แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และ เวชศาสตร์ป้องกัน ร.พ.พนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
 
ตุลาคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 ตุลาคม 2549
 
 
เศรษฐกิจพอเพียงใช้ได้กับทุกการลงทุน ตั้งแต่เล็กที่สุดไปจนถึงใหญ่ที่สุด

ตามรอย “พอเพียง” [6 ต.ค. 49 - 14:47]
จากคอลัมภ์ เหะหะพาที น.ส.พ.ไทยรัฐ

ในระหว่างที่คนไทยกำลังรอโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กันอยู่นี้ ผมขออนุญาตรายงานเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นนโยบายสำคัญที่ พล.อ.สุรยุทธ์จะดำเนินการต่อจากเมื่อวานก็แล้วกันครับ

เนื่องจากฝรั่งนักเล่นหุ้นสงสัยกันมากว่าหมายถึงอะไร? ใช้นโยบายนี้แล้วจะทำให้จีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ขยายตัวช้าลงไปมากน้อยแค่ไหน?

เมื่อวานผมเสนอแนะให้ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา กรุณาไปบรรยายให้ฝรั่งฟังมาแล้วหนหนึ่ง พอดีได้รับแผ่นปลิวประชาสัมพันธ์ จากคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงโดยมิได้นัดแนะกันมาก่อน

แจ้งให้ทราบว่า คณะอนุกรรมการจะจัดรายการทางโทรทัศน์ช่อง 11 ทุกๆวันพฤหัสบดี เวลา 10.30-11.00 น.

ให้ชื่อรายการว่า “ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจออกไปสู่ประชาชนทุกๆกลุ่ม

โดยเริ่มแล้วตั้งแต่พฤหัสบดีที่ 5 ต.ค. 2549 หรือเมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกและจะมีไปเรื่อยๆทุกวันพฤหัสบดีจนถึงสิ้นปีนี้

หากเสียงตอบรับดีก็จะมีไปเรื่อยๆจนถึงปีหน้า

คุณ อภัยชนม์ วัชรสินธุ์ ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านสื่อมวลชนและประชาชน ในคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงของสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า

แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง มรดกลํ้าค่า ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 30 ปี

แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจว่า แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง คือเครื่องมือแก้จนเหมาะสมสำหรับคนยากคนจนเท่านั้น

แท้ที่จริงแล้วปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั่วไปกับทุกคน ทุกอาชีพ ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และระดับประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับหลักปฏิบัติอีกหลายๆ ประเด็นที่สมควรจะนำมาเผยแพร่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น คณะอนุกรรมการฯจึงเห็นควรให้จัดรายการนี้ขึ้น

คุณอภัยชนม์กล่าวต่อไปว่า รูปแบบรายการตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง มีลักษณะเหมือน “ห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อประชาชน ประกอบด้วยการสนทนาสาระกับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ

พร้อมกับมีการตอบคำถามในทุกข้อสงสัยของประชาชน ให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีคุณ ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ชื่อดัง เป็นพิธีกรในรายการนี้

เปิดตัวครั้งแรกดูไม่ทันก็ไม่เป็นไรครับ ขอเชิญวันพฤหัสบดีหน้าก็แล้วกัน

ผมขอฝากให้ทางรายการส่งทีมงานไปสัมภาษณ์คุณ กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยครับ แล้วนำมาออกอากาศวันใดวันหนึ่ง

เพราะเมื่อวานนี้ ผมเอ่ยถึง

บริษัทปูนซิเมนต์ฯ ว่าเป็นตัวอย่างของการลงทุนใหญ่ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงที่ดีมาก

ผมเองเคยแวะไปคุยกับท่านมาหนหนึ่ง พอจะจับความได้บ้าง แต่ยังไม่ลึกซึ้งนัก จึงอยากจะให้รายการนี้ช่วยขยายความ

ท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯบอกว่า

ในอดีตปูนซิเมนต์ไทยเคยขยายการลงทุนออกไปอย่างเกินตัว เกินกำลัง เพราะมีเงินเยอะ ก็อยากทำโน่นทำนี่

ปรากฏว่าหลายๆเรื่องไม่สันทัด ทำแล้วก็ขาดทุน จนทำท่าจะยํ่าแย่ไปเหมือนกัน

ต่อมาก็หันมายึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ

จะลงทุนในเรื่องที่รู้จริงเท่านั้น ไม่เสี่ยงเกินไป...หันมารอบคอบระมัดระวังในทุกเรื่อง ทำให้กิจการรุ่งเรืองดังเดิม

ปีนี้ยอดลงทุนไม่ตํ่ากว่า 70,000 ล้านบาท รวมทั้งการลงทุนแบบค่อยๆขยายตัวออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนบางประเทศ ที่บริษัทมีความรู้ความเข้าใจและมั่นใจ เพราะได้ทดสอบมาแล้ว

เป็นตัวอย่างของการทำงานแบบยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สำคัญอย่างยิ่ง

อยากจะฝากทีมงานของคณะอนุกรรมการช่วยไปคุยไปถาม และนำรายละเอียดมาเสนอในรายการของช่อง 11 ที่ว่านี้ด้วย

ผู้คนจะได้เข้าใจไปในแนวเดียวกันว่า เศรษฐกิจพอเพียงใช้ได้กับทุกการลงทุน ตั้งแต่เล็กที่สุดไปจนถึงใหญ่ที่สุด

เมื่อเข้าใจแล้วจะได้ช่วยกันสนับสนุนรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่เน้นเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรก

แนวพัฒนาแนวนี้แหละครับ ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าต่อไปอย่างมั่นคง และยังยืนต่อไปในอนาคตข้างหน้าอย่างแท้จริง.
..............................................................
พบข่าวเรื่องเกี่ยวข้องกับ เศรษฐกิจพอเพียงจากน.ส.พ.ผู้จัดการจึงนำมาเพิ่มเติมดังนี้

นวัตกรรมทางความคิดมีคุณค่ามากกว่านวัตกรรมทางธุรกิจ

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เผยเศรษฐกิจพอเพียงไม่ทำให้ใครยากจน ไม่ทำให้ถอยหลังเข้าคลอง แต่จะทำให้รวยขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ชี้ภาคธุรกิจไม่ต้องกังวล ยกปูนซิเมนต์ไทยเป็นแบบอย่างจากล้มเหลวมาเป็นเฟื่องฟู ระบุนวัตกรรมทางความคิดมีคุณค่ามากกว่านวัตกรรมทางธุรกิจ เชิดชูในหลวงทรงทำนวัตกรรมเพื่อมนุษย์และเพื่อโลก ไม่หวังผลประโยชน์ส่วนพระองค์

งานวันนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2549 ที่จัดขึ้นเป็นปีแรกเมื่อวันที่ 5 ต.ค. โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” ในฐานะที่ทรงริเริ่มให้เกิดโครงการแกล้งดิน เพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยวด้วยวิธีการเฉพาะส่วนพระองค์ เพื่อให้เกษตรกรเจ้าของพื้นที่ดินเสื่อมโทรมสามารถนำผืนดินของตัวเองกลับมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อีกครั้ง

ไฮไลต์สำคัญของงานวันนวัตกรรมแห่งชาติประจำปี 2549 ในช่วงบ่าย ได้แก่

การบรรยายพิเศษเรื่อง “นวัตกรรมกับเศรษฐกิจพอเพียง” โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งบรรยายแก้ข้อวิตกกังวลแก่นักธุรกิจว่า ภายหลัง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศใช้เศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางหลักในการบริหารประเทศแล้วนั้น บรรดานักธุรกิจอาจกังวลกันว่าจะทำให้มีผลกระทบต่อผลประกอบการทางธุรกิจได้ ทว่าตัวเองขอยืนยันว่าการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้นั้นจะไม่ทำให้ประเทศชาติล้าหลัง หรือถอยหลังเข้าคลองแต่อย่างใด หากแต่จะทำให้เกิดความยั่งยืนขึ้น

“นักธุรกิจไม่ต้องกังวลว่าหลักการดังกล่าวจะทำให้ยากจนลง ขณะเดียวกันกลับทำให้รวย แม้จะไม่ได้ร่ำรวยอย่างรวดเร็วแต่รวยอย่างยั่งยืน คือ รวยแบบไต่ระดับค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่รวยแบบนักการพนัน ที่ผ่านมาประเทศมักมุ่งเน้นแต่ทุนนิยม เสรีนิยม บริโภคนิยม ทำตามกระแสไม่คำนึงถึงศักยภาพของตัวเอง ทั้งที่ทุนนิยมเกิดจากกิเลสตัณหาเป็นตัวนำ ขณะที่เศรษฐกิจพอเพียงมีปัญญาเป็นตัวนำทาง”

สำหรับหลักเศรษฐกิจพอเพียงในพระองค์ เลขามูลนิธิชัยพัฒนา เผยว่ามี 3 ข้อคือ

1.การรู้จักใช้อย่างพอประมาณ ซึ่งการจะทำอะไรต้องดูศักยภาพของตัวเองก่อนว่าเป็นอย่างไร ไม่ทำเลียนแบบคนอื่นทั้งหมด เช่นเดียวกับประเทศชาติที่จะไปเลียนแบบประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาหรือพม่าไม่ได้ แต่ต้องดูว่าตัวเองมีความพร้อมด้านใดเป็นหลักก็ควรพัฒนาไปในด้านนั้น

2.ต้องรู้จักใช้เหตุผลในการเลือกหนทางที่เหมาะสม ไม่ตามกระแส แต่ต้องคำนึงถึงจุดแข็งของตัวเอง อาทิ ประเทศไทยที่มีจุดแข็งด้านการเกษตร ซึ่งกว่า 80% ของประเทศทำการเกษตร แต่ที่ผ่านมาเรากลับมองข้ามกันไป
“ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ให้พัฒนาด้านอุตสาหกรรมเลย แต่ทุกอย่างต้องดูตามศักยภาพที่ประเทศมี ต้องมีการวางแผน เช่น อาจทำเป็นอุตสาหกรรมการเกษตร ไม่ใช่ผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์มาแข่งกับประเทศอื่นอย่างอินเดีย ซึ่งหากผลิตออกมาอาจขายไม่ได้”และ

3.ต้องสร้างภูมิคุ้มกันคือ รู้จักบริหารความเสี่ยงตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีเมื่อไปเรียนรู้มาจากตะวันตก คือต้องคิดอะไรล่วงหน้าและต้องมีประโยชน์ไม่เพียงแต่ปัจจุบัน แต่ต้องโยงไปถึงอนาคตด้วย ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 7 ประเทศของโลกที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์จนสามารถผลิตเพื่อการส่งออกได้ แต่ปัจจุบันประเทศไทยกลับลดความสำคัญเรื่องเกษตรกรรมลงไป ขณะที่ไม่มีภูมิคุ้มกันแล้วไปตามกระแสโลก เช่น การคาดหวังจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมเกิดใหม่ หรือการพยายามเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย จึงก้าวไปสู่ความล่มสลาย พอล้มเหลวก็เริ่มจะมีสติ แต่พอกลับมารวยหน่อยก็ลืมแล้ว และฟุ่มเฟือยกันอีก

“พระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงพระองค์สอนมานานกว่า 60 ปี ไม่เคยเปลี่ยน พระองค์ทรงค่อยๆทำไป เรื่องนี้ไม่ใช่ถอยหลังเข้าคลอง แต่ทุกฝ่ายต้องค่อยเป็นค่อยไป” ดร.สุเมธ กล่าว

จากนั้น ดร.สุเมธ ได้ยกตัวอย่างธุรกิจที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงจนประสบความสำเร็จคือ

บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ที่เคยเป็นหนี้สินถึง 2 หมื่นล้านบาท แต่กลับฝ่าฟันวิกฤตมาได้ด้วยแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง แถมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังสามารถทำผลกำไรสูงสุดในรอบ 35 ปี แม้ต้องยอมลดขนาดของหน่วยงานที่ไม่มีความชำนาญลงไปบ้างก็ตาม

ทั้งนี้ ในส่วนของนวัตกรรมกับเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ดร.สุเมธ ย้ำว่า ควรเป็นการผลิตนวัตกรรมทางความคิดมากกว่านวัตกรรมด้านวัตถุที่มุ่งเน้นแต่ผลทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว เช่น โครงการพระราชดำริส่วนพระองค์ที่ทรงทำเพื่อโลก เพื่อธรรมชาติ และเพื่อมนุษย์ ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเลย ยกตัวอย่างเช่นโครงการพระราชดำริฝนหลวงที่แม้ต่างประเทศจะมีวิธีการทำฝนเทียมได้ แต่กลับไม่ทำเพราะไม่สามารถกำหนดพื้นที่ที่ฝนจะตกได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกิดการไม่คุ้มทุนทางธุรกิจ หรือหากควบคุมไม่ได้แล้วไปตกในพื้นที่ของคนอื่นก็ยังอาจโดยฟ้องร้องอีกด้วย


Create Date : 06 ตุลาคม 2549
Last Update : 8 ตุลาคม 2549 13:49:29 น. 2 comments
Counter : 719 Pageviews.

 


โดย: stawahna (stawahna ) วันที่: 6 ตุลาคม 2549 เวลา:23:26:17 น.  

 
ดีค่ะ


โดย: Aisha วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:18:10:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

samrotri
Location :
ฉะเชิงเทรา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




น.พ.สำเริง ไตรติลานันท์
แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และ เวชศาสตร์ป้องกัน
ตำแหน่ง นายแพทย์เชี่ยวชาญ หัวหน้ากลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน ร.พ.พนมสารคาม และ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลเขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โทรฯ 0896112714
[Add samrotri's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com