++ใครทำอะไรที่ไหน ขอไปร่วมวงด้วยคน++
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

ฝันดีนะ ขี้โม้

ขี้โม้เป็นไซบีเรียนฮัสกี้ สีน้ำตาล ตาสีฟ้า

มันมาอยู่ที่บ้าน พร้อมๆ กับผักกาด และเพื่อนอีกตัว

อยู่มาได้ไม่นาน เพื่อนร่วมครอกของโม้ ก็เสียชีวิต เพราะอาหารติดคอ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ลูกหมาตะกละ หิวจัด รีบกินอาหารอย่างตะกรุมตะกรามจนอาหารติดคอตาย

ส่วนผักกาด อยู่ต่อมาได้อีกเกือบปี ผักกาดก็ป่วยหนักด้วยอาการของพยาธิเม็ดเลือด

ผักกาดได้รับการถ่ายเลือด แต่โชคร้าย พยาธิเม็ดเลือดที่ตาย เกาะเม็ดเลือดจนทำให้มันเปลี่ยนรูปร่าง
และเม็ดเลือดขาวของผักกาด คิดว่ามันเป็นสิ่งแปลกปลอม
ผักกาดผอมโซ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เหลือเพียงขี้โม้ตัวเดียว ที่คงอยู่เป็นเจ้าแม่ ประจำบ้านต่อมา

ขี้โม้เป็นหมาตัวเมีย ที่กร่างมาก
มันไม่เคยยอมตัวผู้ ด้วยความที่หมาตัวอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคอกเกอร์ ซึ่งตัวเล็กกว่า ขี้โม้

ขี้โม้ไม่ใช่หมาน่ารัก มันเป็นหมากวนประสาทที่บางเวลาก็ขี้อ้อนแบบไม่ดูไซส์ตัวเอง

ที่สำคัญคือ มันเป็นหมาที่พูดมาก ขี้โม้ สมชื่อของมันนั่นแหละ

โม้เริ่มป่วยด้วยอาการเบาหวาน เมื่อปีที่แล้ว ไล่ๆ กับที่เรารู้ว่าไวท์เป็นมะเร็ง
ตาสองข้างของโม้เริ่มมองไม่เห็น
มันผอมลง ทั้งที่กินอาหารมากขึ้น ฉี่เป็นน้ำก๊อก กินน้ำอย่างกับอูฐ
เราพาโม้ไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์จุฬา เพราะเห็นว่ามีคลินิคเฉพาะทางเบาหวาน
คุณหมอปรับขนาดอินซูลินให้โม้อยู่หลายเดือน ก็เริ่มเข้าที่

คงเป็นความผิดของเราด้วย ที่ไม่ได้พาโม้ไปหาหมอตามนัด
เพราะภาระที่มีกับหมาตัวอื่นๆ ด้วย
เพราะเรามีหมาเยอะเกินไป ฉันยอมรับ

จนเมื่อวานเย็น วันที่ไต้ฝุ่นกฤษณาเข้ามาถึงเมืองไทย
โม้เซื่องซึม ไม่กินข้าว ไม่ลุกเดิน
เราแบกโม้ ซึ่งหนัก 27 กิโลขึ้นรถ พาไปโรงพยาบาลจุฬากลางสายฝน

คุณหมอบอกว่า โม้มีอาการ เบาหวานเป็นพิษ
ของเสียในเลือดเยอะมาก
คุณหมอให้น้ำเกลือ สวนฉี่
และที่เราตกใจมากคือที่ขาขวาด้านหลังของโม้ เป็นแผลใหญ่มาก แต่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะขนของโม้ปิดมันไว้หมด
มันเป็นร่องรอยถูกกัด แต่ก็คงจะหลายวันมาแล้ว ถึงได้เน่าลามขนาดนั้น
คุณหมอทำแผลให้

เรานั่งรอโม้ให้น้ำเกลือ จากทุ่มนึง เป็นสองทุ่ม สามทุ่ม สี่ทุ่ม
น้องบอกให้ออกไปถามหมอ ว่าจะต้องทำอะไรต่อ
คุณหมอบอกว่า อาจจะต้องเฝ้าอยู่อย่างนี้ สามวัน เจ็ดวัน หรือสองอาทิตย์ แล้วแต่ราย

เราจึงต้องวางแผนกันเฝ้าโม้
เวลาตอนนั้น ประมาณสี่ทุ่มเศษ ฉันเดินออกจากโรงพยาบาลสัตว์เล็กจุฬา เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน
ขณะที่น้องอาสาเฝ้าผลัดแรก

เที่ยงคืนน้องโทรกลับมา บอกว่า หลังจากฉันออกมาได้ไม่นาน โม้ก็อาเจียน
และถ่ายออกมาเป็นเลือดทั้งหมด
ขณะที่อุณหภูมิร่างกายโม้ สูงขึ้นเรื่อยๆ
ที่สำคัญ น้ำเกลือหมดไปแล้วเกือบสองขวด แต่โม้ไม่มีฉี่เลยแม้แต่น้อย

หมอบอกว่า มันเป็นอาการของหมาใกล้ช็อค
ถ้ามันช็อค จะให้ปั๊ม หรือจะปล่อยมันไป

ฉันบอกน้องว่า เอายังไงก็เอา
แม้จะเสียใจ แต่ก็ดีกว่าให้มันทรมาน

ตีสี่ ฉันตื่นมาด้วยเสียงร้องของก๊อง
เดินลงบันไดมาดู เห็นรองเท้าน้องวางอยู่แล้ว
แปลว่า โม้ไปแล้ว

ตอนเช้า น้องเล่าให้ฟังว่าโม้หยุดหายใจ ทั้งที่หัวใจยังเต้นอยู่ แต่มันหายใจเองไม่ได้ หมอก็พยายามช่วยให้มันหายใจ

แต่โม้ก็หายใจเองไม่ได้อีกแล้ว

หัวใจโม้เต้นอ่อนลง และจากไปอย่างสงบ ไม่ได้ช็อค ไม่ได้ทุรนทุราย

โม้ออกเดินทางไกลไปอีกตัวแล้ว ป่านนี้มันอาจจะไปชวนไวท์คุย
หรือไม่ก็ไปกวนประสาทไวท์อยู่
บางทีอาจจะไปทะเลาะกับวัลลี ชิสุห์คู่ปรับที่ไม่เคยดูขนาดตัวเวลาทะเลาะกับมัน

หมอถามว่า ศพของโม้ จะฝากกทม.เผามั้ย หรือจะเอากลับ
น้องเลยถามว่า ถ้าจะบริจาคให้ใช้ศึกษาได้หรือไม่
โชคดีที่มีนิสิตปริญญาโท ต้องการร่างของโม้ไว้ศึกษา
นับเป็นเรื่องน่ายินดี ที่โม้ได้มีโอกาสทำกุศลในโอกาสสุดท้ายของชีวิต
นอกจากที่มันจะเคยบริจาคเลือดไปก่อนจะป่วยหลายหน

เสียใจนิดเดียว ตรงที่ไม่ได้อยู่ส่งโม้จนนาทีสุดท้าย
ไม่ได้บอกลา ไม่ได้ปิดตาให้

ขอโทษนะโม้
ฝันดีเถอะนะ ไอ้หมาตัวแสบ
ฝันดีนะ ขี้โม้




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2552
0 comments
Last Update : 1 ตุลาคม 2552 23:29:27 น.
Counter : 616 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ร่วมวงด้วยคน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ร่วมวงด้วยคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.