Everything is evolving. Let it go. Anything is possible. Let's try it.
Introduction to Cymbidiums and Heat Tolerant Cymbidiums
การปลูกเลี้ยงซิมบิเดียมทนร้อนในเขตร้อน (Growing Heat Tolerant Cymbidiums in Tropical Climates)
Cymbidium Species
Heat Tolerant Cymbidium (HTC)
Phu Luang Mountain
ความคิดทะลุกรอบ (Paradigm Shift)
เขตการกระจายพันธุ์ของซิมบิเดียม
Siamese-Style Cymbidium
คุย-ถาม-ตอบ (Question & Answer)
Analysis in Cymbidium Seeds Germination
การส่งฝักกล้วยไม้เข้าแล็บปากเกร็ด ทางไปรษณีย์
Other Genus
ความทนร้อนของซิมบิเดียมแต่ละชนิด
การเลือกซื้อซิมบิเดียม
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
Mysterious Plant
Warmth Tolerant Cymbidium (WTC)
Heat Tolerance Index
หนังสือซิมบิเดียมทนร้อน (Heat Tolerant Cymbidiums)
Book: HEAT TOLERANT CYMBIDIUMS for Tropical Climates
3 Stages for Successful Blooming of Cymbidiums
สิงหาคม 2548
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
19 สิงหาคม 2548
การปลูกเลี้ยงซิมบิเดียมทนร้อนในเขตร้อน
Growing Heat Tolerant Cymbidiums in Tropical Climates
การปลูกเลี้ยงซิมบิเดียมทนร้อนในเขตร้อน
การปลูกเลี้ยงซิมบิเดียมทนร้อนในเขตร้อน
//www.pakkretfloriculture.co.th/
การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ซิมบิเดียมลูกผสมส่วนใหญ่นั้นง่ายและไม่ต้องการการดูแลสูง อาจเปรียบเทียบได้กับการเลี้ยงกล้วยไม้สกุลหวายที่คนทั่วไปสามารถปลูกเลี้ยงได้ โดยไม่ต้องใช้ความชำนาญพิเศษแต่อย่างใด กล้วยไม้ซิมบิเดียมสามารถทนแรงกระแทกจากน้ำฝนได้ดีจึงไม่จำเป็นต้องทำหลังคากันฝน
ซิมบิเดียมชอบบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทดี ไม่ชอบความชื้นในอากาศสูงนัก จึงไม่ค่อยเหมาะกับการเลี้ยงรวมกับกล้วยไม้บางชนิดที่ต้องการความชื้นสูงมากๆ และไม่เหมาะที่จะวางใต้กล้วยไม้แขวนอื่นๆ ส่วนบริเวณตุ้มรากควรได้รับความชื้นสม่ำเสมอ นั่นคือวัสดุปลูกต้องเก็บความชื้นได้ดี แต่ก็ต้องระบายน้ำได้ดีเช่นกัน
ไม่ควรวางกระถางปลูกบนดินโดยตรงเพราะอาจทำให้ติดเชื้อราบางชนิดที่ก่อให้เกิดโรคพืชได้ การวางกระถางปลูกบนพื้นที่สะอาดเช่นพื้นระเบียงหรือเฉลียงที่แห้ง สามารถกระทำได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ต้องระวังรูระบายน้ำที่ก้นกระถางไม่ควรสัมผัสพื้นโดยตรง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการอุดตันและน้ำขังบริเวณก้นกระถาง เว้นแต่จะใช้กระถางที่เจาะรูด้านข้างอีกหนึ่งรู หรือกระถางที่มีขาสั้นๆด้านล่างซึ่งช่วยไม่ให้รูที่ก้นกระถางสัมผัสกับพื้นโดยตรง แต่จะให้ดีที่สุดควรวางบนโต๊ะกล้วยไม้ และเมื่อจัดวางกระถางในที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี ไม่อับลมและไม่โดนแดดจัด การเลี้ยงซิมบิเดียมก็เป็นเรื่องง่ายดาย
- แสงและตำแหน่งที่วางกระถาง
หากปลูกเป็นเรือนกล้วยไม้ ควรใช้สะแรนพรางแสง 60-70% สำหรับซิมบิเดียมลูกผสมทนร้อนทั่วไป หากสะแรนบางกว่านี้อาจมีปัญหาใบไหม้ได้ในช่วงเดือนที่ร้อนที่สุดซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตั้งฉากโดยตรงกับพื้นที่นั้นๆเช่นเดือนเมษายนในประเทศไทย แต่ถ้าเป็นพื้นที่อื่นที่มีปริมาณเมฆและฝนค่อนข้างสม่ำเสมอทั้งปีเช่นภาคใต้ของประเทศไทยก็ ให้ใช้เปอร์เซ็นต์พรางแสงที่น้อยกว่าได้
การปลูกเลี้ยงในบริเวณสวนในบ้านควรเลือกจุดที่อากาศถ่ายเทได้ดีและไม่ถูกแดดแรงๆโดยตรง ควรมีไม้ใหญ่ที่บังแสงให้บ้างโดยเฉพาะในช่วงบ่าย แต่ไม่ถึงกับร่มทึบ อย่างไรก็ตาม ปริมาณแสงที่ซิมบิเดียมต้องการมีไม่เท่ากันขึ้นกับสายพันธุ์เช่นหากมีสัดส่วนสายเลือด C. canaliculatum มาก แสงที่ต้องการก็มีมาก และจะไม่ทนสภาวะอับชื้น แต่หากมีสัดส่วน ซิมบิเดียมจุหลัน (C. ensifolium) มากก็สามารถทนร่มและสภาวะอับชื้น ลมน้อย ได้มากกว่า และอีกข้อสำคัญคือห้ามวางวางกระถางซิมบิเดียมลูกผสมไว้ใต้กล้วยไม้แขวนอื่นๆ เพราะปริมาณแสงจะน้อยเกินไป ทำให้ซิมบิเดียมไม่ออกดอก
- กระถางและวัสดุปลูก
กระถางที่ดีที่สุดสำหรับซิมบิเดียม (ยกเว้นซิมบิเดียมพันธุ์แท้บางกลุ่มที่สร้างรากอากาศที่ชี้ขึ้น (pnuematophore) เช่น C. aloifolium, C. finlaysonianum, C. atropurpureum และ C. bicolor) คือกระถางดินเผาทึบ ทรงสูงเล็กน้อย วางตั้งได้สะดวก ไม่ล้มง่าย เนื่องจากกล้วยไม้ซิมบิเดียมที่ปลูกไว้นานจะเจริญเป็นกอใหญ่และมีน้ำหนักมาก กระถางพลาสติกไม่ค่อยเหมาะเพราะน้ำหนักเบาไม่สามารถถ่วงกับน้ำหนักของกอซิมบิเดียมได้ ทำให้ล้มได้ง่าย อีกทั้งกระถางดินเผาช่วยให้รากเย็นไม่ร้อนอับ ส่วนทรงกระถางที่ค่อนข้างสูงจะช่วยให้ซิมบิเดียมมีรากลึกยาว ส่งผลดีต่อความสมบูรณ์ของต้นและการให้ดอก สำหรับรูระบายน้ำนอกจากที่ก้นกระถางแล้วควรมีที่ด้านข้างอีก1รูจะดียิ่งขึ้นเพื่อป้องกันน้ำขังที่ก้นกระถาง
ไม่ควรใช้กระถางโปร่ง (basket) แบบที่ปลูกหวาย หรือกล้วยไม้รากอากาศอื่นๆ เพราะจะไม่สามารถรักษาความชื้นได้ อันจะทำให้ซิมบิเดียมชะงักการเจริญเติบโต ส่วนขนาดของกระถางควรเลือกให้เหมาะสมกับซิมบิเดียมต้นนั้นๆจะช่วยให้ซิมบิเดียมเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว การปลูกซิมบิเดียมควรจัดวางให้ตำแหน่งของโคนหัวอยู่ที่ระดับเดียวกับปากกระถางเพื่อช่วยในการถ่ายเทอากาศรอบๆหัว ไม่ควรปลูกให้หัวจมอยู่ในวัสดุปลูกเพราะจะทำให้หัวเน่าได้ในหน้าฝน
มักมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครื่องปลูกสำหรับซิมบิเดียมเนื่องจากหลายคนมักจัดประเภทซิมบิเดียมเป็นกล้วยไม้ดินชนิดหนึ่ง (Terrestrial Orchid) ทำให้หลายคนเข้าใจว่าสามารถใช้ดินเป็นเครื่องปลูกโดยตรง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่นานก็จะทำให้รากเจริญเติบโตช้าลง และเน่าในที่สุด เราจะเห็นผลเสียเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่อากาศร้อนและมีฝนชุก แต่การเน่าจะชะลอหากเลี้ยงในที่ๆมีอากาศหนาวเย็น
วัสดุปลูกที่ใช้ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่ปลูกเลี้ยง ไม่สลายตัวเร็ว และหาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น ถ่าน เศษดินเผา หินภูเขาไฟ หินก่อสร้างเบอร์1 มะพร้าวสับขนาดค่อนข้างใหญ่ 1-1.5 นิ้ว
สำหรับการเลี้ยงในที่ที่มี ฝนชุกมากเช่นภาคตะวันออกหรือภาคใต้ ของไทย ไม่ควรใช้มะพร้าวสับล้วนๆ แต่ต้องผสมวัสดุอื่นที่ไม่อมน้ำ แนะนำให้ใช้ โฟมและถ่านทุบเป็นก้อนเล็กๆประมาณ 1 นิ้ว ผสมกับหินภูเขาไฟ ซึ่งวัสดุปลูกดังกล่าวจะช่วยระบายน้ำได้ดีแม้ในยามที่ฝนตกชุกมาก หรืออาจใช้ถ่านผสมกับหินภูเขาไฟล้วนๆก็ได้
สำหรับการเลี้ยงในที่ๆฝนไม่ชุก เช่นภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ ของไทย ก็ควรมีมะพร้าวสับหยาบเป็นส่วนผสมด้วยจะช่วยให้เก็บความชื้นได้นานทำให้รากเดินเร็ว โดยอาจใช้ใยมะพร้าวสับหยาบขนาด 1-1.5 คลุกผสมกับถ่านหรือเศษกระถางทุบขนาด 1นิ้ว
แต่ในระยะหลังมะพร้าวสับมีคุณภาพแย่ลงเรื่อยๆคือผุเร็ว และอุ้มน้ำมากเกิน
ไปเนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้มะพร้าวไม่ออกลูก ผู้ผลิตจึงต้องเอาลูกมะพร้าวที่ยังไม่แก่จัดมาทำ ทำให้มะพร้าวสับไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในปัจจุบัน เพราะเพียงไม่ถึงปีมะพร้าวก็ผุหมดแล้ว ทำให้รากเน่า จึงขอแนะนำให้ใช้หินภูเขาไฟ ผสมหินก่อสร้างเบอร์1 และถ่าน เท่าๆกัน
ไม่ควรใช้เปลือกสนเป็นวัสดุปลูกเว้นแต่ว่าจะปลูกในเขตหนาวเย็น เช่นบนดอยสูง เพราะเปลือกสนจะอบและเก็บความร้อนทำให้รากเน่าเมื่อนำมาปลูกในเขตร้อน
เครื่องปลูกในกระถางที่อยู่มานานกว่า 3-5 ปี ควรได้รับการเปลี่ยนใหม่ ไม่เช่นนั้นภาวะเป็นกรด (PH ต่ำ) ในวัสดุปลูก จะทำอันตรายกับระบบราก ทำให้ต้นซิมบิเดียมชะงักงัน ไม่เติบโตเท่าที่ควรและอาจถึงกับไม่ให้ดอก วิธีการหนึ่งที่ช่วยชะลอไม่ให้ค่าความเป็นกรด-ด่าง ตกลงเร็วเกินไป คือให้ผสมหรือคลุกเคล้าวัสดุปลูกด้วย Dolomite ซึ่งปกติใช้เป็นวัสดุปรับปรุงคุณภาพดิน ประกอบด้วยธาตุแคลเซียม และ แมกนีเซียม จะทำให้ต้นกล้วยไม้สมบูรณ์แข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน ให้ดอกดีขึ้นและช่วยลดโอกาสการเกิดโรคราและแบคทีเรียซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดมาจากสภาวะเป็นกรด (PH ต่ำ) ในวัสดุปลูก
สำหรับซิมบิเดียมที่เพิ่งย้ายออกขวด ควรล้างวุ้นออกให้หมด ชุบยากันเชื้อรา แล้วนำไปชำในกระบะทรายหยาบ หรือ ขี้เถ้าแกลบ ไม่ควรผึ่งในตระกร้าโปร่ง หรือ กระถางคอมพ็อต ที่ไม่มีวัสดุปลูกชำ เพราะจะแห้งตายหมด เมื่อซิมบิเดียมตั้งตัวได้และแข็งแรงดีให้ย้ายลงกระถาง 3-4 นิ้ว โดยมีวัสดุปลูกเป็นมะพร้าวสับขนาด 0.5 1 นิ้ว และอาจผสมเศษโฟมป่นอีกเล็กน้อย และเมื่อต้นโตเต็มกระถางจึงย้ายลงกระถางที่ใหญ่กว่าเพื่อเลี้ยงต่อไปจนออกดอก
- โรคและแมลง
โรคและแมลงในซิมบิเดียม ส่วนใหญ่ก็เหมือนกับในกล้วยไม้สกุลอื่นๆสามารถใช้ยาพื้นๆที่ใช้กับกล้วยไม้กลุ่มอื่นได้ เช่น ใช้ออร์โธไซด์ (แคปแทน) เป็นยาป้องกันและกำจัดเชื้อรา และใช้คาร์บาริล (เซฟวิน) เป็นสารกำจัดและไล่แมลงที่มารบกวน ในที่นี้จะกล่าวถึงโรคและแมลงที่มักพบบ่อยๆในซิมบิเดียม
1) ไรแดง (Red Spider Mites) พบได้ง่ายเพราะลักษณะของใบซิมบิเดียมบาง ยาว เหมาะเป็นที่อยู่ของไรแดง อาการที่พบคือต้นหยุดชะงัก ใบซีดเหลืองหรือเป็นสีเงินขาว ใบดูแห้ง เมื่อพลิกใต้ใบพบรอยใยขาวๆ และอาจเห็นไรแดงตัวเมียสีแดงเดินไต่ไปมา การระบาดเป็นไปได้ค่อนข้างเร็วโดยเฉพาะในหน้าแล้ง เมื่อพบปัญหาดังกล่าว ให้ใช้ยาโพรพาไกต์ (โอไมท์) ฉีดสลับกับ ไพริดาเบน ทุกๆ 7 วัน โดยเน้นฉีดที่ใต้ใบ ทั้งนี้ไรแดงสามารถเป็นพาหะของโรคไวรัสได้
(รูปไรแดง)
2) โรคยอดเน่าที่ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มักพบในหน้าฝน การถ่ายเทอากาศไม่ดี มีการวางกระถางรวมกันแน่น และสภาวะเป็นกรด (PH ต่ำ) ในเครื่องปลูก หน่อใหม่จะเน่าตายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเปียก สามารถดึงหลุดออกมาได้ง่าย เมื่อพบต้นที่เป็นโรคดังกล่าวให้แยกออกมา และงดการให้น้ำประมาณ 1 สัปดาห์ หรือไม่ก็เปลี่ยนเครื่องปลูกใหม่ทั้งหมด
ข้อที่น่าสังเกตคือในกระถางที่มีมดมาทำรังมักพบปัญหานี้มาก อาจเป็นเพราะดินที่มดนำมาสร้างรังนำเชื้อแบคทีเรียโรคเน่ามา ฉะนั้นจึงควรกำจัดมดที่มาทำรังในกระถางให้หมดไป
3) โรคยอดเน่าที่เกิดจากเชื้อราที่มาจากดิน ซึ่งส่วนมากเกิดจากเชื้อรากลุ่ม Fusarium จะมีอาการเน่าที่ยอดอ่อนคล้ายที่เกิดจากแบคทีเรีย แต่อาการเน่าจะแห้ง มักพบการระบาดในหน้าฝน หรือที่ๆการระบายอากาศไม่ดี ก่อใหญ่แน่นเกินไป และสภาวะเป็นกรด (PH ต่ำ) ในเครื่องปลูก เมื่อพบปํญหาดังกล่าวควรแยกต้นที่เป็นโรคออกและฉีดพ่นด้วย ยาเทอราคลอ หรือไม่ก็เปลี่ยนเครื่องปลูกใหม่ทั้งหมด และระวังไม่ให้เครื่องปลูกปนเปื้อนด้วยดิน
(รูปยอดเน่าแห้ง)
4) โรคไวรัสในกล้วยไม้ ปัจจุบันมีหลายชนิด แต่ชนิดที่พบบ่อยในซิมบิเดียมได้แก่ Cymbidium Mosaic Virus(CyMV) และ Odontoglossum Ringspot Virus (ORSV)
ซิมบิเดียมที่ติดโรคไวรัสอาจแสดงอาการหรือไม่แสดงอาการก็ได้ และต้นกล้วยไม้ยังสามารถเติบโตและให้ดอกได้ต่อไป แต่การเติบโตและการให้ดอกจะลดลง อาการที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคืออาการด่างเป็นหย่อมๆบนใบ (chlorosis) อันเนื่องมาจากการขาดคลอโรฟิล รองลงมาเป็นอาการสีด่างเป็นหย่อมๆบนกลีบดอก
เมื่อพบต้องนำต้นไปทำลายเพราะไม่สามารถรักษาได้
การป้องกันการติดต่อและแพร่ระบาดของไวรัสในกล้วยไม้สามารถทำได้ไม่ยากหากเข้าใจกลไกการแพร่กระจายและสภาวะที่เหมาะสมต่อการมีชีวิตอยู่ของไวรัส
การป้องกัน
มีดและกรรไกรต้องเผาไฟหรือเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก่อนใช้ตัดแต่งชิ้นส่วนของกล้วยไม้แต่ละต้น
ไม่นำน้ำที่ผ่านการรดกล้วยไม้แล้วกลับมาใช้รดกล้วยไม้อีก
ควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของแมลงที่ใช้ปากดูดน้ำเลี้ยงเช่น ไรแดง เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน
ดูแลบริเวณที่ปลูกเลี้ยงให้มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีแสงสว่างที่เหมาะสม ไม่มีมุมมืดอับชื้น
ไม่นำเกสรของต้นที่สงสัยว่าอาจติดไวรัสมาผสมลงบนต้นอื่น
ไม่นำกระถางเก่าและเครื่องปลูกเก่าที่ใช้แล้วกลับมาใช้อีก
5) เพลี้ยต่างๆ เช่นเพลี้ยไฟ (Thrips) และเพลี้ยอ่อน (Aphids) มักเข้ามาดูดน้ำเลี้ยงรอบๆดอกอ่อน ทำให้รูปทรงดอกเสียหายและสีซีดจาง สามารถป้องกันและกำจัดได้ด้วยการฉีดพ่นด้วยสารกำจัดแมลงเช่น คาร์บาริล (เซฟวิน) เมโทมิล (แลนเนท) หรือ มาลาไธออน ทุกๆ 2-3 สัปดาห์
- การให้น้ำและปุ๋ย
ซิมบิเดียมลูกผสมส่วนใหญ่ไม่อ่อนไหวต่อคุณภาพน้ำ มีความทนทานต่อน้ำที่มีระดับ EC (Electroconductivity) ที่สูงกว่ากล้วยไม้ทั่วไปจะทนได้ โดยเฉพาะในสายพันธุ์ที่ีมีเลือดผสมมาจากซิมบิเดียมพันธุ์แท้ที่เป็นกลุ่มกล้วยไม้ดิน (Terrestrial) ค่อนข้างมาก
การให้น้ำสามารถให้ทุกวันหรือเว้นหลายวันก็ได้ขึ้นกับชนิดของวัสดุปลูกรวมทั้งความชื้นในอากาศและปริมาณฝนที่ตก ในวันที่ร้อน อากาศแห้งและไม่มีฝน การให้น้ำเพียงครั้งเดียวในตอนเช้าก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ซ้ำอีกในตอนบ่าย
การให้ปุ๋ยสามารถให้ปุ๋ยทางใบเหมือนกล้วยไม้ทั่วไป และควรให้ปุ๋ยละลายช้าเช่น นูตริโค้ท หรือ ออสโมโค้ท โรยบนหน้าวัสดุปลูกด้วยจะช่วยให้เจริญเติบโตเร็วขึ้น สำหรับในช่วงที่ใกล้จะถึงฤดูให้ดอก ควรให้ธาตุอาหารเสริมแมกนีเซียม (Mg) จะช่วยให้มีการให้ดอกดียิ่งขึ้นและพร้อมเพรียงมากขึ้น
- การดูแลในช่วงที่กำลังแทงช่อดอก
โดยปกติสภาวะที่จะกระตุ้นให้เกิดตาดอกและการยืดตัวของช่อดอกของซิมบิเดียมลูกผสมเมืองหนาวมักจะต้องการอุณหภูมิกลางคืนที่ต่ำเป็นปัจจัยหลักและอุณภูมิในตอนกลางวันที่สูงขึ้นอีกอย่างน้อย 10 องศาหรือมากกว่า ส่วนซิมบิเดียมทนร้อนส่วนใหญ่แล้วไม่ต้องการปัจจัยด้านอุณหภูมิที่เด่นชัดเช่นนั้น แต่จากการที่ซิมบิเดียมทนร้อนมีความหลากหลายของระดับความทนร้อน ทำให้แต่ละสายพันธุ์ทนร้อนมีความต้องการปัจจัยด้านอุณภูมิต่ำมากบ้างน้อยบ้างหรือไม่ต้องการเลยแตกต่างกันไป
ในช่วงที่ช่อดอกกำลังโผล่พ้นกาบหุ้มดอก ไม่ควรย้ายที่บ่อยครั้ง แต่อาจย้ายมาไว้บริเวณที่แสงน้อยลงอีกเล็กน้อย หรือเพิ่มสะแรนพรางแสงให้มากขึ้นเพื่อลดความร้อน จะช่วยลดปัญหาดอกฝ่อได้มาก และหากออกดอกในช่วงฝนชุกมากๆ อาจย้ายมาไว้ใต้หลังคากันฝนจะทำให้ดอกไม่ช้ำ และช่วยให้บานทนนานขึ้น
- การขยายพันธุ์ด้วยการแบ่งกอ
เมื่อกอซิมบิเดียมขยายหน่อจนเต็มแน่นกระถาง บางกอก็ดันจนกระถางแตกร้าว บางกอก็ดันจนตุ้มรากลอยขึ้นมา แสดงว่าได้เวลาเปลี่ยนกระถางและแบ่งหน่อแล้ว หรือหากพบว่าซิมบิเดียมชะงักการเจริญเติบโตและไม่ค่อยให้ดอก ซึ่งมักมีปัญหามาจากระบบรากที่เร่ิมเสื่อมอันเนื่องมาจากสภาวะเป็นกรดจัดในเครื่องปลูกที่อยู่มานานหลายปีแล้ว ก็เป็นสัญญาณให้เปลี่ยนกระถางและแบ่งกอในคราวเดียวกันเสียเลย
โดยปกติตุ้มรากที่สมบูรณ์จะแน่นมากจนต้องใช้มีดใหญ่หรือเลื่อยช่วยในการตัดแบ่ง ระหว่างที่ตัดแบ่งก็คอยแกะเอาเครื่องปลูกเก่าออก ตัดรากที่เสียและแห้งทิ้งไป จะช่วยทำให้การตัดแยกสะดวกง่ายขึ้น
การแบ่งควรแบ่งเป็นกอๆละ 3-4 ลำติดกันเป็นอย่างน้อย โดยให้มีลำใหม่ที่กำลังโตติดมาด้วย ทารอยตัดด้วยปูนแดงหรือยาป้องกันเชื้อราที่รอยตัด ส่วนหัวเก่า (backbulb) ที่ไม่มีใบติดแล้วและเปลือกหุ้มแห้งกลายเป็นสีน้ำตาล ก็สามารถนำมาชำในกระบายทรายหยาบผสมขี้เถ้าแกลบ ในเวลาไม่นานก็จะมีหน่ออ่อนเจริญขึ้นมา รอดูว่าเมื่อหน่อนั้นแข็งแรงดีก็สามารถนำไปลงปลูกในเครื่องปลูกซิมบิเดียมตามปกติได้
การแบ่งกอและปลูกใหม่ควรทำในช่วงฤดูที่ซิมบิเดียมเพิ่งเริ่มกลับสู่วงจรการเติบโตอีกครั้ง โดยทั่วไปมักเป็นต้นฤดูฝนในเขตร้อนหรือปลายฤดูใบไม้ผลิเมื่ออากาศอุ่นขึ้นอย่างชัดเจนในเขตกึ่งร้อน จะช่วยให้ซิมบิเดียมฟื้นตัวได้เร็วและสามารถให้ดอกได้อีกในปีถัดไป ไม่ควรทำการแบ่งหน่อหรือปลูกใหม่ในช่วงฤดูหนาวหรือปลายฝนเพราะจะเป็นการเสียเวลาเนื่องจากซิมบิเดียมอยู่ในช่วงพักตัวหรือกำลังเข้าสู่ระยะพักตัว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
//www.pakkretfloriculture.co.th/
Create Date : 19 สิงหาคม 2548
Last Update : 26 พฤษภาคม 2554 16:07:39 น.
19 comments
Counter : 13244 Pageviews.
Share
Tweet
เข้ามารับความรู้ค่ะ ชอบนะคะแต่ยังไม่ค่อยจะกล้าเลี้ยงค่ะไว้ศึกษาอีกหน่อยก่อน เพราะกะเรกะร่อนที่เลี้ยง..ป
กกะต้นมะม่วงไม่เคยได้ดอกเลยหลายปีแล้วค่ะ คงร่มไปมั้งคะ ไม่ค่อยได้แดดด้วยและไม่มีเครื่องปลูกใดๆเลย
เลยมาศึกษาก่อน...
โดย: anlee IP: 202.21.144.7 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:29:50 น.
มารับความรู้ด้วยคนค่ะ src=https://www.bloggang.com/emo/emo35.gif>
มิน่าล่ะ กอที่บ้านถึงไม่งาม เพราะปลูกใช้ถ่านล้วน ๆ สงสัยจะแห้งไป src=https://www.bloggang.com/emo/emo7.gif>
รากก็ไม่ค่อยเดิน เดี๋ยวจะหากาบมะพร้าวสับมาผสมบ้าง
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ
โดย: Lazy caT IP: 61.91.143.4 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:52:53 น.
ของคุณครับ เด๋วไปเปลี่ยนเครื่องปลูกใหม่และ
โดย: หมอกฝน IP: 58.9.154.6 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา:23:58:37 น.
แวะมาหาข้อมูลก่อนปลูกค่ะคุณสำเภางาม ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆน่ะค่ะ
โดย: ก้านตอง IP: 202.28.49.10 วันที่: 1 ธันวาคม 2548 เวลา:9:59:51 น.
เข้ามาอ่านอีกที เมื่อวานเผลอใจเป็นลูกค้าปากเกร็ดฯ ไปซะแล้วครับ
โดย: น้าโหด IP: 203.113.67.7 วันที่: 4 ธันวาคม 2548 เวลา:18:44:15 น.
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ เลี้ยงผิดหมดเลย ของผม
โดย: ลุงหนวด IP: 58.136.98.168 วันที่: 17 ธันวาคม 2548 เวลา:10:55:59 น.
ได้ความรู้เพิ่มเติมในการปลูกเลี้ยงสำเภางามเยอะเลยอยากได้หนังสือเพิ่มเติมที่บ้านบ้านนอกจริงๆ
โดย: ครูหน่อย IP: 203.172.255.150 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:22:36 น.
55
โดย: oo IP: 203.158.118.15 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:15:07 น.
ใช้เครื่องปลูกรองท้าวนารีที่นำเข้าก็ดีนะ รากเดินดี เย็น ออกหน่อเยอะมาก
โดย: สุดสวย IP: 58.11.49.74 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:21:09 น.
จะรีบไปปฏิบัติกับเจ้าต้นที่บ้านโดยด่วน ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
โดย: YingPla IP: 58.136.224.169 วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:02:10 น.
มาเอาความรู้ถึงบล๊อกเลย ครับ ขอบคุณครับ
โดย: jeabnun (
jeabnun
) วันที่: 1 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:48:51 น.
ได้รับความรู้ดีมากคับ จะลองไปเลี้ยงดูบ้าง
โดย: ไอยเรศแดง IP: 203.157.14.245 วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:23:52:29 น.
อยากได้สำเภางามสักขวดหาได้ที่ไหนอะคับ มีป่าว
โดย: โอ IP: 203.113.77.8 วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:21:16:53 น.
สำเภางามต้องปลูกเขตหนาวๆครับ ที่ราบภาคกลางนี่ตายหมด
ลองเลี้ยงลูกผสมทนร้อนที่มีสำเภางามเป็นพ่อดีกว่าครับ
มีขวดขายพอดี จุหลัน x สำเภางาม
สนใจก็ e-mail มาได้ครับ
โดย: สำเภางาม IP: 202.5.83.194 วันที่: 24 ธันวาคม 2549 เวลา:14:40:14 น.
คุณสำเภางามครับ
น้องซิมบิเดียมที่เอาออกจากขวดเนี่ย ใช้ทรายอย่างเดียวเลยหรือครับ บอกรายระเอียดเป็นวิทยาทานอีกหน่อยนะคัรบ ผมเพิ่งจะราบว่าเขาใช้ทรายกัน เราต้องเอาอะไรใส่ทรายด้วยใหมคัรบ แล้วถ้าเราปลูกในทรายจนโตเลยได้ใหมคัรบ
แล้วซิมบิเดียมพวกสำเภางามกะลูกๆผสมของเค้า ต้องปลูกแบบที่คุณสำเภางามบอกไว้ข้างบนหรือเปล่าครับ ผมเคยเห็นในป่าเขาขึ้นในดินเลยอ่ะ ไม่รู้ใช่ชนิดเดียวกันหรือเปล่าแต่คนเดินป่าเขาบอกต้นสำเภางาม มันขึ้นในดินเลย
ปล. มีไม้ขวดสำเภาเขตร้อน สวยๆ ก็เมลล์มาแนะนำผมได้นะครับ ผมชอบแบบก้านช่อยาวๆตั้งๆคับ (ปลูกกล้วยไม้มาก็นานแล้ว แต่ตระกูลนี้ฝีมือยังอ่อนแอมากเลยคับ แต่บังเอ็ญเป็นคนชอบลองของครับ 555)
โดย: jesadaz@hotmail.com IP: 203.150.148.101 วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:16:02:26 น.
คุณสำเภางามครับ แล้วพวกออนซิเดียมจะใช้วิธีปลูกแบบนี้ได้เหมือนกันหรือเปล่าครับ
ไว้ไปจตุจักรคราวหน้าจะแวะไปอุดหนุนครับ ร้านอยู่ตรงแถวๆ สถานีรถไฟฟ้าใช้หรือเปล่าครับ
โดย: หนึ่ง (
เด็กคลอง
) วันที่: 8 มกราคม 2550 เวลา:15:27:28 น.
ปกติ ซิมที่เพิ่งออกขวด ผมจะปลูกในขี้เถ้าแกลบ เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าสะอาดหน่อยเนื่องจากผ่านความร้อนมาแล้ว และปลูกรวมกันในกระบะ หรือตะกร้าที่ก้นตะกร้ารองด้วยสะแรน
ปลูกในดินจริงๆจะไม่งาม แต่ก็สามารถปลูกได้ในที่หนาวๆหน่อย แต่ถ้าปลูกที่พื้นราบ อากาศร้อนๆ พอมาเจอฝนก็จะเน่าหมดครับ
ในธรรมชาติสำเภางามจะขึ้นบนพื้น แต่พื้นตรงนั้นไม่ใช่ดิเหนียว แต่เป็นกรวดทรายผสมกับเศษซากฮิวมัสที่ผุพังแล้ว และตื้นๆ
ไม้ขวดลองดูที่นี่ได้ครับ สนใจตัวไหนก็เมล์มาครับ //www.pakkretfloriculture.co.th/products.asp
โดย: สำเภางาม IP: 202.5.80.184 วันที่: 9 มกราคม 2550 เวลา:12:39:56 น.
ออนซิเดียมไม่ควรปลูกแบบนี้ครับ เพราะว่าออนซิเดียมเป็นรากอากาศ ต้องมีที่ให้เกาะ เช่นลูกอัดมะพร้าว แผ่นไม้ หรือถ่านกอ้นใหญ่ๆ ในกระถางรูพรุน
โดย: สำเภางาม IP: 124.121.93.190 วันที่: 9 มกราคม 2550 เวลา:15:14:12 น.
ช่วยแนะนำร้านจำหน่ายซิมบิเดียม ราคาเบาๆ ให้หน่อยครับ
โดย: บอม IP: 110.78.184.142 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2564 เวลา:15:44:53 น.
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สำเภางาม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
ถ้าชอบซิมบิเดียม และอยู่เมืองร้อน ก็ต้องมาอ่านบล็อคนี้ครับ
surgery
Cafe`tea
otonil
เหลืองจันท์
น้าโหด
ปาปิลัน
ลิงเล
shintaro
เสือจุ่น
บานาน่า
---> พิ
ดา ดา
ศูนย์สองหก
Carlziess Lens
JUNGLE MAN
d-k
Athlons
กิตติพันธุ์
Oatz
กิ่งไม้ไทย
สมภพ เจ้าเก่า
maip
สเตอร์ลิงค์
...ณ มิตร...
น้องหอมแดง
peeko
BAYROCKU
น้ำจืด
สายเดี่ยว โจงกระเบน
Hibiscus
Magnificum
Qing Ling
Bp_Ps_29
PRY Orchids
appendiculata191
doyngam
Webmaster - BlogGang
[Add สำเภางาม's blog to your web]
กรมอุตุนิยมวิทยา
ผลการแข่งขันเทนนิสล่าสุด
Thailand Open
BIOTEC Thailand
อุทยานแห่งชาติ
วิทยุล้านนา
Mukoyama Orchids
Royale Orchids (Cymbidium)
ATP Rankings
Pakkret Floriculture
Hatfield Orchids
วิปัสสนากรรมฐาน
Dictionary
International Cymbidium Alliance
ยุวพุทธิกสมาคม
เพลงสาวเจียงใหม่
University of Denver
Australian Open
Cymbidium Blog by Chuckie
Eric in San Francisco (Orchids)
Bloggang.com
กกะต้นมะม่วงไม่เคยได้ดอกเลยหลายปีแล้วค่ะ คงร่มไปมั้งคะ ไม่ค่อยได้แดดด้วยและไม่มีเครื่องปลูกใดๆเลย
เลยมาศึกษาก่อน...