ไปดูหุ่นโจหลุยส์
เย็นค่ำชวนคนที่บ้านไปดูหุ่นโจหลุยส์ ที่มาแสดงให้ชมวันละหลายรอบ แต่เราเลือกรอบค่ำ จะได้หาอะไรกินนอกบ้านกันด้วย
จับตอนจันทรุปราคา คนที่บ้านชอบมาก ตอนแรกที่ชวน เขามีนัด บอกว่าพาเรามาส่งแล้วจะแว๊บไป แต่พอได้ดูแล้วไม่ยอมลุก ดูอยู่จนจบ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แถมด้วยมีการตบรางวัลให้หุ่นอีก บอกว่าชอบมาก นึกว่าจะนั่งหลับ แต่ไม่หลับสนุกดี
มีส่วนจัดแสดงตัวหุ่น การปักสะดึงเครื่องแต่งกาย และการประดิษฐ์เครื่องประดับประดาตัวหุ่น รวมถึงรางวัลที่ได้รับ
ฝีมือของช่างปักสะดึงละเอียดงดงามยิ่งนัก ไปยืนพินิจพิจารณาอยู่นานมาก
ส่วนของเครื่องประดับใช้ดินญี่ปุ่น กดลงในพิมพ์ แกะออก รอเซ็ตตัว แล้วเอามาลงรักปิดทอง เขียนสี ละเอียดยิบๆทีเดียว จะหยิบจะจับต้องเบามือกันอย่างมาก
ก่อนการแสดงก็เปิดโอกาสให้ถ่ายภาพกับหุ่น แม่ตะลีไม่ยอมพลาดอยู่แล้ว
เรื่องราวคร่าวๆ เป็นการเกริ่นเรื่องว่า ทำไมราหูจึงไล่อมจันทร์อยู่ตลอด และมาจับตอนที่
เมื่อนานมาแล้วเทพและยักษ์ได้สู้รบกันเพื่อแย่งชิงสวรรค์อันเป็นพื้นที่เดิมของพวกยักษ์ ในสมัยนั้นทั้งเทพและยักษ์ต่างมีฤทธิ์พอๆกัน เนื่องจากต่างฝ่ายก็มักจะได้รับพรจากพระศิวะและพระพรหมมาทั้งนั้น (ปกติแล้วถ้าใครบำเพ็ญเพียรจนเป็นที่น่าพอใจและไปขอพรจากพระศิวะ พระองค์ก็จะให้พรกับทุกๆคนโดยไม่เลือกว่าจะเป็นฝ่ายไหน ต่อมาจึงมีพระพิฆเนศวร คอยทำหน้าที่สร้างอุปสรรค ไม่ให้ใครเข้าไปขอพรกันได้ง่ายๆ พระพิฆเนศวร แปลว่าเจ้าแห่งอุปสรรค)
โดยฝ่ายเทพนำโดยพระอินทร์ ได้พยายามทุกวิธีทางเพื่อจะยึดสวรรค์มาให้ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ยึดไม่ได้สักที ด้วยเหตุว่าพระอินทร์ถูกฤาษีตนหนึ่งสาปไว้ ให้หมดฤทธิ์อำนาจ เนื่องจากเอาดอกไม้ที่ฤาษีถวายไปให้ช้างเอราวัณเหยียบ
สู้ยังไงก็สู้ไม่ได้พระอินทร์ก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากพระศิวะและพระพรหม แต่พระศิวะและพระพรหมไม่เล่นด้วย ด้วยถือว่าพรอันใดได้ให้ใครไปแล้วก็ให้ไปเลย พระอินทร์จึงเหลือที่พึงสุดท้ายคือพระนารายณ์ (พระวิษณุ) ให้ช่วย ซึ่งพระนารายณ์ก็แนะนำให้ไปทำพิธีกวนเกษียรสมุทร ในทะเลน้ำนม เพื่อให้ได้น้ำอมฤตมาดื่มจะได้มีพลังและไม่มีวันตาย แต่การจะกวนกวนเกษียรสมุทรได้ จะใช้แค่ฝ่ายเทพก็ไม่พอเพราะต้องใช้กำลังพลเยอะมาก พระอินทร์เลยออกอุบายทำสัญญาสงบศึกกับพวกยักษ์และชักชวนกันมาทำการกวนเกษียรสมุทร ได้น้ำอมฤตมาเท่าไรเราค่อยมาแบ่งกัน (ในใจลึกๆก็คิดว่าอย่าหวังว่าจะได้กินเลยยักษ์เอ๋ย) จากนั้นพระอินทร์ก็ให้นาควาสุกรีมาช่วยใช้ลำตัวเป็นเชือกเพื่อใช้ในการชัก (หลอกนาคมาอีกหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าสุดท้ายนาคก็ไม่ได้อะไร)
เมื่อเริ่มพิธีกวนเกษียรสมุทร ได้ใช้ภูเขามันทรคีรีมาตั้งบน ทะเลน้ำนมที่อยู่ในไวกูณฑ์สวรรค์ โดยพระอินทร์คิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าชักนาคเมื่อไรนาคจะต้องเจ็บปวดมากและต้องพ่นพิษออกมาแน่ๆ พระอินทร์จึงให้ยักษ์อยู่ทางหัวของนาค และให้เทพอยู่ทางหาง เมื่อเริ่มกวนนาคก็พ่นไฟพิษมาโดนยักษ์ ต่างก็ทรมานทั้งยักษ์ทั้งนาค จะมีสบายก็แต่เทพ ชักแบบชิวๆ พิธีกรรมนี้ใช้เวลาชักเป็นพันๆปีกว่าจะได้น้ำอมฤต และในระหว่างนี้ก็มีของวิเศษหลายอย่างที่ได้ออกมาก่อนน้ำอมฤตซะด้วยคือ
1.ดวงจันทร์ (พระศิวะเอาไปปักผม) 2.เพชรเกาสตุภะ 3.ดอกบัวลอยขึ้นมาพร้อมพระลักษมี 4.วารุณี เทวีแห่งสุรา 5.ช้างเผือกเอราวัณ (พระอินทร์เอาไปใช้) 6.ม้าอุจฉัยศรพ 7.ต้นปาริชาติ 8.โคสุรภี หรือ โคอุสุภราช พร้อมของหอม 9.หริธนู 10.สังข์ 11.ปวงเทพีอัปสรสวรรค์ (มีนางอัปสรออกมาเยอะมาก พระอินทร์เอาคนเดียวไม่แบ่งใคร) 12.พิษร้าย ฝูงนาคและงูสูบพิษไว้ 13.ธันวันตริ แพทย์สวรรค์ 14.หม้อน้ำทิพย์อมฤต
การกวนผ่านไปเรื่อยๆ โดยต่างฝ่ายต่างออกแรงฉุดพญานาควาสุกรีกันเป็นจังหวะ เขามันทระก็หมุนตามจังหวะไปเรื่อยๆจนเกิดปัญหาขึ้นเพราะเขานั้นหมุนเสียดสีกับพื้นโลก พระนารายณ์เห็นว่าหากปล่อยไว้แบบนั้นโลกอาจพังพินาศด้วยแรงเสียดสีของเขามันทระได้ จึงอวตารเป็น "เต่ายักษ์" และใช้กระดองของตนเองรองรับแรงเสียดสีของเขามันทระแทน
เมื่อพากันกวนจนได้น้ำอมฤตแล้วพวกยักษ์เห็นนางอัปสรซึ่งสวยมากๆ ก็พากันไล่จับนางอัปสร จนลืมว่าที่ตัวเองมาเนี่ยมาเอาน้ำอมฤตนะจ๊ะ ในระหว่างที่พวกยักษ์ไล่จับนางอัปสร พวกเทพก็พากันมาต่อคิวดื่มน้ำอมฤต แต่ไม่ใช่ว่ายักษ์ทุกตนจะบ้าผู้หญิงนะ ยังมีพระราหูที่ไม่บ้าจี้ไปไล่จับนางอัปสร ก็มาต่อคิวดื่มน้ำอมฤตกับเค้าด้วย ในระหว่างที่พระราหูกำลังดื่มอยู่นั้น พระอาทิตย์กับพระจันทร์เห็นเข้าก็ไปฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์เลยขว้างจักรมาตัดหัวพระราหู แต่ด้วยอำนาจของน้ำอมฤตที่ดื่มไปทำให้พระราหูไม่ตาย แต่ก็เหลือแต่หัวมาจนทุกวันนี้ และพระราหูก็โกรธพระอาทิตย์กับพระจันทร์มาก เจอที่ไหนจะต้องเอามาอมเล่นให้ได้
กว่าพวกยักษ์จะรู้ตัวว่าโดนหลอก น้ำอมฤตก็หมดแล้ว นางอัปสรก็จับไม่ได้ แถมยังต้องเสียพื้นที่บนสวรรค์ให้กับพวกเทพอีก น่าสงสารเป็นยิ่งนัก
ในการชมหุ่นกระบอกนี้ ผู้ชมจำเป็นต้องรู้เรื่องย่อของแต่ละตอนด้วย เพื่อให้การชมมีอรรถรส และดูได้อย่างสนุกไม่เบื่อหน่าย
คนที่บ้านไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย จำต้องคอยอธิบายให้ฟังอยู่บ้าง เลยนั่งดูได้อย่างสงบ ไม่หันซ้ายหันขวาอย่างเอือมระอา ส่วนแม่ตะลีเป็นแฟนโขนหนังละครลิเกลำตัด อยู่แล้ว ตั้งแต่เล็กแต่น้อย มีโอกาสเหมาะเมื่อใดก็ไปดูเมื่อนั้น คนเชิดเชิดได้สวยงามมาก ดูไปก็เอียงตัว เอียงคอซ้ายขวา ตามคนเชิดไปด้วย ก็มันได้อารมณ์ร่วมมากค่ะ
สวัสดี
Create Date : 18 ธันวาคม 2561 |
|
22 comments |
Last Update : 18 ธันวาคม 2561 17:37:37 น. |
Counter : 1131 Pageviews. |
|
|
โดยรวม ๆ แล้วธรรมะก็ย่อมชนะอธรรม แม้จะได้มาแบบขี้โกงนิด ๆ เข้าใจถูกต้องหรือเปล่าคะ แหะ ๆ
พระราหูกับดวงจันทร์มีแค้นที่ต้องชำระกันเช่นนี้เอง
ขอบคุณเรื่องสนุก ๆ ด้วยค่ะ