สวัสดีครับ

ผมได้พบหนังสือ เล่มหนึ่ง ซึ่งได้นำเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆ
เกี่ยวกับคนตาบอด ในประเทศไทย ชื่อหนังสือ a day
ซึ่งในฉบับนี้ เดือน พฤษภาคม เรื่องเด่นคือ

when you see nothing at all

ผมจึงได้เขียน e mail เพื่อขอณุญาต ท่านบรรณาธิการ เพื่อนำเรื่องเหล่านั้น
มาเผยแพร่ ในบล้อค ของน้องโรส
ท่านบรรณาธิการ ได้กรุณาอณุญาต ให้ผมนำเรื่องนี้
เผยแพร่ในบล้อค น้องโรสได้
ผมจึงขอขอบคุณ ท่าน บรรณาธิการ เป็นอย่างสูง ครับ
ผมจะได้คัดนำมาลงเป็นตอนๆ เพราะ มีความหลากหลายมาก ครับ



When You see noting at all คนตาบอดมองเห็นอะไรบ้าง

ว่ากันในทางการแพทย์ ระดับความพิการทางสายตาออกเป็น 5 ระดับ
ตั้งแต่มองไม่เห็นแม้แต่แสงสว่าง ไปจนถึงความเลือนรางพร่ามัว
สิ่งที่สายตาของพวกเขามองเห็น ตั้งแต่ความมืดบอดในระดับที่ 5
ไล่มาถึงความพร่ามัวระดับที่ 1
แต่เราไม่เชื่อว่า พวกเขาจะถูกจำกัดการมองเห็นจากแค่สิ่งที่มี
และเป็นของดวงตาคู่นั้น ๆ

พวกเขา มองไม่เห็น แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ มองเห็น
แน่นอน มันมิใช่การมองเห็นในความหมายของภาพจริงหัวกลับ
ที่สะท้อนอยู่บนเรติน่า แต่บนสิ่งที่ไม่มีดัชนีชี้วัด การ มองไม่เห็นอะไร
อาจแปลว่าเขากำลัง มองเห็นอะไร
มันอยู่ที่ว่า คนสายตาปกติเช่นเราได้ มองและได้เห็น อะไรบ้างหรือเปล่า
ก็เท่านั้น

คนตาบอดมองไม่เห็นแล้วจะใช้ชีวิตกันยังไง

แน่นอนว่าการใช้ชีวิตแบบมองไม่เห็นไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่คนตาบอดพิการแค่สายตา ไม่ได้พิการในการใช้ชีวิต
การใช้ประสาทสัมผัสอื่นนอกจาก ดวงตา
ต่างก็เติมเต็มสิ่งที่ขาดไปได้ในชีวิตได้เป็นอย่างดี
ต่อไปนี้คือวิธี การใช้ ประสาทสัมผัสจากทุกอวัยวะ
ให้เป็นประโยชน์ของคนตาบอด ที่คุณอาจไม่เคยรู้
หรือบางทีอาจจะรู้แต่ไม่เคยใช้



หู

เสียง มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของคนตาบอดมาก
เพราะสามารถช่วยให้คนตาบอดจำแนกสิ่งรอบตัวได้
เช่น แยกความแตกต่างของคนที่พบเจอ จากเสียงพูด
ทั้งยังช่วยในการทำงานและ เสพสิ่งบันเทิงต่าง ๆ

แท้จริงแล้วคนตาบอดไม่ได้หูดีกว่าคนทั่วไป
เพียงแค่ต้องใช้หูในชีวิตประจำวันมากกว่า
จึงสังเกตสิ่งต่าง ๆ ได้ละเอียดขึ้น เช่น
บอกได้ว่าปุ่มหมายเลข 1 4 7 และ * บนโทรศัพท์
มีเสียงเหมือนกัน เช่นเดียวกับ 2 5 8 0 และ 3 6 9 #

อีกหนึ่งทักษะที่น่าสนใจ คือ คนตาบอดสามารถทำ Ecolation ได้
แปลเป็นไทยให้เห็นภาพ คือ เมื่อคนตาบอดต้องการรู้ตำแหน่ง
ของวัตถุที่อยู่ใกล้ ๆ พวกเขาจะทำเสียงด้วยการ เดาะลิ้น ตบมือ หรืออื่น ๆ
ตามความถนัด แล้วคอยฟังคลื่นเสียงที่ตกกระทบกับวัตถุ
แล้วสะท้อนกลับมายังหูและสมอง เพื่อหาตำแหน่งของสิ่งนั้น ๆ
( หลักการเดียวกับการใช้คลื่นโซน่าของ ค้างคาว และโลมา )

หรือการหาของบนโต๊ะโดยการเคาะโต๊ะเบา ๆ
แล้วคอยฟังแรงสั่นสะเทือนที่จะเกิดขึ้นกับวัตถุที่ใช้
วัสดุต่างชนิดกัน เช่น โลหะจะมีเสียงกังวาน พลาสติกจะมีเสียงหนืด ๆ

จมูก

กลิ่น มีความสำคัญกับคนตาบอดมากกว่าที่คุณคิด
ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เวลาเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ
กลิ่นเฉพาะของสถานที่นั้นจะช่วยบอกตำแหน่ง
และช่วยไม่ให้หลงทาง เช่น กลิ่นแอร์ แสดงว่ามีห้างสรรพสินค้าอยู่ไม่ไกล
( ทิศทางที่กลิ่นลอยมาก็เป็นตัวบอกได้ว่า สถานที่นั้นอยู่ตรงตำแหน่งไหน )
กลิ่นของอาหารนอกจากทำให้คนตาบอดมีความสุขในการกิน
ไม่แพ้รสชาติแล้ว มันยังช่วยให้พวกเขาสามารถแยกแยะ
ชนิดของอาหารได้ด้วย

สัมผัส

คนตาบอดจำเป็นต้องใช้การสัมผัสอย่างมากในชีวิตประจำวัน
ทั้ง การเลือกซื้อของจำพวกเสื้อผ้า ผักผลไม้ หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ที่มีขนาดและบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมือนกัน
ไปจนถึงแยกแยะจากวัสดุรูปร่างต่าง ๆ

ปาก

บางครั้งที่คนตาบอดตกอยู่ในสถานการณ์ที่ช่วยเหลือตนเองลำบาก
การเอ่ยปากถามคนอื่นจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

วันนี้ เพียงเท่านี้ก่อน กำลังพิมพ์ตอนต่อไปอยู่ครับ

Create Date : 15 มิถุนายน 2551
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 4:50:22 น.		7 comments
Counter : 8467 Pageviews.
Share Tweet