ตัวกามฉันทะนี้ มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ? เกิดขึ้นก็เพราะว่าเราเพ่งมองในสิ่ง (รูป) นั้นด้วยอำนาจราคะ ด้วยอำนาจตัณหา คือมองว่ามันสวยมันน่ารักน่าเอ็นดูน่าพอใจด้วยประการต่างๆ เช่น เรามองเพศตรงข้าม มองแล้วคิดไปว่าจมูกงาม คิ้วงาม คองาม หน้าผากงาม เอวตะโพกผึ่งผายงาม งามไปหมดทุกส่วนของร่างกาย ถ้ามองไปอย่างนี้แล้วมันเป็นบ่อเกิดของกามฉันทะ ทำให้หัวใจเรามัวเมาหมกมุ่นอยู่ในสิ่งเหล่านั้น นี่เรียกว่ามองเพื่อเพาะกามฉันทะให้เกิดขึ้น เพราะมองให้เกิดอย่างนั้น
ในเสียงก็เหมือนกัน เช่นเราฟังว่ามันเพราะมันหวานเสนาะหูแล้ว มันก็เกิดกามฉันทะ
ได้กลิ่นอะไร ก็นึกไปว่าชอบใจ น่าพึงใจ น่าเอามาไว้ดมบ่อยๆ คิดอย่างนั้นบ่อยๆ มันก็เกิดกามฉันทะ
ไปฉัน (กิน) อะไรเข้า รสอาหารแกงนี้อร่อย ปลานี้อร่อย เนื้อนี้อร่อย ข้าวนี้อร่อย นึกแต่เรื่องอร่อยทั้งนั้น ถ้านึกอย่างนั้นบ่อยๆ ก็ติดในเรื่องกามฉันทะ
เราไปสัมผัสอะไรเข้าแล้วก็นึกว่ามันเอร็ดอร่อย น่าจับน่าต้องน่าเอามาไว้ใกล้ๆ น่าเอามาเป็นของตัว ความคิดอย่างนี้เป็นบ่อเกิดแห่งกามฉันทะ
จำง่ายๆว่า ความคิดในสิ่งสวยสิ่งงาม อันเราพอใจหลงใหลมัวเมาแล้ว ก็เป็นบ่อเกิดของกามฉันทะทั้งนั้น นี่มันทำให้เกิดทุกข์เกิดโทษได้ เมื่อมัวเมาขึ้นแล้วมันก็เกิดความเสียหายนี้
อีกประการหนึ่ง เมื่อเรารู้ว่ากามฉันทะไม่ดี เหตุเกิดมาจากเราเห็นของสวยน่ารักน่างาม เราก็ต้องแก้ แก้ด้วยการทำอะไร ? แก้ด้วยการมองตรงข้าม มองให้เห็นว่าไม่น่ารัก ไม่สวย ไม่งาม ไม่น่าพอใจ ผู้ใดที่รู้สึกตัวว่า เกิดกามฉันทะครอบงำจิตใจบ่อยๆ เผลอไม่ค่อยได้ พอเผลอแล้วใจมันไปอยู่กับสิ่งนั้น ไปคิดถึง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ของเพศตรงกันข้าม มีจิตมักมากในทางกาม พระท่านก็สอนให้พิจารณากัมมัฏฐาน ๒ อย่างเพื่อแก้กามฉันทะ กัมมัฏฐานที่ควรจะพิจารณา ๒ อย่าง นั้น คือ กายคตาสติ กับ อสุภะกัมมัฏฐาน
Create Date : 01 กรกฎาคม 2565 |
|
0 comments |
Last Update : 22 มกราคม 2567 18:10:53 น. |
Counter : 374 Pageviews. |
|
|
|