เย้..yeah..กำลังจะปิดบ้านไปลำคลองงูค่ะ
weekend นี้ กำลังจะหนีร้อน(โค..ตะระ..ร้อน)จากเมืองหลวง ปิดบ้านไปเที่ยวลำคลองงู จ.กาญจนบุรี ค่ะ ยังไม่ทราบรายละเอียดใดทั้งสิ้น...ว่านอนที่ไหน ลำคลองงูเป็นไง?? รู้แต่ว่า...ต้องลุยน้ำเข้าไป..เปียกๆ เข้าไปในถ้ำมืดๆ เพราะไอ้เพื่อนหัวหน้าทัวร์ครั้งนี้ บอกให้ไปหาไฟฉายคาดหัว แบบไฟฉายหากบนั่นแหละ มาเตรียมไว้เพื่อไปส่องเสาหินที่หย่าย..ยย ที่สุดในโลกแน่ะ..!!! อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม ก็มีกางเกงแบบแห้งเร็ว รองเท้ารัดส้น กล้องถ่ายรูป วิทยุสื่อสาร O.K accessories พร้อม...ใจพร้อม..ร่างกาย..เอ่อ.. เหลืออีก 3-4 วันต้องไปฟิตซะหน่อยแหล้ว...........................................................................................กลับมาแล้วจ้า...กลับมาพร้อมความประทับใจ..รอยฟกช้ำตามร่างกาย และยาคลายกล้ามเนื้อ..hahahขอบันทึกความทรงจำไว้หน่อยนะ...............................กว่าจะรวมทีมกันได้ ก็ปาไป 2 ทุ่มกว่าๆของคืนวันศุกร์ที่ 24 มีนา นับไป นับมา ก็ได้พรรคพวกรวม 8 ชีวิต ไม่ใช่ใครที่ไหน....เพื่อนเก่า ที่ยังไม่แก่ แต่รักการเที่ยวแต่ไหนแต่ไร..เราใช้รถเพียงคันเดียว บางคนก็ต้องนั่งท้ายกระบะที่แน่นไปด้วยเป้เสื้อผ้า เต็นท์(ของเพื่อน) อุปกรณ์ยังชีพต่างๆ แต่การเดินทางตอนกลางคืนก็ดีไปอย่างคือนั่งท้ายรถก็ไม่ร้อน ยิ่งช่วงออกนอกเมือง ขึ้นเขา ท้องฟ้าเคลียร์ เห็นดาวชัดเจน ลมพัดเย็นๆ ก็มีความสุขไปอีกแบบ แต่ความสุขของการนั่งท้ายกระบะสิ้นสุดลงเมื่อถึงทางแยกเลี้ยวเข้าอุทยานลำคลองงู (ใช้เส้นทางสู่อำเภอสังขละบุรีประมาณ 30 กิโลเมตรจากแยกเข้าอำเภอทองผาภูมิ) ก็เพราะว่ารถของเราขับตามรถของอีกคณะหนึ่ง ซึ่งเรามาแจมๆกับเค้าใน trip นี้ เส้นทางที่ไม่ได้ราบเรียบ แถมฝุ่นตลบจากรถคันหน้า ทำให้การดูดาวต้องหยุดลง แล้วมุดใต้ผ้าห่มตลอดเกือบ 30 กิโลเมตร ก็สนุกไปอีกแบบนะเนี่ย กว่าเราจะมาถึงที่ทำการอุทยานก็ปาเข้าไป เกือบๆตีสามแล้ว มองซ้าย มองขวามืดไปหมด เจ้าหน้าที่ป่าไม้คอยยืนชี้จุดกางเต็นท์ให้...พระเจ้าช่วย... ...ไม่ได้เอาเต็นท์ของตัวเองมา..ด้วยความเข้าใจผิดจากการพูดกะไอ้เพื่อนตัวแสบ..แต่เราคงผิดเองแหละเพราะชาวบ้านเค้าเอามากันครบ...ยกเว้นเรา ไม่เป็นไรเรื่องนอนเรื่องเล็ก เรื่องเที่ยวสำคัญกว่า......เช้าตื่นนอน..ก็มารับฟังคำขู่จากหลายคนที่เคยมาเที่ยวแล้ว ว่าโหด...แบบภูกระดึงเรียกพี่..ตอนนั้นในใจก็คิดว่าoh อะไรจะปานนั้น..จริงเหรอ??แล้วภาพในอดีตสมัยไปภูกระดึงครั้งแรกก็ลอยมาในหัว...ตอนนั้นขนาดเอ๊าะๆกว่านี้ก็แทบแย่...เช้าวันแรกเราจะไปถ้ำเสาหิน ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 6 กิโล ไปดูเสาหินที่ record ว่าสูงสุดในโลก 62.5 m รถของเจ้าหน้าที่เข้าไปส่งจุดปล่อยตัว และการเดินป่าที่นี้ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางทุกครั้ง เส้นทางขาเข้าผ่านป่าไผ่ ป่าเบญจพรรณ เห็นดอกส้านสีเหลืองร่วงเป็นระยะๆ ตอนแรกๆก็สุขใจชมต้นหมากรากไม้ แดดไม่ร้อนมากเพราะร่มไม้ยังแน่น...ยังไม่ทันได้คิดว่าเส้นทางขาเข้าส่วนใหญ่จะเดินลง ปีนลง ไถ่ลง..แล้วขากลับหล่ะรูปแรกแค่เริ่มเดินเข้าสัก 1/2-1 ชั่วโมง ก็เริ่มออกอาการ...ดอกไม้โผล่ตามทางป่าไผ่ ยังยิ้มได้....กว่าจะเดินถึงปากทางเข้าถ้ำก็ประมาณเที่ยงกว่าๆ (แปลว่าใช้เวลาเดินมาตั้งแต่ 9.00 น ก็ 3 ชั่วโมงกว่าๆ) ก็พักกินข้าวเที่ยงบริเวณน้ำตก เสร็จแล้วค่อยปีนขึ้นปากถ้ำ เย้ ไฟฉายคาดหัวส่องกบได้ใช้งานแล้ว เพราะในถ้ำมืดสนิท แต่อากาศดีไม่อับเหมือนถ้ำทั่วๆไป เพราะมีลำธารสายใหญ่ไหลผ่านในถ้ำ....การที่จะไปถึงเสาหินต้องลอยตัวต้านกระแสน้ำ เกาะตามผนังถ้ำตามๆกันไป น้ำในลำธารเย็นเฉียบ ชื่นใจ มีช่วงหวาดเสียวบางจุด แบบว่าเพื่อนร่างบาง หลุดลอยตามกระแสน้ำ ร้องแหกปากให้ช่วยกันคว้าร่างไว้......เฮ่อ..ถึงแล้วเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานหน่อย...พอจะมองเห็นเสาหินลางๆไหมเนี่ย..........มีเรื่องจะสารภาพ..ตั้งแต่เที่ยวมาที่ไหน..ไหน...ก็มีครั้งนี้แหละที่เรียกหาเจ้าป่าเจ้าเขามาช่วยลูกช้างด้วย เป็นระยะๆ..สงสัยจะฟิตไม่พอ สังขารไม่เป็นใจ...อย่างที่บอกขามาเดินลงมาเรื่อยๆ...ขากลับก็ต้องเดินขึ้น..แล้วยิ่งเดินช้าอยู่หลังชาวบ้านเค้า...กำลังใจยิ่งถดถอย...คนอื่นเค้าถึงก่อนก็พักก่อน...พอเรามาถึงเค้าก็เดินต่อไปอีกแล้ว..ทิ้งช่วงกันลิบๆเนินเขานู้นแน่ะ แต่ที่ฮาดี..ก็คือยัยเพื่อนสาวร่างบางเจ้าเก่าที่เกือบหลุดลอยตามน้ำไป..เจ้าหล่อนคงเหนื่อยแบบสุดๆเห็นหยุดเดิน...หันหน้าเข้าหาก่อไผ่แล้วบ่นอะไรก็ไม่รู้พึมพำๆ..ไอ้เราเห็นก็ขำ...เฮ้ย...สงสัย...มันจะถอดจิตออกจากร่างแล้วนะนั่น ...วันนั้นกว่าจะออกมาจากป่าด้วยกำลังอึดสุดท้าย(จริงๆ) ก็เกือบห้าหกโมงเย็น แต่ก็ได้รับคำชมจากทีมผู้นำ trip ว่าเดินได้เร็วกว่าที่คิดไว้...เฮ่อ...ยังมีพรุ่งนี้อีกถ้ำ...สงสัยก่อนนอนต้องนวดยากันหน่อยแล้ว...แล้วยังได้ข่าวการถอดใจของเพื่อนสาวคนเดิม..ว่าพรุ่งนี้ขอ bye อาสาเฝ้าเต็นท์ให้ซะแล้ว...เฮ้ย..มันไม่ไปคราวนี้เราก็ติดโผคนสุดท้ายของแถวสิเนี่ย...ไม่ได้...เสียฟอร์มหมด..รีบนอนเอาแรงดีกว่า...ZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZ............อู๊ย......ปวดตั้งแต่ต้นคอยันส้นเท้า...เลยนะเนี่ยเช้าแล้วจ๊า....โผล่หน้าออกมาจากเต็นท์...ยังเงียบกริบไม่มีเจ้าเพื่อนตัวไหนขยับตัว.. (เมื่อคืนมีเต็นท์นอนแล้ว...เจ้าหน้าที่เค้าหามาให้ขนาดกระทัดรัดพอดีตัว(2ตัว)มั่กๆ)...เมื่อคืนนอนหลับๆตื่นๆดึกมากแล้ว ยังได้ยินเสียงแว่วของหนุ่มสาว 2 คู่ หัวร่อต่อกระซิกกันอยู่...แอบฟังมัน..คุยอะไรกันว่ะ...(ความจริงไม่ได้แอบ...เสียงมันดังพอใช้ได้เลยแหล่ะ) ฟังไปฟังมามีเสียงร้องเพลง...เพลง...เก่าม๊าก มาก...ด้วย ประมาณนูโว album แรกๆ ...หนึ่งเสียงในนั้น..ยัยสาวเพื่อนร่างบาง..ที่เมื่อตอนเย็นในป่ายังเดี้ยงอยู่...ตอนดึกเสียงใสเชียวนะ.......เช้าขึ้นจึงรู้ว่าเล่นทายชื่อเพลง..และชื่อคนร้อง..โฮ..เล่นเพลงซะเก่าเชียว...คนอื่นเค้าก็รู้ว่าแก่กันหมดซี่!!.... ...บรรยากาศยามเช้า...ยังไม่มีใครตื่น....วันนี้โปรแกรมแน่นเอียด..แต่เดินน้อยกว่าเมื่อวานนี้...วันนี้จะไปดูถ้ำนกนางแอ่นที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม..เดินไม่เหนื่อยเท่าไรเพราะเดินชมต้นไม้..ดอกไม้...พอให้ลืมความปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้บ้าง...แต่ก็หวาดเสียวพอได้..เพราะเดินปีนตามหน้าผา ยังกะเลียงผาแน่ะดูไม่ค่อย safe เท่าไรแต่ใจรัก....อิอิดอกดิน...น่ารักดีก่อนเข้าถ้ำต้องลอยตัวตามลำธารไปบ้าง เดินลุยน้ำบ้าง แถมช่วงท้ายก่อนออกจากถ้ำยังต้องกระโดดจากหน้าผาลงน้ำสูงประมาณ 3-4 เมตรเห็นจะได้..เสียวมากแต่ขอบอกว่าโดดก่อนใครนะจ๊ะ...แบบว่าไม่อยากเห็นคนอื่นโดดมาก...โดดให้เสร็จๆไปเลยแล้วไปนั่งลุ้นคนอื่นดีกว่า..ลอยตัวตามน้ำช่วงสุดท้ายก่อนถึงถ้ำนกแอ่นบรรยากาศภายในถ้ำนกนางแอ่น..ที่ไม่มีนกนางแอ่นสักตัว...วันนั้น..ออกจากป่าก็ 3-4 โมงเย็นๆ...ปิด trip นี้ด้วยความประทับใจจริงๆค่ะ ขอบคุณ...เพื่อน..ที่สรรหาที่เที่ยวขอบคุณ...เจ้าป่าเจ้าเขา..ที่ไม่รู้จักกัน..แต่ก็ต้องรบกวนให้ช่วยอยู่บ่อยๆขอบคุณ...ขาซ้ายกับขาขวา..ที่ยังพาร่างกายส่วนอื่นๆไปเก็บเกี่ยวความสุขไหวขอบคุณ...หัวใจ..ที่ต้องลำบากลุ้นอย่างหนัก..จะไหวไหมว่ะเนี่ย...สุดท้าย...ขอบคุณมาก.กกก....จ๊า....ที่มาเยี่ยมเยียนความสุขของฉัน.....bye...see u next trip
ฮั่นแน่...เข้ามาแล้วก็เม้นท์กันนิดส์นึงนะพี่น้อง..อิอิ