กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
มกราคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
space
space
7 มกราคม 2565
space
space
space

สรณาคมน์ (๕)



   คนเราที่นับถือศาสนาก็เหมือนกัน   ถ้าไม่ศึกษาไม่ทำความเข้าใจให้ถูกต้องแล้ว เราก็ไม่เข้าถึงแก่นของพระศาสนา ไม่ต้องอะไรมากดอก เพียงพระพุทธเจ้าก็ยังเข้าไม่ถึง ไม่ถึงพระพุทธเจ้า เราพูดว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ว่ากันเต็มเสียง ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แต่หารู้ไม่ว่า ยังไม่ถึง ยังเข้าไม่ถึงพระพุทธเจ้า เพียงแต่ไปครึ่งทางก็ยังไม่ได้ ยังไม่ได้เข้าทางด้วยซ้ำไป เช่น เหมือนว่า จะไปโบสถ์วัดพระแก้ว ก็ไปยืนดูประตูวิเศษไชยศรี อยู่เท่านั้นเอง ยังไม่ได้เข้าไปในโบสถ์วัดพระแก้วเลย หรือว่าเข้าข้างในก็เข้าไปเพียงบูชายักษ์หน้าโบสถ์นั้นเอง ไม่ได้ถึงในโบสถ์พระแก้ว มันไม่ถึงที่
ไม่ถึงเพราะอะไร ? เพราะไปหลงใหลอยู่กับสิ่งที่เป็นเปลือกเสีย เลยไม่ถึงพระพุทธเจ้า นี่แหละเป็นพระพุทธเจ้าชั้นนอก ให้เข้าใจเอาไว้ ขอให้เข้าใจเรื่องนี้ให้ถูกนะ


   ถ้าจะนับถือพระพุทธศาสนา  ต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ถูกต้องว่า พระพุทธเจ้าที่เป็นชั้นนอกมี พระพุทธเจ้าชั้นในนั้นมี   แต่เราไม่ว่าดอกว่าใครจะถือเพียงชั้นนอก  ไม่ว่า  แต่เรายังนึกอยู่ในใจว่ายังเป็นเด็กเกินไปยังไม่เดียงสา  เป็นอนุบาลเสียเรื่อยไม่น่าเลย  บางคนเป็นเด็กอนุบาลจนเข้าโลงไปเลย  มันจะได้อะไร  สมหรือที่นับถือพระพุทธศาสนา  เรามันควรสอบเลื่อนชั้นขึ้นบ้าง ให้มันขึ้นไปเรื่อยๆ  จริงอยู่สมัยหนึ่ง  เราเป็นเด็ก  เราก็ต้องชอบของเด็กๆ เช่น เป็นเด็กชอบตุ๊กตา ชอบรถน้อยๆ ชอบม้าน้อยๆ ชอบช้างน้อยๆ แต่พอเป็นหนุ่มขึ้นใครจะไปเล่นตุ๊กตา ช้างน้อยๆ ม้าน้อยๆ อยู่ ไม่มีใครเล่นต่อไปแล้วละ เล่นน้อยๆ อันอื่นที่มันดีกว่าออกไป เมื่อเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มันก็ต้องเปลี่ยนไปตามลำดับ ตามอายุวิวัฒนาการทางร่างกายตามจิตใจที่เจริญเติบโตขึ้น ปัญญาก็ต้องเจริญเติบโตขึ้นด้วย อะไรๆเติบโต แต่ปัญญาไม่เติบโต มันก็ยังใช้ไม่ได้  ในเรื่องการนับถือพระศาสนานี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราถือแค่เปลือก ก็อยู่แค่นั้นไม่ก้าวหน้า ไม่ก้าวหน้าไปเลย


   ที่สวนโมกข์ ในวัดเขาเขียนภาพหนึ่งไว้ที่ฝาผนังของโรงมหรสพทางวิญญาณ เขียนเป็นพระองค์หนึ่งยืนอยู่แล้วด้านหลังมีคนไหว้พระอยู่คนหนึ่ง  ด้านหน้ามีคนนั่งปิดหูอยู่  รู้ไหม  เขาเขียนหนังสือใต้ภาพว่าอย่างไร เขียนว่า สมัยนี้พวกเราเอาแต่ไหว้  พอบอกให้ประพฤติธรรมก็กำหู  คนทุกวันนี้ดีแต่ไหว้  พอบอกให้ทำเอามือกำหู คือบอกประพฤติธรรมไม่เอา
นี่แหละนับถือพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน  จะเอารูปพระพุทธเจ้าที่ท่านนิพพานไปนานแล้ว ขอเอาพระเครื่องบ้างละ ท่านมีเหรียญบ้างไหม ท่านมีของดีบ้างไหม ยังถามแบบโง่ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ก้าวหน้าเสียเลย และก็ไม่ใช่คนชั้นน้อยนะ บางคนก็มีการศึกษา
เราอย่านึกว่าคนก็มีการศึกษามหาวิทยาลัยแล้วฉลาดทุกแง่ทุกมุม ก็ฉลาดในเรื่องที่เขาศึกษาเท่านั้น แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาทางจิตทางวิญญาณ อาจจะยังไม่ได้เรื่อง บางคนเป็นด๊อกเตอร์ยังไม่ได้ความเลย ยังไปเที่ยวทรงเจ้าเข้าผีเลอะเทอะวุ่นวายอยู่อย่างนั้นแหละ นี่เขายังไม่ได้ความอะไรเลย ไปหลงผิดทางเข้าแล้วก็หลงไปใหญ่ จะเรียกกลับมาหาพระพุทธเจ้าไม่ได้ยินแล้ว หาหลวงปู่เสียเรื่อยทีเดียว นี่แหละมันเป็นอย่างนั้น ไม่เข้าใจไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไปติดอยู่แต่เพียงเปลือกของสิ่งเหล่านั้น
 




 

Create Date : 07 มกราคม 2565
0 comments
Last Update : 7 มกราคม 2565 9:29:42 น.
Counter : 445 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space