{บ้านพักฝากอากาศ ณ เซี่ยงไฮ้}
 
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
27 มีนาคม 2550

0010: อ้าเหนียง: บะหมี่(แค่)สามฤดู (เสาร์ 2007.03.24)

บนถนนไขวไห่ลู่อันฟู่ฟ่า ยังมีร้านบะหมี่เล็กๆ ธรรมดาๆ ซุกตัวอยู่ใต้เงาสี่เหลี่ยมแข็งๆ ของตึกใหญ่เหล่านั้น เป็นร้านบะหมี่ที่เอลวิสและเลสลี่บอกกับผมว่า สุดยอดของเซี่ยงไฮ้ ใครมาใครไปก็ต้องพามากิน

เอลวิสบอกให้แท็กซี่หยุดล้อ ผมมองหาว่าร้านอยู่ไหน เอลวิสเดินขึ้นไปบนฟุตบาท มีผู้คนต่อแถวยาวประมาณยี่สิบกว่าคนจ่ออยู่หน้าประตูร้านขนาด (โคตร) เล็ก คุณลุงคนหนึ่งนั่งอยู่ในเคาน์เตอร์เพื่อรอรับออร์เดอร์จากลูกค้าในขบวนแถวที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผมมองเข้าไปในร้านขนาดเล็ก-เต็มเอี้ยด!

เลสลี่ชี้ให้ผมมองไปยังฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งชี้ชวนให้ข้ามถนนไปหาที่นั่งกันไว้ก่อน ร้านฝั่งตรงข้ามขนาดใหญ่กว่าแต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร คนแน่นร้านไม่มีที่ให้ยืน เลสลี่จึงพาเดินออกมาที่ข้างร้าน เป็นซอยเล็กๆ ระหว่างตึกแถวสองหลัง มีโต๊ะตั้งเรียงรายเหมือนร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวบ้านเรา โต๊ะทั้งเจ็ดตัวนั้นไม่มีที่ว่างให้แทรกตัวเข้าไปนั่งแม้แต่หนึ่งที่

ผมกลืนน้ำลายที่เอ่อขึ้นลงไปในคอ ยังไม่ทันลิ้มรสก็รับรู้ได้ถึงความอร่อย

เราไปยืนคอยโต๊ะที่กำลังซดน้ำก้นชาม และจ้วงเส้นบะหมี่ก้อนสุดท้ายเข้าปากแบบตาไม่กะพริบ หากกะพริบเพียงนิด ลืมตาขึ้นมาอีกทีเราอาจโดนแย่งที่ไปแล้ว! ผมจึงนัดหมายกับเลสลี่ เธอต้องลืมตาในจังหวะที่เรากะพริบ แล้วค่อยกะพริบในจังหวะที่เราลืมตา

สำเร็จ! ในที่สุดเราก็ได้หย่อนก้นลงนั่ง

ยังมีคนจะมาขอนั่งด้วย แต่อีกที่หนึ่งที่เหลืออยู่นั่นเราต้องสงวนไว้ให้เอลวิสที่กำลังต่อแถวยาวเหยียดเพื่อสั่งอาหารอยู่ เอลวิสโทรเข้ามาถามว่า จะกินอะไร ผมตอบไปว่า เอาที่คิดว่าอร่อยที่สุดมาละกัน

นั่งได้ไม่กี่นาที ฟ้าเริ่มครึ้ม ฝนทำท่าจะตก แต่มันทำท่าไม่นานเท่าไหร่ แป๊บเดียวก็โปรยละอองฝอยๆ ลงมาทักทายคนใต้ฟ้าที่กำลังรอและกำลังเพลิดเพลินกับบะหมี่ในชาม ฉากน่ารักเล็กๆ เกิดขึ้น เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งกางร่มให้หญิงสาวได้อร่อยกับบะหมี่ต่อไป เขาถือร่มไว้มือหนึ่ง อีกมือก็จ้วงบะหมี่เข้าปาก หญิงสาวหันไปฉีกยิ้มให้หนึ่งแควก แล้วก้มหน้าก้มตาซู้ดบะหมี่เข้าปากต่อ

ไม่นานนัก ผู้คนบริเวณนั้นก็กางร่มไปกินบะหมี่ไป ส่วนผมกับเลสลี่ก็ได้แต่เอามือกุมหัว ยังไงเราก็ไม่ลุกไปไหนแน่ๆ วันนี้กูต้องกินบะหมี่อภิมหาอร่อยนิรันดร์กาลร้านนี้ให้จงได้

ยังมีคนมายืนรอจ่อโต๊ะเรา ทั้งที่ชามบะหมี่ของเรายังไม่มาด้วยซ้ำ เอลวิสสั่งเสร็จแล้วจึงมานั่งเล่าเรื่องให้ฟังว่า เคยมากับคนที่ออฟฟิศเก่าแล้วไม่มีโต๊ะ ถึงกับต้องยืนกินกันข้างทาง แล้วก็เพิ่มรสชาติโอชาเข้าไปอีกว่า เวลามีแขกต่างชาติมาก็ยังต้องพามากินที่นี่ เป็นร้านดั้งเดิมของเซี่ยงไฮ้ที่คนที่มาที่นี่ต้องกิน

ผมหันไปบอกกับเอลวิส “นี่กูไม่ต้องกินก็อร่อยแล้วนะเนี่ย”

แล้วบะหมี่ควันกรุ่นก็มาวางบนโต๊ะ ฝนหยุดตกเปิดโอกาสให้เราสำราญกับรสชาติอันเสนาะลิ้น ผมจ้วงบะหมี่คำแรกเข้าปาก ซดน้ำซุปร้อนๆ ตามไล่หลัง ทั้งหมดรวมตัวกันกลิ้งเกลือกสัมผัสปุ่มรับรสทั้งหมดที่มีอยู่ในปาก สัญญาณสัมผัสส่งไปยังสมองว่า อร่อยโคตร!

ผมส่งกุ้งตัวเล็กๆ แต่ขาวอวบตามลงไป ฟันกัดลงบนเนื้อหยุ่นแต่กรุบกรอบด้วยจังหวะเวลาที่ต้มแบบไม่สุกไม่ดิบจนเกินไป โอ้วพระเจ้า มันช่างเป็นความสำราญของช่องปาก ยัดตามด้วยเซี่ยงจี้กรุบหั่นไม่บางไม่หนาเกิน น้ำซุปเข้มข้นรสชาติเฉพาะตัว กับเส้นบะหมี่ทำเอง กวัดแกว่งคล่องแคล่วในสายลม ส่งผลให้เส้นนั้นอ่อนนุ่มราวลมแผ่วเบาที่ไหลเป็นสายผ่านช่องปาก สัมผัสกับฟันอย่างเป็นมิตร

โอ้ว ฝนตกร้อยห่าก็จะนั่งกินอยู่ตรงนี้

ไหนจะเกี้ยมฉ่ายผัดหมูสับชามเล็กที่ต้องแย่งกันจ้วงอีกล่ะ ซุปเนื้อปลาสีขาวผ่อง งอตัวขึ้นยั่วยวนเหมือนบอกว่า ตักฉันไปกินสิคะที่รัก ขาวนุ่มผุดผ่องและเต็มตึงดึ๋งดั๋ง น้ำซุปก็เก็บกักความหวานจากเนื้อปลาโดยไม่มีความชาจากผงชูรส

เพลิดเพลินเจริญกระเพาะเหลือเกินเพื่อนฝูง

นั่นคืออาหารใช่ไหม?
นั่นแหละคืออาหาร

ผมมิจำเป็นต้องบรรยายความเลอเลิศของการตกแต่งร้าน ถ้วยโถโอชาม ตะเกียบ ช้อน ว่ามันสวยงามพิสดารเพียงใด ท่านผู้อ่านทั้งหลายก็คงได้ลิ้มรสเลิศไม่ต่างจากที่ผมได้รับ หากเพราะสิ่งที่กล่าวมามันเป็นเพียงเครื่องประดับ และอุปกรณ์เพิ่มอารมณ์ในการรับประทานเท่านั้น หาใช่เนื้อแท้แห่งอาหารไม่

ร้าน “อาเหนียง” ใช้ตะเกียบไม้ธรรมดา ชามสีขาวเก่าๆ โต๊ะเก้าอี้ไม้เหมือนใช้มาเมื่อสี่สิบปีก่อน ด้วยเพราะทั้งหมดนั้นมิใช่ “อาหาร” และร้านอาหารลำพังแค่ทำ “อาหาร” ให้อร่อยก็เนืองแน่นไปด้วยลูกค้าจนแทบต้องไล่กลับบ้านไปบ้าง

องค์ประกอบทั้งหมดในร้านจึงธรรมดายิ่ง หากเปรียบกับงานศิลปะแล้ว จานชาม โต๊ะเก้าอี้ กระทั่งตัวร้านอันเก่าแก่ไม่ประดับประดาใดๆ นั้น ทำหน้าที่เป็นเพียงผืนผ้าใบสีขาวที่เป็นแบ็คกราวนด์ให้บะหมี่รสเลิศได้วาดลวดลายสวยงามประทับใจโดยไม่ทำตัวโดดเด่นข่มหรือแข่งกับรสชาติ

มันดำรงอยู่อย่างเงียบเชียบ รู้หน้าที่ที่ควรเป็น

โชคดีที่ผมได้มาลิ้มรสร้าน “อาเหนียง” ในช่วงปลายฤดูหนาว และผมคิดว่าคงหาโอกาสมากินอีกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ด้วยเพราะว่า ฤดูร้อนนั้นจะไม่มีร้าน “อาเหนียง” ให้ได้อร่อยกัน

ร้านจะปิดเป็นประจำทุกฤดูร้อน เมื่อผมถามหาเหตุผล เอลวิสกับเลสลี่คาดเดาว่า อาจด้วยความร้อนของอากาศทำให้กุ้ง, ปลา และของประกอบอาหารต่างๆ ไม่สดเท่าที่ควร เกรงจะไม่อร่อย

เมื่อไม่อร่อยก็ไม่ขายซะดีกว่า

แต่ผมเดาว่า “อาเหนียง” และครอบครัวคงจะได้เงินจากฤดูทั้งสามไปมากเพียงพอแล้ว ปิดร้านไปหาโอกาสสำราญใจสักฤดูหนึ่ง เพื่อที่จะได้มีสมองโปร่งใจ หัวใจเบิกบาน กลับมาทำอาหารอร่อยๆ อีก

คนเราลองได้พักผ่อนแล้วก็จะทำในสิ่งที่รักได้ดีขึ้น ผมว่างั้นนะ

อีกอย่าง ผมว่าเป็นการบริหารเวลาที่ดูแล้วเห็นเจตนาไม่กอบโกย เพราะลองถ้า “อาเหนียง” แกงกล่ะก็ แกคงไม่ยอมหยุดแม้สักหนึ่งวัน แถมการไม่ขยายสาขา ไม่ทำเฟรนไชส์ ก็ยิ่งทำให้ร้านเก่าแก่เล็กๆ แห่งนี้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

บะหมี่ร้อนๆ กินตอนอากาศเย็นๆ (ผมหมายถึงฤดูทั้งสามที่ร้านเปิด) คิดไปก็เหมือนศิลปะของการทำอาหารที่ตั้งใจกำหนดช่วงเวลาและอุณหภูมิให้คนลิ้มรสในช่วงที่จะทำให้อาหารอร่อยที่สุด

ลองนึกภาพอากาศร้อนๆ นั่งซดบะหมี่ควันโขมง เหงื่อแตกซิก ก็คงไม่สำราญเท่ากับการกินในช่วงปลายฤดูหนาวเช่นนี้

การรอคอยให้ฤดูร้อนผ่านพ้น ยิ่งทำให้บะหมี่ในฤดูใบไม้ร่วงอร่อยอีกเท่าตัว

จังหวะหยุด จังหวะถอย ในจุดที่ถูกที่ควรช่วยทำให้ของบางอย่างมีคุณค่า
ซึ่งสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับคนที่หัวใจมีศิลปะ และไม่ได้อยากได้เงินมากขนาดตะกละตะกราม

ผมอยากสั่งชามที่สอง แต่เห็นแถวที่ต่อยาวอยู่แล้วก็ท้อ ทั้งยังเห็นใจคนที่ยืนรอจ่ออยู่รอบหัว แต่แล้วก็คิดได้ว่า กินให้ไม่อิ่มจนเกินไปนี่แหละ
จะได้อยากกลับมากินอีก




 

Create Date : 27 มีนาคม 2550
16 comments
Last Update : 27 มีนาคม 2550 8:48:04 น.
Counter : 520 Pageviews.

 

อืมม กำลังหิวพอดี

 

โดย: Qingqing IP: 203.170.164.62 27 มีนาคม 2550 9:31:59 น.  

 

จังหวะหยุด จังหวะถอย ในจุดที่ถูกที่ถูกที่ควรช่วยทำให้ของบางอย่างมีคุณค่า ชอบประโยคนี้จัง...........ไม่รู้ซิฟังดูดีนะ.............เห็นด้วยอย่างยิ่ง ใช่แล้วการเดินทางของชีวิตก็ต้องเป็นอย่างนี้........พี่ว่าปะ..........อ่านแล้วก็อยากกินชามที่สองเหมือนกัน...อิ อิ

 

โดย: ดิว IP: 203.157.48.252 27 มีนาคม 2550 9:32:31 น.  

 

อ่านแล้วหิวเลย ยิ่งเป็นคนชอบกินเส้นด้วย

อืม รู้สึกว่าร้านอาหารที่เริ่มมีหลายสาขามากขึ้น มันไม่ไม่ให้ความรู้สึกอร่อยเหมือนตอนมันมีสาขาเดียวเลยอะ แม้เค้าจะกำหนดปริมาณการปรุงให้เท่ากันทุกประการก็ตาม กินแบบกะๆ เอาอร่อยกว่า

 

โดย: oum IP: 125.24.216.209 27 มีนาคม 2550 9:58:29 น.  

 

บรรยายมาซะจนท้องร้องจ๊อกๆ เลยนะเนี่ย

มีความสุขกับการกินก็ดีไปอีกแบบเนอะ

ว่าแล้วก็นึกเมนูวันนี้ออกแล้วล่ะ



 

โดย: jummdcu IP: 125.24.131.175 27 มีนาคม 2550 10:00:14 น.  

 

อรุณสวัสดิ์พี่ที่เคารพ
เนื่องด้วยน้องยังมิได้กินอาหารเช้า
อ่านบันทึกวันนี้แล้วตาจึงลายหัวจึงหมุนด้วยความหิวโหย
พรรณนาโวหารท่านพี่วันนี้แทบจะได้กลิ่นน้ำซุป
เห็นกุ้งขาวอวบกรุบกรอบลอยอยู่ตรงหน้า
พาให้ท้องร้องสนั่นเลยทีเดียว
...
ไปหาอะไรกินดีกว่า

 

โดย: เติ้ล IP: 58.9.139.206 27 มีนาคม 2550 10:02:06 น.  

 

บรรยายซะเห็นภาพเลย
เล่าเรื่องได้อร่อยโดยไม่ต้องไปนั่งกินเอง
คิดว่ามื้อเที่ยงของหลายๆคนวันนี้โซ้ยบะหมี่กันอร่อยแน่

 

โดย: หมี IP: 203.114.120.108 27 มีนาคม 2550 10:26:05 น.  

 

 

โดย: โสมรัศมี 27 มีนาคม 2550 10:29:50 น.  

 

ฮิ้วววววววววววว หิว หิว หิว หิว หิว หิว ฮิ้วววววววว
พะ-ยาด ในท้องมันกรีดร้องงงงงง


การรอคอยบางแบบดีกับหัวใจ - หัวสมอง
แต่การรอคอยให้อาหารตกลงท้อง อาจทำให้กระเพาะอาหารเรรวนได้ง่ายๆ

ขอให้ทุกท่าน ดูแล กระเพาะ ของตัวเองให้ดีเน้อ

จาก แผลในกระเพาะอาหาร

 

โดย: pattararanee IP: 125.25.83.17 27 มีนาคม 2550 10:45:10 น.  

 

คิด
ถึง
ชาย
สี่
บะ
หมี่
เกี๊ยว....

เป็นคนชอบทานของพวกนี้อยู่แล้ว พอพี่เอ๋มาพูดปุ๊บ..แบบว่า..
[อยากกินว้อยยย]

มีความสุขกับการกินต่อไปนะทั่นพี่

 

โดย: Modz(มด) IP: 58.137.48.4 27 มีนาคม 2550 11:17:56 น.  

 

วาดภาพไว้แบบว่า ตัวกำลังลอยจากพื้น
มือถือตะเกียบ คีบเส้นหมี่เข้าปาก
ล่องลอยไปกับรสชาติ
เหมือนกำลังอ่านการ์ตูนอยู่เลย

บางทีที่ร้านนี้สร้างรอยประทับใจได้
เพราะไม่มีเวลาสั่งชามที่สอง
จานแรกตอนที่กินไม่อิ่มดี
มันมักจะอร่อยสุดจะบรรยายจริงๆ

แต่ท่าทางเซี่ยงไฮ้จะไม่มีได้มีร้าน
อร่อยเหาะ อยู่ร้านเดียว
อยู่ที่นั่น พี่เอ๋คงเจริญอาหาร
แบบเกินอัตราแน่ๆ ^__^

 

โดย: JAM IP: 125.25.145.58 27 มีนาคม 2550 13:22:29 น.  

 


 

โดย: therainyseason IP: 58.8.180.69 27 มีนาคม 2550 14:11:03 น.  

 

บรรยายซะหยั่งกะพวกนักชิมในจอมโหดกะทะเหล็ก

 

โดย: The Firemind IP: 58.181.178.30 27 มีนาคม 2550 19:01:17 น.  

 

อืม...... ฟังดูเหมือน hole in the wall เลยนิ
ว่าแล้วก้ออยากกินบะหมี่ทันทีเลย

แต่ว่าที่ท่านกล่าวมาข้างต้นมานมาเข้ากับ หลักเศรษฐกิจพอเพียงเลยเนอะ อยากให้หลายๆคนเข้าใจ อย่างอาเหนียงมั่งจัง

 

โดย: CrossbacK IP: 124.120.221.168 27 มีนาคม 2550 19:39:54 น.  

 

ว่าจะลองทำอาชีพ "นักชิม" แข่งกับคุณหมึกแดงบ้างเหมือนกันครับ
ชิมแล้วเอามาบรรยายในหนังสือ ฮ่าฮ่า เพิ่มความกลมของพุง

อ้อ วันนี้ไปรู้เพิ่มมาอีกครับว่า ร้านอ้าเหนียงเปิดแค่มื้อเดียว
หลังเที่ยงก็ปิดร้านไม่ให้คนกินแล้ว แหมหยิ่งจริงๆ เชียว
(พอดีเมื่อกี้ไปเดินผ่านร้านมาครับ ร้านปิดเฉย!)

 

โดย: นิ้วกลม IP: 202.136.209.2 28 มีนาคม 2550 14:56:35 น.  

 

ระวังต่อไปจะกลายเป็นพุงกลม ไม่ใช่นิ้วกลมนะคะ

 

โดย: kengi IP: 203.144.212.151 28 มีนาคม 2550 16:15:12 น.  

 

ผมได้ไอเดียแล้วล่ะ ผมจะทำหวานเย็นขายตอนหน้าร้อน เฉพาะสงกรานต์เท่านั้น! หวานเย็นของผมต้องอร่อยที่สุดแน่ๆ

**อ่านแล้วอยากทานบะหมี่มากๆ**

 

โดย: ป้อจาย 31 มีนาคม 2550 17:12:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


roundfinger2547
Location :
1155 North Shaanxi Road, BLK 1, Room 2103, Shanghai, China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




นิ้วกลม คือ ผู้ชายที่ชอบกินป๊อกกี้คนหนึ่ง
Free Hit Counter
[Add roundfinger2547's blog to your web]