|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กลยุทธที่ 6 ของ "คุณชอบอ่าน"
คุณน้องส้มเด็กดีโพสต์ 9/1/47 ห้องสินธร.........
------------------------------------------------------------------------ กลยุทธ์ที่ 6 สร้างพอร์ทที่มีแต่กำไร เพื่อฝึกให้สามารถถือยาวๆๆๆ
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงนี้ไม่จำเป็นต้องรอขายหุ้นที่มีกำไรทั้งหมดเพื่อนำไปใส่ในพอร์ทหลังครับ และในทางปฏิบัติก็ทำได้ยากพอควรครับ และจะทำให้เกิดการปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปในบางครั้งครับ (อ่านถึงตอนท้ายๆจะทราบครับว่าเสียโอกาสอย่างไร) ข้อสำคัญในการลงทุนไม่ให้เกิดความเครียด สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งก็คือกำลังใจครับ ระหว่างคนที่ลงทุนแล้วต้องนั่งจดจ่อรอคอย พร้อมกับลุ้นว่าจะกำไรหรือขาดทุน กับคนที่ไม่ต้องสนใจตลาดมากนัก ปล่อยให้เงินลงทุนทำงานของมันไปเรื่อยๆ คนหลังน่าจะมีความสุขมากกว่าจริงไหมครับ
เมื่อได้พิจารณาซื้อหุ้นตัวใดแล้วมีกำไร สามารถนำกำไรที่ได้ไปซื้อหุ้นอีกพอร์ทหนึ่งได้เลยครับ และไม่จำเป็นต้องซื้อตัวที่สร้างกำไรอยู่ในขณะนั้นด้วยครับ อีกประการหนึ่ง การที่จะเอากำไรทั้งหมดไปซื้อหุ้นตัวอื่นในอีกพอร์ทหนึ่งนั้น เวลาหุ้นตก จะมีความรู้สึกเสียดายพอสมควร วิธีที่นิยมใช้คือ แบ่งกำไรที่ได้เป็น 2 ส่วนในอัตราที่เหมาะสมกับจริตของแต่ละท่านครับ (ผมชอบ 70/30 ครับ) ผมเอาส่วนแรก 70% ไปเลือกซื้อหุ้นดีๆที่อยู่นอกฤดูกาลออกดอกออกผลเก็บไว้ในพอร์ทที่มีแต่กำไร ส่วนอีก 30% ที่เหลือเก็บไว้ในพอร์ทปกติเพื่อเพิ่มจำนวนเงินลงทุนหรือไม่ก็ถอนออกมาซื้อหาข้าวของและทำบุญทำทานบ้างครับ ด้วยวิธีนี้จะทำให้มีความรู้สึกว่าได้เห็นกำไรงอกเงยขึ้นในพอร์ทปกติ หลังจากนั้นก็เหมือนกับที่คุณ จูกัด เหลียงกล่าวไว้ครับ คือปล่อยพอร์ทที่มีแต่กำไรไปนานๆจนลืมเลยครับ (บางทีกลับมาดูแทบหัวใจวายเหมือนกัน 5555)
การที่นำเงินกำไรที่ได้จากการลงทุนในพอร์ทปกติ ไปซื้อหุ้นในอีกพอร์ท เป็นการแบ่งแยกที่ชัดเจนครับ ตอนแรกๆผมก็ปนๆกันไปทั้งหุ้นที่กำไรและขาดทุน และขายๆซื้อๆในพอร์ทเดียวอยู่เป็นนาน ปวดหัวกับการจัดการมากครับ และเมื่อนั่งสังเกตความรู้สึกของตนดู ยิ่งจำนวนหุ้นมากขึ้น ยิ่งสับสนครับ เลยแยกเป็น 2 พอร์ท ผลที่ได้คือ ในพอร์ทที่ใช้กำไรซื้อ ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะลงผมไม่สนใจเลยครับ ถึงแม้หุ้นบางตัวจะติดลบหลังจากซื้อ ก็เป็นเพียงการขาดทุนกำไรครับ จึงไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจอันใดเลย ทำอย่างนี้จึงทำให้ผมสามารถถือหุ้นบางตัวได้ยาวๆๆๆๆข้ามปีเลยครับ
นอกจากนี้ หุ้นในพอร์ทที่ใช้กำไรลงทุน จะเป็น Indicator ที่สำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจในการลงทุนพอร์ทปกติด้วย ผมเคยพบว่า หุ้นบางต้วในพอร์ทที่มีกำไร เคยติดลบกว่า 50% เมื่อพิจารณาพื้นฐานของหุ้นนั้น ผมก็ตัดสินใจลงทุนในพอร์ทปกติอีกครั้ง พอ Rebound ก็จะได้กำไรในพอร์ทปกติเป็นกอบเป็นกำพอสมควรด้วยครับ แล้วก็เอากำไรไปรอซื้อหุ้นตัวอื่นๆ ที่ Indicator ในพอร์ทที่มีแต่กำไรชี้ว่า หุ้นตัวนั้นมีราคาต่ำเกินไปแล้ว (สงสัยโดนทุบครับ) ตรงนี้แหละครับที่ผมเกริ่นไว้ในตอนต้นว่าทำให้ไม่เสียโอกาส เพราะในช่วงเวลาหนึ่ง หุ้นบางตัวอาจถูกทุบลงมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง หากเรารอจนหุ้นได้กำไรแล้วขายทิ้ง ช่วงจังหวะเวลาอาจไม่สอดประสานกันก็ได้ครับ ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งครับ "จังหวะเราเป็นผู้กำหนด โอกาสเราเป็นผู้สร้าง หนทางขึ้นอยู่กับความเป็นไปของโลกครับ"
ข้อสำคัญอีกประการหนึ่ง หากตลาดเป็นขาขึ้นทั้งหมด 70% ที่ได้จากกำไร ไม่จำเป็นต้องนำไปซื้อหุ้นใดๆในทันทีนะครับ เก็บไว้ในบัญชีของพอร์ทที่มีกำไรก่อนก็ได้ครับ กำหนดจังหวะ สร้างโอกาสดีๆให้กับพอร์ทของตนดีกว่าครับ จะได้ไม่ขาดทุนกำไรมากนัก 55555 จริงๆแล้ว กลยุทธ์นี้ก็คล้ายๆกับ คลาย เครียด เรโช เหมือนกันนะครับ ต่างนิดตรงที่ว่า ต้นทุนผมติดลบจริงๆครับ ก็ติดลบจาก 30% ของสัดส่วนที่ผมกล่าวถึงในตอนต้นๆนั่นแหละครับ
จากคุณ : จูกัด เหลียง (น่าจะก๊อปคนชอบอ่านมา)
Create Date : 21 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 10 เมษายน 2551 13:12:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 203 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|