The Matrix Really บทที่ ๑๗ ยาเสพติด ที่ซาตานสร้างขึ้น เพื่อมอมเมาเหล่ามวลมนุษย์ ... T
.
The Matrix Really
บทที่ ๑๗
" ยาเสพติด "
ที่ซาตานสร้างขึ้นมา
เพื่อมอมเมาเหล่ามวลมนุษย์
ความสุข ( ความสบาย )
ทั้งหลายทั้งปวงบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล
เป็นสิ่งที่ซาตาน
เหล่าความมืดสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลาย
สร้างขึ้นมา
เพื่อมอมเมาเหล่ามวลมนุษย์
ให้ลุ่มหลงมัวเมา
และตกเป็นทาสของมัน ( ยาเสพติด )
คือ " ความสุข " ( ความสบาย ) ทั้งหลาย
จะได้เกิดความวุ่นวาย เร่าร้อน ทั้งปวงขึ้นมา
ในจิตใจของเหล่ามวลมนุษย์
เพราะว่า อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ในบทที่ผ่านมา เช่น บทที่ ๙
ว่า ... เหล่าความมืด สิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลาย
ได้ดูดกิน พลังงานความเร่าร้อน ที่เกิดขึ้นมาในจิตใจของเหล่ามวลมนุษย์
และสรรพสัตว์สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง เป็นอาหาร
เพราะฉนั้น
ยิ่งเหล่ามวลมนุษย์ ลุ่มหลงมัวเมา
ตกเป็นทาส ของ " ยาเสพติด "
คือ ความสุข ( ความสบาย่ ) ทั้งหลายทั้งปวง ที่พวกมันได้สร้างขึ้นมา
เป็น " เหยื่อ " ล่อ
มากเท่าไหร่
ก็จะเกิดความวุ่นวาย เร่าร้อนต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง
เพิ่มสูงขึ้นมาในจิตใจของตนเอง
มากยิ่งขึ้นไป ตามไปด้วยเท่านั้น
เมื่อพวกซาตาน
เหล่าความมืด สิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลาย ได้เห็นดังนี้แล้ว
ก็จะแอบน้ำลายไหล หยดลงมาแหมะ ๆ ๆ ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
เพราะว่า
" ความเร่าร้อน " ที่เกิดขึ้นมาในจิตใจของเหล่ามวลมนุษย์
และสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง
คือ " อาหาร " เลิศรส ชั้นดี ของพวกมัน
.........
ฉุดรั้งจิตใจของสรรพสัตว์
ไม่ให้ลอยขึ้นสู่ที่สูง
ก็คือ
คนเรา
ตามธรรมดา โดยธรรมชาติแล้ว
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
ใจเป็นของเบา กายเป็นของหนัก
จิตใจเป็นของสูง ร่างกายเป็นของต่ำ
กายาตกอยู่ใต้อำนาจของความมืดดำ ( เกิด แก่ เจ็บ ตาย )
จิตใจ เป็นสิ่งที่ ขาว สว่าง สดใส
บริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น ตลอดกาล ตลอดไป
.........
แต่การที่
จิตใจเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ( จากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง )
ตกร่วงหล่น ลงจากที่สูง ไหลไปสู่ที่ต่ำ
ก็เพราะถูกปกคลุมด้วยความมืดดำ
คือ อวิชา เป็นความไม่รู้ ที่เกี่ยวกับชีวิต
เช่น ไม่รู้ถูก ไม่รู้ผิด ไม่รู้ดี ไม่รู้ชั่ว
ไม่รู้สูง ไม่รู้ต่ำ ไม่รู้ดำ ไม่รู้ขาว ไม่รู้ยาว ไม่รู้สั้น
ไม่รู้ว่าสิ่งใดสร้างสรรค์ สิ่งไหนบ่อนทำลาย
สิ่งใดจะฉุดชีวิตของตน ให้ตกลงไปสู่ความฉิpหาย
สิ่งไหนนำพาชีวิตของตัวเองหรือคนที่เรารัก ให้เจริญรุ่งเรือง
ก้าวหน้า อย่างมั่นคงแข็งแรง และยั่งยืน
เป็นต้น ฯลฯ
@
จึงทำให้ ( จิตใจซึ่งเป็น ) นาย กลายเป็นบ่าว
( จิตใจซึ่งเป็น ) เจ้า ( นาย ) กลายเป็นทาส
ตกอยู่ใต้อำนาจของความต้องการทางร่างกาย ( สัญชาติญาณสัตว์ )
คือ อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความทุกข์
จิตใจซึ่งเป็นของเบา
เป็นสิ่งที่สูงส่งยิ่งใหญ่
ไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวตน ( ที่แท้จริง )
เป็นสิ่งที่ขาว สว่าง สดใส
บริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น ตลอดกาล ตลอดไป
จึงกลายเป็นของที่หนัก
มีสภาพคล้ายของเหลว คือ " น้ำ " ตกร่วงหล่น ลงจากที่สูง ไหลไปสู่ที่ต่ำ
ในแม่น้ำ มหาสมุทรที่มืดดำ
ที่อยู่ของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง
( บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล )
ซึ่งก็คือ
" แม่น้ำแห่งชีวิต "
.........
ชีวิตทั้งหลายทั้งปวงบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล
ถึอกำเนิด วิวัฒนาการเกิดขึ้นมาจากในน้ำ
เริ่มจากสิ่งที่มีชีวิตเล็ก ๆ ซึ่งมองไม่เห็น เช่น แบคทีเรีย
กลายเป็นสัตว์ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ปลา
วิวัฒนาการขึ้นมาบนบก กลายเป็นคนได้ในที่สุด
" ที่ใดมีน้ำที่นั่นมีชีวิต "
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แห้งแล้งยากลำบาก หรือเลวร้ายมากมายเพียงใด
บนโลกนี้ ถ้าที่ใดมีน้ำ ที่นั่นจะมีชีวิตอาศัยอยู่ด้วยเสมอ
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก
ได้ไปนำน้ำในที่แห้งแล้งกันดารมาก ๆ มาสำรวจวิเคราะห์พิสูจน์ดู
ก็ได้พบสิ่งที่มีชีวิตเล็ก ๆ ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เช่น แบคทีเรีย อาศัยอยู่
เป็นจำนวนมาก
ซึ่งเหล่านักวิทยาศาสตร์ชั้นนำทั่วโลก
ก็ยังทำการพิสูจน์สืบหา ค้นคว้าวิเคราะห์วิจัยกันอยู่ มานานมากแล้ว
ว่า น้ำบนโลก มาจากไหน ซึ่งที่ผมจำได้อย่างหนึ่ง ก็คือ เค้าสันนิษฐาน
กันว่า มันจากนอกโลก ในอวกาศ ตกลงมายังผืนดิน บนพื้นพิภพแห่งนี้
พร้อมกันกับ " ลูกอุกาบาต "
( จากการดูสารคดีพวกมิติโลกหลังเที่ยงคืนทางทีวีไทย
ซึ่งโชคดีบังเอิญ ได้เจออยู่หลายชุด ชุดนี้ ดีวีดี ๔ แผ่น มั๊ง รวมทุกตอน
ให้เลือกดูเอา )
.........
ย้อนกลับมาที่เรื่อง
" แม่น้ำแห่งชีวิต "
เมื่อจิตใจซึ่งเป็นของเบา
เป็นสิ่งที่สูงส่งยิ่งใหญ่
ถูกปกคลุมด้วยความมืดดำ
ซึ่งมาพร้อมกับสิ่งที่ลวงตา และอวิชา ซึ่งเป็นความไม่รู้ ที่เกี่ยวกับชีวิต
จึงทำให้ ( จิตใจซึ่งเป็น ) นาย กลายเป็นบ่าว
( จิตใจซึ่งเป็น ) เจ้า ( นาย ) กลายเป็นทาส
ตกอยู่ใต้อำนาจของความต้องการทางร่างกาย ( สัญชาติญาณสัตว์ )
คือ อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความทุกข์
ทำให้จิตใจเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง จากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง
( ที่มีอยู่มากมาย หลากหลาย นานาชนิด นานัปการ สารพัดรูปแบบ )
มีสภาพคล้ายของเหลว คือ น้ำ ซึ่งตกร่วงหล่น ลงจากที่สูง ไหลไปสู่ที่ต่ำ
ในแม่น้ำ มหาสมุทรที่มืดดำ
ที่อยู่ของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง
( บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล )
ซึ่งก็คือ
" แม่น้ำแห่งชีวิต "
จิตใจดวงจิตทั้งหลาย ก็จึงได้ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัว
ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาเป็นสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง
อยู่ในมหาสมุทรที่มืดดำ ( ไปด้วยอวิชา )
คือ ความไม่รู้ที่เกี่ยวกับชีวิต
( ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาจากไหน ก่อนที่จะกำเนิดเราเคยเป็นใคร
ด้วยเหตุผลใด ทำไมคนเราจึงเกิดมาแตกต่างกัน
บางคนหน้าตาดี บางคนขี้เหร่ บางคนรวย หลายคนจน
บางคนโรคมาก บางคนโรคน้อย บางคนโชคดี หลายคนโชคร้าย
ไม่รู้ว่าเมื่อได้ตายลงไปแล้ว พวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันต่อไป
ก็ได้แต่เชื่อกันไปต่าง ๆ นา ๆ
ตามแต่ศาสนา หรือลัทธิต่าง ๆ ที่ตนเองได้เคารพนับถือกันอยู่ )
จิตใจของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งมีสภาพเหมือนกับ " น้ำ "
ก็ไหลวนหมุนเวียน เป็นวงจร " วัฏจักรแห่งชีวิต "
ไปตามกระแสแห่ง " ตัณหา " ( ความทะยานอยาก )
ซึ่งก็เป็น " สัญชาติญาณสัตว์ "
คือ อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความทุกข์
ทำทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง ในชีวิต ตลอดทั้งชีวิตของตนเอง
เพื่อแสวงหาความสุข หลีกหนีความทุกข์อยู่ร่ำไป
ด้วยกันเกือบทั้งหมดทั้งสิ้น
เวียนว่ายตายเกิด อยู่ในแม่น้ำมหาสมุทรแห่งนี้
นับพัน หมื่น แสน ล้าน ปี ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ตราบจนถึงปัจจุบันนี้ กันนั่นเอง
.....
บทความด้านบนนี้
เป็นเรื่องราวอธิบายขยายความเนื้อหาของบทที่ ๑๖
ซึ่งเป็นเพียงบทร่าง ที่ได้กล่าวขึ้นมาเพียงย่อ ๆ
ใน The Matrix Really บทที่ ๑๘
ก็จะเป็นชื่อเรื่องใหม่ ซึ่งจะได้นำเอาบทความด้านล่าง
ซึ่งเป็นเนื้อหาของบทที่ ๑๖ มาขยายความ
ให้กับท่านผู้ชมทั้งหลาย ได้เข้าใจ
อย่างละเอียด ถ่องแท้ โดยสมบูรณ์
กันต่อไป ในที่สุด
.....
บทความเก่า
ของบทที่ ๑๖
หลอกลวงสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง
บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล
ให้ตกเป็นทาสของมัน
.....
พระเจ้า ( God )
ทำให้คนเรา รู้ เห็น เข้าใจ
และปฏิบัติตาม
หน้าที่ ( ความบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น )
มีความสุขก็ได้ มีความลำบากก็ไม่เป็นไร
เห็นแก่ส่วนรวม
ซาตาน ( Satan )
ทำให้คนเราเกิด และตกเป็นทาส
อยู่ใต้อำนาจของ
สัญชาติญาณสัตว์ ( ความสุข ความสบาย )
คือ อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความทุกข์
เห็นแก่ตัว
.....
การเห็นแก่ส่วนรวม เป็นสิ่งที่ถูก การเห็นแก่ตัว เป็นสิ่งที่ผิด
แต่ที่คนจำนวนมากมาย
นับหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
มักเห็นแก่ตัว มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม
ก็เพราะ
ความสุข ( ความสบาย )
การเห็นแก่ส่วนรวม เป็นสิ่งที่ดี การเห็นแก่ตัว เป็นสิ่งที่ชั่ว
แต่ที่คนจำนวนมากมาย
นับหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
มักเห็นแก่ตัว มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม
ก็เพราะ
ความสุข ( ความสบาย )
การทำเพื่อส่วนรวม "
เห็นแก่ความสงบร่มเย็นของส่วนรวม มากกว่าประโยชน์สุขส่วนตัว
คือ การกระทำที่สูงส่งยิ่งใหญ่
" การทำเพื่อตัวเอง "
เห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัว มากกว่าความสงบร่มเย็นของส่วนรวม
เป็น การกระทำที่ต่ำช้าเลวทราม
แต่ที่คนจำนวนมากมาย
นับหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
มักทำเพื่อตัวเอง มากกว่าทำเพื่อส่วนรวม
ก็เพราะ
ความสุข ( ความสบาย )
การเห็นแก่ตัว ทำให้จิตใจมืดดำ ขุ่นมัว สกปรก วุ่นวาย เร่าร้อน
การเห็นแก่ส่วนรวม ทำให้จิตใจขาวสว่าง บริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น
แต่ที่คนจำนวนมากมาย
นับหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
มักเห็นแก่ตัว มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม
ก็เพราะ
ความสุข ( ความสบาย )
.....
คนเรารู้จักการปฏิบัติตาม
หน้าที่ ( ความบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น )
มีความสุขก็ได้ มีความลำบากก็ไม่เป็นไร
ก็เพราะมีปัญญา คือ วิสัยทรรศน์ที่กว้างขวางยาวไกล
มีความรู้ที่สั่งสมมาจากอดีต
มองเห็นถึงผลของการกระทำในปัจจุบัน
ที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคต ทั้งใกล้และไกล
คนเราเอาแต่ตกเป็นทาส ทำตาม
สัญชาติญาณสัตว์ ( อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความทุกข์ )
แสวงหาแต่ความสุขความสบาย
ก็เพราะไม่มีปัญญา คือ อวิชชา เป็นวิสัยทรรศน์ ที่คับแคบ สั้นจุ๊ดจู๋
ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่สนใจความรู้ ที่สั่งสมมาจากอดีต
มองเห็นแต่ความสุข ความสบาย ที่เกิดขึ้นมีอยู่ในปัจจุบัน
ไม่สนใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้น มีตามมาในอนาคต ทั้งใกล้หรือไกล
.........
การทำเพื่อส่วนรวม "
เห็นแก่ความสงบร่มเย็นของส่วนรวม มากกว่าประโยชน์สุขส่วนตัว
เป็นการกระทำที่สร้างสรรค์
คอยช่วยเหลือค้ำจุนโลกของเรา ให้มีแต่ความสงบร่มเย็น
" การทำเพื่อตัวเอง "
เห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัว มากกว่าความสงบร่มเย็นของส่วนรวม
เป็นการกระทำที่คอยบั่นทอน
บ่อนทำลายโลกของเรา ให้มีความวุ่นวาย เดือดร้อน เกิดขึ้นมา
ทั่วทุกหย่อมหญ้า
แต่ที่คนจำนวนมากมาย
นับหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
มักทำเพื่อตัวเอง มากกว่าทำเพื่อส่วนรวม
ก็เพราะ
ความสุข ( ความสบาย )
.....
การเอาแต่ตกเป็นทาส
ทำตาม สัญชาติญาณสัตว์ ( อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความทุกข์ )
แสวงหาเสพสัมผัสแต่ความสุขความสบาย
โดยไม่สนใจ หน้าที่ ( ความบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น )
มีความสุขก็ได้ มีความยากลำบากก็ไม่เป็นไร
ไม่ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม
เป็นสิ่งที่จะฉุดชีวิตของตน
หรือคนที่เรารัก ให้ตกลงไปประสบ พบกับความฉิpหาย
การรู้ เห็น เข้าใจ
และปฏิบัติตาม หน้าที่ ( ความบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น )
มากกว่าทำตาม สัญชาติญาณสัตว์
ปฏิบัติแต่สิ่งที่ถูกต้องและดีงาม
เป็นสิ่งที่ยกระดับชีวิตของตน
หรือคนที่เรารัก ให้เจริญรุ่งเรือง อย่างมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน
.........
หน้าที่ ( ความบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น )
มีความสุขก็ได้ มีความลำบากก็ไม่เป็นไร
" เห็นแก่ส่วนรวม "
สัญชาติญาณสัตว์ ( อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความทุกข์ )
แสวงหาแต่ความสุข ความสบาย
" เห็นแก่ตัว "
.....
หน้าที่สร้างคน สัญชาติญาณสัตว์ทำลายคน
หน้าที่ทำให้คนมีคุณค่า สัญชาติญาณสัตว์ทำให้คนไร้ราคา
หน้าที่หล่อหลอมคนให้แข็งแกร่ง และยิ่งใหญ่
สัญชาติญาณสัตว์ทำให้ชีวิตคนเหลวแหลก และตกต่ำ
หน้าที่เป็นสิ่งที่สามารถค้ำชูโลกของเรา ให้มีแต่ความสงบร่มเย็นได้
สัญชาติญาณสัตว์เป็นสิ่งที่คอยบ่อนทำลายโลกของเรา
ให้มีแต่ความวุ่นวายเร่าร้อนต่าง ๆ นา ๆ
สารพัดรูปแบบ เกิดขึ้นมาทั่วทุกหย่อมหญ้า
.....
บทความที่ ๑๖ นี้ ยังไม่ได้จบโดยสมบูรณ์
เป็นเพียงบทร่าง ที่ผมพิมพ์ขึ้นมาคร่าว ๆ เท่านั้น
ส่งมาให้ท่านที่สนใจอ่านเล่น ๆ กันก่อน
ไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวตน ( ที่แท้จริง )
เป็นสิ่งที่ขาว สว่าง สดใส
บริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น ตลอดกาล ตลอดไป
Free TextEditor