|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พักยก...ด้วยพันธุ์หมาบ้ากับ 21 grams
เราเป็นคนไม่ชอบอ่านอะไรที่มันบีบเค้นจิตใจ หรือถ้าสามารถรู้ล่วงหน้าว่าหนังสือเล่มไหนจบเศร้าแล้วล่ะก็ เหอ...เหอ...เราจะไม่อ่านล่ะ เพราะชีวิตจริงก็เครียดหนักอยู่แล้วค่ะ ตามประสาอาชีพที่ถูกรีดนา...เย่ย...บีบเค้นทางเศรษฐกิจด้วยบริโภคนิยม
นิสัย(เสีย)ของเราข้างบนนั้น อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้กว่าที่เราจะกล้าหยิบนิยายของนักเขียนรางวัลพ่วงท้ายอันลือลั่นเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ก็นานข้ามปี ด้วยความเข้าใจผิดเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่อง พันธุ์หมาบ้า (Mad Dog & Co.) ของ นักเขียนนามกระเดื่อง คุณชาติ กอบจิตติ จะเศร้าสลด มีตอนจบแบบเอวังไม่แคล้วจาก หนังสือขึ้นหิ้งเฉกเช่น ไอ้ฟักแห่งคำพิพากษา ของท่านนั่นแล
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ไปแอบเรียนคอร์สการเขียนเรื่องมา ท่านวิทยากรได้นำบทแรกของพันธุ์หมาบ้ามาฉายขึ้นสไลด์ โอ้โห...บทแรกก็วิ่งเข้าตาดังโป๊ก พอเรียนจบแทบไปคุ้ย...เอ๊ย! ไปหยิบมาอ่านแทบไม่ทัน
และพออ่านจบแล้ว...โอ๊ย! อยากเอามะแหงกเขกหัวตัวเอง
มัน-สุด-ยอด-มาก...
และขออนุญาตสวมวิญญาณไอ้คุณอ๊อตโต ขอสบถสักประโยคเถอะ (เดี๋ยวไม่เข้าพวก) ไอ้...เอ้ย...หากไม่ได้อ่าน แม่_ง เสียดายยยยย
ไม่สปอยล์เนื้อเรื่องนะคะ >>> พันธุ์หมาบ้าเคยถูกพิมพ์เป็นตอนๆ ลงในนิตยสารลลนา เมื่อนานมาแล้วค่ะ, เขาเล่าว่า...เรื่องนี้ผู้ประพันธ์เขียนขึ้นโดยมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง และตัวละครบางตัวก็เสียชีวิตไปแล้วด้วย วา...เศร้าจังเลย...
สมัยนั้นถือว่าเรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ย่อยๆ เลยทีเดียว เราไม่มีหนังสือที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนอย่างนี้นานแล้วเนอะ ว่ามะ?, (คล้ายๆ กับที่เวลาในขวดแก้วของประภัสสร เสวิกุล เคยทำได้มาแล้ว) เล่มที่เราอ่านเป็นเป็นเล่มที่พิมพ์ออกมาตอนที่พันธุ์หมาบ้ามีอายุครบรอบยี่สิบปี แบบบ่มหมักในถังไม้โอ๊ค (คารมสุดยอด) ทั้งเรื่องเล่าถึงกลุ่มก็วนสหายสนิทและไม่สนิทหลากหลายชีวิต ต่างคนต่างมีพื้นฐานชีวิตและเส้นทางต่างแตกกัน แต่สุดท้ายก็ต้องมาพันวัลพันตูทางทั้งตรงและทางอ้อม แต่หลังจากนั้นแต่ละคนก็ต่างแตกตัว (ไม่ใช่วงแตกนะ) เพราะต่างก็มีเส้นทางเดินของแต่ละคนค่ะ
แม้จะปรากฏตัวละครมากมายหลากหลายชีวิตในพันธุ์หมาบ้า แต่มีสองตัวละครที่โดดเด่นออกมาจากหน้าหนังสือคือ อ๊อต กับ ทัย สองสหายที่มีพื้นฐานชีวิตแตกต่างกันสุดขั้ว โดยคนแรกนั้น เป็นอดีตนักเรียนหัวไม้, หนีเรียน, หนีออกจากบ้าน, นักเลงคุมบาร์, เคยต้องโทษอยู่ในสถานกักกัน, ติดผง, ลุยหน้าอย่างเดียว ไม่เคยคิดหน้าหลัง รักเพื่อนยิ่งชีพ (มันน่านัก) และ ฯลฯ คนที่สอง เป็นอดีตนักกีตาร์ฝีมือชั้นเทพ ลูกชายห้างทอง ฐานะดี ครอบครัวดี จิตใจอ่อนโยน ทำอะไรมีแบบแผน หลักการ ไม่เคยคิดร้ายต่อใครๆ กระทั่งศัตรูที่ลอบกัดครั้งแล้วครั้งเล่า (แต่มันไม่เคยจำ)
เมื่อได้ข้อมูลคร่าวๆ ดังนี้ นักอ่านย่อมพร้อมเทใจให้แก่สหายคนที่สองคือ ทัย แต่ว่า เรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น อ๊อต หรือ ไอ้อ๊อตโต ต่างหากคือตัวละครที่ได้ใจนักอ่านไปเต็มๆ (อย่างน้อยก็เราคนหนึ่งละ)ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว อ๊อตโตเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แถมบางบทแทบอยากจะตบกบาลในความบ้าบิ่นและความเป็นคน เสพย์ติดเพื่อน เกินไปของมันด้วยซ้ำ (แต่อาจถูกถีบกลับมาได้) ทั้งนี้ต้องยกนิ้วให้แก่ฝีมือนักประพันธ์เรื่องนี้จริงๆ ค่ะ
เท่าที่ค้นในเน็ตเรื่องนี้ถูกวิจารณ์หนาหูเรื่อง ถ้อยคำหยาบคายต่างๆ แต่เราว่าไม่เห็นต้องกลัวเลย ในเมื่อมันถูกเขียนขึ้นโดยศิลปินชั้นบรมครูเช่นนี้ หากเรามองกลับไปในคอนเซ็ปเรื่องถูกตั้งขึ้นมาแล้วว่า Mad dog & co. เพื่อนสนิทกันสิถึงจะกล่าวแบบศัพท์สมัยพ่อขุนได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจดังเช่นทัย ได้เคยรำพึงเอาไว้ในตอนต้นๆ เรื่อง เราว่ามันจริงใจดีออกนะ และในความคิดของเรา ความละเอียด ละเมียดละไม และอารมณ์ขันที่ซ่อนเร้นในความถ้อยคำหยาบนี้ต่างหากทำให้เรื่องนี้ขึ้นหิ้ง ไร้กาลเวลาทรงพลังและเปี่ยมเสน่ห์ ไม่จำเพาะเกิดขึ้นในยุคฮิปปี้ครองเมืองตามท้องเรื่อง
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราชอบมากๆ คือกับการเล่าเรื่องแบบสลับ เหวี่ยงไปมา หลอกล่อกับเวลา ชนิด มาก่อนกาล ของพันธุ์หมาบ้า มันเป็นอย่างไรหรือ? สมมุติว่าเราอ่านนิยายหรือดูหนังสักหนึ่งเรื่องซึ่งจะมีการเรียงเหตุการณ์จากหนึ่งถึงสิบ หรืออย่างบางเรื่องที่มีลูกเล่นก็จะเล่าย้อนกับกาลเวลา หรือย้อนกลับ หรือเล่าจากหลังไปหน้า แต่สำหรับพันธุ์หมาบ้านั้น มันไร้กฏเกณฑ์ มันก็เสมือนตัวละครตัวหนึ่ง ที่มีชีวิตอิสระ เหตุการณ์ในเรื่องนี้จึงถูกเล่าด้วยวิถีทางของตัวมันเอง เป็นแบบของมันเอง เป็นแบบอ๊อตโต (เพราะส่วนใหญ่มันเป็นตัวดำเนินเรื่อง)
การเล่าเรื่องแบบเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเช่นนี้ทำให้เราคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง 21 Grams (2003) ของ อินาร์รีตู (ชื่อผกก. พิลึกโคดๆ แต่งานสุดเจ๋ง) ที่ฌอน เพนน์ เล่นคู่กับนาโอมิ วัตต์
เราคิดว่าเป็นการเล่าเรื่องแบบเดียวกับพันธุ์หมาบ้า คือ...เหมือนไร้แบบแผน แต่มีแบบแผน โอ...สำนวนเหมือนกระบวนยุทธ์จอมกระบี่ของโกวเล้งเลยแฮะ ตอนนั้นยังคิดเลยว่า เฮ้ย
อยากจะเขียนเรื่องที่มีการเล่นกับเวลาและสถานการณ์ได้อย่างนี้ แต่สงสัยไม่ทันแล้ว มีคนเขียนแล้ว แถมก่อนหน้าตั้งยี่สิบปีแน่ะ! และคงไม่ได้มีแค่เล่มเดียวหรอก คุ้นๆ ว่าตลิ่งสูง ซุงหนัก ก็เล่าเรื่องด้วยท่วงทำนองคล้ายๆ นี้เช่นกัน (ขออภัยที่ข้อมูลอาจไม่แน่นเพราะยังไม่มีโอกาสอ่านซ้ำสองตั้งม.ต้นโน่นนนนแน่ะ) แต่นะ...อืมม์...ขอพักไว้ก่อน ต้องลองไปคิดใหม่ เอาไว้เป็นการบ้าน จะลองเล่าเรื่องเล่นกับกาลเวลาแบบนี้บ้าง แต่เป็นของเราเองน่ะ (หวังว่า)
จนแม้สรุปสุดท้าย พันธุ์หมาบ้าที่แฝงอยู่ในตัวแต่ละคนถูกกำราบได้บ้างไม่มากก็น้อยแตกต่างกันไป
ทัย ชายหนุ่มแสนดีและฉลาด ก็มีพันธุ์หมาบ้าที่แฝงอยู่ในตัวซึ่งเป็นแบบพันธุ์ที่อ๊อตโตไม่มี และไม่มีวันทำด้วย ส่วนมันคืออะไรนั้นต้องไปหาอ่านกันเอาเองนะคะ
ส่วนลูกบ้าของอ็อตโตจะมีวันสงบหรือไม่ เราหวังว่าจะไม่ (อ้าว!) เพราะนี่คือเสน่ห์น่ารักของตัวละครประเภท แบ๊ดบอย ขนานแท้ที่ยากจะมีใครเลียนแบบและเปี่ยมด้วยพลังเช่นนี้ แค่ฉาก อ็อตโตโชว์ ฉากเดียว ต่อให้มีอีกสิบทัยก็สู้อ๊อตโตคนเดียวไม่ได้
สุดท้ายแล้วเราคิดว่า ทุกคนต่างก็มีพันธุ์หมาบ้าทั้งนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเรานั่นเองว่าจะควบคุมมันได้แค่ไหน
แต่ก็แปลกดี...ตัวละครที่เราชอบอีกตัวหนึ่งคือ ล้าน ค่ะ เป็นตัวละครที่โผล่มาแว้บๆ ตลอดทั้งเรื่องเหมือนโฆษณาคั่นรายการ แถมโผล่มาทีไรเมาหลับทุกที (ฮา) ซ้ำยังมีวีรกรรมจีบหญิงที่ไม่มีใครเหมือนและเหมือนใคร แต่เราว่ามันน่ารักดีอะ
Create Date : 26 กรกฎาคม 2552 |
|
14 comments |
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 12:10:00 น. |
Counter : 2469 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: annie IP: 125.24.147.169 20 สิงหาคม 2552 23:31:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: run saya 24 สิงหาคม 2552 22:56:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: run saya 24 สิงหาคม 2552 23:04:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: อมิธีสท์ 27 สิงหาคม 2552 0:12:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: run saya 29 สิงหาคม 2552 23:50:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pim~Dow 3 ตุลาคม 2552 21:56:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: annie IP: 125.24.171.120 7 ตุลาคม 2552 23:05:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: run saya 12 ตุลาคม 2552 18:56:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุยหลังสวน IP: 223.24.38.14 1 มิถุนายน 2560 21:53:08 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Hong Kong Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]
|
บอกเล่าเก้าสิบ:)
เราย้ายกลับมาทำงานที่ออฟฟิคในกรุงเทพฯ แล้วค่ะ ช่วงนี้งานการยังยุ่งตามระเบียบ แต่ถึงอย่างไรจะพยายามหาเวลามาเขียนหนังสือและจบต้นฉบับ (ร่าง) ของเล่มสามให้ได้ภายในปีนี้ค่ะ (หวังว่า)
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่กรุณาเข้ามาสอบถามความคืบหน้านะคะ
|
|
|
|
|
|
|
ส่วนวิธีเล่าเรื่องของแก ผมกลับไปคิดถึงงานของเควนติน ทาเรนติโนมากกว่านะ