สองสัปดาห์นี้ มีคนโพสถามเรื่อง
ถ้าตอนจบ...อังศุมาลินเป็นฝ่ายไปรอโกโบริที่ทางช้างเผือกก่อนล่ะ...
ในฐานะแฟนวรรณกรรมอันดับหนึ่งของบ้าน(เพราะอ่านอยู่คนเดียว)...
จะลองเขียนฉากจบเรื่องนี้ดู...เป็น alternative ending ละกัน
ถ้าสมมุติว่าคืนนั้นที่สถานีบางกอกน้อย....
อังศุมาลินเป็นฝ่ายที่ตายจากไป...
พร้อมกับลูกน้อยในท้อง...
==================================
กลางคืนปลายปี 2488 อากาศเย็นสบาย
ต้นลำพูต้นใหญ่ริมน้ำมีหิ่งห้อยนับร้อยนับพันแฝงตัวแปล่งแสงระยิบระยับแข่งกับแสงดาวบนฟ้า
มองตรงเข้าไปจะเห็นทางเดิน ที่ขนาบด้วยต้นมะลิส่งกลิ่นหอมเย็นระรวย
ลึกเข้าไปตามทางเดิน จะเห็นบ้านทรงไทยหลังคาแหลมสูงเบื้องหลัง
ร่างสูงเปิดประตู ก้าวออกมาจากบ้าน
ชายหนุ่มในชุดเสื้อยูกาตะแบบญี่ปุ่นถือของมาเต็มสองมืออย่างระมัดระวัง
เขาหยุดที่ท่าน้ำใต้ต้นลำพูนั้น...มองหิ่งห้อยนิ่ง...นาน
แล้วจึงย่อตัวลงนั่งคุกเข่าแบบญี่ปุ่นแท้ หลังตรง สง่างาม
เขาค่อย ๆ วางข้าวของที่ประคองมาจากบ้าน...
วางดาบซามูไรไว้ด้านขวา
เหรียญกล้าหาญและใบประกาศประทับตรากองทัพแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ทางด้านซ้าย
และ...ขิม...ที่เขาประคองมันวางลงเบื้องหน้าอย่างเบามือ
"ฮิเดโกะ....ผมกลับมาแล้ว...
ทันทีที่ผมรู้ข่าวว่าทางรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม
ผมกลัวเหลือเกิน...กลัว...ว่าจะไม่ได้กลับมาหาคุณที่นี่
เพราะค่ายทหารญี่ปุ่นหลายค่าย ระเบิดทหารทั้งค่าย เพื่อแสดงความจงรักภักดี
แต่ชีวิตของผม ผมได้มอบให้สมเด็จพระจักรพรรดิไปแล้ว
เหมือนที่ผมได้สัญญาไว้กับคุณ"
น้ำตาชายหนุ่มรื้นขึ้น ความทรงจำใน"คืนนั้น"เด่นชัด
======================
ปีที่แล้ว...ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย...
หญิงสาวกุมมือเขา...ลมหายใจรวยริน
"สัญญากับฉันนะคะ คุณเคยบอกฉันว่าชีวิตของคุณเป็นของสมเด็จพระจักรพรรดิ...
ฉันเป็นต้นเหตุให้คุณทำผิดต่อชาติของคุณมากมาย
...
คุณต้องมีชีวิตอยู่เพื่อสมเด็จพระจักรพรรดินะคะ"
เพราะคำสัญญานั้น...ทำให้ชายหนุ่มย้ายตัวเองไปพม่าทันทีที่จัดงานศพให้หญิงสาวเสร็จ
เขาอาสาออกรบในแนวหน้าไม่เว้นแต่ละวัน
จนได้เหรียญกล้าหาญมากมาย...
========================
"ผมทำตามสัญญาเสมอ...
คุณเห็นเหรียญกล้าหาญพวกนี้ไหม
ผมได้ทำอย่างที่ได้สัญญาไว้กับคุณ
แต่ตอนนี้หน้าที่ของผมต่อสมเด็จพระจักรพรรดิได้สิ้นสุดลงแล้ว
ตอนผมอยู่ในสนามรบ...
วันใดที่การรบมันช่างหนักหนาเหลือทน
ผมจะหลับตา...
นึกถึงคืนที่คุณนอนหนุนแขนผม
นึกถึงลมหายใจอุ่นๆของคุณที่ปะทะหน้าอกของผม
พอผมลืมตาขึ้นมา...ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่เลวร้ายอีกต่อไป
คุณรู้มั้ย ผมใส่ผ้าเช็ดหน้าและรูปของคุณไว้ที่กระเป๋าหน้าอกซ้ายของผมเสมอ...
หัวใจของผมจะได้รู้ว่า...มันเต้นอยู่เพือใคร...
การมีชีวิตอยู่โดยไม่มีคุณมันช่างทรมาณ...
จนบางที...ผมอยากออกรบแล้วตายๆไปเสียที
แต่คุณสวดมนตร์ให้ผมทุกวันใช่ไหม...
สวดมนตร์เพราะคุณอยากให้ผมกลับมาหาคุณที่นี่
ผมเลยไม่ตายในสนามรบ...
ทันทีที่ผมรู้ว่าญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้
ผมหนีออกมาจากค่าย
ผมกลัวว่าผู้บังคับบัญชาของผมจะสั่งระเบิดค่ายเสียก่อน
และผมจะไม่มีโอกาสกลับมาหาคุณ
ผมเดินเท้าลัดเลาะมาตามรางรถไฟ
เข้ามาทางจังหวัดกาญจนบุรี
ผมไม่รู้ว่าผมเดินนานแค่ไหน...แต่มันก็ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน
เพราะหัวใจผมมันเร่งเร้าให้มาถึงที่นี่ให้เร็วที่สุด
ตอนมาถึง คุณแม่กับคุณยายจำผมแทบไม่ได้
ผมคงสกปรกน่าดู
ท่านให้ผมไปอาบน้ำ จัดที่นอนให้ที่ห้องของเรา
ห้องของเรายังเหมือนเดิมทุกอย่าง
หมอนของคุณวางอยู่ข้างหมอนของผม
หมอนของคุณยังมีกลิ่นอายของคุณอยู่เลย
เหมือนคุณเพิ่งลุกออกไปเมื่อกี้เอง"
เขาหยุด...กลืนก้อนแข็งลงคอ...
"คุณคงไม่ว่าอะไร ที่ผมนอนหนุนหมอนของคุณเมื่อคืน
ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน...ฮิเดโกะ"
น้ำตาชายหนุ่มไหลออกมาจากสองตา
ชายหนุ่มเปิดฝาเครื่องดนตรี...บรรเลงเพลงในความทรงจำ
...อ่อนหวานนุ่มนวล...หากเต็มไปด้วยความโศกเศร้า...ของผู้หญิงร้องไห้
โอ้ว่าป่านฉะนี้พระพี่เจ้า
จะโศกเศร้ารัญจวนครวญหา
ตั้งแต่พระไปแก้สงสัยมา
มิได้พบขนิษฐาในถ้ำทอง
เขาวางไม้ตีลงอย่างเบามือ
มือขวากำดาบซามูไรแน่น
"ตอนนี้...ผมพร้อมแล้ว...
ชีวิตผมได้ให้สมเด็จพระจักรพรรดิอย่างเต็มภาคภูมิ
หัวใจของผมจึงได้กลับมา...หาเจ้าของที่แท้จริงของมัน
เพื่อฝากร่างกายไว้กับแม่พระธรณี...ที่เดียวกับคุณ"
"คุณพร้อมจะเดินทางไปทางช้างเผือกด้วยกันแล้วใช่ไหม"
ชายหนุ่มปลดเสื้อยูกาตะลงจากหัวไหล่ทั้งสองข้าง
มือขวาหยิบดาบซามูไรคู่กายขึ้น
เขาชักดาบออกจากฝักและเสียบมันลงช่องท้องอย่างรวดเร็ว
เขาบิดข้อมือเพียงเล็กน้อย แต่คมดาบได้คว้านอวัยวะสำคัญภายในอย่างแสนสาหัส
เลือดทะลักออกมาเป็นลิ่ม...
ถึงแม้ว่าจะเหลือเพียงลมหายใจรวยริน...
ริมฝีปากได้รูปก็ยังเอื้อนเอ่ย...เสียง...ที่ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ...
"อานาตะ โอ อาอิชิ มาสุ...ผมรักคุณ...ฮิเดโกะ"