและทอดทิ้ง จึงจัดตั้งโครงการบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุและเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เพื่อการพัฒนาโครงการอย่างเป็นรูปธรรม บริษัทฯ จึงจัดการประกวดโครงการ Innovation World’s CARE Award “ประกวดแผนธุรกิจเพื่อสังคม” ขึ้น เพื่อเป็นสื่อกระตุ้นจิตสำนึกในการทำความดีให้คนรุ่นใหม่ ผ่านแนวคิดและเขียนเป็นแผนธุรกิจสำหรับ “ธุรกิจเพื่อสังคม” ที่นำเสนอนวัตกรรมความสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้สูงอายุและเด็กที่ถูกทอดทิ้ง
ภายในงานยังมีแขกผู้มีเกียรติที่มีชื่อเสียงร่วมสนทนาถึงการดูแลผู้สูงอายุ และการพัฒนาศักยภาพเด็ก อาทิ คุณพิศมัย วิไลศักดิ์ เป็นต้น

คุณวรกร บุญรัตนกุล หรือ คุณสิทธิ วัฒนายากร โทร. 0-2610-2384 หรือ 0-81834-5323

 

โดย: 8690 IP: 61.19.236.82 29 กุมภาพันธ์ 2551 13:18:05 น.  

 

Dear friends,

Children Museum reconstructed its canteen and created a ramp. So from now on children with disability and all other consumers will get in and out theis place a lot easier. It is located in Bangkok, very close to "Ja-Tu-Jak" the famous weekend market. Let's check it out.

Together, we make the difference!

เรียน ทุกท่านค่ะ

IL กรุงเทพฯ มีโอกาสไปใช้สถานที่พิพิทธภัณฑ์เด็กจัดบริการกลุ่มสนับสนุนเมื่อปีที่แล้ว
แวะไปอีกเรื่อยๆในที่สุดเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทางลาดเข้าสู่เต้นท์ขายอาหารหลังพิพิทธภัณฑ์
น้องๆเด็กพิการ และลูกค้าอื่นๆที่สะดวกใช้ทางลาดมากกว่าบันได จะง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ
พิพิทธภัณฑ์เด็กแห่งนี้ อยู่ใกล้ตลาดนัดจตุจักรค่ะ มีเวลาแวะพาลูกหลานไปเรียนรู้สิ่งใหม่ด้วยกันนะคะ
ฝากข่าวนี้ ให้มีความสุขกับความเปลี่ยนแปลงดีๆร่วมกันค่ะ

ด้วยความเชื่อมั่น

เอิร์ธ

ณธกมล รุ่งทิม

//www.forfriend2000.com/board/feedback.php?ID=2626&READNUM=16&page=1&rownum=30&interval=1&linklimit=20

 

โดย: 49 IP: 118.174.160.86 1 มีนาคม 2551 20:03:36 น.  

 

ด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จะจัดงานสัมมนาในหัวข้อเรื่อง “มองภาพสังคมไทยต่อการออมเพื่อวัยเกษียณ” ในวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 8.30 - 12.30น. ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสุโขทัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอสรุปผลการวิจัยเรื่อง “ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรต่อวิถีชีวิตของประชากรกับทิศทางการออมในอนาคต” ที่ได้ดำเนินการวิจัยเมื่อปี 2549 - 2550 โดยความร่วมมือระหว่าง กบข. และวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้น เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม จึงจะมีการใช้ข้อมูลจากงานวิจัยดังกล่าวมาเป็นหัวข้อในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากตัวแทนนักลงทุน สถาบันการเงิน ภาคเอกชน และภาครัฐสำหรับสร้างข้อคิดและให้แนวทางการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ อีกทั้งโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรดังกล่าว รวมทั้งมุ่งหวังให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ในการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในทางปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ ในงานสัมมนาครั้งนี้ กบข.ได้เรียนเชิญหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับระบบเงินออมของประเทศ อาทิ สำนักงานประกันสังคม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้บริหารกองทุนต่างๆ เป็นต้น

กำหนดการ
งานสัมมนาเรื่อง “ มองภาพสังคมไทยต่อการออมเพื่อวัยเกษียณ ”
วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 8.30 - 12.30น.
ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสุโขทัย

8.30 – 9.00 น. ลงทะเบียน

9.00 – 9.15 น. พิธีเปิดการสัมมนา
โดย คุณวิสิฐ ตันติสุนทร
เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

9.15 – 10.00 น. สรุปผลการวิจัยเรื่อง “ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรต่อวิถีชีวิตของประชากรกับทิศทางการออมในอนาคต”
โดย คณะผู้วิจัย จากวิทยาลัยประชากรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

10.00 – 10.30 น. พักรับประทานอาหารว่าง

10.30 – 12.15 น. เสวนา เรื่อง “มองภาพสังคมไทยต่อการออมเพื่อวัยเกษียณ”
โดย คุณสีมา สีมานันท์
ที่ปรึกษา กบข. และกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล
ผู้บริหารสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คุณเปรมฤดี ศวิตชาต
Executive Consultant, TMB Asset Management
ศ.ดร. เกื้อ วงศ์บุญสิน
รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศ.นพ. สุทธิชัย จิตะพันธ์กุล
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ดำเนินรายการ โดย ผู้ทรงคุณวุฒิ

12.15 – 12.30 น. ถาม – ตอบ

12.30 น. จบการสัมมนา

 

โดย: 50 IP: 118.174.160.86 1 มีนาคม 2551 20:12:11 น.  

 

เครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ และภาคีเครือข่ายร่วมจัดงาน Change Your Life by Music ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2551 ณ สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00 – 19.00 น.เพื่อแถลงข่าวเปิด “โครงการพัฒนาศักยภาพด้านดนตรีของคนพิการ” และเปิดตัวอัลบั้ม “เทศกาลเพลงรัก” Love season ของสว่าง ศรีสม โดยภายในงานจะมีการแสดงดนตรีร่วมกันระหว่างศิลปินพิการ ศิลปินรับเชิญ คุณเจี๊ยบ พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร มีการแสดงดนตรีร่วมสมัย รวมทั้งการแสดงดนตรีพื้นบ้าน จากความร่วมมือของคนพิการหลากหลายที่ร่วมกันรังสรรค์ เพื่องานนี้โดยเฉพาะ

ในการนี้ จึงขอเรียนเชิญ มายังสื่อมวลชนทุกท่านเพื่อขอส่งข่าวประชาสัมพันธ์และขอเชิญร่วมงานแถลงข่าวเปิดโครงการฯ และเปิดตัวอัลบั้ม ดังกล่าว ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมรับฟังดนตรีหลากสีสันในสวน ในวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2551 เวลา 16.00 – 19.00 น. ณ สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์

กำหนดการ

16.00 น. พิธีกรกล่าวต้อนรับ เชิญชมการแสดง “ดนตรีโฟล์คซอง” โดยศิลปินคนพิการ

การแสดงดนตรีร่วมสมัย และการแสดงดนตรีพื้นบ้านจากศิลปินคนพิการ

การแสดงดนตรีจาก “วงไดม่อน” ร่วมกับ คุณสำราญ หอมวงษ์ ผู้ชนะการประกวดบทเพลงและเป็นตัวแทนคนพิการประเทศไทย ร่วมงานมหกรรมดนตรีคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิกวาตาโบชิ 2007 ณ ประเทศมาเลเซีย

17.00 น. เข้าสู่การแถลงข่าวในบรรยากาศแบบเป็นกันเอง โดย

ประธานมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ
หัวหน้าเครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ คุณศักดิ์ศิลป์ สิงห์บุรมย์
เจ้าของอัลบั้ม “เทศกาลเพลงรัก” Love season คุณสว่าง ศรีสม
ผู้ชนะการประกวดบทเพลง คุณสำราญ หอมวงษ์
ศิลปินรับเชิญ คุณเจี๊ยบ พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร
17.30 น. การแสดงดนตรีเปิดอัลบั้ม “เทศกาลเพลงรัก” Love season สว่าง ศรีสม

18.00 น. การแสดงดนตรีร่วมกับศิลปินรับเชิญ

ติดต่อประสานงาน : ศักดิ์ศิลป์ โทร. 08-7508-9582, มานิดา โทร 08 3647 6383

 

โดย: 51 IP: 118.174.160.86 1 มีนาคม 2551 20:21:08 น.  

 

กับโครงการ “ค่ายธรรมะเพื่อน้อง” (ที่ได้รับผลกระทบจาก HIV/AIDS)
โดย : มูลนิธิรักษ์ไทย เมื่อ : 27/02/2008 07:02 PM
“ธรรมะ...คือธรรมชาติ ที่มนุษย์ควรเข้าถึง ...แต่สำหรับเด็กบางคน อาจยังไม่เข้าใจแม้แต่ความหมายของธรรมะ”

มูลนิธิรักษ์ไทย ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการสอนธรรมะให้เด็กที่ได้รับผลกระทบจาก HIV/AIDS ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา กับโครงการ “ค่ายธรรมะเพื่อน้อง” (ที่ได้รับผลกระทบจาก HIV/AIDS) ระหว่างวันที่ 21 - 23 พฤษภาคม 2551 ณ สถานปฏิบัติธรรม จ.เชียงใหม่

เพื่อปลูกฝังธรรมะให้เยาวชนสามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีสติ สมาธิ ส่งผลให้มีสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง โดยมีคุณแอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ทูตมูลนิธิรักษ์ไทย เป็นผู้นำฝึกอบรมธรรมะ

สามารถร่วมทำบุญ...โดยการบริจาคเงินหรือปัจจัยอื่นๆ เพื่อสนับสนุนโครงการ “ค่ายธรรมะเพื่อน้อง” (ที่ได้รับผลกระทบจาก HIV/AIDS) ได้ที่ ฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์ มูลนิธิรักษ์ไทย โทรศัพท์ 0-2265-6833, 0-2265-6854

 

โดย: 52 IP: 118.174.160.86 1 มีนาคม 2551 21:08:02 น.  

 

งาน 100 วัน วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์
โดย : เครือข่ายสมัชชาคนจน เมื่อ : 29/02/2008 01:21 PM
ขอกราบเรียนเชิญ ครู อาจารย์ พี่น้อง มิตรสหาย ผู้ร่วมอุดมการณ์ ร่วมงานและร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน
“งาน ๑๐๐ วัน วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์”

๑๓ - ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๑ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน อ. พิบูลมังสาหาร จ. อุบลราชธานี

ผู้เข้าร่วม
ชาวบ้านปากมูน พันธมิตรคนจน เครือข่ายสมัชชาคนจน นักวิชาการ นักศึกษา ประชาชนผู้สนใจ

รูปแบบ
เดินธรรมยาตรา งานวิชาการ งานพิธีกรรม ทำบุญกระดูก (ซักอนิจจา) ประกาศเจตนารมณ์

รายละเอียดกิจกรรม

๑๓ มี.ค./แก่งสะพือ ๑๔.๐๐ น.
พิธีต้อนรับขบวนธรรมยาตรา และจัดเวทีแลกเปลี่ยนประกอบด้วย ๑. พ่อครัวใหญ่สมัชชาคนจน ๒. เครือข่ายเขื่อน ๓. เครือข่ายพันธมิตรประชาสังคม จ. อุบล และ กรุงเทพ ฯ

๑๔ มี.ค./แก่งสะพือ - ถนนพิบูล-ศูนย์ไทบ้านฯ
๗.๐๐ น./แก่งสะพือ ออกเดินธรรมยาตราจากแก่งสะพือ
ถึงศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน พิธีเปิดธรรมยาตรา
ขบวนธรรมยาตรา ๑๐๐๐ คน (สมัชชาคนจนและองค์กรพันธมิตร) พระสงฆ์เดินนำขบวน พร้อมชาวบ้านชุดขาว ๒๐ คน

๑๖.๐๐ น./ศูนย์ไทบ้านฯ ขบวนธรรมยาตราถึงศูนย์ไทบ้าน ฯ
งานตุ้มโฮมกระดูกนักต่อสู้ผู้เสียชีวิต พิธีรับขบวนธรรมยาตราโดย สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เปิดงาน ๑๐๐ วัน วนิดา และวันหยุดเขื่อนโลก

๑๘.๐๐น. งานพิธีกรรม สวดมนต์เย็นโดยพระสงฆ์ ๙ รูป ปาฐกถาธรรม โดย พระเกียรติศักดิ์ กิติโสภโณ

๑๙.๐๐น. เวทีเสวนา เสวนาประกอบภาพยนตร์ต้องห้ามหลัง ๖ ตุลา “ทองปาน: คน เขื่อน ที่ดิน และ สายน้ำ” โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ คำสิงห์ ศรีนอก ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม

๒๑.๐๐น. เวทีวัฒนธรรม เวทีวัฒนธรรมชาวบ้าน : วงสะเลเต วงหมอลำลุ่มน้ำมูน การอ่านบทกวีของกลุ่มนักเขียนจากลุ่มน้ำมูน หนังสั้นของกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเกียวโต สไลด์-วีดีทัศน์ของนักศึกษาอเมริกัน และกลุ่มนักสิ่งแวดล้อม

๑๕ มี.ค./ศูนย์ไทบ้านฯ - เวทีวิชาการ “วนิดากับคนจนและการต่อสู้ของคนรากหญ้า: อดีต ปัจจุบัน อนาคต”

กล่าวเปิดงานวิชาการโดย ประกอบ วิโรจน์กูฎ / ปาฐกถาวิชาการโดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ / อภิปราย บทเรียน องค์ความรู้ และ การเปลี่ยนแปลงในการต่อสู้ของขบวนประชาชน โดย วีรพล โสภา สุธี ประศาสน์เศรษฐ์ สุริชัย หวันแก้ว กนกวรรณ มโนรมย์ สมชาย ปรีชาศิลปกุล ฯลฯ / อภิปราย สถานการณ์การต่อสู้ของขบวนการคนจนภายใต้บริบทสังคมไทยในอนาคต โดย กรณ์อุมา พงษ์น้อย ประสาร มฤคพิทักษ์ เกษียร เตชะพีระ อรรถจักร สัตยานุรักษ์ ทองเจริญ สีหาธรรม ฯลฯ

๑๘.๐๐น. งานพิธีกรรม สวดมนต์เย็น โดย พระสงฆ์ ๙ รูป
กล่าวต้อนรับโดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี / ปาฐกถารำลึก โดย อานันท์ ปันยารชุน

๒๐.๐๐น. เวทีวัฒนธรรม / พิธีรำลึก ๑๐๐ วัน วนิดา วีดีทัศน์ “ชีวิตและความตายของวนิดา” โดย ครอบครัวตันติวิทยาพิทักษ์ ดนตรี แสง สี เสียงและสไลด์ “๓๐ ปี การเมืองภาคประชาชนกับการต่อสู้ของสามัญชนผ่านชีวิตของวนิดา”
เวทีศิลปะวัฒนธรรม โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ,เพื่อนศิลปินและเพื่อนมิตรเครือข่าย / หมอลำ มลฤดี พรหมจักร

๑๖ มี.ค./ศูนย์ภูมิปัญญา
๗.๐๐น. งานพิธีกรรม ทำบุญกระดูก (ซักอนิจจา) เลี้ยงพระเช้า บังสุกุล ทำบุญกระดูก (ซักอนิจจา) ตัวแทนองค์กรร่วมจัดและครอบครัวตันติวิทยาพิทักษ์ ขอบคุณผู้เข้าร่วมงาน

๑๑.๓๐น. เวทีวิชาการ อภิปราย การกำหนดอนาคตตนเองของขบวนการภาคประชาชน โดย บำรุง คะโยธา บัณฑร อ่อนดำ บำรุง บุญปัญญา ตัวแทนชุมชนแออัด จ.อุบล ตัวแทนสมัชชาคนจน ปาฐกถาสรุปเวทีวิชาการ โดย เสน่ห์ จามริก

๑๑.๔๕น. ประกาศเจตนารมณ์ พิธีปิดงาน ๑๐๐ วัน / กล่าวคำประกาศเจตนารมณ์หน้าอนุสาวรีย์คนจน โดย ตัวแทนสมัชชาคนจน

****************************************
หมายเหตุ กำหนดการ อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม และวิทยากรอยู่ในระหว่างการติดต่อ

ผู้ประสานงาน
ลัดดาวัลย์ 081-4449463, laddawantan@hotmail.com, นฤมล 087-6850043, junaruemon@hotmail.com ปุ้ม 081-5583717, aop_t@yahoo.com สดใส 089-4238338, ธีรพล 083-6842710

การเดินทางกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี
1. โดยรถทัวร์นครชัยแอร์ สามารถเช็คตารางเดินทางได้จาก //www.nca.co.th มีหลายเวลา สำหรับรถทัวร์สายอื่น ราคาค่าโดยสารจะถูกกว่านครชัย แต่เรื่องการบริการอาจไม่ประทับใจ

2. โดยรถไฟ รถด่วนขบวน 67 ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 20.30 ถึงอุบลราชธานี (อ.วารินชำราบ) 07.25 น. ยังมีขบวนอื่นอีก ซึ่งสามารถเช็คได้ที่ //www.railway.co.th

3. โคยเครื่องบิน การบินไทย, นกแอร์ และแอร์เอเชีย

หลังจากที่ถึงอุบลราชธานีแล้ว สามารถมาต่อรถที่ตลาดวารินชำราบ เพื่อไปที่อำเภอพิบูลมังสาหาร และจากอำเภอพิบูลมังสาหาร จะต้องต่อรถที่พิบูลมังสาหาร-โขงเจียม และให้ลงที่ศูนย์ภูมปัญญาไทบ้าน ปากมูน ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับ สหกรณ์การเกษตรปากมูน รถประจำทางทุกคันรู้จักดี

 

โดย: 53 IP: 118.174.160.86 1 มีนาคม 2551 21:41:38 น.  

 

14 มี.ค. 2551

ละครเวทีเรื่อง หยดเลือดที่เหือดหาย: ความรัก ความร้าง ความช้ำและน้ำตา (Hunger)


กลุ่ม Peace in Thailand

ร่วมกับชมรมละคร

คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ชวนมาชมละครเวทีเรื่อง

“หยดเลือดที่เหือดหาย: ความรัก ความร้าง ความช้ำและน้ำตา”

แปลจากบทละครเรื่อง

Hunger

ของ Hope McIntyre

---------------------------------------------------------------------------




Hope McIntyre

เกิด เรียน และจบการศึกษาปริญญาตรีและโทด้านการแสดงและการกำกับที่ประเทศคานาดา บทละครเรื่อง Death of Love ชนะรางวัล UNI Theatre’s International Award ในปี 2000 และ Trauma ได้รับรางวัลประเภทละครองค์เดียวจาก Vancouver’s Theatre





ละคร “หยดเลือดที่เหือดหาย” (Hunger)

คือเรื่องราวของเจสสิกา คาร์เตอร์ ทนายความหญิงด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศอเมริกา เธอแต่งงานกับผู้นำกองกำลังสู้รบเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อยในประเทศกัวเตมาลา เมื่อเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ เธอจึงเริ่มต่อสู้เพื่อค้นหาความจริง





ร่วมสัมผัสและเดินทางไปกับตัวตนภายในของเธอด้วยกัน

ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่ 14, 15, 16 และ 21, 22, 23 มีนาคม

เวลา ศุกร์ 19.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 14.00 น.

ณ ละครโรงเล็ก Crescent Moon Space สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซอยทองหล่อ

บัตรราคา 200 บาท นิสิตนักศึกษา 100 บาท



กำกับการแสดงโดย วิศรุต ช่วยเพชร

นำแสดงโดย นิสิตเอกศิลปการละคร ชั้นปีที่3 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



ทุกวันเสาร์หลังละครจบ

เชิญร่วมเสวนาพูดคุยกับวิทยากรรับเชิญในประเด็นต่าง ๆ

เสาร์ที่ 15 พบกับ อ.ทรงยศ แววหงษ์ แห่งคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ติดต่อสอบถามและจองบัตรได้ที่

คุณจรีย์วิบูลย์ 085 805 5799 และคุณจรรยา 087 922 7008


 

โดย: 54 IP: 118.174.32.184 1 มีนาคม 2551 21:53:00 น.  

 

"อาจารย์ใหญ่" ขาดแคลน แพทย์จุฬาฯชวนบริจาคด่วน
โดย : แพทยศาสตร์ จุฬาฯ เมื่อ : 25/02/2008 12:05 PM
รศ.นพ.ธันวา ตันสถิตย์ หัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสถานการณ์การรับบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ หรือการอุทิศร่างเป็น "อาจารย์ใหญ่" ให้กับโรงพยาบาลจุฬาฯ ว่า แม้ปัจจุบันโรงพยาบาลจุฬาฯจะยังคงมี "อาจารย์ใหญ่" ให้กับนิสิตคณะแพทยศาสตร์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์อย่างพอเพียง แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นในทุกวันนี้ ทำให้ต้องมีการใช้ร่างของ "อาจารย์ใหญ่" เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยในแต่ละปี คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ จำเป็นต้องใช้ "อาจารย์ใหญ่" มากถึงกว่า 200 ท่านและอาจทำให้ร่างของ "อาจารย์ใหญ่" ที่มีขณะนี้ ไม่เพียงพอในอนาคต เพราะผู้ที่บริจาคในวันนี้อาจต้องใช้เวลาอีก 50-60ปี กว่าที่จะเสียชีวิต

ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนให้ผู้สนใจร่วมบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ โดยร่างของผู้ที่ บริจาคจะได้รับการทำพีธีทางศาสนา หลังผ่านการเป็นอาจารย์ใหญ่ โดยมีพิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติ

ผู้ที่จะบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่เกือบ 100เปอร์เซ็นต์ สามารถนำไปเป็นอาจารย์ใหญ่ได้ ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ หรือแม้แต่เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ก็สามารถบริจาคได้ ไม่เหมือนการบริจาคอวัยวะ ที่ผู้บริจาคต้องเสียชีวิตจากภาวะสมองตายเท่านั้น จึงจะสามารถนำอวัยวะบางส่วนมาใช้ประโยชน์ ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนให้ร่วมกันบริจาคร่างกาย เพราะถือเป็นการทำบุญใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิต

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อที่แผนกอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ศาลาทินฑัต โรงพยาบาลจุฬาฯ หมายเลขโทรศัพท์ 02-256-4628 ในเวลาราชการ หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาคร่างกายจาก
www.chula.ac.th/th/cadaver/index.htm แล้วกรอกข้อความส่งมาที่

แผนกอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ศาลาทินฑัต โรงพยาบาลจุฬาฯ สภากาชาดไทย เขตปทุมวัน กทม.10330 ได้ทุกวัน

 

โดย: 55 IP: 118.174.32.184 1 มีนาคม 2551 21:58:34 น.  

 

//www.senate.go.th/pdf/samana.pdf
วันศุกร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ นาฬิกา ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น ๓ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร

 

โดย: 56 IP: 118.174.32.184 1 มีนาคม 2551 22:33:18 น.  

 

ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนา"วช.กับงานวิจัยนาโนเทคโนโลยี:Nano-science fof better life"


ด้วยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จะจัดสัมมนา เรื่อง "วช. กับงานวิจัยนาโนเทคโนโลยี : Nano - science for better life" ในวันพุธที่ 19 มีนาคม 2551 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อนำไปพัฒนางานวิจัยทางด้านนาโนเทคโนโลยี


<< รายละเอียด กำหนดการ แบบลงทะเบียน แผนที่ >>


ทั้งนี้ จึงใคร่ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนาดังกล่าว โดยกรอกแบบลงทะเบียนและส่งกลับไปทางโทรสาร 0-2579-4368, 0-2940-5495 ภายในวันที่ 10 มีนาคม 2551
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ภารกิจโครงการและประสานงานวิจัย โทร.0-2561-2445 ต่อ 489, 0-2579-2284

 

โดย: 57 IP: 118.174.32.184 1 มีนาคม 2551 23:04:26 น.  

 






สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย กำหนดจัดงานเสวนา เรื่อง "พุทธศาสนากับระบบทุนนิยม"
ในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2551 เวลา 13.00 - 16.30 น.
ณ ห้องประชุมวรรณไวทยากร ตึกโดม ชั้น 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

กำหนดการเสวนา
13.00 - 13.30 น. ลงทะเบียน
13.30 - 13.50 น. พิธีเปิดการเสวนา
13.50 -16.30 น. ดำเนินการเสวนาเรื่อง “พุทธศาสนากับระบบทุนนิยม”
นำโดยวิทยากร
1. พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย
2. รศ.วิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
3. รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
4. คุณบรรยงค์ พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด(มหาชน)
ดำเนินรายการโดย คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บรรณาธิการสำนักพิมพ์ openbooks
16.30 - 17.00 น. สรุปการเสวนา/ปิดการเสวนา

หมายเหตุ
- วิทยากรอยู่ระหว่างทาบทาม
- ผู้เข้าร่วมเสวนาไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่ประการใด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ฯ โทร. 0-2613-3130











 

โดย: 58 IP: 118.174.32.184 1 มีนาคม 2551 23:31:01 น.  

 



สำนักเสริมศึกษาและบริการสังคม มธ.จัดสัมมนาบริการวิชาการแก่ประชาชน เริ่ม 7 มีนาคม 2551



สำนักเสริมศึกษาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอเชิญผู้สนใจฟังการสัมมนาบริการวิชาการแก่ประชาชน ในเดือนมีนาคม 2551 ณ ห้องประชุมประภาศน์ อวยชัย ชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เรื่อง “ทักษะชีวิตและการผ่อนคลายความเครียด”
ในวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2551 เวลา 09.00 – 11.30 น.
ณ ทัณฑสถาน บางเขน กรุงเทพฯ (สำนัก จัดร่วมกับ สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน)
เรื่อง “ศิลปวัฒนธรรมไทย : ชมวัด ไหว้พระ ฟังธรรม” ครั้งที่ 23
ในวันอังคารที่ 11 มีนาคม 2551 เวลา 13.00 – 16.00 น.
ณ ศาลาการเปรียญ วัดจักรวรรดิราชาวาส ถนนจักรวรรดิ กรุงเทพฯ
บรรยายโดย พระวิทยากรวัดจักรวรรดิราชาวาส
เรื่อง “การพัฒนาความคิดอย่างเป็นระบบและ EQ-AQ การเสริมสร้างประสิทธิภาพและความสำเร็จในการทำงาน”
วันพฤหัสบดี-ศุกร์ที่ 13-14 มีนาคม 2551 เวลา 9.00 – 16.00 น.
ณ โรงแรมบ้านสวนฝน จังหวัดกาญจนบุรี (สำนัก จัดร่วมกับ สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน)
บรรยายโดย รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน และอาจารย์ณรงค์ศักดิ์ ตะละภัฏ
เรื่อง “การออกกำลังกายกับสุขภาพ”
ในวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2551 เวลา 10.00-12.00 น.
ณ ห้องบุญชู โรจนเสถียร ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ
บรรยายโดย รศ.นพ.กัมมาล กุมาร ปาวา อาจารย์ นพ.ฉัตรนรินทร์ เมธีกุล และ ผศ.สุภาภรณ์ วรรณศิริ
เรื่อง “แอโรบิคและโยคะต่อสุขภาพ” ในวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2551 เวลา 13.00 – 15.00 น. น.
ณ ห้องบุญชู โรจนเสถียร ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ
บรรยายโดย รศ.นพ.กัมมาล กุมาร ปาวา
เรื่อง “พระสงฆ์ผู้นำการพัฒนาสังคมไทยที่ยั่งยืน”
ในวันอังคาร-พุธที่ 25-26 มีนาคม 2551 เวลา 12.30 – 16.30 น.
ณ ศาลาการเปรียญ วัดโบสถ์ อ.เมือง จ.ปทุมธานี
บรรยายโดย ผศ.ดร.ปรีชา สุวรรณทัต และอาจารย์ธนเดช มหโภไคย
เรื่อง “สุนทรียภาวนา : ปัจจัยที่ห้าของมนุษย์”
ในวันพุธที่ 26 มีนาคม 2551 เวลา 13.00 – 16.00 น.
ณ ห้องประชุมประภาศน์ อวยชัย ชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ
บรรยายโดย พระมหาประดิษฐ์ จิตตสังวโร และวงดนตรีจีวัน
เรื่อง “สภาพภูมิอากาศกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม”
ในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551 เวลา 10.00 – 12.00 น.
ณ ห้องประชุมประภาศน์ อวยชัย ชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ
บรรยายโดย รศ.ดร.นิรมล สุธรรมกิจ
เรื่อง “ฝึกลมปราณเพื่อสุขภาพ” ครั้งที่ 3 ในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551 เวลา 13.00 – 16.00 น.
ณ ห้องประชุมประภาศน์ อวยชัย ชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ
บรรยายโดย อาจารย์ศุภกิจ นิมมานนรเทพ
สำนักเสริมศึกษาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอเชิญผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมการสัมมนาได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 02-2264396 ต่อ 100
โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มิได้คิดค่าใช้จ่ายหรือเก็บค่าลงทะเบียนแต่อย่างใด













 

โดย: 59 IP: 118.174.32.184 1 มีนาคม 2551 23:39:35 น.  

 

วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10992

ความหมาย ความตาย.. มากมายกว่า 54 ศพ

โดย อดิศร เกิดมงคล และบุษยรัตน์ กาญจนดิษฐ์





9 เมษายน 2551 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ชวนให้ตระหนก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการย้ายถิ่นที่ไม่ถูกกฎหมายของแรงงานข้ามชาติ เมื่อมีการพบศพแรงงานพม่าหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 54 คน รวมถึงมีผู้บาดเจ็บอีก 21 คน จากจำนวนแรงงานข้ามชาติจากพม่าทั้งหมด 121 คน ในรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 70-0619 ระนอง ของบริษัทรุ่งเรืองทรัพย์ที่ดัดแปลงเป็นรถตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็น

กรณีนี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรกและไม่ใช่เหตุการณ์สุดท้ายสำหรับการย้ายถิ่นข้ามชาติ หากย้อนหลังไปเพียง 2 ปี พบว่าเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อย่างน้อย 14 ครั้ง มีแรงงานข้ามชาติเสียชีวิต 106 คน บาดเจ็บ 149 คน สูญหาย 15 คน

19 มีนาคม 2551 จ.อุบลราชธานี : รถแหกโค้ง แรงงานลาวตาย 9 คน บาดเจ็บ 13 คน ทั้ง 22 คน ลักลอบเข้าไปทำงานที่ร้านอาหารและรับจ้างทั่วไปที่กรุงเทพมหานคร

26 มกราคม 2551 จ.นครพนม : เรือล่มในแม่น้ำโขง แรงงานชาวเวียดนามตาย 3 คน สูญหาย 15 คน แรงงานกลุ่มนี้ลักลอบทำงานที่กรุงเทพมหานครและนครปฐม กำลังจะเดินทางกลับประเทศเวียดนามเพื่อไปร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนพร้อมกับเพื่อนแรงงานชาวเวียดนามที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอีก 23 คน

17 มกราคม 2551 จ.กาญจนบุรี : เรือล่มในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ พบศพแรงงานพม่าตาย 7 คน ตำรวจสันนิษฐานว่าแรงงงานกลุ่มนี้น่าจะใช้เส้นทางหลบหนีเข้าเมืองทางน้ำ

22 ธันวาคม 2550 จ.ระนอง : เรือล่มในทะเลอันดามัน พบศพแรงงานพม่าตาย 22 คน ซึ่งเป็นแรงงานที่เดินทางจากเกาะสอง ประเทศพม่ารวมทั้งหมด 50 คน

16 ธันวาคม 2550 จ.สระแก้ว : ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะซึ่งนำพาแรงงานข้ามชาติชาวเขมรจำนวน 14 คน ลักลอบเข้าไปทำงานที่ จ.ชลบุรี มีแรงงานเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีก 13 คน

25 พฤศจิกายน 2550 จ.เพชรบุรี : นายสมจิต สุทธานันทน์ ได้ขับรถกระบะพาแรงงานข้ามชาติจากพม่ามาจาก จ.ระนอง ประมาณ 20 คน เพื่อไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร เมื่อมาถึงบริเวณจุดสกัดบนถนนเพชรเกษม คนขับได้หลบหนีตำรวจไปตามถนนเลียบคลองชลประทาน และเสียหลักตกลงไปในคลอง พบแรงงานเสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บอีก 14 คน

29 ตุลาคม 2550 จ.ชลบุรี : แรงงานข้ามชาติที่หลบหนีเข้าเมืองหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการกระโดดน้ำ ทำให้เสียชีวิต 1 คน

17 มิถุนายน 2550 จ.ปราจีนบุรี : รถพาแรงงานเขมรถูกไล่ยิงพลิกคว่ำ ตาย 2 คน บาดเจ็บ 22 คน

14 มิถุนายน 2550 จ.ตาก : นายผดุงเกียรติ ผันอักษร อายุ 29 ปี ขับรถยนต์ พาแรงงานข้ามชาติจากพม่าจำนวน 30 คน ไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร โดยแรงงานต้องจ่ายเงินให้นายหน้าคนละ 13,000 บาท เมื่อขับมาถึงบริเวณด่านตรวจ คนขับกลัวความผิดจึงได้ขับรถหลบหนี จนเสียหลักพลิกคว่ำตกข้างทาง ทำให้มีแรงงานจำนวน 25 คน ได้รับบาดเจ็บ

8 มิถุนายน 2550 จ.ตาก : นายวุฒินันท์ รักษ์นทีทอง ขับรถกระบะ นำแรงงานข้ามชาติจากพม่าจำนวน 14 คน เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ แต่ประสบอุบัติเหตุชนกับรถพ่วงทำให้มีแรงงานเสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 5 คน

5 พฤษภาคม 2550 จ.กาญจนบุรี : เกิดอุบัติเหตุรถกระบะที่พาแรงงานข้ามชาติชาวมอญมาจากแนวตะเข็บชายแดนพลิกคว่ำ มีแรงงานเสียชีวิต 4 คน

23 มีนาคม 2550 จ.กาญจนบุรี : รถบรรทุก 6 ล้อ ที่บรรทุกแรงงานข้ามชาติจากพม่ามาจากด่านตรวจคนเข้าเมืองกาญจนบุรี จำนวน 29 คน เกิดเบรกแตกจนพลิกคว่ำ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 11 คน

23 ตุลาคม 2549 จ.สิงห์บุรี : เกิดเหตุการณ์รถกระบะที่นำแรงงานพม่าที่เข้าเมืองโดยไม่ถูกกฎหมายจากอำเภอแม่สอด ไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร โดยเสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้าคนละ 5,000 บาท ประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถบรรทุก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และบาดเจ็บกว่า 30 คน

2 พฤษภาคม 2549 จ.สระแก้ว : ตำรวจกองปราบฯเข้าตรวจสอบขบวนการลักลอบนำแรงงานข้ามชาติ พบรถปิคอัพที่มีลักษณะผิดปกติ แต่คนขับรถคันดังกล่าวได้ขับหลบหนี แต่รถเสียหลักพลิกคว่ำทำให้แรงงานชาวเขมรจำนวน 16 คน ได้รับบาด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนวนเวียนอยู่กับขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ และการหากินกับแรงงานต่างด้าว แต่มีใครรู้บ้าง บางเรื่องราวได้ขาดหายไป และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ผลักดันให้แรงงานพม่าต้องออกนอกประเทศ

10 พฤษภาคม 2551 หรืออีก 1 เดือนข้างหน้า ประเทศพม่าจะมีการลงประชามติรับรองร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐบาลทหารพม่าเริ่มดำเนินการปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วย พร้อมๆ ไปกับการสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ

26 มิถุนายน 2531 สหภาพนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง สหภาพนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยมัณฑะเลย์ เขียนจดหมายถึงประชาชนให้ลุกขึ้นทวงถามความเป็นธรรมจากนายพลเนวิน เพราะสภาพเศรษฐกิจสังคมและการเมืองได้มาถึงจุดตกต่ำที่สุด

จากวันที่เลือดนองแผ่นดินในปี 2531 ตามมาด้วยการยึดอำนาจของ SLORC ไฟสงคราม ความหิวโหยและความยากแค้นได้รุมเร้าพม่ามากยิ่งขึ้น การบังคับโยกย้ายถิ่นฐาน การใช้แรงงานทาส การเข่นฆ่าประหัตประหารอย่างเหี้ยมโหด การข่มขืน การจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม การบังคับให้เป็นทหารเด็ก การจับกุมคุมขัง เหยื่อจากกับระเบิดก็ยังดำเนินไปอย่างโหดร้าย

ประชาชนรากหญ้าของพม่าได้พร้อมใจกันเคลื่อนขบวนอพยพจากบ้านตนเองสู่ชายป่า หวังเพียงว่าจะปลอดภัยจากน้ำมือทหารพม่า แต่นั่นเองใครบ้างจะรู้ว่าชีวิตชายป่าในนามของผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (Internal Displace Persons: IDPs) จะทุกข์ทรมานเช่นนั้น เฉพาะปี 2550 ตลอดแนวชายแดนประเทศพม่ากับประเทศไทยมี IDPs หลบซ่อนอยู่อย่างน้อย 503,000 คน

IDPs เหล่านี้จะต้องเคลื่อนย้ายหลบหนีการคุกคามของทหารพม่าทุกๆ หกเดือน บางครอบครัวปีหนึ่งต้องเคลื่อนย้าย 2-3 ครั้ง เนื่องจากเกิดการสู้รบในพื้นที่บริเวณที่หลบซ่อน

ขณะที่ชาวกะเหรี่ยงและชาวคะเรนนี ที่รัฐบาลไทยอนุญาตให้อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย 9 แห่ง ตามแนวชาย มีอยู่ 141,736 คน แต่ชีวิตในค่ายต้องเผชิญกับความกดดันอย่างมาก เพราะไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอก

สภาพความเป็นอยู่อันแร้นแค้นในค่าย และความสิ้นหวังเมื่อต้องใช้ชีวิตอย่างผู้ลี้ภัยอยู่เป็นเวลานาน ทำให้พวกเขาพยายามเล็ดลอดออกมาเป็นแรงงานข้ามชาติในที่สุด

ขณะที่รัฐบาลไทยมีนโยบายปากว่าตาขยิบ คือ 1.ผลักดันให้ผู้ลี้ภัยอยู่ในค่ายที่แออัด พร้อมๆ ไปกับการชักชวนให้พวกเขาเดินทางไปประเทศที่ 3 แต่จะมีสักกี่คนที่มีโอกาส นอกจากนี้เรายังมีนโยบายที่จะปิดค่ายผู้ลี้ภัยในอีก 3 ปีข้างหน้า 2.ผลักดันให้ผู้ลี้ภัยชาวมอญกลับไปตั้งค่ายอพยพในเขตมอญ ทั้งๆ ที่รัฐมอญในปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิหลายรูปแบบ 3.ไม่เคยสนใจอย่างจริงจังและยอมรับว่า ยังมีผู้ลี้ภัยกลุ่มอื่นๆ จากประเทศพม่าอาศัยอยู่นอกค่ายผู้ลี้ภัย กลายเป็นกลุ่มที่ "มองไม่เห็น" (Hidden Refugee)

4.ยังคงจับกุมแรงงานข้ามชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยหยุดคลื่นอพยพได้แม้แต่น้อย แม้จะทำทุกวิธีการ เพราะจริงๆ แล้วเราต่างหากที่ไม่เคยสนใจเหตุการณ์อีกฟากฝั่งหนึ่งอย่างจริงจัง

สถานการณ์ข้างต้นดังที่กล่าวมาทั้งหมด ล้วนกดดันให้ประชาชนรากหญ้าจากพม่าต้องกลายมาเป็นแรงงานข้ามชาติ (Migrant workers) ในประเทศไทยแทบทั้งสิ้น และต้องเผชิญชะตากรรมที่บางครั้งก็โชคดี แต่หลายครั้งก็โชคร้ายเหมือนดั่ง 54 ศพ ในตู้คอนเทนเนอร์

หน้า 10

 

โดย: 60 IP: 58.9.140.87 14 เมษายน 2551 16:31:53 น.  

 


วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10992

อีเบย์เปิดตัวแข่งขันซื้อขายออนไลน์





เว็บไซต์ //www.shopping.co.th โดยสนุกดอทคอมผนึกกำลังร่วมกับอีเบย์ เปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีจาก 165 สถาบันทั่วประเทศร่วมแข่งขันดำเนินธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลก เพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 700,000 บาท นักศึกษาที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้ หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขันได้ที่ //www.shopping.co.th/sellingcontest

หน้า 26 มติชนออนไลน์



 

โดย: 61 IP: 58.9.140.87 14 เมษายน 2551 16:37:03 น.  

 

วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10992

ไปรษณีย์เปิดห้องเรียนรู้ไฮเทค





นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เผยว่า ได้มอบคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์เพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน ได้ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางการศึกษาที่ทันสมัยในทุกท้องถิ่น โดยเรียกชื่อห้องแห่งการเรียนรู้นี้ว่า "ห้องไปรษณีย์ไทยไฮเทค" ซึ่งประกอบคอมพิวเตอร์ โต๊ะ-เก้าอี้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ เครื่องควบคุมและสำรองไฟฟ้า (UPS) อุปกรณ์กระจายสัญญาณ (HUB) ระบบปฏิบัติการและสื่อมัลติมีเดียบทเรียนสำเร็จรูป มอบให้โรงเรียนใน จ.อุบลราชธานี 4 โรงเรียน คือ โรงเรียนบ้านวังยาง, โรงเรียนชุมชนบ้านกุดเป่ง อ.วารินชำราบ โรงเรียนตระการพืชผล อ.ตระการพืชผล และโรงเรียนเขื่องในพิทยาคาร อ.เขื่องใน หลังจากนั้นจะดำเนินการส่งมอบคอมพิวเตอร์ต่อไปในท้องถิ่นอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 13 โรงเรียน

หน้า 26 มติชนออนไลน์

 

โดย: 62 IP: 58.9.140.87 14 เมษายน 2551 16:39:22 น.  

 


วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10992

เว็บบราวเซอร์แอปเปิ้ล



แอปเปิ้ลปล่อย Safari 3.1 เว็บบราวเซอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ใช้ได้ทั้งบนแมคและพีซีที่ใช้วินโดวส์ Safari 3.1 สามารถโหลดหน้าเว็บได้เร็วกว่า IE7 ถึง 1.9 เท่าและเร็วกว่า Firefox 2 ถึง 1.7 เท่า เล่น Java Script ได้เร็วกว่าบราวเซอร์อื่นๆ ถึง 6 เท่า Safari 3.1 เป็นบราวเซอร์แรกของโลกที่รองรับ CSS Animations แท็กวิดีโอใหม่และคลิปเสียงใน HTML 5 และยังมีลูกเล่นเด่นๆ อาทิ Drag-and-drop บุ๊คมาร์ค Easy-to-organize แท็บ built-in RSS reader ที่สแกนข่าวสารและข้อมูลใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว และสามารถรองรับ CSS Web Fonts ได้ สามารถดาวน์โหลด Safari 3.1 ได้จากเว็บแอปเปิ้ล //www.apple.com/safari สำหรับผู้ใช้แมค สามารถอัพเดต Safari ได้

หน้า 26


 

โดย: 63 IP: 58.9.140.87 14 เมษายน 2551 16:46:53 น.  

 


วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10991

คุณปู่ตาบอดทำ"โฮล-อิน-วัน"



โรเบิร์ต ดันแฮม คุณปู่วัย 85 ปี ชาวอเมริกัน อดีตทหารผ่านศึกช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งพิการตามองไม่เห็น สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการตีโฮล-อิน-วัน ขณะออกรอบที่สนามทอร์ทูก้า ในรัฐอริโซนา สหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคุณปู่ดันแฮมไปออกรอบพร้อมกับเพื่อนนักกอล์ฟตาบอดคนอื่นๆ และคนดูแลเลือกเหล็ก 9 กับพาไปจรดไม้ให้ ก่อนที่คุณปู่จะหวดลูกทีเดียวลงหลุมที่หลุม 3 พาร์ 3 ของสนามดังกล่าว ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของเพื่อนฝูง

หน้า 30 มติชนออนไลน์ วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2551




 

โดย: 64 IP: 58.9.140.87 14 เมษายน 2551 16:53:22 น.  

 

save $9.88 COUPON CODE "0da1a4ba4f"
? ????????? ??????????? ?????????, ??? ????????? W1 ???????????? - $999.00 : //www.ecpur.com/itm/1184.html

 

โดย: ? ????????? ??????????? ?????????, ??? ????????? W1 ???????????? - $999.00 : IP: 157.7.205.214 19 มีนาคม 2558 2:20:55 น.  

 

สินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ย 2% นำมาใช้ในขณะนี้
และได้รับเงินถ้าคุณต้องการสมัคร

อีเมล: worldloanbay@gmail.com


* สินเชื่อส่วนบุคคล (สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน)
* สินเชื่อธุรกิจ (สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน)
* สินเชื่อรวม
* สินเชื่อรวม
* การปรับปรุงบ้าน
* สินเชื่อรถยนต์


จะแล้วเสร็จและกลับมา
ชื่อ:*
อายุ:*
ปี:*
ประเทศ:*
อีเมล:
เงินเดือน: *
ระยะเวลาเงินกู้: *
จำนวนเงิน: *
อาชีพ:*
หมายเลขโทรศัพท์:*
รหัสการโทร: *

บริษัท เงินกู้ยืมโลก

 

โดย: บริษัท เงินกู้ยืมโลก IP: 188.165.201.164 16 มีนาคม 2560 14:29:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.