> "กล้าดียังไง....ขออนุญาตอัลลอฮฺเล่นดนตรี?"
เตือนฉันเตือนเธอ,หะดีษที่ 791 โดย
อ มุรีด ทิมะเสนท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า
الحَلاَلُ بَيِّنٌ، وَالحَرَامُ بَيِّنٌ
“หะลาล (สิ่งอนุญาตในศาสนา) ชัดเจนแล้ว และสิ่งหะรอม (สิ่งต้องห้ามในศาสนา) ชัดเจนแล้วเช่นกัน”
สิ่งที่ได้รับจากหะดีษ
ในยุคปัจจุบัน ด้วยความรู้อันหลากหลายบนโลกใบนี้ อาจทำให้มุสลิมเกิดความคลาดเคลื่อนในศาสนา ด้วยเพราะไม่ได้ศึกษาอิสลามอย่างลึกซึ้ง
หรือด้วยศึกษาวิชาทางสามัญมากเกินไป จนลางทีอาจทำให้มุสลิมผู้นั้นเกิดความคลาดเคลื่อนในศาสนา ลางคนถึงขั้นปฏิเสธหลักการอิสลามก็มีให้เห็นอยู่เนืองๆ
ยิ่งโลกโซเชียลทวีความนิยมมากเท่าใด มุสลิมยิ่งถอยห่างหลักการอิสลามมากเท่านั้น จนกระทั่งลางครั้งทำให้มุสลิมผู้นั้นกลับกลายเป็นผู้ทำลายอิสลามทั้งทางตรง ทางอ้อม และทั้งที่เจตนา หรือไม่เจตนาก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว ผู้เสียหายกลับกลายเป็นตัวของมุสลิมผู้นั้นนั่นแล อีกทั้งความเสียหายทำให้คนต่างศาสนิกพลอยเข้าใจอิสลามอย่างคลาดเคลื่อนไปด้วย ตัวอย่างมีมากเหลือคณานับ ทว่าตัวอย่างหนึ่งทำให้เห็นเป็นภาพพจน์จับต้องได้ คือ ตัวอย่างของ
สามเด็กสาวมุสลิมอินโดนิเซียมาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยแนวดนตรีของพวกนางคือ แนวเมทัล (ดนตรีแนวดุเดือด และขบถ) ซึ่งเป็นที่เข้าใจแล้วว่า ดนตรีคือสิ่งหะรอม (ต้องห้าม) ในอิสลาม เรื่องนี้ชัดเจนมาก (ดั่งหลักฐานหะดีษที่เคยหยิบยกมาแล้วก่อนหน้านี้),
(อีกบทหนึ่ง) ท่าน
นบีวัจนะไว้ว่า สิ่งใดหะลาล (อนุมัติตามหลักการศาสนา) ชัดเจน (ไม่คลุมเครือ) ส่วนสิ่งใดหะรอม (ไม่อนุมัติตามหลักการศาสนา) ก็ชัดเจนเช่นกัน, ดังนั้น “
เครื่องดนตรี” ไม่อนุญาตให้มุสลิมเล่นโดยเด็ดขาด นี่คือความชัดเจน ด้วยเหตุนี้ สามเด็กสาวมุสลิมจะมาอ้างเยี่ยงไรก็ช่าง ดนตรีก็หะรอมอยู่วันยังค่ำ
ใช่แต่เท่านั้น พวกนางยังสวมผ้าคลุมผม (บ่งบอกว่าเป็นสตรีมุสลิม) ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตทุกครั้ง เป็นการประกาศขบถให้ผู้คนทั้งที่เป็นมุสลิม หรือไม่ใช่มุสลิมก็ตาม ได้ทราบถึงจุดยืนของพวกนางว่า พวกนางขอ
ขบถต่อหลักการศาสนาในทุกรูปแบบ, ซึ่งการเล่นดนตรี การสวมผ้าคลุมผมโชว์บนเวทีคอนเสิร์ตนั้น คือ
การขบถทางศาสนา ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนถึงอิสระเสรีทางความคิด ว่านี่คือสิ่งที่ฉันปรารถนาจะเป็น และจะทำ ใครจะทำไม ? อะไรประมาณนี้
แต่ความหายนะยังไม่จบ พวกนางยังแต่งเพลงประกอบดนตรีที่ชื่อ “พระเจ้าขา ข้าขอเล่นดนตรี” นี่คือความอหังการอย่างน่าอัปยศที่สุด ซึ่ง
บังอาจวิงวอนต่ออัลลอฮฺเพื่อขออนุญาตเล่นดนตรี ทั้งๆ ที่พระองค์อัลลอฮฺทรงห้ามดนตรี ความอัปยศนี้แฝงเร้นไปด้วยความหยิ่งยะโส (ตะกับบุรฺ) การแสดงออกถึงการไม่แคร์สิ่งใดแล้ว นอกจากแนวคิด ความเป็นขบถทางความเชื่อในตัวของพวกนางเท่านั้น, พวกนางบังอาจวิงวอนขอให้พระองค์อัลลอฮฺทรงอนุมัติสิ่งต้องห้ามให้กลับกลายเป็นสิ่งอนุญาต โดยเฉพาะอนุญาตให้แก่พวกนาง ตรองดูเถิด พวกนางอหังการเพียงใด ?
กล้าดียังไงที่มาขออนุญาตพระองค์เล่นดนตรี ถึงขั้นแต่งเพลงประกอบดนตรีที่ชื่อ “ขอคำอนุญาตจากพระเจ้าเพื่อร้องบรรเลง [God Allow Me (Please) To Play Music] (อัลลอฮุอักบัรฺ), ท้ายนี้ โปรดรอดูต่อไปว่า
พระองค์อัลลอฮฺจักทรงลงโทษพวกนางเช่นไร ? ครั้นถึงเวลานั้นจริงๆ อยากรู้ว่าพวกนางจะให้ “เครื่องดนตรี” ช่วยเหลือพวกนางอย่างไร ? (ขอพระองค์อัลลอฮฺทรงทำให้พวกเราออกห่างจากความอหังการเหล่านั้นด้วยเถิด....อามีน)
https://www.facebook.com/502687186494992/photos/a.678644225565953/5390901661006829/วงนี้ขออนุญาตใคร ?