เทคโนโลยีใหม่ การตรวจอัลตราซาวล์ในหลอดลม
เครื่อง Bronchoscope นี้เป็นเครื่องมือที่ได้ริเริ่มพัฒนาขึ้นมาใหม่ จึงมีความทันสมัยและสามารถวิเคราะห์อาการของโรคได้แม่นยำที่สุด
การตรวจโดยใช้เครื่องนี้ แพทย์จะ Prove หรือหัวจ่อต่อเข้ากับกล้องส่องแขนงหลอดลม Bronchoscope Cam Convex ซึ่งเป็นกล้องส่องหลอดลมด้วยวิธีอัลตราซาวล์ เพื่อสังเกตความผิดปกติภายในหลอดลมโดยตรง หรืออาจมองผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ เพื่อสังเกตลักษณะความรุนแรงของโรค ที่แพร่ขยายอยู่บริเวณผิวผนังหลอดลม วิธีการนี้ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อผู้ป่วย
ในอดีตการวินิจฉัยโรคที่เกิดขึ้นบริเวณผนังกลางช่องอก ขั้วปอด และต่อมน้ำเหลืองตรงบริเวณขั้วปอดนั้นกระทำด้วยความลำบาก เพราะขาดเครื่องมือที่ทันสมัยในการตรวจวิเคราะห์ แต่ปัจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้า ทำให้แพทย์สามารถทำการตรวจด้วยวิธี Biopsy คือการเจาะชิ้นเนื้อนำมาวิเคราะห์ ด้วยการส่องกล้องสอดเข้าไปทางหลอดลมบริเวณกลางช่องอก (การวินิจฉัยโรคด้วยวิธีนี้มีความถูกต้องและมีประสิทธิภาพถึง 95%)
อนึ่งการตรวจโดยการส่องกล้องเข้าทางหลอดลม (Bronchoscope) นี้ แพทย์จำเป็นต้องใช้ยาเฉพาะที่ เพื่อยับยั้งอาการไอ และบางครั้งจำเป็นต้องใช้ยาระงับประสาทควบคู่ไปด้วยเช่นกัน สำหรับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นนั้น จะไม่ต่างจากวิธีการตรวจด้วยกล้องส่องทางหลอดลมโดยทั่วไป การทำ Needle Biopsy หรือการดูดชิ้นเนื้อด้วยเข็มเพื่อนำเนื้อเยื่อมาตรวจวิเคราะห์โรค แพทย์จะใช้เข็มผ่านแขนงหลอดลม เพื่อดูดชิ้นเนื้อหรือเซลล์ออกมาตรวจ ปฏิบัติการนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยมากกว่า การใช้กล้องส่องแขนงหลอดลมโดยไม่มีอัลตราซาวด์
การตรวจด้วยวิธีนี้โอกาสที่จะเกิดอันตราย ต่อผู้ป่วยที่มีสภาวะชีพจรเต้นไม่ปกติหรือมีภาวะหัวใจรั่วเกิดขึ้นมีน้อยมาก แพทย์จะเฝ้าสังเกตอัตราการเต้นของหัวใจด้วยเครื่อง ECG พร้อมกับวัดความดันโลหิตเป็นระยะๆ เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้นของหัวใจอย่างระมัดระวัง
ภาวะแทรกซ้อน การปฏิบัติการดูดชิ้นเนื้อบริเวณรอยโรคนั้น อาจจะก่อให้เกิดลมบริเวณช่องปอดได้ สำหรับวิธีการดูแลผู้ป่วยก็คือแพทย์จะจัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าที่สงบ และเฝ้าสังเกตอาการ ถ้าสภาวะปอดรั่วไม่มากอาการต่างๆ ก็จะเข้าสู่ปกติได้เร็ว แต่ถ้าภาวะเกิดรุนแรง แพทย์จะสอดท่อสายยาง ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 mm เข้าไปทำการดูดอากาศที่รั่วออกมาหรือแพทย์จะสอดท่อระบายอากาศที่เรียกว่าDrain เข้าไปในช่องปอด
อาการเจ็บบริเวณลำคอ และโอกาสที่จะมีไข้ การตรวจโดยการส่องกล้องเข้าทางแขนงหลอดลมนี้ อาจทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะมีไข้สูงประมาณ 38 องศา ในวันแรกของการเข้ารับการตรวจ แต่ไข้ดังกล่าวจะค่อย ๆ ลดลงเองภายใน 24 ชั่วโมง แต่เพื่อเป็นการป้องกัน แพทย์จะให้ผู้ป่วยทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 วัน
อาการอื่นๆ กรณีที่เกิดอาการข้างเคียงนอกเหนือจากคำอธิบายที่กล่าวในเบื้องต้น แพทย์จะวินิจฉัยและทำการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมและรวดเร็ว หากผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงถึงขั้นรุนแรง แพทย์จำเป็นต้องให้เข้าพักฟื้นในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
ด้วยความปรารถนาดีจาก โรงพยาบาลสมิติเวช //www.samitivejhospitals.com/allhealth_article_detail.aspx?id=538&lid=th
Create Date : 01 ตุลาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 1 ตุลาคม 2553 18:41:16 น. |
Counter : 1011 Pageviews. |
|
|
|