เห็นปกมติชนสุดสัปดาห์ สัปดาห์นี้ แล้วอดสงสัยไม่ได้ ว่า แดจังกึม ไปเกี่ยวอะไรด้วย
เปิดอ่านดูถึงได้เข้าใจ
เห็นว่าน่าสนใจดี เลยเอามาให้อ่านกัน
------------------------------------------------------------K-มาร์เก็ตติ้งหากมองในมิติของละครเพียงอย่างเดียว
"แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง" ก็คงจะเหมือนละครต่างชาติอย่าง "F 4 รักใสใสหัวใจสี่ดวง" ที่สร้างความฮือฮาในเมืองไทย
แต่ในมิติของการค้าแล้ว "แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง" ไม่ใช่แค่ "ละคร"
แต่มันคือหนึ่งใน "สินค้า" ทางวัฒนธรรมของเกาหลี
เป็น "สินค้า" ที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจและมีกระบวนการวางแผนเป็นอย่างดีของรัฐบาลและภาคเอกชนของเกาหลี
ให้ละครหรือหนังเป็นผู้บุกเบิก
ใช้พลังทาง "ศิลปะ" ที่ทำให้คนเกิดจินตนาการคล้อยตามสร้าง "ดีมานด์" ให้เกิดขึ้น
เมื่อ "ดีมานด์" เกิด "ซัพพลาย" ก็ตามมา
อย่างละครเรื่อง "แดจังกึม" ซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการทำอาหารของเกาหลี
เมื่อละครเรื่องนี้บุกเข้าไปประเทศใด กระแสที่เกิดขึ้นเหมือนกันก็คือแฟนละครในประเทศนั้นสนใจอาหารเกาหลีมากขึ้น
อยากชิม อยากกินอาหารเกาหลี
"แดจังกึม" จึงถือเป็นผู้ขยายตลาด "อาหารเกาหลี" ในต่างประเทศอย่างแท้จริง
เหมือนกับเมื่อครั้งที่ละครดังอย่าง Winter Love Song สร้างกระแส "ฟีเวอร์" ในญี่ปุ่นและประเทศต่างๆ
ทิวทัศน์ความโรแมนติคของสถานที่ที่ใช้เป็นฉากหนังก็กลายเป็นสิ่งที่แฟนละครโหยหา
อยากเห็น อยากสัมผัส
เมื่อ "ดีมานด์" เกิด "ซัพพลาย" ก็สนองตอบ
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเกาหลีฟูเฟื่องขึ้นเพราะเกิด "จุดขาย" ใหม่ คือ สถานที่ในฉากละคร
แค่เปียโนที่ "จุงซาน" พระเอกเล่นในละคร
ก็มีคนอยากไปนั่งเล่นบ้าง
นี่คือ อิทธิพลของ "ละคร"
"ละคร" สามารถทำให้ห้องที่ "เปียโน" ตัวนั้นตั้งอยู่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้
ไม่แปลกที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเกาหลีจะเกิดธุรกิจใหม่ขึ้นมา คือ ธุรกิจทัวร์ตามรอยละครดัง
เป็นทัวร์รูปแบบใหม่ เรียกกันว่า "Drama Tour"
เที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความทรงจำเกี่ยวกับความรักของ "พระเอก-นางเอก" ในละครเรื่องนี้
ถือเป็นกลยุทธ์การท่องเที่ยวที่ขาย "STORY" และ "จินตนาการ" อย่างแท้จริง
ทำ "โลกแห่งมายา" ให้เป็น "โลกเสมือนจริง"
เชื่อหรือไม่ว่าหลังจากละครและหนังเกาหลีตีตลาดญี่ปุ่นสำเร็จ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นแห่ไปเที่ยวเกาหลีเพิ่มมากขึ้น
ปี 2547 นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นทำรายได้เข้าประเทศเกาหลีสูงถึง 200,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจใหม่เกิดขึ้น เช่น Cine/Studio เป็นสถานที่บรรจุเรื่องราวของหนังและละครเกาหลีที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง
คนที่คลั่งไคล้ในละครเรื่องใดก็สามารถเข้าไปชมฉากละครและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้
นี่คือ พลังของ "สินค้าวัฒนธรรม"
นิตยสาร "MARKETEER" เคยสัมภาษณ์ นายเจ.บี.ปาร์ก ผู้บริหารระดับสูงของสถานีโทรทัศน์ MBC ผู้ผลิตละครดังๆ มากมายรวมทั้ง "แดจังกึม" เรื่องนี้
เขาบอกว่าประเทศเกาหลีไม่ค่อยจะมีทรัพยากรธรรมชาติด้านการท่องเที่ยวมากนัก เกาหลีจึงมุ่งที่จะส่งออกสินค้าวัฒนธรรมเพื่อทำให้เกาหลีเป็นที่รู้จักมากขึ้น
"ไม่ใช่แค่เก็บเงินคืนมาเท่านั้น แต่เป็นการทำให้เกาหลีเป็นที่รู้จักในประเทศต่างๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น สินค้าเกาหลีอย่างซัมซุงหรือแอลจี คนประเทศอื่นก็หันมาสนใจใช้มากขึ้น หรือแม้แต่ดาราดังๆ อย่าง วอนบิน และ แบ ยอง จุง ก็ทำให้คนต่างประเทศรู้จักเกาหลีมากขึ้น และมีทัวร์มาลงเยอะมากโดยเฉพาะญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเที่ยวเยอะจริงๆ บางครั้งต้องใช้เครื่องบินโดยเฉพาะเพื่อรับทัวร์มาลง"
ไม่แปลกที่ MBC จะมีนักการตลาดที่ดูแลตลาดต่างประเทศอย่างใกล้ชิด แยกเป็น ตลาดอาเซียน จีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น
เพราะ "ละคร" ไม่ใช่แค่เพียง "สินค้า" ส่งออกที่ทำรายได้มหาศาลให้กับเขา
แต่ยังเป็น "สื่อโฆษณา" ให้กับสินค้า สถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมประเพณีของเกาหลีอีกด้วย
เชื่อหรือไม่ว่าวันนี้ "วัฒนธรรมประเพณี" ได้กลายเป็น "สินค้า" ที่ทำรายได้ให้กับเกาหลีได้ถึง 10% ของมูลค่าธุรกิจทั้งหมดของเกาหลี
สินค้าวัฒนธรรมประเพณีของเกาหลี คือ หนัง ละคร เกมออนไลน์ เพลง การ์ตูน นิยาย ฯลฯ
ปี 2547 รายได้ในส่วนของวัฒนธรรมประเพณีเกาหลี สูงถึง 300,000 ล้านบาท
ไม่นับธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆ ที่ได้รับผลพวงจากความสำเร็จของละครและหนัง
การบุกตลาดสินค้าวัฒนธรรมประเพณีของเกาหลี ไม่ได้เกิดจากภาคเอกชนอย่างเดียวดาย
แต่เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศ
เกาหลีมีกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ในกระทรวงนี้จะมีหน่วยงานหนึ่งที่ทำหน้าที่ดูแลสินค้าด้านวัฒนธรรม เช่น เกม การ์ตูน เพลง หนัง ละคร ฯลฯ ชื่อ KOCCA
มีหน้าที่สนับสนุนการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลีไปต่างประเทศ
โดยแปร "วัฒนธรรม" ให้เป็น "ธุรกิจ"
อย่าลืมว่าสหรัฐอเมริกาเคยใช้ "หนังฮอลลีวู้ด" สร้างค่านิยมใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ
หนังฮอลลีวู้ดทำให้คนไทยได้รู้จักไลฟ์สไตล์ตะวันตก
ทำให้รู้จักอาหารฟาสต์ฟู้ด
รู้จักรถยนต์รุ่นใหม่
และคุ้นเคยกับ "โค้ก-เป๊ปซี่"
วันนี้ละครเกาหลีกำลังทำให้คนไทยและคนเอเชียคุ้นเคยกับวัฒนธรรมของเกาหลีมากขึ้น
แต่เป็นการสร้างความคุ้นเคยแบบ "ตั้งใจ" อย่างยิ่ง
ตั้งใจสร้าง "ดีมานด์"
เพื่อทำให้ระบบธุรกิจของสินค้าวัฒนธรรมประเพณีเคลื่อนตัวต่อไป
นี่คือ K-Marketing หรือ Korea Marketing ของประเทศเกาหลี
จากคอลัมน์ X คลูซีฟ โดย สรกล อดุลยานนท์
มติชนสุดสัปดาห์
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1317