พระพิฆเนศ มีกายเป็นมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง อีกชื่อหนึ่งจึงเรียกว่า คชานนท์ มีงาข้างเดียว อ้วนเตี้ย ท้องพลุ้ย หูยาน พระวรกายสีแดง สีขาว สีเหลือง ฯลฯ นุ่งห่มภูษาแดง มี ๔ กร ถือบ่วงบาศ ขอสับช้าง และมีเทพศัสตราวุธอีกหลายชนิด ซึ่งได้รับประทานจากพระศิวะ มีพาหนะบริวาร คือ หนู นามว่า มุสิกะ
พระพิฆเนศทรงหนูบริวาร ชื่อ มุสิกะ
ชนพื้นเมืองของอินเดีย นอกจากจะมีลัทธิการบูชาสัตว์ หรือลัทธิแห่งชัยชนะเหนือธรรมชาติแล้ว
ยังเชื่อว่า หนู เป็นสัญลักษณ์ของความมืด
พระพิฆเนศทรงขี่หนู จึงหมายถึงชัยชนะของแสงอาทิตย์ ที่ขจัดความมืดให้หมดสิ้นไป เป็นเทพเจ้าผู้ทรงขจัดอุปสรรคทั้งปวง เป็นเทพเจ้าแห่งความรอบรู้ ความฉลาด ความสำเร็จ เป็นเทพประจำเรือน ผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ และคุ้มครองป้องกันสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง จึงอาจกล่าวได้ว่า พระพิฆเนศเป็นเทพเจ้าแห่งจักรวาล ก็ว่าได้
การนับถือพระพิฆเนศในเมืองไทย
พระพิฆเนศได้กลายเป็นเทพเจ้าองค์สำคัญในศาสนาฮินดู (พราหมณ์) ความศรัทธาเชื่อถือได้แพร่หลายสู่แผ่นดินสยาม ตั้งแต่สมัยโบราณ ปรากฏเป็นรูปประติมากรรมพระพิฆเนศ ณ โบราณสถานหลายแห่ง เช่น ที่เมืองนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ลพบุรี นครราชสีมา ฯลฯ
พระพิฆเนศ ได้กลายเป็นมหาเทพที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยมากองค์หนึ่ง นับถือให้ท่านเป็นประธานในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ประจำกรมศิลปากร, มหาวิทยาลัยศิลปากร, วิทยาลัยช่างศิลป และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รวมทั้งในพิธีเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ พิธีไหว้ครูนาฏศิลป์ โขน ละคร พิธีไหว้ครูของควาญช้าง พิธีครอบครูเรียนสรรพวิชาต่างๆ ฯลฯ ก็ต้องกล่าวบูชาพระพิฆเนศเสียก่อน จึงจะเป็นสิริมงคล และทำกิจการงาน หรือเล่าเรียนได้สำเร็จ
ดังนั้น การอธิษฐานขอพรใดๆ ที่ไม่เกินวาสนาบารมี ย่อมสำเร็จได้ทุกสิ่ง พระองค์ย่อมประทานพรให้สมปรารถนาเสมอ เช่น ขอพรด้านการศึกษาเล่าเรียน ขอปัญญาความรู้ ขอตำแหน่งหน้าที่การงาน ขอด้านการเงินและความรัก ด้านปัดเป่าอุปสรรคทุกข์ภัย และแก้ไขปัญหาต่างๆ ขอให้ทุกอย่างประสบผลสำเร็จ ซึ่งจะสำเร็จมากน้อยหรือไม่ประการใดนั้น ขึ้นอยู่กับบุญกุศลบารมีของแต่ละคน ที่ย่อมมีไม่เท่ากัน
โย่ว ^_^