......Romancini......
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
JFK..... ย้อนรอยวันลอบสังหาร









เคยมีคำกล่าวเอาไว้ว่า.....
“ ความเยาว์วัย ของสหรัฐอเมริกาได้จบสิ้นลงไป
พร้อมกับกระสุนที่สังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ ในปี 1963
และหลังจากวินาทีนั้นอเมริกาได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ”






หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง สงบลงในปี 1945

การเป็นประเทศผู้ชนะสงครามของสหรัฐอเมริกา

ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา

ไปอย่างมากมาย...



[ ประธานาธิบดีจอห์น ฟิซเจอร์รัล เคนเนดี้ ]



จากการที่เป็นประเทศที่ดำเนินนโยบาย

ยึดมั่นในความสงบสุขไม่ต้องการที่จะรบรากับใครๆ

ก็กลับกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจ

ที่เข้าไปมีส่วนร่วม ในทุกเรื่องราวความขัดแย้ง

ในส่วนต่างๆแทบทุกภูมิภาคในโลกใบนี้





การดำเนินนโยบายทางการเมือง

แบบทุนนิยม

แข่งขันกันแสวงหาอำนาจจากประเทศเล็กๆ

โดยมีสหภาพโซเวียตที่ชูธงระบอบสังคมนิยม

เป็นคู่ต่อสู้ทางการเมือง

ทำให้โลกใบนี้ต้องตกอยู่ในยุค

ของสงครามครั้งใหม่

นั่นก็คือ.....

“ สงครามเย็น ” นั่นเอง





การเผชิญหน้าของสองขั้วอำนาจนี้

เริ่มขึ้นตั้งแต่ภายหลังการแบ่งแยก

การปกครองประเทศเยอรมันนี

หลังสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง

ต่อเนื่องมาจนถึงการเกิดความขัดแย้ง

ของสองเกาหลี

ที่ทำการรบราแบ่งแยกประเทศออกเป็นสองส่วน

โดยเกาหลีเหนือ ที่นิยมการปกครองแบบสังคมนิยม

มีสหภาพโซเวียตหนุนหลังอยู่

และประเทศเกาหลีใต้ ที่ปกครองแบบ

ประชาธิปไตย โดยมีสหรัฐอเมริกา

เป็นผู้สนับสนุน

สงครามเกาหลีจึงเกิดขึ้นมา





นับเป็นการประลองกำลังยกแรก

ของสองขั้วอำนาจทางการเมืองในเวลานั้น

สถานะการความตึงเครียดในสงครามเย็น

ดำเนินต่อมาจนกระทั่งถึงปีค.ศ 1960

ประเทศสหรัฐอเมริกามีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง






เมื่อหมดวาระของการเป็นประธานาธิบดีของ

ดไวท์ ดี ไอเซนฮาว์ท ลงไป

ภายหลังจากการเลือกตั้งที่ใกล้เคียง

และตื่นเต้นที่สุดของประวัติศาสตร์ของการเมืองอเมริกา

จากคะแนนเสียงที่เหนือกว่ากันเพียง

หนึ่งแสนคะแนนเศษ ได้ทำให้

วุติสมาชิกหนุ่มจากมลรัฐแมทซาจูเซ็ท

จอห์น ฟิซเจอร์รัล เคนเนดี้ เฉือนเอาชนะ

ริชาร์ด นิกสัน ได้เป็นประธานาธิบดีของ

สหรัฐอเมริกาคนที่ 35….





ประธานาธิปดีเคนเนดี้ เปรียบเหมือนกับ

สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพใหม่ของอเมริกา

เพราะ การดำเนินนโยบายทางการเมืองแบบประนีประนอม

ด้วยความหวังที่จะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น

บนโลกใบนี้....





เคนเนดี้ได้เริ่มแสดงให้เห็นเป็นครั้งแรก

ในเดือนเมษายน ค.ศ 1961

เมื่อ ซีไอเอ ดำเนินสงครามลับ

ให้การสนับสนุนกลุ่มกบฎชาวคิวบา

ให้กลับเข้าไปในประเทศคิวบา

เพื่อหวังที่จะทำสงครามกองโจร

โค่นล้มประธานาธิปดี ฟรีเดล คาสโตร

แต่เคนเนดี้ไม่เห็นด้วยในการทำสงครามในครั้งนี้

เขาได้ทำการงัดข้อกับซีไอเอ อย่างรุนแรง

โดยสั่งให้เรือรบ และเครื่องบินของสหรัฐฯ

หันหัวกลับถอนการสนับสนุนกลุ่มกบฏ

ที่ยกพลขึ้นบกที่อ่าวหมู

ทำให้กลุ่มกบฏถูกกวาดล้าง และซีไอเอก็เสียหน้ามหาศาล





หลังจากเหตการณ์นี้ เคนเนดี้และโรเบิร์ทน้องชาย

ที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม

ได้ทำการล้างบางผู้อำนวยการและหน่วยงาน

สืบราชการลับของอเมริกา ( ซีไอเอ ) ใหม่

ซี่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มอำนาจเก่ามากมาย





และในวิกฤติการณ์ 13 วันอันตราย

ที่อเมริกาตรวจพบฐานยิงขีปนาวุธของโซเวียตในคิวบา

ทำให้โลกต้องตกอยู่ในความหวาดวิตก

ว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นหรือไม่ ?

เพราะ อเมริกาประกาศจะทำการบุกคิวบา

และโซเวียตที่หนุนหลังคิวบาอยู่ก็เคลื่อน

กองกำลังทางเรือ เข้าสู่น่านน้ำ ของคิวบาเช่นกัน





เคนเนดี้ ได้ทำการหักหน้าความกระเหี้ยนกระหือ

ของเหล่าเสนาธิการฝ่ายทหาร

ที่ต้องการทำสงครามกับโซเวียตให้แตกหัก

โดยก่อนที่จะถึงเส้นตายนั้น

เคนเนดี้ และโรเบิร์ทน้องชาย ได้ติดต่อในทางลับ

ไปยังประธานาธิบดีครุชซอฟ ของโซเวียต

ว่าอเมริกาจะไม่บุกคิวบา แลกกับการที่โซเวียต

ต้องหันหัวเรือกลับ และเลิกตั้งฐานยิงขีปนาวุธในคิวบา

สันติภาพของโลกบังเกิดขึ้น ด้วยการเจรจาอีกครั้งหนึ่ง





แต่บรรดาผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังการเมืองอเมริกา

ทั้งหน่วยสืบราชการลับ , ฝ่ายเสนาธิการทหาร ,

กลุ่มุรกิจที่สูญเสียรายได้ในคิวบาเมื่อคาสโตรมีอำนาจ

และ กลุ่มพ่อค้าผู้ผลิตอาวุธสงครามที่ขาดรายได้ไป

ต่างหัวเสียอย่างหนัก ที่ประธานาธิปดีหนุ่มผู้นี้

ได้หักหน้าพวกเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว.....





และจุดแตกหักก็มาถึงในปี ค.ศ 1963....

หน่วยสืบราชการลับ และฝ่ายทหารในกลาโหม

ร่วมกับพ่อค้าผู้ผลิตอาวุธสงคราม

ได้ให้การสนับสนุนในทางลับต่อ

ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศเวียตนาม

ระหว่างฝ่ายเวียตนามใต้ และกลุ่มคอมมิวนิสต์

ที่อยู่เบื้องหลังเวียตนามเหนือ....





ทุกฝ่ายต่างเริ่มที่จะบีบเคนเนดี้ ให้ส่งทหารอเมริกัน

เข้าไปในประเทศเวียตนาม เพื่อทำสงคราม

กับลัทธิคอมมิวนิสต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

แต่ประธานาธิบดีเคนเนดี้กลับปฎิเสธแผนการณ์นี้

ด้วยคำพูดที่ว่า....

“ ข้าพเจ้า จะไม่ส่งชาวอเมริกันไปรบในสงครามของคนอื่น ”





และในนโยบายหาเสียงในการเลือกตั้งที่จะมาถึงอีกครั้ง

ประธานาธิบดีเคนเนดี้ก็ได้ ตอกย้ำเจตนารมณ์

ในการที่จะสร้างสันติภาพให้บังเกิด ขึ้นบนโลกใบนี้

เมื่อเขาชูนโยบายที่จะเปิดการเจรจาสันติภาพ

กับทางประธานาธิปดีครุชซอฟ ของสหภาพโซเวียต

หากเขาได้รับเลือกให้กลับมาเป็นประธานาธิปดีอีกสมัย

โลกกำลังจะได้ลิ้มรองรสชาติอันหอมหวานของ

สันติภาพที่แท้จริงแล้ว





แต่อนิจจา...................

ที่ประธานาธิบดีที่ใฝ่หาสันตินี้

ได้ลงนามในคำสั่ง การสังหารชีวิตตนเอง

ขึ้นเสียแล้ว.........





...................................................................................


ผู้กำกับโอลิเวอร์ สโตน ได้แสดงความกล้าหาญ

ที่ประกาศที่จะดำเนินงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง JFK

ในปี ค.ศ 1990





นับเป็นความท้าทายและเสี่ยงต่อ

คำวิพากษ์วิจารณ์ ในสังคมอเมริกัน

เป็นอย่างมาก...





สโตน ได้ดัดแปลงงานเขียนเกี่ยวกับ

การลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้

2 เล่มคือ...

“ JFK In The Trail of The Assassins ”

ที่เขียนโดยจิม แกริสัน

และ

“ CrossFire The plot that killed Kennedy ”

เขียนโดย จิม มาร์ล มาเป็นข้อมูลสร้าง





เพราะเนื้อหาที่กล่าวถึง

เรื่องจริงของการขุดคุ้ยลื้อคดี

ในการลอบสังหารประธานาธิปดีเคนเนดี้

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ 1963

ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1966

ของจิม แกริสัน อัยการเขตนิวออร์ลีนส์



[ จิม แกริสัน ]


หลังจากที่การพิจารณาคดีในครั้งแรก

ของคณะสอบสวนพิเศษโดยเอิร์น วอลเลน ได้ปิดแฟ้มลง

โดยมีบทสรุปว่า....

ประธานาธิบดีเคนเนดี้ ได้ถูกลอบสังหาร

โดยมือปืนคลั่งลัทธิคอมมิวนิสต์

ชาวอเมริกันที่มีประวัติลึกลับ

นามว่า ลี ฮาวีย์ ออสวอล์ด

ที่วางแผนและลงมือเพียงคนเดียว

โดยใช้ปืนไรเฟิล ยิงใส่ขบวนรถ

ของประธานาธิบดี 3 นัด



[ ลี ฮาวีย์ ออสวอล์ด ]


และภายหลังจากโดนควบคุมตัวโดยตำรวจดัลลัส

ต่อมาเพียงไม่นาน

ออสวอล์ด ที่ประกาศตลอดมาว่า

ตนเองเป็นเพียงแพะ ในคดีนี้

ก็กลับถูก แจ็ค รูบี้ เจ้าของบาร์ในดัลลัส

บุกเดี่ยวไปที่ทางออกของโรงพัก

ในวันเคลื่อนย้ายตัวออสวอล์ด

ท่ามกลางตำรวจเป็นร้อยนาย

แต่กลับปล่อยให้รูบี้ เดินเข้ามาใช้ปืน

จ่อยิงลี ฮาวีย์ ออสวอล์ด ตายอย่างน่าตาเฉย



[ แจ็ค รูบี้ บุกยิงออสวอล์ด ท่ามกลางตำรวจนับร้อย ]



โดยรูบี้กล่าวว่าทำไปเพื่อแก้แค้นให้กับแจ๊คเกอลีน

ภรรยาหม้ายของประธานาธิบดีเคนเนดี้

ซึ่งเป็นเหตผลที่ฟังไม่ขึ้นเป็นอย่างมาก

สร้างความเคลือบแคลงใจต่อแกริสัน

อัยการเขตนิวออร์ลีนส์ ให้เกิดความสนใจในคดีนี้ขึ้นมา

ดังนั้น....




ในฐานะอัยการเขตนิวออร์ลีนส์

จิม แกริสัน จึงได้จัดตั้งทีมงานลับ

เพื่อค้นหาขุดคุ้ยความลึกลับในคดีนี้ขึ้นมาใหม่

โดยเขาได้ย้อนรอยการสอบปากคำจากพยาน

หลายๆปาก ที่เคยให้การกับคณะสอบสวนของเอิร์น วอลเลนไปแล้ว

แต่กลับถูกบิดเบือนคำให้การไปแบบหน้ามือ เป็นหลังมือ





จากการเชื่อมโยงได้ชี้ไปถึง

กลุ่มจัดตั้งแปลกๆ ที่

ี่เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนจากหลากหลายอาชีพ

ที่มาร่วมกันทำงานฝึกหน่วยกองโจรปลดปล่อยคิวบา

โดยมีหน่วยสืบราชการลับอยู่เบื้องหลัง





และทั้งหมดก็เชื่อมโยงไปถึง

เคลย์ เบอร์ทราน หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ

เคลย์ ชอร์ นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง

ที่ แกริสัน เห็นถึงความสัมพันธ์ของ

สายงานของชอร์ เชื่อมไปยัง เดวิด แฟร์รี่นักบินรับจ้างของซีไอเอ

กาย บาร์นิสเตอร์ นักสืบเอกชนอดีตเอฟบีไอ

ที่ต่อมาเสียชีวิตอย่างน่าสงสัย





และที่สำคัญที่สุดก็คือ....

กลุ่มคนทั้งหมดนี้ต่างมีการเชื่อมโยงมาถึง

ลี ฮาวีย์ ออสวอล์ด และ แจ็ค รูบี้ ทั้งหมด

แกริสัน จึงใช้จุดเชี่อมโยงเหล่านี้

เปรียบเสมือนกับจิ๊กซอ ของเหตการณ์

การลอบสังหารทั้งหมด ให้เด่นชัดขึ้น

แต่ยิ่งสืบค้นไปมากเท่าใด....





ก็ยิ่งเสมือนกับว่า...ยิ่งว่ายน้าไกลออกไปกลางมหาสมุทรเท่านั้น

กลุ่มคนที่ดูเหมือนไม่มีอะไร

กลับต่อยอดออกไป ไกลจนคาดไม่ถึง

ไกลไปจนถึงหน่วยงานลับของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

และในที่สุด......





จิม แกริสัน ก็ได้รับรู้ว่า

คดีการลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ นี้

มันได้โยงใยและซับซ้อนยากยิ่ง





ไปกว่าที่คนตัวเล็กๆอย่างเขาจะรับมือไหว............


......................................................................................................





ผู้กำกับ โอลิเวอร์ สโตน ( Platoon , Born on the 4th of July ,

Any Given Sunday , World Trade Center )

ได้นำเสนอเรื่องราวได้อย่างกล้าหาญ และน่าติดตาม

เขาใช้การตัดต่อ ภาพเหตการณ์จริง

มาเข้าร่วมไปกับการสืบค้นคดีของเรื่องในการถ่ายทำ

ที่นำเสนอเรื่องราวที่แสนจะเข้าใจได้ยาก

ให้ เกิดความน่าสนใจ





จนสามารถที่จะตรึงผู้ชมเอาไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง

ที่มีความยาวสามชั่วโมงกว่า ได้อย่างน่าชมเชย

ทั้งการใช้ภาพการลอบสังหารจริง

ที่ไม่เคยมีใครในเวลานั้นได้เห็น

จากฟิล์มถ่ายภาพของนาย ซาร์ปูเตอร์






ที่เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึง

กระสุนนัดสำคัญ ในการเด็ดชีพประธานาธิบดีเคนเนดี้

เป็นภาพที่สะกดอารมณ์ของผู้ชม

ให้ตกตะลึง เมื่อได้เห็น

ชะตากรรมที่ผู้นำประเทศของเขาได้รับจากการ

เป็นผู้ที่ต้องการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น

บนโลกใบนี้....





ภาพยนตร์เรื่อง JFK นี้

ถือเป็นการรวบรวมดารานักแสดงที่มีชื่อและฝีมือแห่งยุค

มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวกันอย่างคับคั่ง...





เช่น เควิน คอสเนอร์ ในบทของ จิม แกริสัน

และ แกรี่ โอลด์แมน มารับบทเป็นลี ฮาวีย์ ออสวอล์ด ได้อย่างกลมกลืน

ประกอบด้วย ทอมมี่ ลี โจนส์ ดาราเจ้าบทบาท





รับบทเป็น เคลย์ ชอร์ อีกทั้งยังมี โจ เปสซี่ และ เควิน เบคอน

รวมไปถึงรุ่นใหญ่อย่าง โดนัลด์ ชุทเธอร์แลนด์

มาประชันบทบาทอีกด้วย....



การถ่ายภาพก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น

ของภาพยนตร์เรื่องนี้

โอลิเวอร์ สโตน ได้มือกำกับภาพคนเก่งอย่าง

โรเบิร์ต ริชาร์ดสัน มาทำหน้าที่ถ่ายทอด

เรื่องราวที่หน้าตื่นเต้นลงบนฟิล์ม





และอีกชิ้นส่วนงานที่เป็นส่วนประกอบชิ้นสำคัญ

ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แก่ ดนตรีประกอบ

ที่ได้ จอห์น วิลเลี่ยม นักประพันธ์ดนตรีประกอบมือทอง

มาสร้างสรร งานชิ้นเยี่ยม

ที่กลมกลืนไปกับเรื่องราวที่ปรากฏบนจอภาพยนตร์

ได้อย่างลงตัว






๋JFK ได้รับความสำเร็จอย่างมากมาย

เมื่ออกฉายในปี ค.ศ 1991 มันทำเงินไปทั้งสิ้นทั่วโลกกว่า

205 ล้านเหรียญ

และภาพยนตร์ยังได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ด

ในปี 1992 ถึง 8 ประเภทรางวัล รวมไปถึง

รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีด้วย

แต่กลับพลาดไปอย่างน่าเสียดาย






ยังไงก็ตามก็ยังได้รางวัลปลอบใจมา 2 สาขา

ซึ่งก็คือ การกำกับภาพยอดเยี่ยม และ การตัดต่อ ....

ถึงอย่างไรก็ตาม JFK ก็ยังเป็นงานชิ้นสำคัญ

ที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือที่ยอดเยี่ยมของ

โอลิเวอร์ สโตน ตลอดมา

จนถึงปัจจุบันนี้..............






ชื่อภาพยนตร์ : JFK

ความยาว : 189 นาที , USA : 206 ( Director's Cut )

ปีที่สร้าง : 1991

สัญชาติ : อเมริกัน

ผู้อำนวยการสร้าง : Oliver Stone , Clayton Townsend

ผู้กำกับภาพยนตร์ : Oliver Stone

นักแสดง

Kevin Costner : Jim Garrison

Garry Oldman : Lee Harvey Oswald

Tommy Lee Jones : Clay Shaw

Joe Pesci : Devid Ferrie

Kevin Bacon : Willie O' Keefe

Sissy Spacek : Liz Garrison

เรตติ้ง

IMDB : 8.0 / 10

RottenTomatoes : 7.6 / 10

Romancini Blog : 8.0 / 10





“ To Sin by silence when we should protest
makes cowards Out of men ”

Ella Wheeler Wilcox









Create Date : 27 กันยายน 2551
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 1:59:07 น. 23 comments
Counter : 3025 Pageviews.

 
หวัดดีจ้า...

อืมม รู้แต่ว่าดูภาพตอนโดนยิงหลายรอบมากเลยอ่ะ

แล้ว Cowards คืออะไร

สำหรับเค้าแล้วสะกดไม่เป็น

เพราะไม่เคยรู้สึกแบบนั้นหว่ะ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก

คิดถึงเหมือนกันจ้า....

ร๊อกกี้ขี้งก


โดย: HastaLaVista วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:5:38:19 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณร๊อก

ตอน เจ เอฟ เค ถูกลอบสังหาร

นับว่าเป็นเรื่องช๊อคโลกสุด ๆ ในเวลานั้น

ปอ ป้า ยังเอ๊าะ ๆ อยู่เลย..ค่ะ

ว่าแต่ว่า คุณร๊อก อ่านบทความของป้า

แล้วทำไมนอนไม่หลับ..ล่ะคะ..สงสัย สงสัย ????..???


Happy....weekend ขอรับบบบบ........
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่


โดย: พรหมญาณี วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:9:01:04 น.  

 
โห...พี่โรมันชะนีคะ

สาระมากเลยอ่ะค่ะ

แจ๋วค่ะ ค่อยๆอ่านไป ชอบค่ะ ชอบ

ชม.นึงคงจบ คือ บ๊อบไอคิวต่ำอ่ะค่ะ





โดย: กิ๊กมืออาชีพ วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:11:56:01 น.  

 

อ่ะนะ...เทพอ่ะเน๊อะ

เดิร์ก ครก น่ะ

ไม่อย่างนั้น น้อง ตอเล็ก ซัดแฮตทริกไปแล้ว

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ปล.

คนยิงจุดโทษแมนยูฯ หล่อโฮกกกกกกกกก

อยากขย้ำมากๆๆ อิอิอิ


โดย: HastaLaVista วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:52:13 น.  

 

อะไรแว๊บๆๆๆๆ

นั่นอ่ะ

อ๋อ...รูนี่ย์เค้าก็ยิง

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก


โดย: HastaLaVista วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:58:32 น.  

 
หญิงไทยใจงาม

เสน่ห์ปลายจวักสุดๆ มาดูด้วยนะ

ก๊ากกกกกกกก


โดย: HastaLaVista วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:21:12:54 น.  

 


โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:12:47:15 น.  

 


มองผ่านๆ เรื่องราวบล๊อกนี้น่าสนใจมากค่ะ
แต่ปอยังไม่ได้อ่านละเอียด
ไว้คราวหน้านะคะ ...วันนี้รีบอ่ะคะ อิอิ

ปอแวะเอาชามาฝากค่ะ
มีความสุขมากๆ นะคะ งุงิ


โดย: Butterflyblog วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:20:08:46 น.  

 


ฝันดีนะค่ะน้องร๊อค


โดย: กชมนวรรณ วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:22:08:15 น.  

 


โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:13:05:46 น.  

 


โอลิเวอร์ สโตน ผู้กำกับคนนี้หนึ่งในผุ้กำกับฝีมือ ในดวงใจปอเลยค่ะ...

หนังเรื่องนี้ก้อเคยดู แต่นานมาแล้ว ลืมๆ เลือนๆ เรื่องเนื้อหาไปมากเลยค่ะ..

แวะมาเสริฟกาแฟ คุณสบายดีนะคะ งุงิ


โดย: Butterflyblog วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:19:38:25 น.  

 
ร๊อกกี้ขี้งก

จมน้ำทะเลตายไปหรือยัง????

คิดถึงนะเว่ย!!!


โดย: HastaLaVista วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:21:27:10 น.  

 
ทีชาวบ้านล่ะ อยากให้มีความสุข

อืมมมม ซึ้งหว่ะ!!!


โดย: HastaLaVista วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:5:25:49 น.  

 
สวัสดีคุณลุง
หายกันไปนาน เพราะอาอี๊ต่าย ตกน้ำ(เน่า) อ่ะ
วันนี้ขึ้นมาได้แล้ว ก็เลยเข้ามาทักมาย
ขอบคคุณนะครับที่ไป birth day ให้

แต่จะบอกว่าเรื่องที่เอามาเขียนไว้อ่ะ
แสดงให้เห็นอายุเจ้าของblogเลยอ่ะ


โห้.....แก่ได้อีกค่ะคุณขาๆๆๆๆๆๆๆๆ


กริ๊ป กริ้ว กริ๊ป กริ้ว


โดย: kra_tai (stardift ) วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:16:16:17 น.  

 
ประกาศ


เพื่อนหายไปคนนึงค่ะ

หายจากการติดต่อเมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้

ไม่ทราบเป็นไงบ้าง

ใครรู้ข่าวช่วยแจ้งด้วยค่ะ


ขอบคุณค่ะ

( โปรดอ่านซ้ำๆ 2 ครั้ง)


โดย: กิ๊กมืออาชีพ วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:17:02:12 น.  

 


สวัสดีค่ะ
ปอเอากาแฟมาฝากยามค่ำค่ะ

มีความสุขมากๆ นะคะ งุงิ


โดย: Butterflyblog วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:20:24:00 น.  

 
ร๊อกกี้...
แค่นั้นแหล่ะ


โดย: HastaLaVista วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:5:41:11 น.  

 
โอ้ย........

ลุงหวัดดี ตื่นรึยังเนี่ย

สงสัยจะยังเพราะไม่มีสาวๆมาปลุกเลย

ตื่นได้แย้วววววววววววว


โดย: kra_tai (stardift ) วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:9:27:59 น.  

 
ป้ามาสวัสดี คุณต้น..ค่ะ

ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต...

ทำงานแล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วย..นะคะ


GOOD....Thursday.....เจ้าค่ะ
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่


โดย: พรหมญาณี วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:10:09:32 น.  

 
เอ๋า...ขออภัย เรียกชื่อผิด เจ้าค่ะ

ป้าต้องมาสวัสดี คุณร๊อก..ต่างหาก

แก่เลี้ยวววว...ก้องี้แหละค่ะ เรียกผิด เรียกถูก



โดย: พรหมญาณี วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:10:11:46 น.  

 
ดีค่ะ

แวะมาดู

ไปทำงานละค่ะ

ฝากดูแลนังชะนีด้วยนะคะ


โดย: กิ๊กมืออาชีพ วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:13:28:28 น.  

 
พิมอะไร วู้ ไร้สาระหว่ะ!!!

เดี๋ยวปั๊ด!!! ต่อยตาแตก ซะนี่

สะใจหว่ะ!!! ถ้ามีให้กดโหวตนะจะโหวตให้เฮียชูวิทย์

สักห้าโหวต ชอบมาก โดนใจ

อย่าให้เจอหน้านะ ร๊อกกี้บาบู

ตาย ตายอย่างเดียว

แบร่ แบร่ แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: HastaLaVista วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:9:28:27 น.  

 


สวัสดีค่ะ....
เหมือนคุณจะหายๆ ไปนะคะ อิอิ

วันนี้ปอเอากาแฟเวียดนามมาเสริฟค่ะ

มีความสุขมากๆ นะคะ งุงิ


โดย: Butterflyblog วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:20:54:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Romancini
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้ชายธรรมดา มีความฝันที่ยังไปไม่ถึง แต่ไม่เคยคิดท้อที่จะทำความฝันนั้น ให้เป็นจริง...

" SHINE ON YOU CRAZY DIAMOND "

Remember when you were young, you shone like the sun.
Shine on you crazy diamond.
Now there's a look in your eyes, like black holes in the sky.
Shine on you crazy diamond.
You were caught on the crossfire of childhood and stardom, blown on the steel breeze.
Come on you target for faraway laughter, come on you stranger, you legend, you martyr,
and shine!

You reached for the secret too soon, you cried for the moon.
Shine on you crazy diamond.
Threatened by shadows at night, and exposed in the light.
Shine on you crazy diamond.
Well you wore out your welcome with random precision, rode on the steel breeze.
Come on you raver, you seer of visions, come on you painter, you piper, you prisoner,
and shine!

Nobody knows where you are, how near or how far.
Shine on you crazy diamond.
Pile on many more layers and I'll be joining you there.
Shine on you crazy diamond.
And we'll bask in the shadow of yesterday's triumph, and sail on the steel breeze.
Come on you boy child, you winner and loser, come on you miner for truth and delusion,
and shine!

Totó and Alfredo - ENNIO MORRICONE
Friends' blogs
[Add Romancini's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.