Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
30 กันยายน 2553
 
All Blogs
 

20100929 ฤา...จะเป็นปีแห่งความผิดหวัง

ฤา...จะเป็นปีแห่งความผิดหวัง



สวัสดีครับ ไม่ได้พบเจอพูดคุยกันนานหลือเกิน เนื่องจากผมติดภารกิจความรับผิดชอบใหม่ๆ และข่าวร้ายคือ ท่าทางมันยังจะมีเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในปีสองปีนี้ ทำให้ผมไม่สามารถเจียดเวลามาใช้อู้ได้แบบเดิม //ฮ่าฮ่าฮ่า แต่เอาเถอะครับ มีงานให้ทำ มีเงินเลี้ยงครอบครัว ก็ยังดีกว่าเขาให้ออกใช่ไหม แต่ต่อให้ยุ่งยังไง เสียงเรียกร้องที่จะเขียนถึงทีมรักโดยเฉพาะในช่วงที่ฟอร์มรูดๆแบบนี้มันก็ยิ่งมีมาก ว่าแล้วผมก็เลยเจียดเวลามานั่งเขียนให้เพื่อนๆได้อ่านกัน รูปแบบอาจไม่เหมือนเดิม เพราะไม่ได้เขียนสดเกมต่อเกม แต่จะรวบๆเขียนเป็นครั้งคราวตามแต่เวลาจะอำนวยนะครับ ไปติดตามบทความประเดิมกันเลยดีกว่า

ที่ผมโปรยหัวไว้ว่า ฤา...จะเป็นปีแห่งความผิดหวัง นั่นก็เพราะผมรู้สึกว่า ซีซั่นนี้ และต่อเนื่องมาจากปลายซีซั่นก่อน ทีมของเราฟอร์มดร็อปลงไปพอสมควร ทั้งฟอร์มของนักเตะรายบุคคลส่วนหนึ่ง ฟอร์มของทีมโดยรวม ทีมเวิร์ค ความกระหายและสมาธิ ดูจะดร็อปลงไปหมด นี่ยังไม่รวมถึงจุดอ่อนของเราที่ถูกชำแหละผ่านในแต่ละเกมก็มีมากจุดขึ้นเรื่อยๆ เห็นแล้วก็ให้เวียนเฮดแทนป๋าเฟอร์กี้เสียเหลือเกิน ว่าจะเริ่มจัดการตรงจุดไหนดี กับฟอร์มการเล่นที่ดูเผินๆคือเกมรับอ่อนปวกเปียก เสียประตูมากกว่าจำนวนนัดที่เตะ นี่มันเกมรับของทีมลุ้นแชมป์หรือนี่ ว่าแล้ว ก็ลองเจาะไปดูตามมุมมองของผมกันก่อนนะครับ


สภาพทีมในซีซั่นนี้ บอกได้เลยว่า คือภาพต่อเนื่องจากซีซั่นที่แล้ว ผู้เล่นแกนหลักก็เดิมๆ ตัวที่เติมลงมาเป็นเพียงกำลังสนับสนุนเท่านั้น ไม่ว่า เอร์นานเดซ, สมอลลิ่ง หรือเบ่เบ๋ นักเตะกลุ่มนี้ ไม่สามารถจะคาดหวังให้เป็นกำลังหลักในซีซั่นนี้ได้แน่นอน และกรุณาลืมไปเลย ว่าเราจะมีโอกาสเจอเพชรน้ำงามแบบโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อีกเป็นครั้งที่สอง ผมว่าอีกห้าสิบปีก็คงไม่เจอแน่ๆ แต่สิ่งที่เราควรคาดหวังไว้ก็คือ ให้นักเตะกลุ่มนี้อดทน ทุ่มเทพัฒนาฝีเท้าและมุ่งมั่นที่จะแสดงออกมาให้เห็น ไม่ท้อแท้หรือเบื่อหน่ายไปเสียก่อนกับเกมการเลือกนักเตะของป๋าเรา ที่ไม่ว่าอย่างไรก็คงเก็บกลุ่มนี้ไว้เป็นเพียงตัวเลือกที่สามอยู่เท่านั้น เพราะถ้านักเตะกลุ่มนี้ไม่อดทนพอ เราก็จะได้เห็นภาพของ เคราร์ด ปิเก้, จูเซ็ปเป้ รอสซี่ มันฉายวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่สิ้นสุด นี่อาจนับรวมไปถึงพวกมาเคด้าด้วยซ้ำไปนะครับ

ทีนี้ เมื่อนักเตะแกนหลักเป็นกลุ่มเดิม แล้วยังไง มันก็คือแผนการเล่น และแท็คติคหลักๆก็คงเป็นแบบเดิมๆนั่นเอง มันไม่มีทางที่จะพลิกทีมเดิมให้เล่นในแท็คติคใหม่ได้เพียงแค่ภายในซัมเมอร์เดียวหรอกครับเพราะกุนซือและสต๊าฟฟ์ก็ชุดเดิมๆ แต่สิ่งที่เราคาดหวังว่าจะเปลี่ยนไปก็คือ ฟอร์มของนักเตะแต่ละบุคคลมากกว่า ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ ที่เบอร์บาตอฟสามารถพลิกฟอร์มตัวเองได้ตั้งแต่โค้งแรกของซีซั่น แต่สิ่งที่แย่ลงของทีมชุดนี้กลับมีมากกว่าสิ่งที่ดีขึ้นนี่สิครับ ไล่มาตั้งแต่อาการบาดเจ็บของริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ทำให้คู่เซ็นเตอร์ของเรามีปัญหา เพราะจอนนี่ เอแวนส์ ยังไม่สามารถเข้าอกเข้าใจกับเนมานย่า วิดิช ได้ดีพอและนิ่งพอ เรื่องนี้ เมื่อรวมกับปัญหาที่เราไร้ตัวจริงทางแบ๊คขวา ที่มันเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มันยิ่งทำให้จุดอ่อนในแผงกองหลังเราเห็นได้เด่นชัดขึ้นทุกทีทุกเกม


นอกจากนั้น กองกลางของทีมก็ยังมีปัญหาอีก เรื่องกองกลางนี่ผมบ่นไว้บ่อยมาก ว่าเราเป็นรองบิ๊กโฟร์ทุกทีม รวมทั้งแม้แต่สเปอร์ส, แมนฯ ซิตี้ หรือเอฟเวอร์ตันในซีซั่นนี้ด้วยซ้ำ แต่ซีซั่นนี้ดีหน่อยที่สโคลส์กลับมาเข้าฝักได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ไม่งั้นบอกตรงๆนะครับ เราคงอยู่อันดับประมาณที่หกที่เจ็ดโน่นแหละครับ เพราะอะไร เพราะปีนี้คู่ที่ฝากผีฝากไข้ได้มากที่สุด ก็คือสโคลส์ กับเฟล็ทเชอร์นี่แหละ และตอนนี้ป๋าก็เริ่มดันเฟล็ทเชอร์สูงขึ้นเรื่อยๆในการเคลื่อนเกมรุก โดยมีสโคลส์คอยคุมพื้นที่ตรงกลางและรองบอลแถวสองให้ แต่ปัญหาตรงนี้ก็คือ สโคลส์ไม่ใช่ตัวรับอาชีพนี่ครับ รับมากๆก็เหลืองก็แดงแบบมาเร็วเคลมเร็วซะด้วย นี่เองมันถึงทำให้บอลที่หลุดจากสโคลส์ปุ๊บก็ยาวมาถึงหลังเลยหรือใม่ก็เสียฟาล์วไปเลย แล้วคู่ต่อสู้เองก็เหมือนจะรู้ไส้เราหมดทุกขดในเรื่องนี้ เน้นวางบอลยาวสวนทางปีก แบ๊คเราลงไม่ทัน กลางกลับมาไม่ทัน เซ็นเตอร์ถ่างออกข้างมาปิดพื้นที่ หน้ากรอบกลวงโบ๋ ตำแหน่งการยืนป้องกันเลยเปะปะไปหมด ทุกอย่างมันเริ่มพังทลายจากตรงนี้ และทุกทีมก็มองเห็นจุดนี้ของเราหมดแล้ว ส่วนบอลที่ทะลักจากการป้องกันจังหวะแรก เรานึกถึงคาร์ริคกันไหมครับ นี่คือคนที่มักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลาในการเก็บบอลแบบนี้เสมอๆ หรือแม้แต่การบล็อกลูกยิงแถวสอง ก็คาร์ริคเองนี่แหละ ที่ทำได้ดีที่สุดในทีมเรา เสียดายที่ฟอร์มโดยรวมของเจ้าตัวยังไม่กลับมา ทำให้สอดแทรกลงสนามได้น้อยครั้ง ปัญหาการเสียประตูจากจังหวะแถวสองเลยเกิดบ่อยมากๆในปีนี้ เพราะเฟล็ทเชอร์และสโคลส์ไม่ใช่ผู้เล่นที่ตามล้างตามเช็ดบอลจังหวะสองของกองหลังเราได้ดีพอนั่นเอง

มองมาถึงกองหน้ากันบ้าง ปัญหาหลักคือการที่รูนี่ย์ถูกล่ามโซ่ไว้ตลอด แต่ไม่ใช่จากคู่ต่อสู้นะครับ แต่จากข่าวฉาวที่เกิดขึ้นรวมกับที่ภรรยาคาดโทษไว้ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถลงเล่นอย่างปลอดโปร่งได้ ผมถือว่าเรื่องนี้เสียหายร้ายแรงต่อทีมเป็นอย่างมาก ในวันที่เบอร์บาตอฟพุ่งขึ้นมาเต็มที่ แต่รูนี่ย์กลับดาวน์ลงไปเต็มๆ แบบนี้ก็เท่ากับเราไม่ได้ดีขึ้นกว่าปีก่อนเลย แล้วเราจะก้าวข้ามตำแหน่งปีก่อนของเราได้อย่างไร ผมว่าทางที่ดี ป๋าควรดร็อปรูนี่ย์ให้ไปพักผ่อนกับภรรยา ปรับความเข้าใจกันสักวีคสองวีค เพื่อให้ทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทาง สมองปลอดโปร่ง จิตใจสงบ น่าจะเป็นการดีที่สุดสำหรับทุกๆฝ่าย อีกอย่างคือผมไม่เชื่อครับว่า รูนี่ย์ฟอร์มตกเพราะสื่อรุมกดดัน แต่ไอ้ที่ฟอร์มตกเนี่ย ผมว่าเพราะปัญหาส่วนตัวกับคอลลีนนี่แหละ สื่อนี่ยังไงมันก็คนนอก แต่การผิดใจกับเมียรักที่เพิ่งจะมีลูกด้วยกันเนี่ยแหละ ที่ผมเชื่อว่าทำให้จิตใจและสมองรวมทั้งสมาธิของรูนี่ย์เสียไปหมด ป๋าต้องหยุดเรื่องนี้ไว้แค่นี้ครับ ปล่อยให้รูนี่ย์ได้ไปเคลียร์หัวใจสองต่อสองกับเมีย ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ผมเชื่อว่ารูนี่ย์จะดีขึ้นครับ


มาต่อกันถึงเรื่องผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น หลายคนมองว่ามันก็แค่ทำให้เรากลับไปสู่รูปแบบสมัยยุครุ่งเรืองช่วงปี 93-95 ที่เราเสียประตูได้ตลอด แต่ก็พร้อมที่จะยิงคู่แข่งให้ไส้ไหลเช่นกัน แต่ผมบอกตรงๆครับ มันแค่คล้ายเท่านั้น สิ่งที่ต่างไปก็คือ บรรดาคู่แข่งในลีกต่างพัฒนาตัวเองขึ้นมาจากสมัยนั้นเยอะมากแล้ว คุณลองคิดดูดีๆ เรายังพร้อมจะเสียประตูอยู่ แต่หลายๆทีม เขาไม่ยอมให้เรายิงง่ายๆอีกแล้ว แท็คติคการตั้งรับ การป้องกันของแต่ละทีมทำเอาเราปวดหัวกว่าจะเจาะได้สักลูก อย่าไปมองสามประตูที่ทำได้กับลิเวอร์พูลครับ ผมมองว่าลิเวอร์พูลตอนนี้เกมรับก็เปื่อยยุ่ยต่อการบอมบ์ไม่ต่างกับเราเท่าไหร่ สามประตูที่ได้จากหงส์แดง มันคือลูกโยนทั้งนั้นใช่ไหมล่ะครับ แล้วคุณคิดเหรอว่าทีมกลางๆเล็กๆ ที่เน้นลูกโด่งเป็นหลัก จะแพ้ทางลูกโด่งเสียเองน่ะ นี่คือประเด็นที่ผมมองว่าบรรดาคู่แข่งจะไม่ยอมให้ยิงง่ายๆ และหากคุณยังเสียท่าง่ายๆอยู่ ก็คงลำบากที่จะลุ้นแชมป์ล่ะครับ ยิ่งในถ้วยยุโรปยิ่งแล้วใหญ่ หากคุณเสียประตูง่ายๆ คุณเลิกฝันเลย สองปีล่าสุดคือตัวอย่างที่ดีที่สุด เราบุกบาร์ซ่าอยู่ดีๆ ชนิดคนเป็นกลางยังมองว่าเรากดดันบาร์ซ่าได้น้ำได้เนื้อ แต่กลับโดนเขาพาบอลมายิงเอาดื้อๆ แบบแฟนผีงงกันทั้งบาง แล้วจากนั้นมันก็แทบจะจบเลยใช่ไหม ปีที่แล้วก็ชัดเจน บาเยิร์นได้ประตูในแบบที่เราไม่ควรจะเสียให้ และในนาทีที่ไม่ควรเสียให้ด้วยประการทั้งปวง โดยการหลุดสมาธิแค่เสี้ยววินาทีให้กับอีวิก้า โอลิช (ผมมองว่าประตูของร็อบเบนต้องให้ครับ เขามาดีจริงๆ)

นี่คือสิ่งที่ผมมองครับ ว่าในภาพรวมนั้น แต่ละปัญหามันส่งผลกระทบให้เราได้มากน้อยแค่ไหน มองง่ายๆ ว่านี่แค่เราที่เป็นแค่แฟนบอลธรรมดาๆในทวีปห่างไกลยังมองแบบนี้ แล้วคู่แข่งล่ะ เขาก็มีทั้งทีมงาน สต๊าฟฟ์โค้ช และกุนซือ ที่พร้อมชำแหละจุดอ่อนเราออกมาเช่นกัน แถมทำออกมาได้ดีกว่าที่เรามองอยู่ไม่รู้ตั้งกี่เท่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่ฟูแล่มงัดไม้เด็ดออกมาใช้ในช่วงท้ายเกมจนนำมาสู่ประตูตีเสมอ มันบังเอิญเหรอ ที่เอฟเวอร์ตันเปลี่ยนกองหน้าลงมาแล้วสาดลูกโด่งใส่ช่วงท้ายจนได้สองประตูรวดจากสองนาที มันแค่บังเอิญจริงเหรอ ที่เราไปเสียท่าลิเวอร์พูลสองลูกซ้อนๆในช่วงไม่กี่นาที และคุณยังจะมองว่ามันเป็นเพียงโชคร้ายเหรอครับ ที่โบลตันยิงนำเราได้สองครั้งสองครา แต่ผมไม่เลือกที่จะมองแบบนั้นนะครับ ผมมองว่าเรากำลังค่อยๆถูกชำแหละออกมาเรื่อยๆ และคู่แข่งทีมต่อๆไปก็พร้อมที่จะเอาผลการชำแหละนี้ไปใช้ รวมทั้งยังจะชำแหละเพิ่มมันเข้าไปอีกด้วยซ้ำ เฮ้อ...


แล้วเราควรจะทำอย่างไรดีกับปัญหาเหล่านี้ ส่วนตัวแล้วผมมองว่าป๋าควรต้องรีบปรับครับ อย่าให้เราตามเชลซีห่างไปกว่านี้ ไม่งั้นบอกได้เลยว่าม้วนเดียวจบแน่ๆ เอสเซียงกลับมา เชลซีก็แน่นขึ้นเยอะ พลาดยากขึ้น ไม่เหมือนตอนที่ไร้เงาเจ้าไบซัน การปล่อยเดโก้ ปล่อยบัลลัค จึงมีทีมมิดฟิลด์ที่ลงสนามได้ต่อเนื่องมากขึ้น ทำให้สามารถเค้นฟอร์มสุดยอดออกมาได้หลายคน ดีกว่าตอนที่ต้องสลับหน้ากันลงเมื่อปีที่แล้วเยอะครับ ดังนั้นเรื่องที่จะหวังให้เชลซีพลาดนั้นอย่าเพิ่งไปมอง ให้มองที่เราก่อน เราไม่ควรพลาดอีกแล้ว อย่างน้อยถ้าเชลซีไม่พลาด เราก็ไม่ควรจะพลาดอีก

เรื่องการจะปรับทีมตอนนี้นั้น เรื่องแรกคือปล่อยรูนี่ย์ไปเคลียร์ปัญหาซะก่อนเลย จากนั้นผมมองไปที่การเคี่ยวเกมตรงกลางสนาม อย่าให้มันหลวมมากนัก การยืนตำแหน่งพื้นที่กลางสนามต้องละเอียดกว่านี้ เติมขึ้นไปแล้วต้องยิงต้องจบให้ลง ได้ประตูหรือไม่คืออีกเรื่อง การเติมขึ้นไปแล้วเสียบอลนี่คือสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด ดังนั้นการจ่ายเสี่ยงๆห้าสิบห้าสิบในจังหวะที่เติมกันเยอะๆนี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่ควรเล่น เมื่อกลางเติมแล้ว เมื่อแบ๊คเติมแล้ว ต้องไม่เล่นลูกเล่นพร่ำเพรื่อครับ โอกาสเสียบอลสูง หากไม่ได้จบก็เลือกที่จะคืนหลังตั้งตนใหม่ยังจะดีกว่าไปจ่ายเสี่ยงๆที่พอโดนตัดแล้วลงไม่ทันหลุดตำแหน่งกันหมด ยิ่งประเภทที่นำห่างแล้วโชว์เหนือนี่ต้องเลิกก่อนเลย เพราะตอนนี้ทีมเราสมาธิไม่นิ่ง หากโดนยิงตีตื้นปุ๊บจิตหลุดปั๊บตลอด ดังนั้นต้องคอนโทรลรูปเกมให้แน่นอนไว้ก่อนครับ จึงจะดีที่สุด เมื่อกลางแน่น ไม่หลุดง่ายๆ หลังก็จะมั่นคงตามไปด้วยครับ


ต่อด้วยเรื่องกองหลัง ผมว่านาทีนี้ ป๋าต้องเลือกแล้ว โอเชียไม่ใช่คนมีความเร็ว เมื่อเติมแล้วเสียบอลนี่ข้างขวารั่วตลอด จนมีเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งส่ง SMS มาแซวผมว่า ป๋าเราเปิดสาขาประตูน้ำแล้ว...รั่วได้อีก ผมอยากให้ป๋าเราเลิกยึดติดว่าส่งโอเชียลงสนามเพียงเพราะโอเชียเล่นได้ตามคำสั่ง หรือมีวินัยสูงเพียงแค่นั้นครับ เพราะนายวินัยคนนี้เนี่ย ตอนโดนสวนมันไม่ได้ช่วยให้วิ่งกลับมาทันนะครับ แล้วคู่แข่งเองก็จ้องจะสวนข้างนี้ตลอดอยู่แล้ว การเอาโอเชียลงมาก็คือเปิดรันเวย์ให้เขาเจาะได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ผมมองว่าจุดนี้ป๋าควรจะวางตัวราฟาเอลได้แล้วครับ (บราวน์นั้นวัยและฟอร์มเลยจุดที่จะวางกันยาวๆไปแล้ว) วางราฟาเอลยาวๆไปเลยแล้วค่อยพักเป็นบางนัดจะดีกว่า อย่างน้อยๆ ราฟาเอลนี่ยังสปีดจัด ตามคู่ต่อสู้ทัน อย่างน้อยๆก็ช่วยเกะกะปิดทางได้ ที่สำคัญคือความมั่นใจและฟอร์มแกก็จะค่อยๆดีขึ้นด้วย นี่ก็คือเรื่องแบ๊คขวา ส่วนเซ็นเตอร์นี่ทำอะไรไม่ได้ครับ ต้องให้ประสบการณ์คอยสอนกันไป หรือให้ริโอกลับมายืนระยะได้ดีๆอีกครั้ง แต่ผมยังเชื่อนะ เอแวนส์ กับวิดิชนี่ไม่ใช่ขี้หมูขี้หมานะครับ ผมยังเชื่อว่าถ้ากลางกับฟูลแบ๊คไม่หลุดลุ่ยซะก่อน เซ็นเตอร์เราก็ยังพอจะประคองสถานการณ์ได้ดีอยู่ครับ

ส่วนเรื่องการเข้าตลาด ตอนนี้ผมเริ่มเชื่อแล้วว่าป๋าเองไม่อยากซื้อนั่นแหละ ป๋าคงมองว่าราคานักเตะตอนนี้มันโอเวอร์ไปเยอะ (แล้วที่วอดวายกับเบ่เบ๋นี่ไม่เยอะเหรอ) นักเตะกลุ่มที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองในลีกถ้าราคาแพงเวอร์แล้วไม่ใช่ว่าป๋าอยากได้เองนะ ป๋าไม่ควักกระเป๋าสโมสรหรอก แล้วอีกกลุ่มก็คือ นักเตะที่ป๋าอยากได้เอง แต่ดันถูกทีมอื่นๆแย่งตัวทำให้ราคาสูงเกินจริง หรือต้นสังกัดนักเตะไปโก่งราคาเกินจริง ป๋าก็ไม่เอาเหมือนกัน นี่ทำให้ผมเดาได้ไม่ยาก ว่าปีใหม่นี้ ป๋าก็คงไม่ซื้อบิ๊กเนมมาเพิ่มแน่ๆ นอกจากเกิดเรื่องไม่คาดคิด เช่นตัวหลักดันเจ็บเยอะเจ็บยาว อะไรทำนองนั้นครับ ตอนนี้ สภาพนี้ เราก็คงต้องลุ้นต่อไป ว่าป๋าจะปรับจะขันน๊อตทีมชุดนี้ได้ดีแค่ไหน และทีมชุดนี้ จะสนองตอบต่อการเคี่ยวเข็ญของป๋าได้มากน้อยแค่ไหน ตรงนี้ต้องรอลุ้นกันยาวๆ หากยังเกาะเชลซีได้ในหลักไม่เกินห้าหกแต้มไปจนจบคริสต์มาสแล้วล่ะก็... ผมว่ามีลุ้นครับ แต่ถ้าพ้นคริสต์มาสแล้ว ตามเกินสิบแต้ม ผมว่าเตรียมทำใจแต่เนิ่นๆ ได้เลยนะ



ที่เขียนมาทั้งหมดทั้งปวงนี้ เป็นเพียงมุมมองของผมคนเดียว อาจถูกใจ ไม่ถูกใจ หรือขัดแย้งแนวคิดใครๆ ก็อย่าเอามาเป็นเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลยนะครับ แค่เอามาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันก็พอ แล้วถ้ามีเวลาผมก็จะมาพูดคุยต่อครับ จะว่าไป วันนี้ก็แปลกนะครับ เจ้านงเจ้านายไม่อยู่กันเลย ทีมงานข้างเคียงก็มากันน้อย เงียบดีจริงๆ ทำให้ผมไม่มีงานเร่งด่วนเข้ามา รอแค่ประชุมแผนตอนบ่ายสองเท่านั้น ผมถึงมีเวลาเขียนเนี่ยครับ

ปล. คิดถึ๊งงงงง คิดถึงงงง ห้องศุภฯ //ฮ่าฮ่าฮ่า




 

Create Date : 30 กันยายน 2553
0 comments
Last Update : 30 กันยายน 2553 15:01:02 น.
Counter : 508 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.