กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
2 ธันวาคม 2564
space
space
space

100 ทั้ง 100


คำถามจากเพจพุทธที่แท้จริง 450 

158ช่วยชี้แนะเป็นธรรมทานครับ   การเจริญอานาปานสติ   รู้ลมหายใจเข้า-ออก  จนเรารู้สึกว่าเราเปลี่ยนสถานะจากปกติ กลายเป็นตัวเบา เหมือนอยู่ในห้วงสูญญากาศ  แม้กระทั่งลมหายใจเข้า-ออก แทบไม่รู้สึกว่า ตนเองหายใจเข้า-ออก
ถามอยากทราบว่า 1.ขั้นตอนนี้เรียกว่าอะไร  2.ช่วงสูญญากาศต้องปฎิบัติอย่างไรต่อไป เพื่อไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นไปอีกขั้น 3.ขั้นตอนต่อไปอาการความรู้สึกเป็นอย่างไร  ขอบคุณครับ

https://www.facebook.com/groups/934684070024209/?hoisted_section_header_type=recently_seen&multi_permalinks=2201153833377220

    ทั้งชีวิตของผู้ปฏิบัติเอง (ไม่ว่าผู้ใด) ตั้งแต่เกิดจนถึงวันที่ตนปฏิบัติกรรมฐานจะใช้วิธีไหนก็แล้วแต่ตัวไม่เคยพบประสบสภาวะนั่นนี่โน่นอย่างว่ามาก่อนเลยในชีวิตนี้   พอปฏิบัติไปทำไป  จิตสงบนิดๆหน่อยๆ มันก็มีสภาวะของมัน เอาแล้วทีนี้แหละ  บ้างก็ตื่นเต้นตกใจ  ดีใจ  บ้างก็สงสัยนั่นอะไรหนอนั่นอะไร  มันชื่ออะไร 9 ใช่นั่นใช่นี่ไหม ?  ใช่,ไม่ใช่  ร้อยทั้งร้อยจะออกแนวนั้น  ตัวอย่างที่ยกมานั่นก็เช่นกับทั่วๆไปกับตัวอย่างที่นำมาในกลุ่มนี้    

432แทนที่จะดูสภาวะมันไป  มันเปลี่ยนยังไง  เปลี่ยนตอนไหนแล้วมันเกิดอะไร ไม่  กลับคิดสงสัยนั่นนี่   นั่งวาดภาพไป  จึงพลาดจากธรรม คือ จากสมาธิ จากปัญญา เป็นต้นไป  ผู้ที่อ่านหนังสืออ่านพระสูตรมาแล้วคิดไปว่าในพระสูตรที่อ่านไม่มีเขียนบอกไว้  ก็จะยิ่งวาดมโนภาพไปตามตัวอักษรไปใหญ่โต  9  คือว่า จะเอาตามตัวหนังสือว่างั้นเถอะ    

ตัวหนังสือเขาเขียนมายังไงมันก็ตั้งอยู่ยังงั้น  ไม่เปลี่ยน  เขาเขียน "อานาปานสติ"  มันก็อานาปานสติอยู่ยังงี้แหละ ไม่เปลี่ยน  แต่ความคิด ลมหายใจเข้าลมหายใจออกมันเปลี่ยนอยู่ทุกๆขณะ ผู้ปฏิบัติไม่ตามดูรู้ทันมัน เราก็หลงมัน   ถูกมันหลอกเอาน่าซี่ 110 

นิอีกตัวอย่าง  
https://pantip.com/topic/41133664

เรื่องนามธรรมต้องแก้ปัญหาขณะที่ปฏิบัติ  ปฏิบัติต่างจากมโนเอา  

มีตัวอย่างให้ศึกษา  แต่ยาวหน่อย 

443นี่เป็นครั้งแรกของผมในเวปบอร์ดนี้ ถ้าอย่างไรขอความกรุณาด้วยนะครับ :)
ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ   ก่อนหน้านี้ไม่เคยปฏิบัติธรรมจริงๆจังๆเลย จนกระทั่งไม่นานมานี้ วาสนาพาให้ได้พบกับพระสงฆ์ไทยรูปหนึ่งที่ญี่ปุ่นนี่ ทราบว่าท่านน่าจะมาโปรดสัตว์ ผมได้ถามท่านว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ 
ท่านก็ไม่ตอบอะไร ยื่นหนังสือของท่านให้สามเล่ม เป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทางในอานาปานสติสูตร แล้วผมก็กราบลาท่านมา

ต่อจากนี้ผมจะขอเล่าเหตุการณ์เป็นลำดับ เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้สอบอารมณ์ผมได้ถูกต้อง หวังว่าท่านจะไม่รำคาญนะครับ :)

หลังจากได้หนังสือสามเล่มนั้นมาแล้ว ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรกคือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่  ท่านว่า ให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่า  ลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร  ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้  หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ ... (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)   ในการนั่งสมาธิครั้งนี้  ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน   

แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ ...(ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถ ๔o วิธีแล้วรู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง)   แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจ   แผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง จากนั้นก็เบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องซ้าย แล้วก็เบื้องขวา พอครบทุกทิศแล้ว ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด  จากนั้น

ผมก็คิดขึ้นมา ว่า  "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก  (ส่วนใหญ่)  มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คน (ส่วนใหญ่) ในโลกกลับไม่รู้"    จากนั้น

170ผมก็สังเกตลมหายใจก็รู้สึกว่า   ลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก   ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่า คือ  ลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติ คือปิติเกิดค้างอยู่  แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ   แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย  คือมีความรู้พร้อมอยู่ จากนั้น

ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า  "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"  จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ   เริ่มปั่นป่วน   หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

แต่หลังจากนั้นมา    ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย คือทำได้มากสุดก็แค่ทำปิติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น  (แต่ก็สามารถทำให้เกิดได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการทันที)  แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้ จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปิติ แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้

คำถามแรกคือสภาวะที่ผมพบในครั้งแรกนั้นคืออะไรครับ ใช่ปฐมฌานหรือป่าวครับ แล้วทำไมในครั้งหลังๆผมถึงไม่สามารถเข้าถึงสภาวะนั้นได้ เป็นเพราะผม "หวัง" มันหรือป่าวครับ

 


Create Date : 02 ธันวาคม 2564
Last Update : 2 ธันวาคม 2564 20:33:33 น. 0 comments
Counter : 363 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space