|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
การสร้างจิตสำนึกของความเป็นเจ้าของ vs การสร้างจิตสำนึกในความรับผิดชอบ
เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้มีโอกาสเป็นผู้ประสานงานโครงการกิจกรรม QCC ( Quality Control Circle ) ให้กับบริษัทฯ แห่งหนึ่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจมาประมาณกว่า 30 ปี โดยกิจกรรมดังกล่าวนี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างจิตสำนึกในเรื่อง การทำงานอย่างมีคุณภาพ ในทุกส่วนงาน ซึ่งเชื่อได้ว่าในหลายๆ องค์กร คงได้เคยจัดกิจกรรมดังกล่าวนี้ จากการสอบถามจากผู้รับผิดชอบโครงการกิจกรรม QCC ( ประธานโครงการฯ ) แจ้งให้ผมทราบว่า กิจกรรมดังกล่าวนี้ ได้จัดมาแล้ว ประมาณ 4 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 และนอกจากนี้ผมยังได้รับคำบ่นในเชิงตัดพ้อต่อว่าองค์กรจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ หลายๆ ท่านจะบ่นว่า งานประจำก็เยอะอยู่แล้ว ทำแทบจะไม่ไหวทำงานล่วงเวลา และวันอาทิตย์ก็เกือบแทบจะทุกอาทิตย์เลย ไม่รู้ทำไมกิจกรรมอะไรต่างๆ ในบริษัทฯ ถึงมากมายขนาดนี้ บริษัทฯ ไม่เห็นใจพนักงานบ้างเลยหรือ?
องค์กรของท่าน เคยประสบปัญหาดังกล่าวข้างต้นนี้ไหมครับ? มีกิจกรรมดีๆ โครงการดีๆ ระบบดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับองค์กรและพนักงานที่นำมาใช้ในบริษัทฯ ของท่านและบริษัทฯ ชั้นนำของโลก เช่น TQM, Kaizen, 5 s, Balance Scorecard, Key Performance Indicators, Six Sixma, Lean Production ฯลฯ แต่พนักงานกลับรู้สึกว่า เป็นเรื่องของภาระ เป็นการเพิ่มปริมาณงาน ( แต่เงินเดือนไม่เพิ่ม ) ทำให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนและทำงานไม่สะดวก ซึ่งท่านเองก็อาจจะเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน พูดง่ายๆ คือ ทำไมระบบดีๆ จึงไม่ประสบความสำเร็จหรือทำไมระบบดีๆ จึงสำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในระยะยาวก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่อยู่เสมอๆ?
จากรายละเอียดดังกล่าวข้างต้น ผมกำลังจะสรุปประเด็นที่จะนำเข้าในเรื่องของ การสร้างจิตสำนึกของความเป็นเจ้าของ vs การสร้างจิตสำนึกในความรับผิดชอบ ครับ ถามว่าหัวข้อ ของบทความนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับการตัดพ้อต่อว่าของพนักงานผู้เข้าร่วมกิจกรรม QCC กับความสงสัยขององค์กรในความคาดหวังความสำเร็จของระบบดีๆ ที่นำมาใช้ปฏิบัติในองค์กร เกี่ยวข้องกันอย่างนี้ครับ เจ้าของกิจการ / นายจ้าง / CEO / กรรมการผู้จัดการ หรือผู้บริหารในองค์กรทุกองค์กร มักจะมีเป้าหมายในใจว่า เราจะต้องสร้างความรู้สึกของความเป็นเจ้าของให้เกิดขึ้นในใจของพนักงาน พนักงานจะต้องคำนึงถึงต้นทุนในการผลิต พนักงานจะต้องคำนึงถึงคุณภาพในการทำงาน โดยแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนทั้งในทางทฤษฎีและในทางปฏิบัติ ซึ่งแตกต่างจากพนักงานหรือมนุษย์เงินเดือนที่มักจะบอกกับ เจ้าของกิจการ / นายจ้าง / CEO / กรรมการผู้จัดการว่า เป็นไปไม่ได้ครับ / ค่ะ ที่จะผม / ดิฉัน มีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือบริษัทฯ เพราะในความเป็นจริง เราเป็นเพียงแค่ ลูกจ้าง เท่านั้น จึงเกิดความรู้สึกขัดแย้งหรือสวนทางกันอยู่ตลอดเวลา ระหว่าง นายจ้างหรือผู้บริหาร กับลูกจ้างหรือพนักงาน จึงทำให้เกิดการตัดพ้อ ต่อว่าองค์กร และเกิดความสงสัยในความสำเร็จของระบบที่ใช้บริหารในองค์กรอื่นแล้วประสบความสำเร็จ แต่ไม่ประสบความสำเร็จในองค์กรของตนเอง
ผมนำเสนอความคิดเห็นอย่างนี้ครับ แน่นอนว่า การสร้างจิตสำนึกในความเป็นเจ้าของของนายจ้างหรือผู้บริหาร ก็เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่พนักงานทุกคนหรือลูกจ้างทุกคน ควรจะได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เริ่มชีวิตการทำงานในสถานประกอบการทุกๆ แห่ง แต่อย่าลืมนะครับว่า ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น นายจ้างหรือผู้บริหารก็ไม่สามารถที่จะทำให้ลูกจ้างหรือพนักงาน ทุกคน เปลี่ยนสถานภาพมาเป็นเจ้าของกิจการได้ ( ยกเว้นบางองค์กร ซึ่งมีเป็นส่วนน้อยมาก ) จึงเป็นแผนในระยะยาว ที่นายจ้างหรือฝ่ายบริหารจะต้องสร้างความรู้สึกของความเป็นเจ้าของร่วมกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลในองค์กร และกำหนดดัชนีชี้วัดให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมได้ โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่ง่ายๆ ก่อน เช่น เมื่อพนักงานเห็นมีเศษกระดาษทิ้งลงพื้น พนักงานก็จะเก็บเศษกระดาษลงทิ้งถังขยะทันที นายจ้างหรือผู้บริหารก็จะต้องแสดงความชื่นชมหรือชมเชย พนักงานท่านนั้นอย่างทันทีทันใด หรือเวลาพักกลางวัน พนักงานทุกฝ่ายก็ช่วยกันปิดไฟ ปิดแอร์ หรือปิดพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ทำอย่างนี้เป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งนายจ้างหรือฝ่ายบริหาร ก็จะต้องแสดงความขอบคุณกับสถานการณ์นี้ทันที อย่านิ่งเฉย ก็จะสามารถสั่งสมความรู้สึกของความเป็นเจ้าของให้กับพนักงานได้อย่างยั่งยืน
แต่ถ้านายจ้างหรือผู้บริหาร คิดว่า การสร้างความรู้สึกของความเป็นเจ้าของ อาจจะต้องใช้ระยะเวลาอันยาวนาน และพิสูจน์ค่อนข้างยากแล้ว ผมแนะนำให้ท่านปลูกฝังหรือเน้นในเรื่องของความรู้สึกในความรับผิดชอบของพนักงาน หรือลูกจ้างครับ เพราะเป็นสิ่งที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น หรือเห็นผลได้เร็วกว่าความรู้สึกของความเป็นเจ้าของครับ เพราะโดยพื้นฐานของลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนแล้วนั้น ย่อมจะไม่มีใครที่อยากจะตกงาน หรือหากเข้าทำงานแล้ว โดยส่วนใหญ่ก็จะมีความรู้สึกที่จะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว จึงเป็นการง่ายต่อการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวนี้ครับ
ผู้เขียนบทความ : สมชาย หลักคงคา E-mail : Somchailak@hotmail.com
Create Date : 04 กันยายน 2551 |
Last Update : 4 กันยายน 2551 13:23:09 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1787 Pageviews. |
|
|
|
โดย: T........ IP: 116.58.231.242 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:14:29:09 น. |
|
|
|
โดย: อันดา คุง วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:0:11:44 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]
|
| | | | สวัสดีครับ blog ที่คุณอ่านนี้มีวัตถุประสงค์ ก็เพื่อแนะนำตัวเราซึ่งมีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษา และวิทยากร เกี่ยวกับงานด้าน HRM และ HRD และอีกด้านหนึ่งคืองานด้านMKTหากท่านใดสนใจในงานHR & MKT เช่นเดียวกับเรา ก็ขอเชิญมาแลกเปลี่ยน ความรู้และประสบการณ์ ร่วมกันจะยินดีมากขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน ความรู้และประสบการณ์ของเรา Somchai Lakkongka. 081-6529843 somchailak1@hotmail.com | | | | |
|
|
สวัสดีครับ ผมอาจารย์ สมชาย หลักคงคา เป็นวิทยากรที่ปรึกษาให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์ในการบริหารงานฝึกอบรม ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการวิเคราะห์หาความจำเป็นในการฝึกอบรม การออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรม ดำเนินการจัดอบรม และประเมินผลงานการฝึกอบรม โดยจะมุ่งเน้นผลสำเร็จด้วยกระบวนการ Training & Coaching ซึ่งเป็นการให้บริการฝึกอบรมแบบครบวงจร ตั้งแต่การค้นหาความจำเป็นในการฝึกอบรม การวางแผนการพัฒนารายบุคคล การออกแบบหลักสูตรให้ตรงกับธุรกิจ และลักษณะขององค์กร
อ.สมชาย หลักคงคา
somchailak1@hotmail.com
081-6529843
|
|
|
|
|
|
|
|