งั้นผมทำงานอยู่บริษัทนึง ต้องไปตีกับอีกบริษัทนึง เพราะ อยู่คนล่ะสถาบันกันด้วยมั้ยครับ (แถมเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันด้วย การตีกัน ยังน่าจะมีเหตุผลมากกว่า โรงเรียนคนล่ะโรงเรียน ที่ไม่ได้เป็นคู่แข่งกันทางธุรกิจเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่คิดจะไปทำอะไรพวกนี้เลย เพราะ มันไม่มีเหตุผลพอที่จะทำ แข่งกันทางธุรกิจ จัดโปรโมชั่นแข่งกันยังสมเหตุสมผลกว่าเยอะ)
การทะเลาะกันของเด็กวัยรุ่น มีในทุกกลุ่มที่สังกัด ไม่ว่าจะเป็นเด็กช่าง เด็กมัธยม เด็กแว๊นซ์ หรืออะไรที่เขาเรียกว่าเด็กวัยรุ่น แม้แต่ผ็หญิงก็ยังนัดตบกันเป็นที่ครื้นเครง
แต่การตีกันของเด็กช่างนั้น มักจะมีอาวุธร้ายแรงเข้ามาประกอบด้วย อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมในการเรียน ที่ต้องอยู่กับเครื่องมือช่าง ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นอาวุธ และหรือ เสาะหาอาวุธมาใช้ในการนี้ด้วย
อ่านคำถามของเจ้าของกระทุ้แล้ว ก็เห็นประโยคประชด ในทำนองว่า "งั้นผมทำงานอยู่บริษัทนึง ต้องไปตีกับอีกบริษัทนึง เพราะ คนล่ะสถาบัน กันด้วยมั้ยครับ" แสดงว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้ต้องการทราบปัญหาอะไรจริงจัง เพียงแต่อยากวิจารณ์ แต่ยังไม่ถึงกับด่า จะด้วยมารยาทหรือยังไม่กล้าก็ไม่ทราบได้
ปัญหาของเด็กวัยรุ่นนั้น รุนแรงขึ้นมากในสังคมของเรา และจะแก้ไขปัญหานี้ได้ก็ด้วยสติปัญญาเท่านั้น จะเป็นเด็กช่าง หรือเด็กสถาบันอะไรก็ตาม ที่มีการทะเลาะวิวาทกัน ต้องใช้ผูมีสติปัญญาแก้ ลำพังเพียงการด่าสาดกราดไปทั่ว ก็ทำกันมานานแล้ว การเสนอให้ปิดสถาบันก็ทำกันจริงมาแล้ว การลงโทษทางกฏหมายก็ทำกันอยู่ และยังไม่เคยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะการแก้ปัญหาใดๆก็ตาม จะต้องใช้ผู้ที่รู้จริงและเกี่ยวข้องในปัญหานั้นเท่านั้น ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่ไม่เคยทำกันเลย
ผู้ตอบอยู่ในระบบอาชีวะศึกษามานานพอที่จะเห็นปัญหาเช่นกัน และพอจะรู้วิธีแก้ปัญหา แต่เสนอแนะไปก็เท่านั้น เพราะคนที่สมควรได้รับหน้าที่ดูแลแก้ปัญหา จะไม่ได้ทำหน้าที่นั้น ส่วนผู้ที่เสนอหน้าเข้ามาแก้ปัญหา ก็ไม่มีปัญญาจะทำได้ นานนับหลายสิบปีแล้ว
อย่างไรก็ตามนี่เป็นความเห็นส่วนตัว หากผู้ใดเชื่อว่า การด่าไปเรื่อยๆจะทำให้ปัญหานี้หมดไปได้ ก็เชิญด่าไปให้มันปาก พราะมันไม่ได้ยากอะไร