ภาพสวยๆที่เก็บได้จากการไปเที่ยวชมทะเลบัวแดง หนองหารจังหวัดอุดรธานีค่ะ
หนองหาน นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลา พันธุ์นก และพืชน้ำ จำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบหนองหานได้พึ่งพาเป็นแหล่งอาหารแล้วนั้น ยังมีระบบนิเวศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นที่สนใจของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มาศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้แล้ว ธรรมชาติของหนองหาน ยังได้บรรจงสร้างทะเลบัวแดงเพิ่มความงดงามให้แก่หนองหานมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ดอกบัวแดงในหนองหานซึ่งมีจำนวนมากจะงอกงามโผล่จากน้ำขึ้นมา โดยเริ่มจากเดือนตุลาคมบัวเริ่มแตกใบและเริ่มออกดอกตูมและบานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บัวจะออกดอกมีปริมาณมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม กุมภาพันธ์ และค่อย ๆ ลดปริมาณลงในเดือนมีนาคม ดอกบัวจะบานในช่วงเช้าตรู่ถึงเที่ยง นักท่องเที่ยวจะมองเห็นบัวแดงบานเต็มท้องน้ำหนองหานสุดลูกหูลูกตางดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จึงเป็นที่มาของคำว่าทะเลบัวแดง
สืบสานวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยว
จากจุดเด่นของหนองหานและตำนานเก่าแก่ได้หล่อหลอมเป็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณรอบหนองหาน ให้เกิดความหวงแหนอนุรักษ์และพึ่งพาธรรมชาติจากหนองหานได้อย่างสมดุลและยั่งยืนมาจวบเท่าทุกวันนี้
อำเภอกุมภวาปีร่วมกับเทศบาลตำบลเชียงแหว ตลอดจนกลุ่มองค์กร และภาคเอกชนในพื้นที่โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี จึงได้กำหนดจัดงานเทศกาลทะเลบัวแดงบาน หนองหานกุมภวาปี ประจำปี ๒๕๕๔ ในวันที่ ๑๔ - ๑๖ มกราคม ๒๕๕๔ รวม ๓ วัน ๒ คืน ณ วัดบ้านเดียม หมู่ที่ ๕ ตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่นและเพื่อส่งเสริมให้หนองหาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี
กิจกรรมในงานประกอบด้วยการสักการะพระมหาธาตุ เทพจินดา (พระธาตุบ้านเดียม) ชมการประกวดศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การแข่งขันกีฬาหลายประเภท การแสดงของนักเรียน นักศึกษา และการล่องเรือชมธรรมชาติหนองหานและทะเลบัวแดง ซึ่งในปีนี้จะมีการให้บริการล่องเรือชมทะเลบัวแดง ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ตำนานรักพญานาค : เมืองล่มจมบาดาลที่หนองหาน
มีหมู่บ้านที่อยู่ติดริมหนองหานและอยู่ในอาณาบริเวณรวมแล้วประมาณ ๖๐ หมู่บ้านจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนองหานมีความกว้างใหญ่เพียงใดและมีตำนานเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคที่มีชื่อเสียงว่า "ตำนานผาแดงนาไอ่" ซึ่งคนในชุมชนยังมีความเชื่อในตำนานเรื่องนี้สืบต่อกันมายาวนาน
ตำนานโบราณเกี่ยวกับหนองหานที่เล่าขานกันมาตั้งแต่โบราณ กล่าวไว้ว่า นางไอ่เป็นธิดาของพระราชาเมืองขอม ซึ่งมีสิริโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของเจ้าชายเมืองต่าง ๆ มีอยู่ปีหนึ่ง เมืองขอมประสบปัญหาฝนแล้ง เจ้าเมืองขอมจัดการแข่งขันบั้งไฟ และมีการจุดบั้งไฟเพื่อเสี่ยงทายขอฝน และหากบั้งไฟของใครขึ้นสูงที่สุด จะยอมยกธิดา คือนางไอ่คำ ให้เป็นภรรยา มีเจ้าชายจากนครต่าง ๆ เข้าแข่งขัน รวมทั้งท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง
ฝ่ายท้าวภังคี โอรสของพญานาค ในนครบาลดาล ทราบข่าว ก็ยกพลพญานาคปลอมตัวเป็นคนเข้ามา เข้าแข่งขันด้วย บั้งไฟของพญานาคภังคีไม่ชนะ แต่เมื่อภังคีได้ยลโฉมนางไอ่คำก็ไม่สามารถจะถอนใจรัก ได้จึงปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาในสวนดอกไม้ของนางไอ่คำ ด้วยเคราะห์แต่ชาติปางก่อน นางไอ่คำเกิดคิดวิปริต ต้องการบริโภคเนื้อกระรอกเผือก จึงสั่งให้นายพรานตามล่ามาปรุงอาหาร และนายพรานก็ยิงกระรอกเผือกได้ ก่อนตายได้อธิษฐานว่า ใครก็ตามที่ได้บริโภคเนื้อของตนจงจมน้ำตายในบาดาล นางไอ่คำได้นำเนื้อกระรอกมาปรุงอาหาร และแจกจ่ายเนื้อกระรอกไปทั้งเมือง ในคืนนั้นเองเกิดพายุฝนแผ่นดินไหว น้ำท่วมพัดพาผู้คนลงสู่หนองหานและท้องบาดาล ท้าวนาคราชบิดาของภังคี โกรธที่โอรสถูกฆ่า จึงพานาคจากเมืองบาดาลมาอาละวาดถล่มเมืองขอมจนสิ้น ส่วนท้าวผาแดง เมื่อเห็นเมืองขอมถล่มได้พานางไอ่คำขึ้นม้าควบหนีไปทางทิศเหนือ หนีน้ำและบรรดาพญานาคที่ตามพ่นไฟไล่หลังมา วิญญาณแค้นของภังคีได้วนเวียนมาทวงความแค้นกับผาแดงนางไอ่ตลอดมาทุกชาติ ๆ