Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
9 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
จิตคนนั้นไซร้ ยากแท้หยั่งถึง



ได้มีโอกาสชมรายการ The people watchers ซึ่งเป็นรายการที่ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ โดยรายการจะส่งหน้าม้ามากประสบการณ์มาสร้างสถานการณ์จำลองและสรุปผลตามทฤษฎีจิตวิทยา มีหลายประเด็นในรายการที่น่าสนใจเลยนำมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันในBlog




ประเด็นแรกรายการ(และพวกเราทุกคน)อยากรู้ว่าโฆษณาที่เราเห็นแค่แว๊บเดียว จะมีผลต่อการตัดสินใจของเราหรือไม่ ? จึงให้หน้าม้าถือป้ายโฆษณาลูกอมช็อคโกแลตยืนทางซ้ายและขวาของประตูทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตที่สำคัญคือฝั่งซ้ายและขวาไม่ได้โฆษณายี่ห้อเดียวกัน ถ้าคุณเดินมาจากด้านซ้ายของประตูจะเจอโฆษณายี่ห้อสีเหลือง แต่ถ้าเดินมาจากด้านขวาจะเจอโฆษณายี่ห้อสีน้ำเงิน เมื่อจ่ายเงินซื้อสินค้าพนักงานที่แคชเชียร์จะแนะนำโปรโมชั่นวันนี้ ว่าคุณมีสิทธิ์รับช็อคโกแลตฟรีหนึ่งชิ้น ปรากฏว่าส่วนใหญ่เลือกยี่ห้อที่เพิ่งเห็นโฆษณามาครับ โอ้!!!นี่แหละครับผลของการโฆษณา แม้เรามองผ่านๆ แม้เราไม่สนใจแต่การได้เห็น(ย้ำว่าแค่เห็น)เราก็เก็บลักษณะของสินค้านั้นเข้าไว้ในจิตใต้สำนึกแล้ว เมื่อถึงภาวะที่คุณจะต้องเลือกคุณก็จะเลือกสิ่งที่คุ้นชินซึ่งก็คืออะไรที่ถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึก ขนาดเห็นแค่ช่วงสั้นๆตอนเดินเข้าร้านยังมีผลขนาดนี้ แล้วโฆษณาทางทีวีที่เราดูกันอยู่ทุกวัน มันไม่ฝังไปในจิตใต้สำนึกของเราหมดแล้วเหรอ.....





ช่วงต่อมาเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เราเห็นการขโมยของ ในออฟฟิคแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้เข้าร่วมสัมภาษณ์งาน 3 คน (สถานการณ์นี้ชาย 1 คนหญิง2 คน ) โดยชายหน้าม้าของเราจะทำตัวเป็นหัวขโมย ขโมยเงินจากเคาน์เตอร์แล้วแกล้งทำให้สุภาพสตรีทั้งสองคนเห็นก่อนที่จะเดินเข้าไปสัมภาษณ์งานหน้าตาเฉย ผลปรากฏว่าสองคนที่เหลือไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย ไม่ถามกันซักนิด เธอเห็นอะไรมั้ย? เขาขโมยเงินรึเปล่า? แต่เลือกที่จะเงียบทั้งคู่ สงสัยรึเปล่าครับว่าเพราะอะไร? คำตอบคือเพราะทั้งสองคนอยู่ในสถานการณ์ที่ทางจิตวิทยาเรียกว่า “ภาวะแบ่งกันรับผิดชอบ” คือทั้งสองจะพยายามผลักภาระการบอกตัวคนร้ายให้อีกฝ่ายแทน ผลสุดท้ายแต่ละคนจะนั่งเงียบไม่พูดอะไร ดังนั้นถ้าคุณต้องไปเจอสถานการณ์แบบนี้ผมแนะนำครับแจ้งเจ้าหน้าที่สถานเดียวเพราะถ้าคุณหวังให้อีกฝ่ายเป็นผู้แจ้ง..... เค้าก็คิดเหมือนคุณนั่นแหละ





เรื่องสุดท้ายน่าสนใจครับ ทางรายการให้อาสาสมัคร 3 คนเขียนสุ่มผลลัพธ์การโยนเหรียญ 50 ครั้ง และให้โยนจริง 50 ครั้ง โดยทางรายการจะให้ซาร่า(เข้าใจว่าไม่ใช่ซ่าร่าคู่หูนายจอร์จในทีวีไดเร็ค)ลองทายดูว่าอันไหนเขียนสุ่มโดยอาสาสมัคร อันไหนคือผลการโยนเหรียญจริง ปรากฏว่าคุณซาร่าทายถูกทั้ง 3 คน เธออธิบายว่า ที่สามารถทายถูกเพราะใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับสมองมาช่วย สมองของมนุษย์ไม่ได้ถูกโปรแกรมมาให้คิดในเชิงสุ่ม แม้ทุกคนจะพยายามสุ่มแล้วก็ตามแต่มักจะไม่เขียนผลลัพธ์อันเดียวกันติดกันเกินกว่า 5 ครั้งเพราะเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ซึ่งในความจริง โอกาสที่จะเกิดผลลัพธ์เดียวกัน 5 ครั้งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ซาร่าเลยสังเกตว่าถ้าในตารางแสดงผลลัพธ์ออกหน้าเดียวกันติด 5 ครั้ง น่าจะเป็นการทดลองที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งในการโยนเหรียญจริงอาสาสมัครทั้งสามคนก็โยนเหรียญออกหน้าเดียวติดกันอยู่หลายครั้ง(และมีเกิน 5 ครั้งด้วย) แหม!!!ช่างเข้าใจทดลองกันเสียจริงเลยเป็นการทดลองที่ทำให้ผมได้ความรู้ใหม่ๆและต้องทึ่งในความมหัศจรรย์ของจิตจริงๆครับ วันหลังต้องแอบเอาไปแกล้งคนเล่นซะแล้ว อิอิ



แม้จิตใจมนุษย์จะยากแท้หยั่งถึงเพียงใด ตราบเท่าที่เรายังไม่เข้าใจกระบวนการทำงานของจิตเราก็ยังคงต้องศึกษากันต่อไป





Create Date : 09 เมษายน 2552
Last Update : 7 มกราคม 2555 23:49:59 น. 8 comments
Counter : 1931 Pageviews.

 
.ใช่เลยคับ

ทักสินมันก็ยังไม่รู้เลยว่ามันพูดอะไรไว้บ้าง อิอิ

ไปแระ

Photobucket


โดย: hiansoon วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:21:53:44 น.  

 
ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ ค่ะ
นั่งอ่านตั้งนาน พอมาอ่านคอมเม้นท์ที่ 1 แล้ว จะเขียนเม้นท์อะไร ลืมเลย


โดย: ตะวันเจ้าขา วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:22:22:02 น.  

 
เข้าเรื่องดีกว่า...

เคยได้ดูการทดสอบเด็กกับการโกหกค่ะ

ให้เด็กอายุ 2 -5 ขวบ มานั่งอยู่ในห้องเรียน โดยที่คุณครูจะฝากขนมเค้กกับเด็กๆ ไว้ โดยบอกว่าอย่าเพิ่งแตะต้องขนมเค้กจนกว่าครูจะกลับมา

แต่เด็กก็คือเด็ก เขาพากันเอานิ้วจิ้มครีมกินคนละนิดละหน่อยค่ะ

พอครูกลับเข้ามา ถามเด็กทีละคนว่าได้แอบกินขนมเค้กไหม?

เด็กที่อายุตั้งแต่ 3 ขวบเต็มขึ้นไป จะปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า "ไม่"
แล้วยังมีบางคนโยนความผิดให้เพื่อนด้วย

ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ จะสารภาพว่า กิน แต่กินนิดเดียว หรือบางคนจะนิ่งเงียบ มีสีหน้าสลด ไม่ตอบอะไร

เขาเลยสรุปผลการทดลองว่า มนุษย์เริ่มโกหกเป็นตั้งแต่อายุ 3 ขวบค่ะ

จริงแท้แค่ไหนก็ไม่ทราบนะคะ แต่พอลองๆ ไปใช้วสังเกตหลานๆ ก็น่าจะจริงค่ะ


โดย: ตะวันเจ้าขา วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:22:29:50 น.  

 

blogบ้านนี้เข้ามาแล้วทำให้รอยหยักในสมองเพิ่มขึ้น อิ อิ

GO TO PROFILEYOURPAGE.COM
PROFILEYOURPAGE.COM

ปล.ตามมาจากblog คุณDavid



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:0:37:47 น.  

 
แวะมาอ่านมูซาชิ ยากรู้ว่าทำไมคุณผู้ชายถึงชอบกันจัง


โดย: ตะวันเจ้าขา วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:23:04:57 น.  

 
Photobucket


โดย: hiansoon วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:7:11:05 น.  

 
กรณีที่สองแม่งเหมือน prisoner delimma เลยหวะ สาด


โดย: gelgloog IP: 125.24.215.113 วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:18:30:42 น.  

 
หวัดดีนะ
เรื่อง โฆษณา แน่นอน เพียงแค่แสดงเป็นรูปเล็กๆ แทรกแว๊บๆระหว่างรายการ มันมีผลยัดเยียดให้ผู้บริโภคแล้วล่ะ

เรื่อง“ภาวะแบ่งกันรับผิดชอบ” นี่คือลักษณะนิสัยของคนไทย คนเอเชีย เนอะ ? ต่างคิดว่า เธอสิ เธอสิ สรุปคือไม่มีใครทำ

เรื่องของจิต ละเอียดและมีที่เข้าใจยากมาก แม้แต่นักจิตวิทยาเอง ผู้เข้าใจทฤษฎีอย่างดี มากกว่าคนทั่วไปก็ยังปฎิบัติจริงเองไม่ได้ครบทุกเรื่อง
คนก็คือคน จิตคือจิต เข้าไม่ถึงหรอก

ขอบคุณมากที่แวะไปเยี่ยม
ขอบคุณเรื่องของจิต
เรื่องจิตวิทยา ส่วนตัวสนใจมาก
ขอโทษนะ เล่นเกมส์ไม่เป็นเลย


โดย: PANPISA วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:01:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อรหันต์นิทรา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




 

New Comments
Friends' blogs
[Add อรหันต์นิทรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.