กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2568
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
space
space
12 กุมภาพันธ์ 2568
space
space
space

คาถาที่ ๓


ค) คาถาที่ ๓ (กับครึ่งคาถา) คือตอนท้าย


     จากนั้นก็ถึงท่อนที่ ๓ อีกคาถากับครึ่งสุดท้าย  เรียกว่าอีกคาถากึ่ง  มีว่า

        อนูปวาโท อนูปฆาโต      ปาติโมกฺเข  จ สํวโร

        มตฺตญฺญุตา จ  ภตฺตสฺมึ    ปนฺตญฺจ  สยนาสนํ

        อธิจิตฺเต  จ  อาโยโค       เอตํ   พุทฺธาน สาสนํ.  


     คําสอนส่วนนี้เป็นท่อนที่ถือกันว่า เป็นคําสอนของพระพุทธเจ้า สําหรับพระสงฆ์ที่ทําหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา ว่าควรจะประพฤติปฏิบัติตัวอย่างไร คือ เมื่อได้คำสอนที่จะสอนเขาแล้ว ตัวผู้ที่จะสอนเขา หรือนำคำสอนไปเผยแผ่นี้  ควรจะดำเนินชีวิต และมีวัตรปฏิบัติอย่างไร ก็มีหลักว่า

        อนูปวาโท    การไม่กล่าวร้าย ๑

        อนูปฆาโต    การไม่ทําร้าย ๑

     พระที่จะไปสอนเขานี่   ต้องเป็นตัวอย่าง ไม่กล่าวร้ายใคร ไม่ทําร้ายใคร

        ปาติโมกฺเข จ สํวโร   แปลว่า  สํารวมตนในปาติโมกข์

     “ปาติโมกข์”  คือ วินัยแม่บท  ได้แก่  ประมวลข้อกำหนดความประพฤติ  ที่เป็นระเบียบกฎเกณฑ์ข้อบังคับ ในการดําเนินชีวิตของพระภิกษุ เพื่อรักษาแบบแผนหรือมาตรฐานแห่งความเป็นอยู่ที่เหมาะสม และเอื้อต่อการเจริญในไตรสิกขาของพระภิกษุ

     ในเรื่องนี้  พระภิกษุจะต้องมีความสํารวมระวัง  ตั้งใจที่จะดํารงตนอยู่ในปาติโมกข์หรือในศีลแม่บท ที่ปัจจุบันนี้เราเรียกกันว่า ศีล ๒๒๗

       มตฺตญฺฺญุตา จ  ภตฺตสฺมึ   แปลว่า   ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร คือต้องรู้จักกินพอดี หมายความว่า  บริโภคด้วยความรู้เข้าใจวัตถุประสงค์  โดยใช้ปัญญา กินเพื่อคุณค่าที่แท้แก่ชีวิต ไม่ใช่กินอาหารเพียงเพื่อจะเอร็ดอร่อย เพื่อตามใจอยาก ตามใจลิ้น

     โดยเฉพาะพระสงฆ์  เป็นผู้ดําเนินชีวิตด้วยอาศัยญาติโยมเลี้ยง ต้องอาศัยผู้อื่นเป็นอยู่ เพราะฉะนั้นจะต้องทําตัวให้เขาเลี้ยงง่าย เป็นอยู่ง่ายๆ ไม่มัววุ่นวายครุ่นคิดและใช้แรงงานใช้เวลาให้หมดไปกับการแสวงหาสิ่งเสพบริโภค  ไม่เฉพาะอาหารเท่านั้น  ปัจจัย ๔ อื่นก็เช่นเดียวกัน คือ ไม่มามุ่งหาความสุขสําราญจากเรื่องของวัตถุนั่นเอง

     การกินอาหาร  เป็นเรื่องใหญ่ของมนุษย์  ฉะนั้น  ท่านจึงจับจุดแรก ให้รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร  ให้กินด้วยปัญญาที่รู้คุณค่าที่แท้จริง  ที่เป็นวัตถุประสงค์ของการกิน ว่าเรากินเพื่ออะไร คือกินเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง  มีสุขภาพดี  จะได้ใช้ร่างกายนี้ดําเนินชีวิตที่ดีงาม อย่างที่ท่านเรียกว่า เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์คือเพื่อเกื้อหนุนการที่จะมีชีวิตที่ดีงามประเสริฐ และจะได้ทําหน้าที่นําธรรมไปสั่งสอนประชาชนได้

     นี้คือหลักการที่เรียกว่า  มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ  รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร

       ปนฺตญฺจ  สยนาสนํ   รู้จักอยู่ในที่นั่งที่นอนอันสงัด ไม่ใช่มัววุ่นวาย ออกไปคลุกคลีกับหมู่ชาวบ้าน จนไม่รู้จักหาความสงบ ไม่ปลีกตัวออกไป หาเวลาหาโอกาสพัฒนาจิตใจและปัญญา

     พระสงฆ์จะต้องให้เวลาแก่การพัฒนาด้านจิตใจและปัญญาให้มาก  เมื่อแสวงหาที่สงัดเป็นที่วิเวกได้แล้ว  ก็มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการที่จะพัฒนาจิตใจ  ด้วยการเจริญจิตภาวนา แล้วก็ก้าวไปสู่การทําปัญญาภาวนา

     จุดสําคัญก็คือ  จะต้องมีที่อยู่ที่เหมาะ  รู้จักหลีกเร้น นับว่าเป็นข้อปฏิบัติอย่างหนึ่งที่สําคัญ เมื่อจะไปทํางานสั่งสอนประชาชน เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชาวบ้าน จะต้องไม่ละทิ้งการอยู่ในที่สงัด เพื่อเป็นฐานที่มั่นคงภายใน  จะได้ไม่ถูกดูดถูกกลืนเข้าไปในสภาพที่ยุ่งเหยิงของสังคมภายนอก

     พระพุทธเจ้าเองทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ พระองค์เสด็จไปสั่งสอนประชาชน ต้องไปยุ่งเกี่ยวเที่ยวเสด็จไปพบคนโน้นคนนี้ไปโปรดคนโน้นคนนี้ เป็นกษัตริย์ บ้าง เป็นพราหมณ์ บ้าง เป็นพ่อค้า เป็นชาวนา เป็นอะไรต่างๆ มากมาย แต่พระองค์ก็ไม่ละทิ้งความสงัด พอได้โอกาส พระองค์ก็เสด็จไปประทับในที่วิเวก หาความสงบเป็นแบบอย่าง เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ทิ้งข้อปฏิบัตินี้

       อธิจิตฺเต จ อาโยโค  พอได้ที่สงัดแล้วก็ประกอบในอธิจิต ใส่ใจในการฝึกฝนจิตใจยิ่งขึ้นไป พระสงฆ์ทําหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา  เป็นผู้ที่นําประชาชนในการพัฒนาศีล สมาธิ ปัญญา  แต่แบบอย่างที่สําคัญของพระ  ก็คือเรื่องทางด้านจิตใจ  เรื่องคุณธรรม

     ในด้านนี้  พระสงฆ์ควรจะให้เขาเห็นแบบอย่างว่า  เมื่อพระท่านพัฒนามีจิตใจที่ประณีตงดงามแล้ว  ดีอย่างไร  ท่านมีความสุขทางจิตใจ  โดยพึ่งพาอาศัยวัตถุน้อย  ท่านอยู่ได้อย่างไร มีชีวิตที่เป็นสุขได้อย่างไร เป็นแบบอย่างแก่ประชาชน

     ถ้าพระสงฆ์ไม่ประพฤติปฏิบัติอย่างนี้  คําสอนก็อาจจะได้ผลน้อย  แต่ถ้าพระสงฆ์ดําเนินชีวิตตามหลักที่ว่ามาในคาถากึ่งสุดท้ายนี้  ก็จะเป็นแนวทางและเป็นคติแก่ประชาชน พร้อมกันนั้นก็ทําให้ประชาชนมีความหวัง และมีความศรัทธาเลื่อมใสต่อพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ทําให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ผลดีต่อไปด้วย


 
- มีต่อ

 


Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2568 11:57:04 น. 0 comments
Counter : 37 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space