Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 

วันอาสาฬหบูชา




ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง อ า ส า ฬ ห บู ช า
“อาสาฬหบูชา” (อา-สาน-หะ-บู-ชา/อา-สาน-ละ-หะ-บู-ชา) ประกอบด้วยคำ ๒ คำ คือ อาสาฬห (เดือน ๘ ทางจันทรคติ) กับบูชา (การบูชา) เมื่อรวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน ๘ หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือน ๘ หรือเรียกให้เต็มว่า อาสาฬหบูรณมีบูชา

อาสาฬหะ คือ เดือน 8 ทางจันทรคติ
อาสาฬหบูชาคือ การบูชาในเดือน 8 หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน 8 เพื่อ รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย เป็นการพิเศษ เนื่องในวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธัมมจักกัปวัตนสูตร ทำให้เกิดมีปฐมสาวกคือ พระอัญญาโกณฑัญญะ และเกิดพระรัตนตรัยครบองค์สาม คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ในวันนี้

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงตรัสรู้ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทรงเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ( วันวิสาขบูชา) ทรงคำนึงว่าธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นี้ลึกซึ้งมาก ยากที่ผู้อื่นจะรู้ตาม แต่อาศัยพระกรุณานี้เป็นที่ตั้ง จึงทรงพิจารณาแบ่งบุคคลออกเป็น 4 ประเภท หรือ บัว 4 เหล่า ได้แก่

     1. ผู้รู้ข้าใจได้ฉับพลัน แต่พอท่านยกหัวข้อขึ้นแสดง เปรียบได้กับดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ

     2. ผู้รู้เข้าใจ ต่อเมื่อท่านขยายความ เหมือน ดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำ

     3. ผู้ที่พอจะแนะนำต่อไปได้ ดั่ง ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ยังมีโอกาสที่จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา

     4. ผู้ที่ได้แค่ตัวบท คือ ถ้อยคำเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจเข้าใจความหมายได้ ไม่ต่างจาก ดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตมมีแต่จะกลายเป็นอาหารของปลาและเต่า

ในชั้นแรก ทรง ระลึกถึงพระอาจารย์ ที่ทรงไปศึกษาด้วย เมื่อตัดสินใจสละราชสมบัติ ออกแสวงหาสัจจธรรมคือ อาฬารดาบสและอุททกดาบสว่า มีกิเลสเบาบางสามารถตรัสรู้ได้ทันที แต่ทั้งสองได้เสียชีวิตแล้ว จึงทรงระลึกถึง ปัญจวัคคีย์ ซึ่งเป็นผู้อุปฐากพระองค์ เมื่อครั้งยังทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่

สองเดือนหลังจากทรงตรัสรู้ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 จึงเสด็จไปยังป่าอิสปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี อันเป็นที่พำนักของแก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสชิ ทรงแสดงปฐมเทศนา ประกาศสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เป็นครั้งแรก

หลังจากได้ฟังปฐมเทศนาแล้ว โกณฑัญญะ เป็นบุคคลแรก ที่ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงกราบทูลขอบวช พระพุทธเจ้าทรงทำการอุปสมบทให้แบบ เอหิภิกขุอุปสัมปทา ด้วยการเปล่งพระวาจาว่า “ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิดเถิด “
ทรงตรัสว่า ที่สุด 2 อย่างที่บรรพชิตไม่ควรประพฤติปฏิบัติคือ
การประกอบตนให้อยู่ในความสุขด้วยกาม ซึ่งเป็นธรรมอันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ที่สุด
อีกทางหนึ่งคือ การประกอบการทรมานตนให้เกิดความลำบาก ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
การดำเนินตามทางสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดทั้งสองอย่างนั้น เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาและญาณให้เกิด เป็นไปเพื่อความสงบระงับ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ และนิพพาน ทางสายกลาง ได้แก่ อริยมรรค มีองค์แปด คือ ปัญญาอันเห็นชอบ ดำริชอบ เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ และตั้งใจชอบ

      ตามธรรมดา “ล้อ” หรือ “จักร” ย่อมประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๓ ส่วน คือดุม กำ และ กง ส่วน “จักรธรรม” นี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุปมาเปรียบโพธิปักขิยธรรมเป็นดุม ปฏิจจสมุปบาทธรรมเป็นกำ และอริยสัจ ๔ เป็นกง

       พระธรรมที่ทรงแสดงในครั้งนั้นคือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร หรือพระสูตรว่าด้วยการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งมีเนื้อความว่าด้วย มัชฌิมาปฏิปทา คือ
      • ทางสายกลาง
      • อริยสัจจ์ 4

อริยสัจจ์ 4 หรือความจริงอันประเสริฐ 4 ประการได้แก่ 
ทุกข์ คือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ , ความเกิด ความแก่ ความตาย ความได้พบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้น
สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ , ตัณหาความทะยานอยาก อันทำให้เกิดอีกความกำหนัด เพลิดเพลินในอารมณ์ คือกามตัณหา ความทะยานอยากในกาม ภวตัณหา ความทะยานในภพ วิภวตัณหา ความทะยานอยากในความไม่มีภพ
นิโรธ ความดับทุกข์ และ โดยการดับตัณหาด้วยอริยมรรค คือ วิราคะ สละ ดับ ปล่อยไป ไม่พัวพัน
มรรค ข้อปฎิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อริยมรรคมีองค์ 8 คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ การเจรจาชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ความพยายามชอบ การระลึกชอบ และการตั้งจิตมั่นชอบ

ญาณทัสนะหรือปัญญาอันรู้เห็นในอริยสัจ ๔ นั้น มีรอบ ๓ อาการ ๑๒ คือ



ญาณทัสนะในอริยสัจ ๔ อันมีรอบ ๓ อาการ ๑๒ ของพระองค์นั้นหมดจดดีแล้วพระพุทธองค์จึงทรงกล้ายืนยันว่า พระองค์ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมทั้งในโลกมนุษย์ เทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ หมู่สมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ อาสวกิเลสของพระองค์ไม่กลับกำเริบขึ้นอีกแล้ว พระชาตินี้เป็นที่สุด จะมีภพใหม่อีกก็หาไม่


อริยสัจญาณ ทุกขอริยสัจ ทุกขสมุทัยอริยสัจ ทุกขนิโรรธอริยสัจ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
สัจญาณ
(ญาณหยั่งรู้อริยสัจตามสภาวะ)
ทรงหยั่งรู้ ทรงหยั่งรู้ ทรงหยั่งรู้ ทรงหยั่งรู้
กิจญาณ
(ญาณหยั่งรู้กิจที่ต้องทำใหนอริยสัจ)
เป็นสิ่งที่ควรรู้ เป็นสิ่งที่ควรรู้ เป็นสิ่งที่ควรทำให้แจ้ง เป็นสิ่งที่ควรเจริญหรือปฏิบัติ
กตญาณ
(ญาณหยั่งรู้กิจที่กระทำแล้วในอริยสัจ)
ทรงกำหนดรู้แล้ว ทรงละแล้ว ทรงทำให้แจ้งแล้ว ทรงเจริญแล้ว





จากหลักฐานอันมีปรากฏอยู่นั้น พบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรแก่ปัญจวัคคีย์ภิกษุทั้ง ๕ เป็นปฐมแล้ว มิได้ตรัสแสดงสูตรนี้อีกเลยตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษาแห่งการตรัสเทศนาเผยแผ่พระศาสนานั้น ล้วนแต่ทรงแสดงธรรมกถาขยายความแห่งปฐมเทศนาในแต่ละหมวดโดยเอกเทศ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นที่ทราบกันทั่วไปในหมู่นักปราชญ์ทั้งหลายว่า การตรัสเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรเป็นปฐมนี้ ถือเป็นพระประเพณีแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
โดยสรุป วันอาสาฬหบูชา แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญ เดือน ๘ หรือ การบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในวันเพ็ญ เดือน ๘ คือ
      ๑. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา
      ๒. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเริ่มประกาศพระศาสนา
      ๓. เป็นวันที่เกิดอริยสงฆ์ครั้งแรกคือการที่ท่านโกณฑัญญะรู้แจ้งเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน จัดเป็นอริยบุคคลท่านแรกในอริยสงฆ์
      ๔. เป็นวันที่เกิดพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือ การที่ท่านโกณฑัญญะขอบรรพชาและ ได้บวชเป็นพระภิกษุ หลังจากฟังปฐมเทศนาและบรรลุธรรมแล้ว
      ๕. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงได้ปฐมสาวกคือ การที่ท่านโกณฑัญญะนั้น ได้บรรลุธรรม และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของพระพุทธเจ้า
      ๖. เป็นวันแรกที่บังเกิดรัตนะครบสาม เป็นพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ
จึงทำให้ในวันนั้นมีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้จึงเรียกวันนี้ว่า “วันพระธรรม” หรือ “วันพระธรรมจักร” อันได้แก่วันที่ล้อแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้หมุนไปเป็นครั้งแรกและ “วันพระสงฆ์” คือ วันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

นี่คือ ความสำคัญที่สุดของวันอาสฬหบูชา คือ วันที่ทรงประกาศพระพุทศาสนา ประกาศสัจธรรมที่ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เองแก่ชาวโลก เป็นธรรมที่เป็นจริงและยั่งยืนมาตราบจนถึงทุกวันนี้ นับเป็นเวลาสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว




 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2559
0 comments
Last Update : 26 กรกฎาคม 2559 13:39:09 น.
Counter : 392 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 3081643
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3081643's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.