งานตะพาบ ครั้งที่ 192 ...น้ำไหลออกตา...โจทย์ของอ้อมแอ้มเองคะ
สวัสดีเพื่อนๆชาวBloggang ทุกๆท่าน โจทย์ครั้งนี้เป็นของอ้อมแอ้มนะคะ.. มีบางท่านบอกว่า..ไม่ได้เขียนบล็อคเกี่ยวกับสุขภาพแล้วหรอ...? มาครั้งนี้..เลยหอบวิชาการมาเต็มๆเลยคะ.. น้ำไหลออกตา...ในทางการแพทย์ หมายถึง โรคน้ำตาคลอหรือโรคท่อน้ำตาตัน โรคน้ำตาคลอ หมายถึง โรคท่อน้ำตาตัน เป็นโรคที่พบว่า ตาข้างหนึ่งข้างใดมีน้ำตาคลอ คอยแต่จะเอ่อท้นออกมาบริเวณหัวตา หรือเปลือกตาล่างตลอดเวลา น้อยคนที่จะเป็นพร้อมกันทั้งสองข้าง คนไข้จะบ่นกับแพทย์ผู้ตรวจว่าวัน ๆ เช็ดแต่น้ำตา ไม่รู้มันท้นมาจากไหนกัน? เช็ดหรือซับน้ำตาจนบางครั้งเปลือกตาแดงช้ำ และพลอยอักเสบส่งไปเลยก็มี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต อธิบายเกี่ยวกับโรคท่อน้ำตาอุดตันในทารกไว้ว่า 1. ท่อน้ำตาอุดตันในเด็ก เป็นการอุดตันของท่อน้ำตาบริเวณปลายท่อที่เปิดสู่โพรงจมูก 2. ปกติแล้วในเด็กแรกเกิดจะมีเยื่อบาง ๆ ปิดอยู่ที่ปลายท่อน้ำตา โดยส่วนมากเยื่อนี้จะหายไปเองเมื่ออายุประมาณ 1 เดือน แต่ยังมีส่วนน้อยที่เยื่อไม่หลุดออกไป ทำให้เกิดการอุดตันที่ปลายท่อน้ำตา 3. นอกจากนี้ โรคท่อน้ำตาอุดตันในเด็ก ยังเกิดได้จากการอักเสบของเยื่อบุตา เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียขณะคลอด ทำให้มีขี้ตาลงไปอุดก็เป็นไปได้ 4. ภาวะนี้พบค่อนข้างบ่อย ในเด็กทารกประมาณ30% อาจจะเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ภาวะนี้บางคนจะหายได้เองภายใน2-3 เดือน หลังคลอด แต่ในบางคนที่ไม่หายก็ต้องได้รับการรักษา อาการน้ำตาอุดตัน ท่อน้ำตาอุดตันจะมีอาการที่เห็นชัด ๆ คือ 1. จะมีน้ำตาคลอในตาข้างที่อุดตันตลอดเวลา เหมือนคนร้องไห้ใหม่ๆ 2. ทารกบางรายอาจจะมีการอักเสบ และจะมีขี้ตาแฉะร่วมด้วย โดยที่มีตาบวมแดงไม่มากนัก อาการนี้มักเป็นตั้งแต่แรก 3. อาการเช่นนี้เกิดและดีขึ้นเป็นครั้งคราว เมื่อใช้ยาแต่ไม่หายขาด บางรายที่มีการสะสมของขี้ตา และเชื้อโรคมากๆ เข้าไปในถุงน้ำตา ก็อาจจะทำให้อักเสบเป็นฝีบริเวณถุงน้ำตาได้ การรักษาน้ำตาอุดตัน พญ. อารีย์ นิมิตรวงศ์สกุล ได้อธิบายเกี่ยวกับวิธีการรักษาท่อน้ำตาอุดตันในทารก ดังนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรพาทารกมาพบกุมารแพทย์ หรือจักษุแพทย์ก่อนทุกราย เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นท่อน้ำตาอุดตันจริงหรือไม่ หากตรวจพบว่าเป็นภาวะท่อน้ำตาอุดตัน เบื้องต้นคุณหมอจะสอนให้คุณแม่นวดตาตรงบริเวณถุงน้ำตาบ่อยๆ นอกจากนี้ คุณหมออาจให้ยาหยอดตาปฏิชีวนะร่วมด้วย วิธีการนวดตา ทำได้ดังนี้ 1. ยกนิ้วชี้ของคุณแม่ขึ้นมาค่ะ ซึ่งคุณแม่ต้องตัดเล็บให้สั้นและล้างมือให้สะอาด ก่อนและหลังทำทุกครั้ง เอานิ้วชี้นั้นมากดที่หัวตาแนบเข้าไประหว่างหัวตากับสันจมูกค่ะ รู้สึกถึงเอ็นแข็ง ๆ ใต้นิ้ว นั่นคือ ถุงน้ำตาอยู่ใต้ต่อเอ็นนั้น 2. ให้คุณแม่ วนนิ้วลงน้ำหนักเบา ๆ เป็นวงกลมแล้วลากลงตามสันข้างจมูก มันจะเป็นเหมือนการรีดน้ำในลูกโป่งยาว ๆ ค่ะ ทำให้น้ำมันดันลงไปทางปลายทาง เกิดแรงดันขึ้นเพื่อที่จะไปดันให้พังผืด ที่ปากทางออกของท่อน้ำตาทะลุออกไป 3. ให้นวดรอบละหลาย ๆ ครั้ง วันละหลาย ๆ รอบได้เลยค่ะ ส่วนใหญ่เด็กจำนวนมากจะสามารถหายได้เองด้วยวิธีนี้ 4. ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้น คุณหมอจะพิจารณาส่งต่อให้คุณหมอรักษาตา ทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม อาจต้องหยอดยาฆ่าเชื้อ ควรหยอดในช่วงที่เด็กมีขี้ตามาก ๆ เพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อของถุงน้ำตา ซึ่งหากมีการอักเสบติดเชื้อของถุงน้ำตาแล้ว อาจจะต้องใช้ยาฆ่าเชื้อชนิดรับประทาน หรือยาฉีดร่วมรักษาด้วย รักษาโดย : แยงท่อน้ำตา 1. การแยงท่อน้ำตาไม่มีอันตรายต่อตาแต่อย่างไร เพราะทำคุณหมอจะรักษาแค่บริเวณเปลือกตาเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับลูกตาเลย 2. การแยงท่อน้ำตาจำเป็นต้องดมยาสลบ เพื่อให้เด็กสลบไปจะได้ไม่รู้สึกเจ็บ Advertisement 3.รักษาโดยการ แยงท่อน้ำตา ซึ่งควรทำก่อนเด็กมีอายุครบ 1 ปี เพราะถ้าทิ้งไว้นานเกิน 1 ปี กระดูกในโพรงจมูกก็จะแข็งตัวและหนาขึ้นเป็นกระดูกทึบ ทำให้การแยงท่อน้ำตาไม่สามารถทะลุกระดูกแข็ง ๆ ได้ ผลคือ การรักษาไม่สำเร็จและเด็กก็จะมีน้ำตาไหลตลอดชีวิต ถ้าจะให้หายก็ต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเข้าไปกรอกระดูก เป็นการรักษาซึ่งทำยากและซับซ้อนขึ้น และทำได้เมื่อเด็กโตเต็มที่เท่านั้น การรักษาท่อน้ำตาอุดตันแบบใหม่ นพ.ณัฐวุฒิ วะน้ำค้าง จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อธิบายถึงการรักษาท่อน้ำตาอุดตันแบบใหม่ ดังนี้ 1. การรักษาแบบใหม่เป็นการผ่าตัดทางเชื่อมท่อน้ำตา โดยวิธีการส่องกล้องโดยใช้กล้องขนาดเล็ก ที่เรียกว่า เอ็นโดสโคป (endoscope) 2. คุณหมอจะส่องเข้าไปในช่องจมูกแคบๆ และทำทางระบายท่อน้ำตาใหม่ ซึ่งวิธีนี้จะไม่มีแผลเป็น ฟื้นตัวได้เร็วกว่า แผลหายเร็วกว่าการรักษาแบบเดิม เป็นวิธีการผ่าตัดกรีดตาจากทางด้านนอก ซึ่งวิธีนี้ทำให้เกิดแผลเป็น แต่การรักษานี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของจักษุแพทย์เฉพาะทางท่านั้น จะเห็นว่า หากพบความผิดปกติของดวงตาทารก มีน้ำตาไหลตลอดเวลา ดวงตาเฉอะแฉะทั้ง ๆ ที่เจ้าหนูไม่ได้ร้องไห้ ควรพาทารกน้อยไปพบคุณหมอ เพื่อขอคำแนะนำในการรักษาต่อไป ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นการสะสมเชื้อโรค จนเกิดฝีหนอง ส่งผลเสียต่อดวงตาได้ อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.bumrungrad.com https://www.babyfancy.com https://haamor.com https://www.doctoraree.com https://www.komchadluek.net VIDEO ถ้าจะโหวตให้อ้อมแอ้ม ขอเป็น Blog สุขภาพ นะคะ..ขอบคุณค่ะ ขอขอบคุณเพลงไพเราะจาก Youtube และขอบคุณ BG จากคุณลักกี้ค่ะ
Create Date : 03 ธันวาคม 2560
Last Update : 4 ธันวาคม 2560 1:46:08 น.
16 comments
Counter : 951 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณไวน์กับสายน้ำ , คุณกะว่าก๋า , คุณอุ้มสี , คุณเกศสุริยง , คุณJinnyTent , คุณtuk-tuk@korat , คุณSai Eeuu , คุณNoppamas Bee , คุณเริงฤดีนะ , คุณtoor36 , คุณnewyorknurse , คุณเจ้าการะเกด , คุณtanjira
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:1:49:08 น.
โดย: mambymam วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:5:46:08 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:6:13:43 น.
โดย: mambymam วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:6:19:47 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:7:48:39 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:9:13:51 น.
โดย: JinnyTent วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:11:58:12 น.
โดย: Sai Eeuu วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:14:44:06 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 ธันวาคม 2560 เวลา:0:28:28 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 ธันวาคม 2560 เวลา:8:22:50 น.
โดย: tanjira วันที่: 8 ธันวาคม 2560 เวลา:16:21:03 น.
เจิมให้ตัวเองอีกล่ะ..
อยู่เวรดึกคะ..เลยเพิ่ง up logใหม่คะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ
บล็อคนี้เล่นิชาการทางด้านสุขภาพเต็มๆคะ