Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ติสสะ รณสิงหะ ประติมากรผู้ปั้นรูปพระพุทธเจ้า "ผมไม่เกษียณจากการเป็นศิลปิน"


สุทธาสินี จิตรกรรมไทย-น้ำพราว สุวรรณมงคล - เรื่อง
พัทรยุทธ ฟักผล - ภาพ

* "คนที่ทำงานด้วยมือเป็นได้เพียงช่างฝีมือ แต่คนที่ทำงานด้วยหัวใจถือเป็นศิลปินอย่างแท้จริง" น้ำเสียงนุ่มทุ้มของ ติสสะ รณสิงหะ (Tissa Ranasinghe) บอกเล่าทัศนคติที่มีต่อคำว่า "ศิลปิน"

ชายวัย 84 คนนี้อาจไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนัก ทว่าในแวดวงศิลปะ โดยเฉพาะด้านประติมากรรมแล้ว...

ติสสะโดดเด่น ด้วยถือเป็นประติมากรชั้นแนวหน้าคนหนึ่ง!!

ติสสะ เป็นชาวศรีลังกา เกิดเมื่อปี 2468 ในครอบครัวที่ประกอบอาชีพการเกษตร ร่ำเรียนด้านการเกษตรจนได้รับอนุปริญญา เข้าทำงานในแผนกเกษตรกรรมของศรีลังกาอยู่ราว 2 ปี แต่วันหนึ่งปลายปี 2491 เขาก็ตัดสินใจลาออก

- เปลี่ยนชีวิตสู่เส้นทางศิลปะ

ปี 2492-2495 ติสสะเข้าเรียนด้านจิตรกรรมที่วิทยาลัยช่างศิลป์ในกรุงโคลอมโบ จากนั้นข้ามทวีปไปศึกษาต่อด้านประติมากรรมที่ "เชลซี สกูล ออฟ อาร์ท" กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีก 4 ปี

ปีสุดท้ายของการเรียน ติสสะได้รับรางวัลจากองค์การยูเนสโก ให้ไปทัศนศึกษาแกลอรี่และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี เพื่อศึกษาศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - นับเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ติสสะประทับใจมากครั้งหนึ่ง

ได้รับอนุปริญญาแล้ว เขาก็กลับศรีลังกาไปเป็นอาจารย์พิเศษที่วิทยาลัยช่างศิลป์ในกรุงโคลอมโบ

เส้นทางการเรียนรู้ศิลปะของติสสะไม่หยุดแค่นั้น...ปี 2504 ติสสะไปอังกฤษอีกครั้ง เนื่องจากได้รับทุนเรียนต่อด้านการหล่อบรอนซ์ที่ "รอยัล คอลเลจ ออฟ อาร์ท" ในลอนดอน

ติสสะเดินทางกลับศรีลังกาในปี 2506 ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาเป็นอาจารย์ด้านวาดเขียนและประติมากรรม รวมทั้งเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยศิลปะและหัตถรรม

ถึงปี 2515 ติสสะก็ตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตที่อังกฤษเป็นการถาวร ทำงานเป็นอาจารย์สอนประติมากรรมที่ "รอยัล คอลเลจ ออฟ อาร์ท" และก่อตั้งหลักสูตรการหล่อบรอนซ์ที่แต่ละปีรับนักศึกษาเพียง 4-5 คน เท่านั้น

- "ผมเกษียณจากการเป็นอาจารย์มา 20 ปีแล้ว แต่ผมไม่สามารถเกษียณจากการเป็นศิลปินได้หรอกครับ" ติสสะพูด มีรอยยิ้มฉายอยู่บนใบหน้า

หลายสิบปีของการเป็นประติมากร ติสสะได้รับรางวัลนับไม่ถ้วน ผลงานหลายชิ้นของเขาอยู่ในพิพิธภัณฑ์หลายประเทศทั่วโลก และอยู่ในคอลเลคชั่นส่วนตัวของแฟนพันธุ์แท้งานประติมากรรมหลายราย

- ผลงานเด่นของติสสะ คือ รูปปั้นพระพุทธเจ้า ซึ่งบุคคลในแวดวงประติมากรรมต่างยกให้เป็นงานระดับ "มาสเตอร์ พีซ"

สิ่งหนึ่งที่ติสสะภูมิใจ คือ การได้น้อมเกล้าฯ ถวายงานประติมากรรมชื่อ "ดิ เอ็นไลเทนเมนท์" (The Enlightenment) แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านสถานทูตไทยในอังกฤษ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา เมื่อปี 2530 และการได้แสดงนิทรรศการ "พุทธะ-เทวะ ทรรศนา" ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ประเทศไทย เมื่อปี 2545

แม้เป็นชาวศรีลังกาและอาศัยในอังกฤษ แต่ติสสะก็รู้เรื่องราวในเมืองไทยเป็นอย่างดีผ่าน ไมเคิล ไรท นักคิด นักเขียน นักเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยชาวอังกฤษ ซึ่งรู้จักกันมากว่า 50 ปี กระทั่งไมเคิล ไรท ลาจากโลกนี้ไปเมื่อ 7 มกราคมที่ผ่านมา

รายละเอียดชีวิต-ความคิดของติสสะ และความผูกพันที่เขามีต่อเพื่อนที่รักมากสุดเป็นอย่างไร...โปรดติดตาม

เหตุใดอาจารย์ถึงเลือกเรียนด้านประติมากรรม

     ครอบครัวผมเป็นครอบครัวเกษตรกร คุณพ่อเป็นเจ้าของสวนมะพร้าว พี่ชายผมคนหนึ่งก็เรียนเกษตรกรรม ผมจึงคิดว่าเรียนการเกษตรดีกว่า พอเรียนจบก็ทำงานด้านการเกษตรอยู่ประมาณ 2 ปี

อยู่มาวันหนึ่งผมก็คิดได้ว่าผมชอบศิลปะ แทนที่จะปล่อยเวลาให้ผ่านไป เลยตัดสินใจลาออกจากงาน แล้วสมัครเข้าเรียนในวิทยาลัยช่างศิลป์ ตอนนั้นอาจารย์ไม่ได้สนใจว่าผมจะวาดรูปได้หรือเปล่า เขาให้ผมเริ่มเรียนทันที

พอเรียนๆ ไป อาจารย์ก็บอกผมว่า "ติสสะเรามีจิตรกรมากพอแล้ว แต่ยังไม่มีประติมากรเลย เธอไปเรียนประติมากรรมเถอะ" ผมฟังแล้วตกใจมาก เพราะผมไม่อยากเรียน แต่ในที่สุดอาจารย์ก็บังคับให้ผมเรียน (หัวเราะ)

ปรากฏว่าเรียนแล้วสนุก ผมได้ทำอะไรที่ไม่คิดว่าจะทำได้ เลยกลายเป็นชอบประติมากรรมไปโดยปริยาย และที่ผมชอบการหล่อบรอนซ์ เพราะบรอนซ์เป็นวัสดุที่ผมมองว่ามีความงดงามและมีความคงทน อยู่ได้นานเป็นพันปี

ตอนนั้นผมคิดว่าผมเก่งสุดสุด (หัวเราะ) แต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ใช่ ช่วงที่ผมเรียนประติมากรรม ผมไปสอบชิงทุนเพื่อศึกษาต่อประเทศอังกฤษ...ปรากฏว่าไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจไปด้วยทุนตัวเอง เก็บหอมรอมริบไปเรื่อยๆ แล้วซื้อตั๋วราคาถูกที่สุดไปอังกฤษ

ทำไมอาจารย์ต้องการไปเรียนต่อที่อังกฤษ

     เพราะตอนนั้นผมคิดว่าไม่สามารถเรียนรู้อะไรเพิ่มได้อีกในศรีลังกา แม้ประเทศของผมจะมีอารยธรรมเก่าแก่ รุ่มรวยศิลปะ แต่ในแง่เทคนิคแล้ว ผมมองว่ายังไม่มีการสร้างสรรค์อะไรใหม่นัก ผมจึงเลือกไปเรียนต่อในประเทศอังกฤษ เพราะที่นั่นมีโรงเรียนศิลปะที่ดีที่สุด

พอเรียนจบจาก เชลซี สกูล ออฟ อาร์ท ผมก็กลับไปทำงานในศรีลังกา ผ่านไปราวๆ 3 ปี ผมได้ทุนเรียนต่อด้านการหล่อบรอนซ์ที่ รอยัล คอลเลจ ออฟ อาร์ท ประเทศอังกฤษอีกแล้ว

ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่มากมายที่อังกฤษ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่มาจากทั่วโลก ผมมีเพื่อนคนไทยด้วยนะครับ (ยิ้ม) และสมัยนั้นก็ไม่มีเรื่องการเหยียดเชื้อชาติหรือสีผิว พวกเราทุกคนเข้ากันได้ดี เพราะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การเก็บเกี่ยวความรู้ด้านศิลปะ

อาจารย์ใจดีมากครับ ไม่หวงวิชา สอนทุกอย่างให้กับนักเรียน ผมได้เรียนกับศาสตราจารย์เบอร์นาร์ด มีโดวส์ และพี่น้องแองเจโลนี่ ซึ่งมีฝีมือด้านงานประติมากรรม แรกๆ อาจารย์ไม่ได้สอนอะไรเลย และให้ผมทำงานทุกอย่าง เช่น กวาดพื้น ถูพื้น แต่พอผ่านไป 6 เดือน อาจารย์เห็นว่าผมมีความตั้งใจจริง เลยสอนความรู้ทุกอย่างให้กับผม

ช่วงที่ผมอยู่อังกฤษ ผมเจอผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นภรรยาของผมได้ 46 ปีแล้ว (ยิ้ม)

พอเรียนจบผมก็พาภรรยากลับศรีลังกาด้วย เธอพูดภาษาสิงหลได้ และยังทำอาหารพื้นเมืองได้ราวกับคนศรีลังกาแท้ๆ เมื่อพวกเรามีลูกสาวและส่งเข้าเรียนในโรงเรียน ลูกสาวก็ถูกเพื่อนๆ ล้อว่าเป็นลูกครึ่ง ผมจึงปรึกษากับอาจารย์ที่รอยัล คอลเลจ ออฟ อาร์ท ว่าควรทำอย่างไรดี

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจพาภรรยาและลูกสาวไปอยู่อังกฤษอย่างถาวร และผมก็เป็นอาจารย์สอนที่ รอยัล คอลเลจ ออฟ อาร์ท อยู่หลายสิบปี

การเรียนศิลปะในโลกตะวันตกมีอิทธิพลต่อการสร้างงานของอาจารย์หรือไม่

     ผมเรียนรู้หลายอย่างจากโลกตะวันตก แต่สุดท้ายแล้วผมก็เป็นคนศรีลังกา...ผมไม่สามารถสูญเสียตัวตนของผมได้

ผลงานส่วนมากของผมได้รับแรงบันดาลใจจากศาสนาพุทธ เทพเจ้าในศาสนาฮินดู และเทพปกรณัมกรีก และนำเทคนิควิธีที่ร่ำเรียนมาจากตะวันตกผสานเข้าไป

ผมหล่อรูปพระพุทธเจ้า หล่อรูปพระพิฆเนศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข

ผมเพิ่งได้เห็นนิทรรศการศิลปะแห่งหนึ่งในอินเดีย เขานำถังไม้ธรรมดาๆ และหมวกมาจัดแสดง และมีนักเรียนที่ รอยัล คอลเลจ ออฟ อาร์ท คนหนึ่ง นำหลอดไฟกำจัดแมลงมาแสดงเป็นงานนิพนธ์

...ผมคิดว่าผลงานของแวนโกะห์ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงความงามทางศิลปะ แต่ผลงานที่กล่าวมานั้น ถ้าผ่านไปอีกร้อยปีจะยังมีคนเรียกว่าศิลปะอยู่ไหม

ผลงานชิ้นที่ดีที่สุดของอาจารย์?

     สำหรับผมแล้ว...ผลงานชิ้นที่ดีที่สุดคือชิ้นที่ผมยังไม่ได้สร้างขึ้นมา (ยิ้ม)

ผมยังคงทำงาน ผมเกษียณจากการเป็นอาจารย์มา 20 ปีแล้ว แต่ผมไม่สามารถเกษียณจากการเป็นศิลปินได้หรอกครับ เพียงแต่ตอนนี้ผมค่อนข้างจะขี้เกียจอยู่สักหน่อย (หัวเราะ)

การได้ทำอะไรบางอย่างด้วยสองมือของตัวเองถือเป็นความสุขของผม

ปัจจุบันนี้ ศิลปินชาวศรีลังกาคนอื่นๆ ยังได้แรงบันดาลใจจากศาสนาหรือไม่

     แน่นอนครับ ผมรู้จักประติมากรหนุ่มชาวศรีลังกาคนหนึ่ง เขากระตือรือร้นในการสร้างงานที่เกี่ยวกับศาสนามาก

ศิลปินจำนวนมากได้แรงบันดาลใจจากศาสนา หรือจากสิ่งที่มีอยู่ก่อนหน้า ผมไม่คิดว่ามีอะไรใหม่ในโลกนี้ แม้แต่ปิกาสโซ่ยังต้องเรียนรู้จากศิลปินรุ่นก่อนๆ เราเป็นเพียงผู้แตกแขนงหรือต่อยอดสิ่งที่เคยมีอยู่แล้วเท่านั้น

ความเห็นของอาจารย์เกี่ยวกับคำว่า "ศิลปิน"?

     คนที่ทำงานด้วยมือเป็นได้เพียงช่างฝีมือ แต่คนที่ทำงานด้วยหัวใจถือเป็นศิลปินอย่างแท้จริง

ศิลปินยังหมายถึงคนที่มีความสุขกับชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ชอบ...มีความสุขกับการสร้างงานครับ

หลักในการดำเนินชีวิต?

     ชีวิตเป็นเรื่องตลก เพราะฉะนั้นอย่าจริงจังกับชีวิตมากเกินไป...ผมคิดอย่างนี้

ผมยึดหลัก "ไมตรี กรุณา มุทิตา อุเบกขา" ในการดำเนินชีวิต อีกอย่างที่ผมปฏิบัติอยู่ตลอด คือ การติดต่อกับเพื่อนๆ อย่างสม่ำเสมอ มีความสุขที่ได้เป็นเพื่อนกัน

ทราบว่าอาจารย์เป็นเพื่อนกับคุณไมเคิล ไรท?

ใช่ครับ

     ระหว่างที่ผมเรียนอยู่ เชลซี สกูล ออฟ อาร์ท ผมได้พบกับไมค์ เขาสนใจศึกษาศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก และแวะเวียนไปสนทนาธรรมกับพระสงฆ์ในวัดพุทธเสมอๆ ไมค์บวชเป็นพระในปี 2500 มีพระสงฆ์ชาวพม่าเป็นพระอุปัชฌาย์ ผมใช้ปากกาลูกลื่นสเก๊ทช์ภาพไมค์ตอนบวชไว้ด้วย และยังเก็บไว้จนถึงตอนนี้

ปีที่ผมได้ทุนยูเนสโกไปศึกษาศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไมค์มาส่งผมที่สนามบิน เขาบอกผมพลางชี้ที่ดวงตาว่า "จงมองให้ดี" จากนั้นก็แตะที่หัวใจและบอกว่า "และจงเห็น" ผมแปลกใจมากที่แม้ไมค์จะอายุน้อย แต่ก็มีปรัชญาที่ลุ่มลึก

ไมค์ตั้งใจจะมาบวชที่ประเทศไทย และได้คุยกับพระสงฆ์ชาวไทยรูปหนึ่งในลอนดอน ท่านช่วยโดยหาตั๋วเครื่องบินให้ไมค์ แต่ต้องไปขึ้นเครื่องที่โคลอมโบ ปลายปี 2501 ไมค์โดยสารเรือกลไฟชั้นที่ถูกสุดไปหาผมที่โคลอมโบ แล้วเขาก็มาอาศัยอยู่กับผมและครอบครัว

วันหนึ่งเพื่อนผมซึ่งเป็นผู้กำกับฯหนัง ต้องการชาวยุโรปไปเล่นเป็นตัวประกอบในบททหารโปรตุเกส ผมเลยชวนไมค์ไปลองเล่นดู กว่าไมค์จะรู้ว่าต้องแบกอาวุธและต้องปีนเขาด้วยก็สายไปแล้ว (หัวเราะ)

อยู่ศรีลังกาได้เกือบปี ไมค์ก็ได้ตั๋วเครื่องบินมากรุงเทพฯ เพื่อบวชตามที่ตั้งใจไว้ พอราวๆ ปี 2520 ไมค์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของสหภาพอะไรสักอย่างในเมืองไทย มีคนแนะว่าไมค์อาจตกอยู่ในอันตรายได้ และบอกให้กลับอังกฤษสักพัก ไมค์จึงกลับอังกฤษ

ตอนนั้นไมค์นำงานเขียนทั้งหมดเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเสนอต่อมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อทำปริญญาในสาขานั้น ทางมหาวิทยาลัยเสนอให้ไมค์อยู่ทำวิจัย 1 ปี เพื่อได้รับปริญญาโทแทนปริญญาตรี ระหว่างที่ไมค์กำลังตัดสินใจ เพื่อนที่เมืองไทยก็ส่งข่าวหาไมค์ว่าสถานการณ์บ้านเมืองปลอดภัยแล้ว ไมค์คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เลือกกลับประเทศไทย เรียนรู้ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยตัวเอง

สิ่งที่ประทับใจคุณไมเคิล ไรท มากที่สุด?

     ไมค์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเทศของผมเองมากมายจากไมค์ เขาเคยบอกว่าชาติที่แล้วเขาอาจเป็นคนศรีลังกาก็ได้ ชาตินี้ถึงได้สนใจเรื่องศรีลังกา...เขารู้จักศรีลังกาดีกว่าผมเสียอีก (หัวเราะ) เขาพาผมและเพื่อนฝูงตระเวนดูโบราณสถานและโบราณวัตถุมากมาย จนผมทึ่งว่าทำไมไมค์รู้เยอะขนาดนี้เขาเป็นคนขยันและขวนขวายหาความรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง ทุกเดือนผมจะส่งบทความต่างๆ ที่น่าสนใจให้ไมค์ และไมค์ก็จะส่งบทความของเขา หรือบทความจากหนังสือต่างๆ ให้ผม

ไมค์แปลเอกสารประวัติศาสตร์ศรีลังกาออกมามากมาย เป็นงานที่มีประโยชน์ต่อแวดวงประวัติศาสตร์อย่างมาก ผมคิดว่าคนไทยโชคดีที่ได้อ่านงานดีๆ ของไมค์ เดือนมีนาคมปีที่แล้ว ตอนผมอยู่สนามบินสุวรรณภูมิกำลังจะกลับอังกฤษ ไมค์เข้ามาสวมกอดผมและจูบแก้มผม...เป็นครั้งแรกในรอบ 50 กว่าปีตั้งแต่ผมรู้จักเขา ไมค์บอกผมว่า "ลาก่อนเพื่อนรัก" เหมือนเขามีลางสังหรณ์ว่าผมกับเขาจะไม่ได้พบกันอีก

ช่วงที่ไมค์อยู่โรงพยาบาล ผมโทรศัพท์หาเขาอยู่เรื่อยๆ และ 2 วันก่อนหน้าที่ไมค์เสียชีวิต เขารู้ว่าผมจะไปเยี่ยม เขาบอกผมว่า "แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯนะ" ผมมาไม่ทัน แต่ก็ได้มีโอกาสมาร่วมงานศพของเขา

     สำหรับผม...ไมค์คือตัวแทนประเทศไทยครับ


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนรายวัน วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552


สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E



Create Date : 10 มกราคม 2553
Last Update : 10 มกราคม 2553 17:50:18 น. 1 comments
Counter : 1471 Pageviews.

 
เอาภาพผลงานมาลงด้วยสิ เยี่ยมเลย


โดย: . (ตาพรานบุญ ) วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:2:04:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.