Super Sunday : SuperBowl III Jets V Colts 1969

“ ผมจะทำให้ทีมเจ๊ทส์ชนะโคลท์ส
เพื่อเป็นแชมป์ซุปเปอร์โบลว์ครั้งนี้
และ ผมขอรับประกันว่า.............
ผมจะทำมันได้อย่างแน่นอน !!! "



[ โจ เนเม็ท วันการันตีชัยชนะกับนักข่าวข้างสระว่ายนํ้าของโรงแรมในไมอามี่ ]



นั่นเป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของโจ เนเม็ท
ยอดควอเตอร์แบ๊คของทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์
ก่อนหน้าที่เกมซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 3 จะเริ่มต้นขึ้นมา
จากคำคุยโวนี้ มันได้สร้างความตลกขบขัน
ให้แก่ผู้สื่อข่าวเกือบจะทุกสำนัก
และแฟนๆอเมริกันฟุตบอลทุกๆคนที่ได้ยิน



[ " บรอดเวย์ โจ " โจ เนเม็ท ควอเตอร์แบ๊คเพลย์บอยของนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ]



เพราะว่า
ในความเป็นจริงนั้น……
มันแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย
ที่ทีมแชมป์จากลีค AFL
อย่าง นิวยอร์ค เจ๊ทส์ ที่ถูกวางราคาให้เป็นรอง
บัลติมอร์ โคลท์ส สุดยอดทีมที่สุดแข็งแกร่งจากลีค NFL
คู่ชิงชัยในเกมซุปเปอร์โบลว์ หนที่ 3 นี้อยู่ถึง 18 แต้ม
ซึ่งนั่นก็คือ ...
ราคาที่ประกาศการปิดประตูแพ้ในทุกๆทางของทีมตราเกือกม้า
ในศึกหนนี้อย่างแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม !!!



[ เหล่าบรรดาผู้เล่นของทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์แชมป์ AFL ปี 1968 - 69 ]



และบรรดานักวิจารณ์จากทุกสำนักก็ได้ให้ความคิดห็นว่า....
เกมในนัดนี้ คงไม่น่าที่จะสนุกตื่นเต้นเท่าไหร่นัก
เพราะความห่างชั้นของทีมเจ๊ทส์
ที่ดูแล้วคงจะต้องถูกโครตทีม NFL
อย่างบัลติมอร์ โคลท์ส ถล่มเล่ะจนหาทางกลับบ้านไม่ถูกอย่างแน่นอน




[ นิวยอร์ค ไตตันส์ จุดเริ่มต้นของทีมเจ๊ทส์ ]



แล้วควอเตอร์แบ๊คเพลย์บอยจอมสีสันของเจ๊ทส์อย่าง โจ เนเม็ท
ที่มีฉายาเข้ากับบุคลิกว่า “ บรอดเวย์ โจ ”
ดันออกมาการันตีผลการแข่งขันแบบโอเว่อร์ เข้าไปอีกแบบนี้
จึงเพิ่มความดูถูกดูแคลน
ให้แก่ทีมเจ๊ทส์มากยิ่งขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว




[ โจ เนเม็ท จอมทัพเพลย์บอยขวัญใจสาวๆของทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ]



แต่ โจ เนเม็ท และเพื่อนร่วมทีมเจ๊ทส์
รวมไปถึงแฟนฟุตบอลของนิวยอร์ค
ก็ไม่หวั่นไหว ไปกับเสียงวิจารณ์เหล่านั้น
ทุกๆคนต่างเชื่อมั่นในทีมสปิริต
และเฝ้าหวังอยู่ลึกๆ ให้ปาฏิหาริย์ บังเกิดขึ้น !!!




[ อีฟ อีวแบ๊งค์ส หัวหน้าโค๊ชของทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ]



ทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์ หรืออดีต นิวยอร์ค ไตตันส์ แต่เดิมนั้น
นำทีมมาโดยยอดโค๊ช อีฟ อีวแบ๊งค์ส ที่มีอดีตแค้นฝังลึก
กับเจ้าของทีมโคลท์ส คาร์โล โรเซนบลูม ที่ไล่เขาออก
จากการเป็นหัวหน้าโค๊ชของบัลติมอร์ ในปีค.ศ 1962
และว่าจ้างโค๊ชหนุ่มไฟแรงนาม ดอน ชูล่า มาแทนที่
ทั้งๆที่เขาสามารถทำทีมโคลท์ส ให้กลายเป็นแชมป์ NFL
ได้ถึงสองสมัยซ้อนในฤดูกาล 1958 – 1959




[ ดอน ชูล่า เป็นหัวหน้าโค๊ชของบัลติมอร์ โคลท์สต่อจากอีวแบ๊งค์ส ]



เมิ่อมาเป็นหัวหน้าโค๊ชให้กับเจ๊ทส์
อีวแบ๊งค์สได้สร้างทีมขึ้นมา
โดยมีควอเตอร์แบ๊คดาวรุ่งจากมหาวิทยาลัยอลาบาม่า
นาม โจ เนเม็ท ที่เป็นผู้เล่นซุปเปอร์สตาร์ของทีม
เนื่องมาจากรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่แพ้ดาราฮอลลี่วู๊ด
เนเม็ทจึงกลายมาเป็นขวัญใจของสาวๆในเมืองนิวยอร์ค
และบวกกับฝีมือการเล่นที่โดดเด่น ทำให้เขาคือสีสันใหม่ของยุค 70
“ บรอดเวย์ โจ ” จึงกลายมาเป็นฉายาที่ผู้สื่อข่าวกีฬาของเมืองนิวยอร์ค
ตั้งให้แก่ควอเตอร์แบ็คเพลย์บอยผู้นี้.....



[ จากหน้าตาที่หล่อเหลาทำให้โจ เนเม็ทเป็นทั้งนักกีฬา,นายแบบ และ ดาราหนัง ]


นอกจากเนเม็ทแล้วนั้น
ดอน เมย์นาร์ด ปีกนอกมือเยี่ยมจากมหาวิทยาลัยเท๊กซัส
ที่มีสถิติรับเฉลี่ย 22 .8 หลา ต่อการรับลูก 1 ครั้ง
และในฤดูกาล 68 – 69 นี้ เขาก็รับไปทั้งสิ้น 57 ครั้ง
ได้ระยะไป 1,297 หลา กับอีก 10 ทัชดาว์น
ก็เป็นอาวุธลับทางอากาศของทีมเจ๊ทส์



[ ดอน เมย์นาร์ด ปีกพระกาฬของทีมเจ๊ทส์ ]



ส่วนเกมการบุกทางภาคพื้นดินนั้น
ฟูลแบ๊คพันธ์ดุจอมลุย แม๊ทท์ สเนลล์
ที่วิ่งตะลุยไปทั้งสิ้น 750 หลากับอีก 6 ทัชดาว์นให้กับทีม
จึงเป็นหมัด 1 – 2 ของทีมบุกเจ๊ทส์
ที่ทีมรับทุกทีมต้องหวั่นเกรง



[ แม๊ทท์ สเนลล์ ตัววิ่งจอมลุยของเจ๊ทส์ ]



ทางด้านทีมรับของเจ๊ทส์นั้น
ขึ้นชื่อลืือชาในด้านการหยุดเกมการวิ่ง
ของฝ่ายตรงกันข้ามอย่างได้ผล
แนวรับที่ประกอบไปด้วย
เอนด์ เจอร์รี่ ฟิลบินส์ , เวอร์ลอน บริ๊กส์ และ
แทคเกิ้ล จอห์น เอลเลียต
เสียระยะจากการวิ่งทั้งฤดูกาลไปเพียง 1,195 หลา เท่านั้น




[ เหล่าบรรดาผู้เล่นดีเฟรนซีฟไลน์ของทีมนิวยอร์ค เจ๊ท์ส ]



ส่วนในแนวหลังนั้น 2 คู่หูตัวคุมปีกของเจ๊ทส์
ทั้ง จอห์นนี่ แซมเปิ้ล และ จิม ฮัดสัน
ช่วยกันแย่งบอลจากทีมบุกคู่แข่ง
รวมกันแล้วถึง 12 ครั้ง ตลอดทั้งฤดูกาล



[ คู่หูกุญแจสำคัญของทีมบุกเจ๊ทส์ เนเม็ท & สเนลล์ ]



นิวยอร์ค เจ๊ทส์ มีสถิติ ชนะ 11 แพ้ 3 ในฤดูกาลปกติ
ก่อนที่จะมาพลิกล็อกเฉือนชนะแชมป์ AFL เก่า
โอ๊คแลนด์ เรดเดอร์ในเกมชิงแชมป์ลีค 27 – 23
ชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนัก
หลังจากที่เคยแพ้ให้กับเรดเดอร์
มาก่อนหน้านี้ 32 – 43 คะแนน
ในเกมเดือนพฤศจิกายน



[ เจ๊ทส์ ปะทะ ชีฟส์ ในเกมเพลย์ออฟฤดูกาล 1968 ]



ที่กลายมาเป็นปัญหาเรื่องการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ
เมื่อแฟนๆฟุตบอลที่กำลังชมเกมในควอเตอร์ที่ 4 อย่างใจจดใจจ่อ
ในขณะที่ เจ๊ทส์ กำลังนำ เรดเดอร์อยู่ 32 – 29
แต่จู่ๆสถานนี NBC ดันตัดภาพเกมถ่ายทอดสด
ไปเป็นรายการละครเด็กสุดฮิตของช่องเรื่อง HEIDI แทน
และต่อมา เรดเดอร์ ดันพลิกกลับมาชนะไปได้
ชนิดที่แฟนๆฟุตบอลจอตู้ไม่มีใครได้ชม ช่วงสุดท้ายสุดมันนี้เลย




[ โจ เนเม็ทนำทัพสู้เรดเดอร์สกับเกมในตำนาน " Heidi Bowl 1968 " ]



ทำให้ต่างพากันระดมโทรศัพท์เข้าไปถล่มก่นด่าสถานนี NBC
แบบสาดเสียเทเสีย
และเกือบจะรุกลามไปเป็นการจลาจล ย่อมๆ เลยทีเดียว
ผลก็คือ การตกงานกราวรูด
ของพนักงานที่ควบคุมการออกอากาศ
รายการในขณะนั้นแบบยกชุด
ซึ่งต่อมามีการเรียกขานเกมเจ้าปัญหานี้ว่า...
” HEIDI BOWL “ มันซะเลย !!!




[ จอห์นนี่ ยูไนตัส สุดยอดตำนานควอเตอร์แบ๊คของบัลติมอร์ โคลท์ส ]



ทางด้านของบัลติมอร์ โคลท์ส จากฝั่ง NFL นั้น
ฤดูกาล 1968 – 69 นั้น ไม่มีทีมไหนที่จะหยุดยั้ง
ความดุดันทั้งทีมบุกและรับ
ของลูกทีมของหัวหน้าโค๊ชไฟแรงนาม ดอน ชูล่า ไปได้เลย
ทั้งๆที่ ทีมได้เสีย สุดยอดควอเตอร์แบ๊คตัวจริงของทีม
จอห์นนี่ ยูไนตัส ไปจากการอาการบาดเจ็บข้อศอกตั้งแต่ต้นฤดูกาล
ต้องแทนที่ด้วยควอเตอร์แบ๊คสำรองจอมพเนจร เอิร์ล มอร์เรลล์




[ เอิร์ล มอร์เรลล์ จากตัวสำรองกลายเป็น MVP ฤดูกาล 68 -69 ]



และเขาก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครจะคาดคิดได้
บัลติมอร์ โคลท์ส จากการนำของมอร์เรลล์
จบฤดูกาลด้วยชัยชนะ 13 ครั้ง
และพ่ายแพ้ไปเพียง 1 เกมเท่านั้น
และเอิร์ล มอร์เรลล์
ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของลีคอีกด้วย




[ เอิร์ล มอร์เรลล์ และ จอห์นนี่ ยูไนตัสสองจอมทัพของทีมโคลท์ส ]



เขาขว้างไป 2,909 หลา กับอีก 26 ทัชดาวน์
และเสียไปเพียง 17 อินเตอร์เซบป์
โดยมีเรตติ้งสูงถึง 93 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว !!!
ทำให้เมื่อ จอหน์นี่ ยูไนตัส หายเจ็บกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ก็ต้องตกลงมาเป็นตัวสำรองของมอร์เรลล์ ไปซะแล้ว
เมื่อดอน ชูล่า ประทับใจในผลงานขั้นเทพ
ของมอร์เรลล์ มากกว่านั่นเอง



[ ปีกคู่อันตรายของทีมเกือกม้า จิมมี่ ออร์ และ วิลลี่ ริชาร์ดสัน ]



ทีเด็ดในทีมบุกของโคลท์สนั้น ประกอบไปด้วย
คู่ปีกดูโอ จิมมี่ ออร์ ที่รับไปได้ทั้งสิ้น 743 หลากับอีก 6 ทัชดาวน์
กับ วิลลี่ ริชาร์ดสัน บวกไปอีก 698 หลาและ 8 ทัชดาวน์
เสริมด้วย ยอดปีกในนาม จอห์น แม็คกี้ ที่รับไปได้ 45 ครั้ง
ได้ระยะไป 645 หลา กับอีก 5 สกอร์



[ จอห์น แม็คกี้ ปีกในมือฉมังของบัลติมอร์ โคลท์ส ]



ไหนจะยังมี ทอม แม้ทท์ ตัววิ่งออลสตาร์ ของทีม
ที่วิ่งไป 662 หลา กับอีก 9 ทัชดาวน์
ทั้งหมดนี้ต่างประสานงานกันทำให้ทีมบุกของบัลติมอร์ โคล์ทส
ทำคะแนนไปทั้งสิ้นตลอดทั้งฤดูกาลถึง 402 คะแนน
สูงสุดเป็นเป็นอันดับที่ 2 ของ NFL ลีคเลยทีเดียว



[ ทอม แม้ทท์ ฟูลแบ๊คจอมลุยของโคลท์ส ]



ส่วนทางด้านทีมรับนั้น
ก็ไม่ได้มีผลงานที่น้อยหน้าทีมบุกเลย
สร้างผลงานทั้งฤดูกาลอย่างยอดเยี่ยม
เมื่อเสียคะแนนให้ทีมคู่แข่งไปเพียงแค่ 144 คะแนน
น้อยที่สุดในลีค



[ บั๊บบ้า สมิทท์ และ ไมค์ เคอร์ติสคีย์แมนในแนวรับของโคลท์ส ]



กุญแจสำคัญนำมาโดย
เอนด์ร่างยักษ์นาม บั๊บบ้า สมิทท์
ที่เล่นเกมป้องกันได้เยี่ยมทั้งการวิ่งและการป้องกันการขว้าง
และไมค์ เคอร์ติส ไลน์แบ๊คเกอร์พันธ์ดุขาโหดจากดุ๊กส์
ส่วนแก็งค์ตัวคุมปีกจอมขโมยมือกาวนำมาโดย
บ๊อบบี้ บอยด์ ( 8 อินเตอร์เซบป์ ) , ริค โว๊ค ( 6 อินเตอร์เซบป์ ) ,
เลนนี่ ลายด์ ( 5 อินเตอร์เซบป์ ) และ เจอร์รี่ โลแกน อีก 3 หน




[ โรมัน เกเบรี่ยล ควอเตอร์แบ็คแรมส์เจอลูกโหดของไมค์ เคอร์ติส ]



บัลติมอร์ โคลท์ส บุกไปถล่มคลีฟแลนด์ บราวน์ กระจาย
คาบ้านที่โอไฮโอ ด้วยสกอร์ 34 - 0
ในเกมชิงแชมป์ NFL 1968
และคว้าสิทธิ์มาเล่นในซุปเปอร์โบลว์เป็นสมัยแรก



[ 1 ใน 3 สกอร์ที่ทอม แม้ทท์ ระเบิดใส่บราวน์เกมชิงแชมป์ NFL ]



องค์ประกอบทั้งหมดที่ดอน ชูล่ามีนี้
เพียงพอต่อการที่นักข่าวและนักวิจารณ์กีฬาทั่วทั้งสหรัฐฯ
จะพร้อมกันกล่าวขนานนามทีมบัลติมอร์ โคลท์ส ของฤดูกาล 1968
นี้ว่าเป็น.........
“ สุดยอดอเมริกันฟุตบอลทีม
ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ “



[Colts 1968 The Greatest team in Pro Football history ]



แล้วอย่างนี้ การที่ต้องโคจรมาเจอกับทีมต่ำชั้นอย่าง
นิวยอร์ค เจ๊ทส์ ในศึกซุปเปอร์โบลว์ ครั้งที่ 3 นี้นั้น
คงจะเป็นเพียงแค่เกมที่จะช่วยยืนยันบทสรุปในปีอันยอดเยี่ยม
ให้แก่ทีมบัลติมอร์ โคลท์สเท่านั้นเอง ................



.................................................................


[ โปรแกรมการแข่งขันซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 3 ]

SUPER BOWL III : New York Jets V Baltimore Colts
12 มกราคม 1969 สนามออร์เรจน์โบลว์ เมืองไมอามี่




ซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 3 มีขึ้นที่ สนามออร์เรจน์โบลว์ ในไมอามี่
เหมือนกับในการแข่งขันเมื่อครั้งที่แล้ว ( SuperBowl II )
แต่ครั้งนี้มีขึ้นในวันที่ 12 มกราคม ค.ศ 1969
โดยมีผู้ชมในสนามกว่า 75,389 คนเต็มความจุ
และนับเป็นครั้งแรก
ที่การแข่งขันเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “ SUPER BOWL “ อย่างเป็นทางการ
เป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ 1967 เป็นต้นมา



[ สนามออร์เรจน์โบลว์ ไมอามี่ ฟลอริด้า สังเวียนชิงชัยซุปเปอร์โบลว์ 3 ]



ก่อนที่เกมจะเริ่มต้นขึ้นนั้น ได้มีการแสดงสดของบ๊อบ โฮป
ยอดอเมริกันเอนเตอร์เทนเนอร์ และการแสดงเพื่อเป็นเกียรติ
แก่การปฏิบัติภารกิจของยานอพอลโล 8
ที่ทำการโคจรรอบดวงจันทร์ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ในปีค.ศ 1968
และแล้วเกมการแข่งขันศึกแห่งศักดิ์ศรีก็เริ่มต้นขึ้น




[ ขนมเค็กยักษ์ที่มีผู้เล่นของทั้งสองทีมอยู่บนหน้าเป็นหนึ่งในการแสดงก่อนเกม ]



ในควอเตอร์แรกนั้น…….
นิวยอร์ค เจ๊ทส์ เริ่มต้นเกมแบบเกร็งๆ
ทำอะไรก็ดูจะผิดพลาดไปหมด
โจ เนเม็ท เล่นดูเหมือนกับว่าคำพูดการันตีผลการแข่งขันนั้น
จะย้อนมาพันที่รอบคอของเขาเสียแล้ว




[คนดูแน่นขนัดสนามเพื่อเป็นสักขีพยานในศึกซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 3 ค.ศ 1969 ]



เมื่อเจ๊ทส์บุกไม่ขึ้นต้องพั๊นท์ทิ้ง
เอิร์ล มอร์เรลล์ ก็ลงมานำทีมบุกของโคลท์สได้อย่างน่ากลัว
เมื่อได้เริ่มเกมที่เส้น 27 ในแดนของตัวเอง
ควอเตอร์แบ๊คยอดเยี่ยมของ NFL ลีคบัญชาการเกมบุกของโคลท์ส
ให้คืบคลานมาจนถึงบริเวณเส้น 19 หน้าบ้านของทีมเจ๊ทส์แล้ว




[ เอิร์ล มอร์เรลล์จอมทัพโคลท์สคอนโทรลเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยม ]



แต่หน้าเสียดายเมื่อ ลู ไมเคิ่ลส์ ที่เหมาเล่นทั้งดีเฟนซีฟเอนด์ และตัวเตะ
ดันหวดลูกจ่อๆง่ายๆนี้ เบี้ยวหลุดกรอบออกไปทางขวาอย่างน่าตาเฉย
ทำให้โคลท์สชวดขึ้นนำไปอย่างไม่น่าเชื่อ !!!




[ ลู ไมเคิ่ลส์ตัวเตะของโคลท์สกับจังหวะพลาดฟิลด์โกลช่วงต้นเกม ]



แต่ถึงขนาดโคลท์สพลาดให้ขนาดนี้แล้ว
ทีมบุกเจ๊ทส์ ก้ยังคงเล่นแบบเลื่อนลอยอยู่อีก
เนเม็ทขว้างทิ้งขว้างเสีย สูงบ้างต่ำบ้างห่างเป้าหมายไปหมด
และก่อนที่จะหมดควอเตอร์แรกนั้น
ทีมบุกเจ๊ทส์ก็พลาดอย่างรุนแรง
เมื่อดาว์นที่ 3 ต้องการเพียง 1 หลา
ที่เส้น 13 หน้าประตูบ้านของตัวเอง
เนเม็ทขว้างสั้นๆไปให้กับจอร์จ ซาวเออร์
พร้อมกับที่เลนนี่ ลายด์ตัวคุมปีกโคลท์ส
เข้าแท็กเกิ้ลจนลูกหลุดออกมา
แล้วก็เป็น รอน พ็อตเตอร์ ไลน์แบ๊คเกอร์บัลติมอร์
ที่แย่งลูกมาครอบครองได้ที่เส้น 12
ประตูขึ้นนำของบัลติมอร์ โคลท์ส เปิดกว้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว




[ จอร์จ ซาวเออร์ ปีกของทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ]



แต่ความซวยก็ยังคงตามมาเล่นงานแชมป์จาก NFL อยู่ต่อไป
เมื่อเอิร์ล มอร์เรลล์ขว้างลูกอย่างสวยงาม
ไปให้กับทอม มิตเชลล์ปีกใน
ที่ยืนกางมุ้งว่างๆอยู่ในเอนด์โซน
แต่บอลที่ควรจะเข้าซองของเขา
กลับไปกระดอนเครื่องป้องกันไหล่ลอยสูงขึ้นไปในอากาศ
ก่อนที่จะไปเข้ามือของ แรนดี้ เบฟเวอร์รี่ ตัวคุมปีกของเจ๊ทส์
กลายเป็นทัชแบ๊ค บัลติมอร์ชวดขึ้นนำออกไปอีกครั้งหนึ่ง




[ จังหวะผิดพลาดของโคลท์สกลายเป็นอินเทอร์เซบป์ในเอนด์โซนของแรนดี้ เบฟเวอร์รี่ ]



และจากเส้น 20 หลาหน้าบ้านของตัวเอง
ทีมบุกของเจ๊ทส์เปลี่ยนแผนใหม่
โดยใช้ความแข็งแกร่งของแม็ท สเนลล์
วิ่งเจาะทะลวงแนวรับของโคลท์ส
จนเริ่มที่จะปั่นป่วนไปหมด




[ โจ เนเม็ทส่งบอลให้แม็ท สเนลล์เจาะแนวรับของโคลท์สอย่างได้ผล ]



และเมื่อเริ่มเปิดเกมการวิ่งได้
โจ เนเม็ทก็หันกลับมาเล่นแผนขว้างสั้นสลับยาวได้ตามที่ถนัดแล้ว
เขาพาทีมบุกของเจ๊ทส์ มาจนถึงที่เส้น 4 หน้าประตูบ้านของโคลท์สแล้ว
และในที่สุดสกอร์แรกบนสกอร์บอร์ดก็เป็นของเจ๊ทส์
เมื่อแม็ท สเนลล์ วิ่งทะลวงผ่านข้ามเส้นเอนด์โซนของบัลติมอร์
ให้ทีมรองบ่อนจาก AFL
พลิกขึ้นมานำยอดทีมจาก NFL ไปก่อนแล้ว 7 – 0




[ ทัชดาวน์แรกในเกมนี้ของนิวยอร์ค เจ๊ทส์โดยแม็ท สเนลล์ ]



เกมเริ่มที่จะดุเดือดขึ้นมาแล้ว
ทั้งสองทีมต่างเริ่มที่จะสลัดความเกร็งจากความตื่นเต้นออกไปแล้ว
ตัวเตะของทั้งสองทีมต่างผลัดกันพลาดฟิลด์โกล์กันคนล่ะครั้ง
ลู ไมเคิ่ล ของบัลติมอร์ หวดที่ระยะ 46 หลาพลาดไปอีกครั้ง
และจิม เทอร์เนอร์ ของเจ๊ทส์ก็กด 41 หลาเฉี่ยวไปอีก




[ จังหวะทัชดาว์นของ แม็ท สเนลล์ ในอีกมุมหนึ่ง ]



ต่อมา โคลท์สทำท่าว่าจะกลับเข้าสู่เกมได้
เมื่อได้บิ๊กเพลย์จากจังหวะที่ ทอม แม๊ทท์ ได้จังหวะวิ่ง 58 หลา
มาถูกหยุดอยู่ที่บริเวณเส้น 15 หน้าบ้านของเจ๊ทส์
แต่แล้วโคลท์สก็เสียการครอบครองบอลเป็นครั้งที่ 2 ของเกม
จากจังหวะที่เอิร์ล มอเรลล์ จะขว้างไปให้กับริชาร์ดสันนั้น
บอลกลับโดนจอหน์นี่ แซมเปิ้ล ตัวคุมปีกเจ๊ทส์
โชว์ความไวกระโดดตัดหน้าแย่งบอลมาครองได้ที่เส้น 2 หลา




[ จังหวะที่ ทอม แม๊ทท์ วิ่ง 58 หลาใส่ทีมเจ๊ทส์ ]



ทำให้เมื่อจบครึ่งเวลาแรกนั้น
นิวยอร์ค เจ๊ทส์ ทีมที่เป็นรองก่อนแข่งถึง 18 แต้ม
ยังรักษาสกอร์ 7 – 0 เอาไว้ได้เมื่อเข้าไปพักในล็อกเกอร์รูม
อย่างพลิกความคาดหมายของเซียนทุกสำนัก !!!




[ เออร์ มอร์เรลล์ควอเตอร์แบ็คโคลท์สพยายามขับเคลื่อนเกมบุก ]



เมื่อเกมในครึ่งเวลาหลังเริ่มต้นขึ้น
โดยเป็นฝ่ายของบัลติมอร์ โคลท์ส ได้เป็นฝ่ายที่บุกก่อน
แต่จากการเล่นเพลย์แรกเท่านั้น
ความผิดพลาดก็ยังคงตามมาหลอกหลอนทีมตราเกือกม้าอยู่ต่อไป
เมื่อทอม แม๊ทท์ ดันทำลูกกระฉอกหลุดออกมาให้ทีมรับของเจ๊ทส์
แย่งบอลมาครองได้ที่เส้น 33 ในแดนของตัวเอง




[ โจ เนเม็ท จอมทัพของทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ]



แต่ยังโชคดี ที่ทีมรับของโคลท์สยังคงแกร่งอยู่
โดยหยุดยั้งโจ เนเม็ท ไม่ให้ทำทัชดาว์นหนีห่างไปไกลได้
แต่เสียเพียง 3 คะแนนให้แก่ฟิลด์โกล์ระยะ 32 หลาของจิม เทอร์เนอร์
ทำให้นิวยอร์ค เจ๊ทส์ ขึ้นนำโคลท์ส อยู่ 10 ต่อ 0 คะแนน




[ ตัวเตะจิม เทอร์เนอร์ลงมาส่องฟิลด์โกล 32 หลาให้กับนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ]



เมื่อเกมดำเนินมาจนถึงเวลานี้
คะแนนที่ยังคงตามอยู่ 10 แต้ม
และผลจากการเสียเทิร์นโอเวอร์ อย่างมากมาย
ส่งผลให้ เอิร์ล มอร์เรลล์ ควอเตอร์แบ๊คโคลท์ส
เริ่มแสดงความไม่นิ่ง มีอาการแกว่งของจิตใจ
ให้ดอน ชูล่า หัวหน้าโค๊ชของบัลติมอร์ ได้กังวลแล้ว




[ จิม ฮัดสันตัวคุมปีกเจ๊ทส์อินเทอร์เซบป์บอลจากการขว้างของเอิร์ล มอร์เรลล์ ]



เขาจึงเริ่มที่จะหันกลับไปหา “ จุดเปลี่ยน ”
เพื่อจะกระตุ้นให้ลูกทีมได้มีกำลังใจ
ที่จะกลับมาให้ได้ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
และคำสั่งให้ จอหน์นี่ ยูไนตัส อดีตควอเตอร์แบ๊คมือหนึ่ง
ตำนานของทีมและเป็นศูนย์รวมของสปิริตในทีมโคลท์ส
ให้เริ่มออกมาขว้างลูกวอร์มที่ข้างสนาม
ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนบัลติมอร์
ที่เรียกร้องให้เขาลงสู่เกม !!!




[ จอห์นนี่ ยูไนตัสนั่งรอคอยโอกาสลงมาบัญชาการเกมอยู่ที่ม้านั่งข้างสนาม ]



หลังจากที่มอร์เรลล์ ไม่สามารถที่จะพาทีมบุกของบัลติมอร์
ให้รุกคืบหน้าเข้าไปใกล้เขตเอนด์โซนของเจ๊ทส์ได้อีก
จึงจำเป็นที่จะต้องเตะลูกกินแดนทิ้งไปให้กับเจ๊ทส์ได้บุกบ้าง
โจ เนเม็ท และทีมบุกของเจ๊ทส์ที่กำลังได้ใจ
ก็ใช้การเล่นไป 10 เพลย์ กินระยะไปได้ 45 หลา
มาจนถึงเส้น 23 หลาในแดนของโคลท์สอีกครั้ง




[ จอมโหด บั๊บบ้า สมิทท์ พยายามตามไล่ล่า โจ เนเม็ท อย่างไม่ลดละ ]



ก่อนที่จะส่งให้ จิม เทอร์เนอร์
ลงมาหวดฟิลด์โกล์ลูกที่ 2 ของเกมวันนี้เข้าไปอีก
ทำให้นิวยอร์ค เจ๊ทส์
ได้คะแนนทิ้งห่างโคลท์สออกไปอีกเป็น 13 – 0




[ ตัววิ่งเจ๊ทส์ แม็ท สเนลล์ หาทางฝ่าการป้องกันของแนวรับโคลท์ส ]




และเมื่อควอเตอร์ที่ 4 ซึ่งเป็นควอเตอร์สุดท้ายของเกมเริ่มต้นขึ้น
จิม เทอร์เนอร์ ก็ยังลงมาอัดฟิลด์โกลจ่อๆจากเส้น 9 หลา เข้าไปอีก
ทำให้เมื่อดอน ชูล่า ส่งจอห์นนี่ ยูไนตัสลงมาเล่นนั้น
บัลติมอร์ โคลท์ส มีคะแนนตามหลังนิวยอร์ค เจ๊ทส์อยู่ถึง 16 – 0
ซึ่งนับว่าเป็นงานที่หนักหนาสาหัส
ที่ยอดตำนานควอเตอร์แบ๊คคนนี้ ต้องลงมาพลิกเกมให้กับทีม
ให้มีโอกาสคัมแบ็คกลับมาสู่เกมนี้อีกครั้งหนึ่ง........



[ จอห์นนี่ ยูไนตัส ลงมาพลิกสถาณะการณ์ให้โคลท์สในควอเตอร์ที่ 4 ]



เมื่อจอห์นนี่ ยูไนตัสลงมาบัญชาการเกมบุกของโคลท์ส
รูปแบบของเกมก็เปลี่ยนไป
เพราะเขามีเวลาเหลืออยู่อีกเพียง 10 กว่านาทีเท่านั้นเอง
จึงเป็นการบังคับให้ทีมบุกของโคลท์ส
ต้องเปิดเกมขว้างบอมบ์แหลกสถานเดียวเท่านั้น
เพื่อรีบเร่งทำคะแนนคืนกลับมาให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด
และยูไนตัส ก็พาทีมบุกของโคลท์สบุกมาจนถึง เส้น 25 หลา
ในแดนของเจ๊ทส์



[ จอห์นนี่ ยูไนตัสพยามยามทำงานแข่งกับเวลาเพื่อทำสกอร์ไล่มาให้ได้เร็วที่สุด ]



แต่จากความใจร้อน และเกมที่บีบ
ทำให้ฝืนขว้างลึกเข้าไปในเอนด์โซน
หวังที่จะให้ถึงมือของจิมมี่ ออร์ ปีกตัวเก่ง
แต่กลับถูกแรนดี้ เบฟเวอร์รี่ ตัวคุมปีกเจ๊ทส์
แย่งบอลมาได้อีกในเขตเอนด์โซน
เป็นลูกทัชแบ็คอีกครั้ง
และเป็นอินเทอร์เซบป์หนที่ 2 ในวันนี้
ที่ยอดตัวคุมปีกมือกาวผู้นี้ เซฟสกอร์ให้กับทีมได้
และทำให้บัลติมอร์ โคลท์ส
ก็ยังไม่สามารถที่จะทำคะแนนแรกของเกมนี้ได้อีกเช่นเดิม




[ จังหวะขว้างบอลงามๆ ของ โจ เนเม็ท ควอเตอร์แบ็คนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ]



แต่อย่างไรก็ตามความพยายามของผู้เล่นโคลท์สก็เป็นผล
เมื่อทีมบุกจากการนำของยูไนตัส
ทำระยะได้ถึง 80 หลา จากการเล่น 14 ครั้ง
มาตั้งป้อมที่เส้น 1 หลาหน้าบ้านของเจ๊ทส์
ก่อนที่จะให้เจอร์ราด์ ฮิลส์ ตัววิ่งกระโดดพุ่งเข้าไปในเอนด์โซน
ทำสกอร์แรกของเกมนี้ ให้บัลติมอร์ โคลท์ส ตามมาเป็น 7 ต่อ 16
เมื่อเหลือเวลาของการแข่งขันอยู่อีกเพียง 3 นาทีเศษเท่านั้นเอง




[ เจอร์ราด์ ฮิลส์ วิ่งทะลวงเข้าเอนด์โซนทำทัชดาวน์ให้โคลท์สไล่มา 7 - 16 ]



และบัลติมอร์ก็กลับมามีความหวังอีกครั้ง
เมื่อเล่นแผนออนไซด์คิ๊ก
และ ทอม มิตเชลล์ สามารถแย่งบอลมาครองได้
ที่บริเวณเส้น 44 ในแดนของเจ๊ทส์
แต่ทีมรับของนิวยอร์ค ก็รวบรวมพลังหยดสุดท้าย
หยุดยั้งจอห์นนี่ ยูไนตัส และทีมบุกของโคลท์ส
จนไม่สามารถที่จะทำคะแนนไล่มาได้อีกแล้ว




[ โจ เนเม็ทคอนโทรลเกมบุกของนิวยอร์ค เจ๊ทส์ได้อย่างสุดยอดเยี่ยม ]



ดังนั้น เมื่อเวลาของเกมจบลง
คำพูดรับประกันที่เป็นเรื่องน่าตลกของโจ เนเม็ต
ยอดควอเตอร์แบ๊คของนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ก็กลายมาเป็นความจริง
เมื่อเขาและเหล่าผู้เล่นของทีมเจ๊ทส์ทุกคน
สามารถที่จะสร้างปาฏิหาริย์ คว้าชัยชนะต่อบัลติมอร์ โคลท์ส
ที่ว่ากันว่าเป็นยอดทีมแห่งยุคได้สำเร็จ
ชนิดหักปากกาทุกด้ามของเซียนทุกสำนัก
และถือเป็นเกมการแข่งขันที่พลิกล็อคมากที่สุดตลอดกาล
ของการแข่งขันซุปเปอร์โบลว์
ที่ถูกกล่าวขานกันต่อมาตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้



[ โจ เนเม็ทจอมทัพกุญแจสำคัญของทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ]



และที่สำคัญที่สุดก็คือ
ชัยชนะในครั้งนี้ของทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์
ทำให้ในที่สุดทีมจากลีค AFL ก็สามารถที่จะลบล้างคำสบประมาท
ที่ใครต่อใครก็พากันดูถูกดูแคลน ทีมจากลีคนี้
ว่าเป็นทีมต่ำชั้นเมื่อ ไม่เคยเอาชนะทีมจาก NFL ได้เลย
ในเกมซุปเปอร์โบลว์ 2 หนแรก
และในวันนี้ นิวยอร์ค เจ๊ทส์ ก็ได้ลดช่องว่างความห่างนั้นลงมาแล้ว




[ โจ เนเม็ท ได้รับการแสดงความยินดีจาก อีฟ อีวแบ๊งค์ส หัวหน้าโค๊ชของเขา ]



ส่วนตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน ( MVP ) นั้น
ก็เป็นไปตามคาด เมื่อเขาถูกจับตามองมาตลอด
ตั้งแต่เกมยังไม่เริ่มขึ้น ตราบจนกระทั่งสามารถทำตามคำพูดที่ได้
ลั่นวาจาเอาไว้ได้สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ
และด้วยผลงานขว้างไป 28 ครั้ง สำเร็จ 17 หน
ได้ระยะไป 206 หลา ถึงแม้ว่าจะไม่มีทัชดาวน์เลย




[ โจ เนเม็ทเป็นตำนานหลังคำการันตีที่สุดโอหังของเขากลายเป็นความจริง ]



แต่การบัญชาการเกมบุกที่เปรียบเสมือนกับหัวสมองของทีมเจ๊ทส์นั้น
“ บรอดเวย์ โจ ” โจ เนเม็ท ควอเตอร์แบ๊คของเจ๊ทส์
จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงอย่างไม่มีใครโต้งแย้ง
ในการรับตำแหน่งสุดยอดผู้เล่นในศึกซุปเปอร์โบลว์ หนที่ 3 นี้
ไปครอบครองอย่างยิ่งใหญ่ และแท้จริง




[ โจ เนเม็ทผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมซุปเปอร์โบลว์ 3 ]



ส่วนทางด้านของผู้แพ้นั้น
ดอน ชูล่า หัวหน้าโค๊ชของบัลติมอร์ โคลท์ส ได้ยอมรับว่า
การเสียการครอบครองบอลถึง 5 ครั้งตลอดทั้งเกม
และ 3 หนนั้น นิวยอร์ค เจ๊ทส์
สามารถแปรเปลี่ยนมันให้กลับกลายมาเป็นสกอร์ได้
คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อการพ่ายแพ้ของทีมในวันนี้




[ หนังสือพิมพ์รายงานผลชัยชนะที่สุดพลิกล็อคของเจ๊ทส์ ]



เพราะในเกมการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลนั้น
เป็นที่ยอมรับมาโดยตลอดแล้วว่า
ทีมที่ผิดพลาดน้อยกว่าในเกมนั้น
มักจะเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะในบั้นปลายโดยตลอด
และในวันนี้ ทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์
ที่ทำผิดพลาดน้อยกว่าทีมโคลท์สของตนเองนั้น
ก็เหมาะสมต่อตำแหน่งแชมป์เปี้ยนโลก ด้วยประการทั้งปวง
อย่างแท้จริงแล้ว
โดยไม่มีใครที่จะโต้งแย้งได้เลย !!!



[ ในห้องพักงานฉลองของเจ๊ทส์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกมในสนามจบลง ]



สถิติของทั้งสองทีม :
[ Jets ]

เนเม็ท ขว้าง 28 สำเร็จ 17 , 206 หลา
สเนลล์ วิ่ง 30 ครั้ง ระยะ 121 หลา , 1 ทัชดาวน์
ซาวเออร์ รับ 8 ครั้ง ระยะ 133 หลา

[ Colts ]

ยูไนตัส ขว้าง 24 สำเร็จ 11 , 110หลา , 1 อินเทอร์เซปป์
แม๊ทท์ วิ่ง 11 ครั้ง ระยะ 116 หลา
ริชารด์สัน รับ 6 ครั้ง ระยะ 58 หลา



[ นิวยอร์ค เจ๊ทส์ แชมป์ซุบเปอร์โบลว์ III ]




[ แหวนแชมป์ของเจ๊ทส์ และตั๋วเข้าชมซุปเปอร์โบลว์ 3 ]



......................................................................
~ คอยพบกับ SuperBowl IV ระหว่าง Vikings v Chiefs 1970
ได้ที่นี่....." ที่เดียว " เร็วๆนี้ครับผม.......................^_^






เครดิต : SuperBowl.com , google , hworth , mghelmets

 

Create Date : 01 ธันวาคม 2551		29 comments
Last Update : 30 กรกฎาคม 2555 19:07:35 น.
Counter : 1598 Pageviews.
Share Tweet