บุรพนิมิต
|
บุรพนิมิต...บทนำ
บทนำ
อรุณรุ่งจำจากไกล ... อยู่หนใดโปรดคืนสู่พี่เถิดเยาวมาลย์
รัตติกาลมาเยือนพร้อมด้วยแสงจันทร์ฉายที่สาดส่องต้องกระทบผิวกายของร่างอรชรที่นอนก้มหน้านิ่งอย่างไม่รู้สึกตัว ฉับพลันริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อดั่งลูกเชอร์รี่มีอันต้องสั่นระริกยามเจ้าตัวพลิกกายยกมือขึ้นไขว่คว้าอากาศพลางร่ำไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ
อย่าไป... เสียงหวานครวญสะอื้นเร่งฝีเท้าก้าวเข้าหาร่างสูงสง่าของชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมตัวยาวแบบบุรุษชาวจีนสมัยก่อนที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มหมอกควันสีขาวที่ดูราวกับว่าจะกลืนเขาหายไปหากเธอกระพริบตา
ได้โปรด...อย่าเพิ่งไป หล่อนอ้อนวอนร้องขอเขาอีกครั้งจนกระทั่งใบหน้าที่อมิตดาเห็นอยู่เลือนรางเริ่มกระจ่างชัดขึ้นยามชายหนุ่มเคลื่อนกายเข้ามาหาเธอ
ร้องไห้ด้วยเหตุอันใด ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้าไปไหน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี... เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยยามจรดปลายนิ้วเรียวยาวเกลี่ยน้ำตาให้ออกไปจากดวงหน้าหวานอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนจนหญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความปิติอันเต็มตื้นหัวใจ แต่ถึงกระนั้นหยาดน้ำตาของนางก็ไม่อาจหยุดไหลได้อยู่ดี
อย่าร้อง...เจ้าผีเสื้อน้อยของข้า เขากล่าวพลางรั้งร่างหญิงสาวเข้ามาโอบกอดก่อนลูบไล้แผ่นหลังบางไปมาอย่างปลอบประโลมในขณะที่อมิตดาเองก็ซบหน้านิ่งอยู่กับแผงอกหนาที่เธอโหยหามันเหลือเกิน
เธอรักผู้ชายคนนี้ เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้นมาภายในหัวใจ ดวงหน้าหวานใสแหงนเงยขึ้นจากอกอุ่นเพื่อพินิจดวงหน้าของเขาอย่างพิจารณา ในขณะที่เนตรคมที่มองสบกลับมาก็ฉายแววรู้ทันเสียจนอมิตดาเขินอาย ก็แน่ล่ะในเมื่อคนที่กำลังโอบกอดเธออยู่ขณะนี้มีใบหน้าหล่อเหลาชวนกระชากหัวใจแล้วยามที่ริมฝีปากหยักสวยได้รูปสีสดกำลังแย้มยิ้มให้เธออยู่นั้นอีกเล่า หัวใจดวงน้อยๆที่กำลังเต้นระรัวก็แทบละลายลงไปกองอยู่แทบเท้าเขาได้เลยทีเดียว
ข้า...คิดถึงท่าน เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างไม่รู้สึกตัวขณะที่วงแขนของชายหนุ่มเองก็กระชับร่างของเธอแน่นราวกลับกลัวว่าเธอจะหลุดลอยหายไปเช่นกัน
ข้ารู้ เสียงทุ้มนุ่มทอดอ่อน ก่อนใช้ปลายจมูกโด่งสูดความหอมจากเรือนผมยาวสยายของอีกฝ่ายบริเวณต้นคอพลางไล้มันไปมาจากขนของหญิงสาวลุกชันดวงหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย หึหึ...เจ้าไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆเหม่ยเหริน ชายหนุ่มเย้าก่อนดันร่างของหญิงสาวออกห่างอย่างช้าๆก่อนใช้เนตรคมไล่สายตาพิจารณาผิวขาวที่กำลังเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดฝาดจนแดงก่ำไปทั้งร่างอย่างล้อเลียน
ท่าน! เธอเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นก่อนเบือนหน้าหนีกัดริมฝีปากแน่น ด้วยไม่อาจทนสบเนตรคมที่มองมาด้วยประกายกล้าคู่นั้นได้ แม้ได้พบกันในฝันอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก็ยังไม่เคยชินจนกล้าสู้สายตาของเขาได้เสียที... ในฝันอย่างนั้นหรือ? อมิตดาคิดสีหน้าตื่นตะลึงยามเพิ่งรู้สึกและอีกเพียงไม่นานคนตรงหน้าก็จะหายไป ทิ้งไว้เพียงกรุ่นไปที่จะส่งผลให้เธอร้องไห้เพราะโหยหาเขาไปอีกหลายวันซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจความคิดของเธอดีเพียงแค่ได้เห็นสีหน้าและท่าทาง
อย่าทำเช่นนั้น ริมฝีปากของเจ้ามีค่าเกินกว่าจะให้มันช้ำเพราะรอยฟันที่เจ้ากำลังขบเม้มมันอยู่เช่นนี้ เขาเอ่ยพลางจับปลายคางของหญิงสาวให้ดวงหน้าหวานแหงนเงยขึ้นในขณะที่ริมฝีปากอิ่มก็ยังคงไม่หยุดเจรจา
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะคะเธอว่า
แค่หลับตา แล้วปล่อยให้ข้าเป็นคนนำเจ้าก็พอ... ริมฝีปากหนาเอ่ยพึมพำชิดกลีบปากอิ่มก่อนประกบรอยจุมพิตลงไปจนหญิงสาวเริ่มรู้สึกเหมือนตนกำลังล่องลอย รสสัมผัสของเขาและกรุ่นไอรอบด้านที่โอบรอบกายเธอมันช่างหวานละมุน ยั่วเย้าเสียจนเธอไม่อยากลืมตา
ข้ามารับเจ้าเหม่ยเหริน ชายหนุ่มเอ่ยยามตัดสินใจผละออกห่างจากริมฝีปากอิ่มที่บวมเจ่อของหญิงสาวอย่างแสนเสียดาย แต่เขามีเวลาจำกัดเกินกว่าจะประทังเวลาให้มันสูญสิ้นไปอย่างเปล่าประโยชน์
คะ?อมิตดาเอ่ย เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างมึนงงในขณะที่หัวใจก็เต้นระรัวเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายยามเอ่ยกับเธอว่า
ข้ารอเจ้ามานานเหลือเกินเหม่ยเหริน...กลับไปกับข้าเถอะ ไปยังที่ๆมีเพียงเราเท่านั้น
ตะ...แต่ ครอบครัวของฉันละคะ? เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก มือบางกำเสื้อคลุมตัวนอกที่ทำจากผ้าแพรเนื้อดีไว้แน่นอย่างสับสน ทั้งเกรงว่าเขาจะทิ้งเธอไว้แล้วจากไป ส่วนอีกใจก็ไม่อาจตัดขาดออกจากครอบครัว
ข้าเข้าใจ ชายหนุ่มยิ้มอ่อน ดวงหน้าหล่อเหลาเศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีรอยยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นเหมือนเดิม แต่...ข้าต้องไปแล้ว เขากล่าว ร่างสูงสง่าเริ่มเลือนหายไปพร้อมกับหมอกควันที่เธอนึกเกลียดชังยามมันกำลังมาพรากคนรักของเธอไป
ไม่นะ...อย่าไป เธอร้อง น้ำตาเริ่มไหลรินลงอีกครั้งเมื่อเขาทำเพียงแค่ยิ้มให้ แต่มิเอื้อนเอ่ยคำใดกับเธอแม้กระทั่งคำลา อย่า...ได้โปรด เธออ้อนวอนขอร้องอีกครั้งยามชายหนุ่มหันหลังเดินจากเธอไปโดยไม่เหลียวกลับมามอง เขากำลังจะจากเธอไปอีกแล้ว อมิตดาร้องบอกตัวเองแต่ถึงกระนั้นเธอก็มิอาจห้ามหยาดน้ำตาที่กำลังหลั่งลงมาเป็นสายได้
ได้โปรดหย่งไท่ อึก...ได้โปรด เธอวิงวอน ร่างกายเหมือนถูกบางสิ่งตรึงไว้ให้อยู่กับที่จนไม่อาจวิ่งตามร่างสูงที่กำลังเดินห่างออกไปได้ ได้โปรด ฮือๆ อมิตดาสะอื้นจนตัวโยน กายสั่นสะท้านเมื่อความรู้สึกที่ต้องพลัดพรากจากเขาเริ่มทำงาน เธอไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเขาหายไปเลย หญิงสาวคร่ำครวญกำตนเองก่อนรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ลามไปตามเส้นผมและศีรษะ
ตื่นๆมิตรตื่น เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นพร้อมทั้งแรงสั่นสะเทือนที่ส่งผลให้กายเธอสั่นไปทั้งร่างขณะที่แก้มและใบหูก็ยังคงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำอะไรบางอย่างจนน่ารำคาญ
ไม่นะ เธอร้องบอกก่อนจะสะดุ้งเฮือกลืมตาพรึบ! เมื่อได้ยินประโยคถัดมาที่ตะโกนเสียจนลั่นบ้านว่า
พ่อมึ๊ง...มาดูลูกสาวคนดีของตัวนี่เร้วว มันมานอนในบ้านหมาก็ได้ด้วยเนี่ย! อรทัยมารดาของอมิตดาเอ่ยลั่นบ้านพลางยืนรดน้ำต้นไม้ต่อไปโดยไม่สนใจบุตรสาวที่กำลังโดนเจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่น้ำลายยืดเลียใบหน้าลามไปจนถึงหัวจนดูน่าขยะแขยง
อะไรนะ? บ้านหมาอย่างนั้นเหรอ! ร่างบางลุกพรวดจนหัวโขกเข้ากับปากของเจ้าสุนัขประจำบ้านที่ร้องเอ๋งวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วด้วยความเจ็บปวดขณะที่เจ้าของหมาเองก็ลูบหัวป้อยก่อนร้องอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อสิ่งที่ติดมือมาคือน้ำใสๆที่ไหลยืดหนืดติดมือพร้อมด้วยกลิ่นอันประจำกายเจ้าหมาตัวดีจนไม่ต้องพิสูจน์ไปถึงต้นตอ
อี๋! อมิตดาร้อง สะบัดมือไปมาอย่างขยะแขยงก่อนค่อยๆกระถดตัวออกจากบ้านหลังน้อยของเจ้าหมายักษ์อย่างรวดเร็วพลางหันไปค้อนมารดาที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่อย่างโกรธเคือง
ทำไมแม่ไม่ปลุกหนูล่ะ หล่อนต่อว่า ขณะที่นางอรทัยหันมาชำเลืองด้วยปลายสายตาก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งแววกังวล
ปลุกแล้ว แต่เอ็งมัวแต่ร้องไห้แล้วก็เพ้ออยู่นั่นล่ะ นางว่า ก่อนหันปลายสายยางมาให้บุตรสาวที่เอื้อมมือออกมาล้างน้ำลายสุนัขที่ติดมือ ว่าแต่ ที่เอ็งละเมอออกมาว่าหย่งไท่เนี่ย ใช่ไอ้หนุ่มคนเดียวกับที่เอ็งฝันถึงบ่อยๆหรือเปล่า?
เปล่า หล่อนปดพลางหลบสายตาที่มองมาอย่างค้นคว้าของมารดา ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ถ้าหากบอกว่าฝันถึงเรื่องเดิมๆกับผู้ชายคนเดิมล่ะก็เธอคงหนีไม่พ้นสองอย่างคือถูกไล่ให้ไปทำบุญถวายสังฆทานหรือไม่ก็โดนมารดาซักถามเพื่อเอาเลขเด็ดไปแทงหวยอย่างแน่นอน
ก็ดี นางเอ่ยออกมาแค่นั้น ก่อนจะหันขวับไปพร้อมกันยังทิศทางที่มีเสียงทุ้มแหบพร่าของบิดาที่หัวเราะจนตัวงอแล้วชี้มือมาที่บุตรสาวอย่างขบขันกับสภาพของอีกฝ่ายเหลือเกิน
ฮ่าๆๆ ประวิทย์หัวเราะพลางใช้อีกมือกดสีข้างเมื่อรู้สึกว่ามันชักจะจุกเสียดเกินไป แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้เข้าไปนอนในบ้านหมาอย่างนั้นล่ะลูก!
หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน อมิตดาว่า หน้ามุ่ยพลางค้อนบิดาขวับเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมลดเสียงหัวเราะลงเลยสักนิด ไหนเมื่อวานบอกว่าจะไม่กลับบ้านไง ฉลองเรียนจบกับเพื่อนๆน่ะ
ตอนแรกหนูก็ว่าจะค้างกับไอ้ตุ๋มที่หอ แต่ยังไงไม่รู้ถึงได้มาอยู่ที่นี่ หล่อนตอบพลางเกาศีรษะที่เริ่มรู้สึกคันยิบๆ
เมาล่ะสิ มารดาเธอเยาะ
ไวน์สองแก้วเองแม่
เออ! นั่นล่ะ ต่อจากนี้ไปห้ามกินตลอดชีวิต! อรทัยว่าอย่างใจร้ายพลางทำหน้าขมึงถึงยิ่งกว่ายักษ์ขมูขีก่อนกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงระอา ดูซิเนี่ย เป็นสาวเป็นนางแต่เมาแอ๋จนต้องมานอนในบ้านหมา นอกจากหัวดีเรื่องเรียนแต่เรื่องอื่นลูกสาวฉันมันแย่อย่าบอกใคร รู้ถึงไหนอายเค้าถึงนั่น แล้วมันจะขายออกไหมล่ะมิตรเอ้ย!
ขายไม่ออกก็ช่างสิ อมิตดาว่าเท้าสะเอวฉับก่อนยิ้มหวานเรี่ยราดแล้วหันไปหาบิดาอย่างหาพวก ให้หนูอยู่เกาะพ่อกับแม่กินไปอย่างนี้ก็ดีแล้วเนอะ พ่อเนอะ พนักหน้าหงึกๆในขณะที่อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ
วันนี้พ่อไม่เนอะด้วยล่ะ เกินไปจริงๆว่ะ นอนบ้านหมา ทำไปได้ไง ฮ่าๆๆ
พ่ออ๊ะ! อมิตดาร้อง อย่างจะลงไปนอนดิ้นพล่านๆให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยทีเดียวเชียว ใจร้าย!
เออๆ ไปอาบน้ำไป๊ กลิ่นน้ำลายหมาเงี้ยหึ่งเชียว เอ็งไม่ได้กลิ่นเลยหรือไง อรทัยเอ่ยไล่บุตรสาวก่อนเดินไปปิดก๊อกน้ำในสวน
อมิตดายกแขนขึ้นพลางทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะวิ่งไปอาเจียนแทบไม่ทันเมื่อกลิ่นมันเหลือจะทนจริงๆ ต่อไปนี้ข้า นางสาวอมิตดา จิลลาภัทร ขอสาบานว่าจะไม่แตะต้องของมึนเมาอีกเลยไปจนวันตาย เข็ดแล้วจริงๆ!
--------------------------------------------
ร่างบางพันกายออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูสีขาวขนนุ่มในขณะที่ปล่อยให้เส้นผมยาวสยายเปียกลู่ไปตามเนินไหล่โดยที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้ยกผ้าขึ้นเช็ดเสียงของมารดาก็ดังลั่นขึ้นจนอมิตดาอดถอนหายใจไม่ได้ก่อนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจว่ามารดาจะพูดอะไรกับตน
มิตรเอ้ย! ถ้าอาบน้ำเสร็จแล้วออกมาหาพ่อกับแม่เร็วๆเลยนะแม่มีเรื่องจะพูดกับเอ็ง
จ้าๆ เดี๋ยวหนูออกไป แป๊ปเดียวแม่หล่องร้องตอบก่อนหันไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมาสะบัดๆก่อนสวมใส่ มองรอยยับย่นของเนื้อผ้าที่ไม่ได้รีดอย่างพอใจ นี่แหล่ะนางสาวอมิตดาตัวจริงเสียงจริง เรียบร้อย อ่อนหวาน เหมือนผ้ายับๆที่พับไว้ไม่มีผิดเจ้าหล่อนคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจก่อนคว้าผ้าขนหนูผืนเก่าขึ้นพาดศีรษะและออกไปทั้งอย่างนั้นพร้อมๆกับมือที่พยายามยีผมให้แห้งไปตลอดทาง
นั่งสิ นางอรทัยกล่าวพลางพยักหน้าให้บุตรสาวทรุดกายลงนั่งที่โซฟาฝั่งตรงกันข้ามกัน
มีอะไรเหรอแม่? อมิตดาเอ่ยถามอย่างงุนงง สมองเริ่มหวาดกลัวว่าวันนี้ตนจะโดนสวดเรื่องอะไรอีกหนอ?
ไม่ต้องทำหน้าซีดขนาดนั้นก็ได้มิตรเอ้ย...นายประวิทย์กล่าวหลังจากละสายตาออกจากหน้าจอทีวีแล้วพบว่าบุตรสาวกำลังนั่งตัวลีบ สงบเสงี่ยมผิดปกติ พ่อกับแม่แค่มีเรื่องจะคุยด้วยเท่านั้นเอง
ก็แม่ทำหน้าดุ หล่อนโอด ในขณะที่นางอรทัยตวาดแว้ด
หน้าข้าเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดโว้ย!
โธ่!..แม่จ๋า อมิตดาครวญ ก่อนส่งยิ้มหวานให้มารดาที่เริ่มมองหล่อนเขม่นๆ มิตรล้อเล่น...
เหอะ! อีกฝ่ายพ่นลมหายใจขึ้นจมูอย่างไม่เชื่อถือเท่าไรนักจนผู้เป็นสามีต้องสะกิดให้ภรรยาเริ่มเข้าเรื่องไม่งั้นคงต้องนั่งโต้วาทีกันไปอีกนาน ข้าวปลาไม่ต้องกินกันพอดี
เอาน่า...บอกๆลูกมันไปเถอะ นางอรทัยพยักหน้าก่อนหันไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้บุตรสาวที่ยื่นมืออออกมารับมันถือไว้อย่างงงๆ
เปิดดูสินางกล่าวพลางพยักเพยิดหน้า ในขณะที่อมิตดาเองก็ทำตามแต่โดยดีก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกออกกว้างแล้วหัวเราะออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในซองเอกสารเต็มๆตา
โอ้ย! แม่...พ่อ นี่ให้มิตรจริงๆเหรอจ้ะ หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจพลางรื้อเอกสารออกมาดูจนกระจัดกระจายเต็มโต๊ะด้วยความตื่นตา
อืม นางอรทัยรับคำในลำคอก่อนเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงที่หม่นลงว่า ตอนแรกจะซื้อรถให้ตามที่สัญญา แต่คิดไปคิดมาเดี๋ยวเงินมันจะไม่พอ แม่กับพ่อเลยคุยกันว่าเปลี่ยนเป็นให้เงินมิตรไปเที่ยวต่างประเทศดีไหมแล้วก็จองทัวร์ให้มิตรไปเที่ยวจีนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินที่เหลืออยากเอาไปทำอะไรก็ตามใจ
แม่จ๋า...หญิงสาวเอ่ยเรียกมารดาก่อนถดกายลงจากโซฟาแล้วคลานเข้าไปหาผู้ให้กำเนิด สองมือของหญิงสาวยกขึ้นประนมก่อนโน้มตัวลงกราบลงบนตักของมารดา มิตรรักแม่ ขอบคุณนะคะที่พ่อกับแม่ทำเพื่อมิตร เจ้าหล่อนว่าก่อนหันไปกราบลงบนตักของบิดาอีกคน ส่วนเรื่องรถ ถึงไม่มีมิตรก็ไม่เดือดร้อน แต่มิตรได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่นี่ก็เป็นของขวัญเรียนจบที่พิเศษที่สุดในชีวิตมิตรแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
อรทัยกับประวิทย์ยิ้มก่อนยื่นออกมาลูบศีรษะบุตรสาวอย่างแสนรัก แม้บางครั้งแม่หน้าหวานตรงหน้าจะกระโดกกระเดกไม่สมกับเป็นสุภาพสตรีไปบ้าง แต่อมิตดาก็เป็นบุตรสาวที่นางและสามีปลาบปลื้มใจที่เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แล้วเขาจะออกเดินทางกันวันไหนเหรอคะ?
อาทิตย์หน้าลูก นายประวิทย์ตอบขณะที่อมิตดายิ้มรับก่อนจะหันหน้ามาหาบิดาอย่างรวดเร็ว
ห๊า! อาทิตย์หน้าเหรอพ่อ?เอ่ยพลางหยิบเอกสารที่เป็นตารางการเดินทางขึ้นมาอ่านก่อนกุมขมับ หนูยังไม่ได้ทำพาสปอร์ตเลยนะ วีซ่าด้วยพ่อกับแม่ก็รู้ว่าหนูไม่เคยขึ้นเครื่องบินสักครั้งแล้วจะจัดเตรียมอะไรทันไหมเนี่ย เจ้าหล่อนบ่นอุบ กุมขมับ เริ่มเห็นลางหายนะว่าบิดามารดาของตนอาจจะต้องเสียค่าตั๋วฟรีก็เป็นได้
ใจเย็นๆสิ นางอรทัยเอ่ยปลอบ แม่ถามทัวร์มาแล้ว เขาบอกว่าทำพาสปอร์ตแค่ 2-3 วันก็ได้แล้ว ส่วนวีซ่าเดี๋ยวทางทัวร์เขาจัดการให้เองเราแค่ไปจัดการเรื่องพาสปอร์ตมาให้เรียบร้อยก็พอเดี๋ยวเขาจะติดต่อมาอีกที
ถ้าอย่างนั้น...มิตรไปทำเรื่องขอพาสปอร์ตก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะไม่ทัน อมิตดากล่าวหลังจากที่นิ่งเงียบไปอยู่นาน
ไปหาซื้อเสื้อโค้ทด้วยนะ เห็นว่าที่จีนกำลังหนาว
อย่างนี้ตังค์ที่พ่อกับแม่ให้มามันก็เหลือน้อยอ่ะสิ หล่อนโอด ก่อนหลบสายตาของมารดาที่กำลังมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
น้อยๆหน่อย ตังค์เก็บเราก็มี เงินในบัญชีที่พ่อกับแม่ทำให้ก็ใช่ว่าจะน้อยๆ อย่ามาทำเป็นงกไปหน่อยเลย อรทัยกล่าวก่อนยื่นนิ้วมาดีดที่หน้าผากของบุตรสาวอย่างมันเขี้ยว จะไปทำเรื่องขอพาสปอร์ตก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะไป ยังไงก็สถานที่ราชการ ช่วยแต่งตัวให้มันดูดีหน่อยก็แล้วกันจะได้ไม่มีใครมานินทาไล่หลังถึงพ่อแม่ให้สะดุ้งกันได้
จ้ะๆ อมิตดารับคำพลางเก็บรวบรวมเอกสารไว้ในอ้อมแขนก่อนยื่นหน้าไปหอมแก้มบิดามารดาแล้ววิ่งตื๋อไปเข้าห้องของตนอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหลับตาใจเต้นตึกตักทิ้งกายลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างมีความสุข ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ไปเยือนที่แห่งนั้น ประเทศจีนสถานที่ที่เธอใฝ่ฝันถึงและอยากไปเยือนมันมาเนิ่นนาน หญิงสาวพลิกกายนอนคว่ำค่อยๆรื้อเอกสารขึ้นมาดูรูปภาพต่างๆที่มีอยู่ในโปรแกรมทัวร์อีกครั้ง มองดูภาพวัด ฉงเซิ่ง เมืองลี่เจียง ภูเขาหิมะมังกรหยก อุทยานน้ำหยกและสระมังกรดำที่เธอกำลังมองมันอย่างหลงใหลพลางรู้สึกปวดแปลบในหัวใจ เมื่อภาพเลือนรางของใครอีกคนกำลังผุดขึ้นทับซ้อนอยู่ในห้วงความคิด หย่งไท่... ชื่อของชายหนุ่มรูปงามในฝันหลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่มอย่างแผ่วเบาดั่งคนละเมอเพ้อหาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งราวกับจะรำลึกถึงภาพฝันครั้งล่าสุดก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลือนหายไปจากห้วงความคิดตามกาลเวลา คิวหนาที่พาดเฉียงอยู่เหนือดวงตายาวรีสีนิล นัยเนตรคมและจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสวยได้รูปสีสด ทุกๆสิ่งที่กอปรขึ้นมาเป็นตัวเขามันส่งผลให้อมิตดาใจสั่นโหยหาอ้อมกอดนั้นถึงรู้ว่ามันจะไม่มีทางเป็นจริง มิตรจะไปกับคุณเมื่อมิตรพร้อมค่ะ...รออีกหน่อยนะคะ หญิงสาวพึมพำออกมาทั้งๆที่ยังหลับตา โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองมายังตัวเธอด้วยความยินดีและเข้าใจ เพราะถึงอย่างไรเหม่ยเหรินก็มิได้เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อนเท่าใดเลย ข้ารอเจ้าได้เสมอเหม่ยเหริน...เพื่อเจ้า ข้ารอได้เสมอ... เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา แต่อนิจจา...มันกลับฟังดูน่าเศร้านัก เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทางจะได้ยิน... ดั่งเช่นทิวาและราตรีที่มิอาจอยู่ร่วมกัน ความรักของเราจึงมิอาจสมหวังได้ดั่งใจ...
โอ้...สุริเยศจงลาลับขอบฟ้าไป ด้วยหทัยข้านั้นร้าวรานเกินจะทน... @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ center>
Create Date : 06 พฤษภาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2554 18:29:52 น. |
Counter : 549 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กาญจนบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ...คิด เพ้อฝันเอาไว้อย่างไร ก็เขียนบรรยาย(ระบาย)ออกมาอย่างนั้น..
***ดังนั้น ขอความกรุณาทุกท่าน ห้ามคัดลอก กระทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอันขาด เพราะรมย์ชลีเชื่อว่า ทุกคนมีสติปัญญาและสมองเป็นของตัวเองค่ะ ไม่ได้โง่ดักดานถึงขนาดต้องก๊อปปี้ใครค่ะ(แรงไปไหมนี่ตะเอง? เอิ๊กๆๆ)
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|