Bloggang.com : Rita_Bunny - แก้หิวยามดึก กับ เมนูพุงปลาแซลม่อนย่างเกลือ

Group Blog

มกราคม 2553

7 มกราคม 2553

แก้หิวยามดึก กับ เมนูพุงปลาแซลม่อนย่างเกลือ

All Blog

แก้หิวยามดึก กับ เมนูพุงปลาแซลม่อนย่างเกลือ

สวัสดียามค่ำคืนเจ้าค่ะ

ดึกแล้วแต่ข้าพเจ้าก็หิวๆๆๆ หิวมากมายเลย ก็เลยไปคุ้ยๆตู้เย็นหาไรกิน

ก็ไปจ๊ะเอ๋กับพุงปลาแซลม่อนที่ซื้อมาจากแมคโคร ก็เลยถือโอกาสหม่ำซะเลย

พุงปลาแซลม่อนนี่ถูกมากมายเลย 13 ชิ้น 199 บาท ประมาณ 1 กิโลกรัมเลยเชียวนะ

แถมสดมาก เอามาทำปลาดิบให้คุณพ่อกินจนเบื่อไปเลยแหล่ะ

เอาล่ะมาดูขั้นตอนการทำกันเลยดีกว่า กับเมนูอนาถา ชุดพุงปลาแซลม่อนย่างเกลือ

ที่ว่าอนาถายังไงน่ะเหรอ เพราะว่าของเครื่องเคียงไม่ครบไงคะ คุ้ยๆเอาจากตู้เย็น+ตู้กับข้าวนั่นแหล่ะ

เริ่มแรกก็เอาน้องปลาออกมาหั่นครึ่งจัดเรียงลงในถาดก่อน พุงปลาเหลือ 3 ชิ้น จริงๆก็เยอะนะ ปกติเรากินสองชิ้นเอง รอบนี้หั่นครึ่งออกมาได้ 6 ชิ้น จากินหมดมะเนี่ย

ต่อด้วยโรยเกลือตามชอบ เราชอบเค็มหน่อยก็โรยเยอะหน่อยยย

ส่งไปเข้าเตาอบซะ ขี้เกียจทอด เพราะว่าช่วงเวลาที่อบ เราจะไปทำอย่างอื่นต่อ
วันนี้อบด้วยเตาอบที่ได้มาใหม่จากคุณน้า คุณน้าเค้าซื้อมาจะทำขนม แต่ว่าไม่ได้ทำ ก็เลยวางไว้เกะกะบ้าน เลยยกให้เรามาเลย ขอบพระคุณนะเจ้าคะ คุณน้าข๋า

ตั้งไฟไว้ที่ 200 องศาเซียลเซียส 25 นาที (เหมือนจะนาน แต่ว่าเตรียมของ ทำซุป กับอุ่นข้าว ก็พอดีเลย)

ผ่านไป 15 นาที แล้วเริ่มสุกแล้วล่ะ สีส้มดีจัง

25 นาที ผ่านไป เสร็จเรียบร้อย สีส้มน่าหม่ำมาก จิ้มๆดู หนังก็กรอบดี ส่วนเนื้อปลา น้ำมันยังคงชุ่มฉ่ำอยู่เลย

จัดเรียงลงจานซะเลย เต็มเอี๊ยดดดด

จริงๆแล้วระหว่างอบพุงปลา เราก็ไปทำมิโสะซุป+อุ่นข้าวด้วย+ต้มน้ำเพื่อจะทำน้ำชาด้วย

มาเริ่มที่มิโสะซุปกันดีกว่า

ไม่มีสาหร่ายวากาเมะอ่ะ เพิ่งหมดไปอาทิตย์ก่อน ยังไม่ได้ซื้อเลย เอาเห็ดหอมแทนก็ได้ เห็ดหอมดอกเดียวพอ เยอะๆไม่ชอบ แช่น้ำไว้จนนิ่ม

นิ่มแล้วก็หยิบไปหั่นๆแล้วนำกลับใส่หม้ออย่างนี้นะ

จากนั้นก็ใส่ผงซุปปลา(ดาชิ)ลงไป ลืมถ่ายตอนใส่ซุปปลาซะงั้นอ่านะ

จากนั้นก็ตั้งไฟ พอเดือดก็ปิดไฟก่อน

ได้เวลามิโสะออกโรง

ตักน้ำซุปมาใส่ถ้วยมิโสะเล็กน้อย แล้วก็คนๆๆให้เข้ากัน สีเหมือนไรหว่า ไม่อาว ไม่พูด

เทกลับลงไปในหม้อต้มซุปซะ เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม ทำไรยุ่งยากปานนี้

ตั้งไฟใหม่อีกรอบ เอาแค่ให้มีฟองปุดๆนิดๆ ไม่ถึงกับเดือด แล้วก็ปิดไฟซะ
ที่ทำงี้ก็เพื่อให้กลิ่นมิโสะยังคงอยู่ มิโสะที่ทำจากโรงงานจะอ่อนไหวกับความร้อนค่ะ กลิ่นจะหายได้ง่ายเมื่อโดนความร้อน ผิดกับมิโสะที่ทำไว้ใช้เองในครัวเรือน (แต่เราก็ทำมิโสะโฮมเมดเองไม่เป็นอ่านะ ทำไงได้)

เรียบร้อย เทลงถ้วยซะ

น้องข้าวออกโรง มาจากตู้เย็นฮับ เบลอเล็กน้อย อย่าถือสา

เวฟซะ 1 นาทีพอ

*ข้าวบ้านเราซื้อจากตลาด ครั้งละ 2-3 โล ค่ะ ที่ซื้อแบบนี้ เพราะว่าบ้านเราชอบกินข้าวใหม่ ไม่อยากเก็บไว้นานให้เป็นข้าวเก่า ชอบข้าวใหม่เพราะว่ามียาง และหอมด้วย หนุบหนับ+หอม ทำให้กินอาหารได้เยอะเลย

เวฟข้าวเสร็จก็จัดลงจานให้สวยงามซะหน่อย มะนาวอ่ะมีนะ แต่เราชอบส้มจี๊ดอ่ะ กลิ่นหอมส้มๆดี เสียดายไม่มีหัวไชเท้านะ

มาดูกันอีกมุม ทำง่ายเนอะ ง่ายแสนง่าย แถมถูกอีกตะหาก เมนูนี้กะคร่าวๆ ตกราคา 60 บาท แต่ไปกินตามร้านอาหาร ราคาเกือบ 300 เลยก็มี(แต่ตามร้านเค้าจะมีเครื่องเคียงอีกประมาณสองจานเล็กๆ) เราทำกินเองเอาให้เบื่อกันไปข้างนึงเลย

สุดท้ายเสริฟชาเขียวมะลิ ให้ชื่นใจค่ะ เสียดายตอนถ่ายรูปไม่ได้ดูว่ามีฟอง ไม่งั้นคงได้ภาพสวยกว่านี้ สะเพร่าจริงๆเรา

อิ่มแล้วล่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะ ฝันดีนะคะทุกๆท่าน