-ผ่านไป 1 อาทิตย์ ผมประสพอุบัติเหตุรถล้มข้อเท้าผลิกนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ในวันนั้นน้องb และเพื่อนของเขาคือน้อง c และน้อง d ได้มาหาผมที่บ้านจึงได้ดื่มสุรากัน เวลาประมาณเที่ยงคืนเพื่อนของน้องb โทรเข้ามาหาน้องb ว่าคนที่มีเรื่องด้วยโดนจับไปแล้วด้วยข้อหาอะไรผมก็ไม่ทราบ พวกผมก็ไม่ได้สนใจ เวลาผ่านไปถึงเช้าก็เลยจะแยกย้ายแต่ด้วยว่าน้องbและเพื่อนของน้องb ต้องขับรถกลับหอพัก ผมเป็นห่วงว่าจะขับรถไปจะเกิดอุบัติเหตุจึงขับรถตามไปส่ง ซึ่งทางไปหอพักของน้องผมเป็นทางผ่านของหอพักที่พวกผมเคยเข้าไปเมื่อ (วันที่ 18 พฤศิกายนและได้ไปฟันประตูและบานเกร็ดจนเกิดความเสียหาย) ก็เลยจะแวะเข้าไปดูว่าคนที่มีเรื่องกับน้องชายผมโดนจับจริงรึป่าวก็เลยตัดสิ้นใจว่าจะไปดูว่าจริงหรือไม่น้องbได้ขับรถนำไปก่อนที่หอพักดังกล่าว ผมจึงรีบขับตามไปเพราะเป็นห่วง

เวลาที่กล้องวงจรปิดจับภาพตอนน้องbกับc เข้าไปเป็นเวลา 6.56 น. และเวลาที่ผมกับน้อง dเข้าไปเป็นเวลา 6.59 น.ห่างกันเพียง 3 นาทีแต่เหตุการที่ผมเข้าไปเจอคือน้อง c ถูกแทงด้วยอาวุธมีดทีต้นขาซ้ายยืนอยู่ที่ข้างห้องเกิดเหตุผลจึงรีบวิ่งเข้าไปแต่ไม่พบน้อง b ผมเลยพาตัวน้อง c ออกมาและจังหวะที่ผมกำลังจะวิ่งกลับเข้าไปเพื่อไปหาน้อง b น้องเขาก็เดินออกมาพร้อมกับเลือดจำนวนมากเขาเอาบาดแผลที่ฝ่ามือข้างขวาเป็นลอยฉีกขาดขนาดใหญ่ให้ผมดู ผมและน้องd จึงรีบนำตัวน้อง b, cไปโรงพยาบาลแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุการอะไรขึ้นข้างในห้องผมก็นั่งรอน้องอยู่หน้าห้อง ICU จนถึงเวลา 8 โมงกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาที่โรงพยาบาลละได้ควบคุมตัวผม ผมก็ยอมให้ควบคุมตัวแต่โดยดีตำรวจบอกผมว่าเห็นผมในกล้องวงจรปิดหน้าหอพักเลยตามมาที่โรงพยาบาล ก็ถูกควบคุมตัวไปที่โรงพักตำรวจก็ได้บอกข้อหาผมว่า คดีที่1 รวมกันฆ่าโดยไตร่ตรอง คดีที่ 2 พกอาวุธมีดทำรายทรัพสิ้นและบุกรุกเคหะสถาน โทษหนักสุดประหารชีวิตหรือติดคุกตลอดชีวิตในตอนแรก แต่ทางพ่อและแม่ผมได้ไปเจรจาเสียค่าเสียหายในเรื่องที่ผมไปฟันประตูให้เจ้าของหอพักแล้วและไม่ติดใจเอาความ

ส่วนข้อหาที่พกมีดไปฆ่าผู้ตายนั้นผมไปกันตัวป่าวมีดเป็นของในห้องผู้ตายซึ่งเป็นรุ่นน้องของเจ้าของห้องที่มีเรื่องกับน้อง b ส่วนผู้ตายก็ไม่ใช่เจ้าของห้องที่ด่าผมในวันที่ 18 ซึ่งเป็นใครผมก็ไม่รู้จักไม่เคยมีเหตุทะเลาะกับผู้ตายเลย ผมได้มารู้ทีหลังว่าผู้ตายเป็นรุ่นน้องของคนที่มีเรื่องกับน้อง b และเคยยกพวกมากระทืบน้อง b ในวิทยาลัยเทคนิคไม่ขอบอกจังหวัดจึงเป็นเหตุต่อสู้กันจนถึงความตายซึ่งผมและน้อง d เข้าไปตอนที่สถานการณ์สงบลงแล้วในทางตำรวจก็ตรวจหลักฐานทาง DNA แล้วว่าไม่มีของผมในห้องที่เกิดเหตุเพราะผมไม่ได้เข้าไปในนั้นเลยก็มีแต่ น้อง b กับ c ที่เข้าไปในห้องเกิดเหตุและต่อสู้เพื่อชิงอาวุธมีดของผู้ตายจนผู้ตายได้รับบาดแผล 33 แผลตำรวจจึงได้ตั้งข้อสงสัยว่าผมได้ร่วมกันฆ่าจริงหรือไม่ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงประกันตัวตอนนี้ที่หนักใจคือเวลาที่เจ้าไปมันใกล้เคียงกันมากครับแต่จากหน้าหอพักไปถึงห้องพักระยะทางก็ไกลอยู่พอควรจึงอยากให้ผู้ที่มีความรู้ช่วยวิเคราะคดีนี้ให้ผมทีว่าพอจะมีทางสู้ในคดีนี่ได้หรือไม่ครับ ขอให้ผู้ที่รู้ทางกฎหมายบอกผมทีครับว่าคดีนี้จะมีหนทางอย่างไรบ้างอาจจะอ่านเข้าใจยากหน่อยนะครับ (ส่วนน้องb จะรับสารภาพครับว่าได้ทำความผิดจริงแต่จะสู้ในเรื่องของมีดครับเพราะน้องb ไปได้พกอาวุธอะไรใดๆทั้งสิ้นไปในที่เกิดเหตุ) จากบทความที่ผมเขียนมานี้อยากให้ผู้ที่รู้กฏหมายบอกผมทีว่าผมจะมีความผิดในคดีไหนบ้าง