บล็อกเกอร์ คนนี้ รินเชื่อว่าเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆ หลายคน ที่โดดเด่นเรื่องการทำขนม ทำอาหาร และครอบครัว ตลอดจนมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ในการเล่นบล็อก คุณบุ๊ง เจ้าของล็อคอิน Close To Heaven คือบุคคลที่รินได้ทำการสัมภาษณ์ในวันนี้ ส่วนตัวรินเองได้ทึ่งในการทำขนมหลากหลายแบบของคุณบุ๊ง เห็นจำนวนขนมมหาศาล แต่คุณบุ๊งได้ลงมือทำคนเดียว และทำจนสำเร็จออกมาสวยด้วย ยิ่งทึ่งเข้าไปใหญ่ แม้แต่ขนมปัง ที่ใครๆหลายคนเห็นเป็นคอนเซปต์ของคุณบุ๊งคือ จะมีมือเรียวขาวๆ มาพิสูจน์ความนุ่มนิ่มของขนมปังนั้นเสมอเวลาลงสูตรที่บล็อก จนได้ให้ฉายาว่า "เจ้าแม่ขนมปัง"
แม้ แต่ด้านครอบครัว คุณบุ๊งและลูกชายน่ารักทั้งสอง ได้พาออกสื่อตลอดเวลา มองดูเป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น สร้างรอยยิ้มให้กับใครหลายคน ในฐานะที่เป็นบล็อกเกอร์ จะมีการแบ่งเวลาอย่างไร ไหนจะครอบครัว ไหนจะออกงานต่างๆ ไหนจะทำขนม ชีวิตของคุณบุ๊ง 24 ชั่วโมง ได้จัดสรรปันส่วนอย่างไรบ้าง มีเรื่องเล่าระทึกตื่นตา ตื่นใจ และตื่นเต้นเรื่องไหนบ้าง ประสบการณ์การทำขนม ชีวิตส่วนตัวของบล็อกเกอร์คนนี้ ที่เพื่อนบล็อกหลายคนอยากรู้จักให้มากขึ้น บล็อกนี้ เรามีคำตอบค่ะ ^^
จริงๆ เริ่มจากตอนที่บุ๊งหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การเลี้ยงเด็ก เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ว่าหากเกิดอะไรขึ้นต้องทำยังไง ฯลฯ แล้วก็ได้ไปอ่านบล็อกของคุณแม่หลายๆ ท่าน ที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับลูกไว้ เหมือนเป็นไดอารี่ออนไลน์ ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มไปดูบล็อกนู้น บล็อกนี้ พอคลอดโอเว่น ลูกชายคนเล็ก ปรากฏว่าโอเว่นเลี้ยงง่ายสุดๆ ดูดนม นอนเป็นเวลา โอเว่นนอนยาว 3 ชม. ตื่นมาดูดนม อิ่ม นอนต่อ เป็นแบบนี้ตลอดช่วง 3 เดือนแรก บุ๊งมีเวลาเหลือเยอะมากๆๆๆๆๆ ก็เลยเข้าไปอ่านที่ห้องก้นครัว พันทิป และอ่านบล็อกทำขนม ประกอบกับแม่สามีให้เครื่องผสมอายุราวๆ 20 ปี มาเครื่องนึง แต่ยังได้ใช้ได้ดี บุ๊งก็เลยเริ่มหัดทำขนม ตอนช่วงที่โอเว่นนอนค่ะ แรกๆ ก็เข้าไปอ่านบล็อกของคุณจุ๋ม แม่สลิ่ม, แม่ปูขาเก เซมารู, คุณหน่อง Weenong, คุณบัว Tiny, etc. จริงๆ เข้าไปอ่านหลายบล็อกเยอะกว่านี้มากๆ เห็นแต่ละท่านถ่ายรูปการทำอาหารและขนมอย่างละเอียด แล้วรู้สึกทึ่งค่ะ พอบุ๊งหัดทำขนมจนเริ่มกินได้ 5555 ก็เลยคิดว่า เราน่าจะเขียนบล็อกบ้าง ไหนๆ ก็มีเวลาเยอะ ก็เลยเริ่มเขียนบล็อกตั้งแต่นั้นมาค่ะ บล็อกแรกที่เขียนก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกทั้งสองคน และบล็อกทำขนมค่ะ เริ่มจาก Shortbread Cookies ที่เริ่มทำคุ้กกี้เพราะคิดว่ามันง่ายที่สุดในบรรดาขนมทั้งหมดค่ะ งานหลักของบุ๊งจริงๆ ก็คือการเลี้ยงลูกค่ะ แต่อย่างตอนนี้ลูกๆ ไปโรงเรียนทั้งสองคน บุ๊งก็มีเวลาว่างช่วงกลางวัน ส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับการทำขนม ทำอาหาร ส่วน events ต่างๆ (ถ้ามี) บุ๊งก็จะถามสามีก่อนค่ะ ว่าเค้าว่างดูแลลูกหรือเปล่า ถ้าเค้าไม่ว่าง บุ๊งก็จะปฏิเสธไปค่ะ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นงานกลางวัน วันธรรมดา ก็มักจะไปได้ตลอด จะมีวันอาทิตย์ที่เป็นวันของครอบครัวค่ะ ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง ปกติบุ๊งจะนอนดึกมากๆ ค่ะ หลังจากลูกเข้านอน ถือเป็นเวลาส่วนตัว บุ๊งก็จะใช้เวลาช่วงนั้นมานั่งเขียนบล็อก หรือเล่น facebook หาข้อมูล สูตรขนมใหม่ๆ ออนไลน์ แล้วก็นั่งดู series ค่ะ อิอิ ตัวบุ๊งเองกินเยอะมากๆๆๆ เวลาทำอาหารทานเอง มักจะทำครั้งละเยอะๆ ค่ะ แต่เวลาจัดจานถ่ายรูปก็จะใส่ปริมาณที่คนทั่วๆ ไปทานกัน ถ้าทำทานเองก็ไม่ได้เน้นสวยงามอะไรมากค่ะ แต่ถ้าจัดจานถ่ายรูป ก็อาจจะหยิบนั่นนี่มาแต่งให้ดูสวยหน่อยคุณดวง Food Stylist ชื่อดังของเมืองไทยเคยบอกว่า การจัดจานเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ของทุกอย่างทีอยู่ในจานควรจะต้องเป็นของที่ทานได้ ไม่ใช่เอาดอกไม้มาใส่ในจานเพื่อให้ดูสวย แต่ทานไม่ได้ อันนี้บุ๊งจำขึ้นใจเลยค่ะ และอีกเรื่องที่เห็นด้วยสุดๆ ก็คือ ภาพอาหารที่เราเห็นกัน ไม่ใช่ว่าเราจัดให้ดูยุ่งเหยิงเกินไป หรือจัดให้ดูเป็นศิลปะจนเกินไป จนทำให้ความน่าทานลดลง ให้ลองนึกไปถึงหมูปิ้งที่ปิ้งอยู่บนเตา ที่มีความเงาวาวบนชิ้นเนื้อหมู เป็นภาพที่ดูน่าทานสุดๆ น่าทานโดยไม่จำเป็นต้องจัดตกแต่งใดๆ ด้วยซ้ำไป ตอนที่บุ๊งฟังแล้วนึกภาพตาม ยังคิดเลยค่ะว่าอยากกินหมูปิ้งจัง 55555 ส่วนตัวคิดว่า การโหวตให้ในแต่ละบล็อก ถือเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนบล็อกค่ะ อย่างบุ๊งเอง เวลามีใครมาโหวตให้ บุ๊งดีใจนะคะ เป็นแรงผลักดันให้ตั้งใจเขียนบล็อกต่อไป ตอนนี้ได้สิทธิการโหวตได้ 5 บล็อกต่อวัน บุ๊งก็มักจะใช้สิทธินั้นให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะต้องการให้กำลังใจกับบล๊อกที่เราไปเยี่ยมชม และเห็นว่าเป็นบล็อกที่เหมาะสมแก่การโหวตในหมวดนั้นๆ ค่ะ แต่เท่าที่ทราบ ได้ยินมาว่ามีบางบล็อกที่ให้ความสำคัญกับคะแนนโหวต จนลืมไปว่า จริงๆ แล้ว เราเขียนบล็อกเพราะอะไร อย่างบุ๊ง เขียนบล็อกเพราะต้องการแบ่งปันความสุขในการทำขนม ทำอาหาร และความสุขที่เกิดจากลูกๆ ค่ะ เรื่องดีๆ มีค่า บล็อกแกงค์แห่งนี้เป็นที่ที่ทำให้บุ๊งได้พบเพื่อนมากมายเลยค่ะ นอกจากจะได้มิตรใหม่ๆ แล้ว การที่บุ๊งได้เข้าไปอ่านเรื่องราวที่บล็อกเกอร์ท่านอื่นๆ เขียนไว้ เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตสำหรับบุ๊งอย่างหนึ่ง ทำให้บุ๊งได้รับรู้ข่าวสารว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในโลกใบนี้ มันมีหลายๆ ด้านที่บุ๊งเองไม่เคยได้สัมผัส และจะไม่มีทางได้สัมผัสเนื่องจากวิถีชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างนะคะ อย่างบล็อกของหลายๆ ท่านที่ถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยว ความเป็นอยู่ บ้านเรือน ทิวทัศน์ ประเทศต่างๆ ที่บุ๊งไม่เคยไป ไม่เคยเห็น มาให้ได้เห็นกันก็ที่บล๊อกแกงค์แห่งนี้ บล็ อกที่เขียนเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตซึ่งจะมีหลากหลายมากๆๆๆๆๆ มีหลายด้าน อ่านแล้วมันส์ดีค่ะ 5555 บล็อกเกี่ยวกับอาหารและขนม ซึ่งอันนี้เป็นของแน่นอน เป็นบล็อกที่บุ๊งเข้าไปดูมากที่สุด บล็อกเกี่ยวกับธรรมะ อันนี้ขอบอกว่าเวลาได้อ่านข้อคิดจากหลายๆ บล็อก ก็ช่วยเตือนใจบุ๊งเสมอค่ะ คำถามนี้โดนใจมากๆ อิอิ คืออย่างนี้ค่ะ ในโลกออนไลน์ปัจจุบัน คนไทยเขียนภาษาไทยแบบดัดแปลงกันเยอะมากๆ ขนาดว่าบางทีบุ๊งอ่านแล้วไม่เข้าใจว่าเค้าหมายถึงอะไร บุ๊งก็ไม่ได้ถึงกับต่อต้านหรือต้องเน้นให้เขียนถูกต้องเป๊ะๆ ชัดเจนทุกคำ เพราะจริงๆ การเขียนสำนวนน่ารักๆ ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเวลาเราแชทกับเพื่อน แต่ที่บุ๊งเคยเจอนี่คือทั้งประโยค เขียนอะไร ไม่เข้าใจก็มีค่ะ ตอนที่ตั้งท้อง Otto บุ๊งก็หาข้อมูลไปเรื่อยค่ะ ส่วนใหญ่ทุกคนจะบอกว่าท้องแรกจะคลอดยาก ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกังวล แต่ของบุ๊งกลับตรงกันข้าม ไม่มีอาการเตือนใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่น้ำคร่ำแตก มาถึงก็ปวดท้องจะคลอดเลยค่ะ ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มปวดท้องจนถึงคลอดประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ได้ สุดท้ายก็ไปโรงพยาบาลไม่ทัน แล้วก็คลอดน้องอ๊อตโต้ในรถ ค่ะ วันนั้นรถไม่ติดด้วยนะคะ แต่ก็ไปไม่ทันอยู่ดี ขนาดคุณหมอ พยาบาลต่างก็ตกใจและงงมาก เพราะคลอดเร็วสุดๆ เป็นประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมจริงๆ บุ๊งมีเขียนเล่าอย่างละเอียดไว้ในบล็อกนี้เลยค่ะ สำหรับประสบการณ์คลอดโอเว่นถือเป็นอะไรแปลกใหม่ ถึงจะไม่เร้าใจเท่าตอนคลอดอ๊อตโต้ แต่ก็ถือว่าคลอดไม่ยากเลยค่ะ ที่สำคัญคือไม่ได้ใช้บริการห้องคลอด แต่ไปใช้บริการห้องรอคลอดแทน คือนอนรออยู่ในห้องรอคลอด แป๊บๆ หมอมาตรวจแล้วบอกว่าจะต้องคลอดแล้ว สุดท้ายเห็นพยาบาลเข็นเครื่องมืออุปกรณ์ย้ายจากห้องคลอดมาที่ห้องรอคลอดแทนค่ะ ประสบการณ์โดยละเอียดอยู่ในบล็อกนี้เลยค่า บุ๊งเป็นคนที่ระเบียบจัดมากถ้าพูดถึงการเลี้ยงลูก ถ้าถามลูก ทั้งสองคนจะตอบว่าบุ๊งดุมาก และบุ๊งก็จะถือคติ รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี เวลาตีก็ตีจริงจัง ตีให้เจ็บและจำ ถ้าคุณสามีจะตีแบบตบยุงอ่ะค่ะ ถ้าถูกคุณพ่อตี ลูกจะนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเลย เพราะไม่เจ็บ นึกว่าพ่อเล่นด้วยอีกต่างหาก ส่วนใหญ่บุ๊งก็จะเลี้ยงลูกให้พยายามช่วยเหลือตัวเอง คือให้ทำกิจวัตรประจำวันเอง หกล้มก็ต้องลุกขึ้นยืนเอง ถ้าเค้าอยากได้อะไร บุ๊งก็จะสร้างเงื่อนไขไว้ ทำสำเร็จ ถึงจะได้สิ่งที่เค้าต้องการ ในบรรดาลูกสองคน อ๊อตโต้จะเป็นเด็กที่น่ารักมากๆ เค้าจะคอยดูแลน้อง ทำตัวเป็นพี่ใหญ่ ไม่ค่อยแกล้งน้อง แต่จะเป็นน้องแกล้งพี่ซะมากกว่า สำหรับอ๊อตโต้ บุ๊งพอใจกับสิ่งที่เค้าเป็นอยู่ ณ ตอนนี้แล้วค่ะ ไม่ค่อยได้คาดหวังอะไรจากลูกมาก จะมีก็แต่อยากให้เค้าสามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเองเท่านั้นพอค่ะ (จริงๆ อันนี้ถือว่ายากสำหรับเด็กนะคะ 5555) ส่วนโอเว่น ด้วยความที่เป็นน้อง มีพี่ชายคอยทำอะไรให้บ่อยๆ ก็จะไม่ค่อยชอบทำอะไรเอง จะร้องงอแง อยากให้คนอื่นทำให้ อันนี้ยังต้องสอนกันอยู่ตลอดค่ะ คิดว่าโตกว่านี้น่าจะดีขึ้น อิอิ ส่วนใหญ่ใช้เสียงค่ะ บุ๊งเป็นคนพูดเสียงดัง และด้วยความที่เป็นแม่ที่ดุ เวลาพูดอะไร สองหนุ่มจะไม่ค่อยกล้าต่อต้านเท่าไหร่ค่ะ สำหรับปัญหาเด็กชายสองคนอยู่ด้วยกัน ก็คือแย่งของเล่นนั่นเอง โอเว่นจะชอบแย่งของเล่นอ๊อตโต้ และอ๊อตโต้ก็มักจะเป็นพี่ที่ดี ไม่ค่อยว่าอะไรค่ะ คือยอมให้น้องเล่น จะมีก็แต่รถไฟคันโปรดที่จะไม่ยอมให้น้อง อันนี้บุ๊งก็ต้องมีรถไฟแบ่งแยกชัดเจนว่าของใครขบวนไหน สีอะไร ถ้ามีใครแย่งของเล่นกัน หรือ เล่นแล้วทะเลาะกัน บุ๊งก็จะให้หยุดเล่นแล้วเก็บของเล่นอันนั้นขึ้นเลยค่ะ แต่จะมีเวลากำหนดไว้ เช่น แย่งรถไฟกัน ก็จะเก็บรถไฟทั้งหมดขึ้น คือไม่ให้เล่นรถไฟเลย เป็นเวลา 10 นาที สำหรับหนุ่มๆ ที่บ้านที่ชอบรถไฟเป็นชีวิตจิตใจ ถูกริบรถไฟเป็นอะไรที่เสียใจมากค่ะ พอครบกำหนดเวลา 10 นาที ก็ให้เล่นรถไฟได้ใหม่ แต่ถ้าใครแย่งกัน หรือทะเลาะกันอีกก็จะโดนทำโทษเหมือนเดิมค่ะ ซึ่งเค้าก็จะไม่แย่งกันแล้วค่ะ (กลัวอดเล่นรถไฟ) ชอบไปทะเลค่ะ ครอบครัวบุ๊งไม่ค่อยผจญภัยเท่าไหร่ เด็กๆ จะชอบเล่นน้ำ ว่ายน้ำ เวลาไปต่างจังหวัดก็ไม่ค่อยออกไปเดินเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวเท่าไหร่ คือจะชอบอยู่โรงแรม ว่ายน้ำ ไปเดินชายหาด แค่นั้นเองค่ะ ถือว่าไปพักผ่อน ถ้าเป็นสถานที่เที่ยวในกรุงเทพฯ ก็จะชอบไปแนวพิพิธภัณฑ์ เพราะสองหนุ่มอยากรู้อยากเห็น วัยกำลังเรียนรู้เลยพาไปดู ให้เห็นของจริงค่ะ ขายดีที่สุดก็คงจะเป็นมากาฮง (macarons) กับสคอน (scones) ค่ะ เมื่อก่อนเคยมีปัญหาเรื่อง ลูกค้าสั่งขนมแล้วไม่มารับขนม หรือ หายไปเฉยๆ คือบุ๊งไม่ได้มีเปิดหน้าร้าน เป็นแบบรับสั่งทำ และจะทำก็เมื่อมีคนสั่งมาเท่านั้น ด้วยความที่เมื่อก่อน ไม่ได้ขอให้ลูกค้าโอนเงินก่อน ก็เลยแห้วไปหลายรอบ ทำขนมแล้วไม่มีคนมารับบ้าง หรือทำเสร็จแล้วมายกเลิกกลางคันบ้าง พี่ๆ ใน Bloggang นี่แหละค่ะหลายๆ ท่าน ก็แนะนำว่าให้ลูกค้าโอนเงินก่อนเสมอแล้วค่อยทำขนม ตอนนี้ก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องนี้อีกแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำด้วยนะคะ เด็กๆ กำลังอยู่ในช่วงอยากรู้อยากเห็นค่ะ พอบุ๊งทำขนมเค้าก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วม บุ๊งจะให้เค้าช่วยเฉพาะขนมที่ทำทานกันเองที่บ้านค่ะ ถ้าเป็นขนมที่ทำขาย จะไม่ได้ให้เข้ามายุ่มย่าม เพราะทุกอย่างต้องเป๊ะและสะอาดค่ะ เด็กๆ มาทำมักจะแอบเลอะ แอบผิด อะไรทำนองนั้น บุ๊งก็จะสอนเค้าเป็นขั้นตอนไปเลย เค้าก็มายืนดูตั้งแต่เริ่ม ว่าทำอะไรบ้าง และมักจะถามว่า ทำไมต้องใส่อันนี้ ทำไมต้องเติมอันนั้น ฯลฯ คำถามเยอะมากค่ะ ทำไปถามไป บางทีบุ๊งก็ให้ช่วยตวงแป้ง น้ำตาล สอนตอกไข่ วันไหนทำขนมปัง ก็จะแบ่งโดว์ให้เค้าไปปั้น ขึ้นรูปเอง แต่มีข้อแม้ว่า ทำออกมาเป็นรูปอะไรก็ตามต้องกินด้วยค่ะ ไม่ให้ทำแล้วทิ้ง อิอิ เคยมีให้ช่วยตักแบทเทอร์ลงในถ้วยคัพเค้กค่ะ ออกมาเลอะเทอะสุดๆ แต่ก็ปล่อยไว้แบบนั้น แล้วพออบเสร็จก็เอาให้เค้าดูว่า ตักไม่เรียบร้อย ก็เลยได้คัพเค้กหน้าตาแบบนี้ๆๆๆ ค่ะ เค้าจะได้จำว่าครั้งต่อไปต้องทำยังไง ที่เริ่มทำขนมขายเพราะเป็นคนชอบทำขนมมากๆ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบนี่ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง สิ่งที่บุ๊งคำนึงตลอดในการทำขนมขายคือ ทำขนมแบบที่เราทาน ให้คนอื่นทาน นั่นก็หมายถึงทำขนมที่มีคุณภาพ ใช้แต่วัตถุดิบที่ดีตลอดค่ะ บุ๊งจะทำขนมคนเดียว เพราะเป็นคนไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามในครัวหรือบริเวณทำขนมเลย แต่จะมีแม่บ้านคอยช่วยทำความสะอาดอุปกรณ์ เก็บล้างให้ ก็จะช่วยเบาแรงไปได้เยอะเลยค่ะ สำหรับออเดอร์มากาฮงเยอะๆ นั้น ปกติบุ๊งเป็นคนที่ชอบทำขนมทีละเยอะๆ อยู่แล้วค่ะ และเป็นคนที่ทำอะไรเร็ว ก่อนทำขนมจะแพลนไว้ก่อนเลยว่า วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง กะเวลาว่าอะไรใช้เวลาทำนานเท่าไหร่ อะไรต้องทำแล้วพักไว้ก่อน ถ้าทำขนมทีละเยอะๆ ต้องแพลนล่วงหน้าค่ะ ไม่อย่างนั้นจะทำไม่ทัน และเสียเวลา พอเริ่มลงมือทำปุ๊บ ก็จะทำแบบ non-stop คือไม่หยุดเลย จะมีขนมเข้าเตาอบอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะปิดเตาอ่ะค่ะ ขนมที่ทำขาย จริงๆ ก็เป็นสูตรที่ได้จากคนอื่นๆ มาอีกที แล้วก็เอามาปรับส่วนผสมตามที่บุ๊งชอบ บอกได้เลยค่ะว่าสูตรที่ทำขายถูกบุ๊งเอามาปรับหมด อิอิ ส่วนสูตรที่อยู่ในบล็อก ก็มีบางอย่างที่เอามาทำขายนะคะ ที่เอามาทำขายเพราะมีลูกค้าเค้าเห็นในบล๊อกแล้วถามว่าทำขายมั้ย บุ๊งยังเคยบอกเลยค่ะว่ามีสูตรอยู่ในบล็อก แต่เค้าก็จะประมาณว่าไม่อยากทำ แต่อยากกิน ให้ทำขายเค้าแทน ประมาณนั้นค่ะ แต่บุ๊งก็มีเก็บบางสูตรเป็นของส่วนตัว ไม่ได้เอามาเขียนบล็อกค่ะ มีอยู่วันนึงกำลังทำขนมอย่างเมามันส์ค่ะ แล้วก็ได้รับโทรศัพท์ เป็นผู้หญิงโทรมาถามเกี่ยวกับคุ้กกี้ไร้แป้ง แล้วเค้าก็แนะนำตัวว่าเป็นคนจากรายการ กิน อยู่ คือ อยากให้ไปสาธิตวิธีการทำคุ้กกี้ไร้แป้ง เพราะเค้าต้องการทำรายการเกี่ยวกับขนมที่ไม่มีแป้ง สำหรับผู้ที่แพ้แป้งค่ะ ตอนนั้นบุ๊งมีทำแต่คุ้กกี้อัลมอนด์ไร้แป้ง ทางรายการถามว่า สามารถเปลี่ยนเป็นถั่วหรือใช้วัตถุดิบของไทยๆ ได้มั้ย ก็เลยตกลงกันว่าบุ๊งจะทดลองปรับสูตรใหม่ดูค่ะ ตอนแรกบุ๊งก็คิดว่ามีคนโทรมาแกล้งหรือเปล่าเพราะช่วงนั้นบุ๊งได้รับโทรศัพท์ โทรมาถามนั่น นู่น นี่เกี่ยวกับการทำขนม เป็นเชิงหลอกถาม บ่อยมากๆ แต่สุดท้ายทางรายการก็ติดต่อกลับมาคอนเฟิร์มว่าจะให้ไปออกรายการวันไหนค่ะ หลังจากออนแอร์ไปแล้ว ก็มีคนมาถามเกี่ยวกับรายการที่ไปออกบ้างค่ะ เป็นแบบนี้อยู่ช่วงระยะเวลานึงค่ะ สำหรับตัวบุ๊งเอง ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่เลย เพราะไม่เคยได้ไปทำขนมสาธิตให้ใครดูมาก่อนเลยค่ะ แอบตื่นเต้นแต่ก็สนุกดีค่ะ VIDEO
แหะๆ บุ๊งเป็นคนไม่ค่อยอยู่เฉยอ่ะค่ะ ชอบทำนั่นนี่ตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่จะกินมื้อเดียว ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเลยค่ะ ไม่ควรทำอย่างแรง อันนี้พี่โส่ยบอกบ่อยๆ ค่ะ แหะๆ เรื่องผิวหน้า บุ๊งไม่ค่อยแต่งหน้า (แต่งไม่เป็น) บุ๊งใช้เวลาอาบน้ำ สระผม แต่งตัว เบ็ดเสร็จ 10-15 นาที ไม่เกินนี้ค่ะ เป็นคนขี้เกียจที่จะทำอะไรบำรุงผิวพรรณมากๆ แต่จะมีทาหน้าด้วย moisturizer เพราะเป็นคนผิวแห้ง (ชอบอาบน้ำอุ่น) ถ้าไม่ทา จมูกก็จะลอกเป็นขุยๆ ทาครีมเสร็จก็ตามด้วยแป้งเด็กเท่านั้นเองค่ะ จบข่าว ซึ่งจริงๆ มีหลายคนบอกว่าไม่ควรทาแป้งเด็กหลังทาครีม เพราะจะไปอุดตันอะไรสักอย่าง บุ๊งก็จำไม่ค่อยได้ค่ะ แต่สุดท้ายก็ทาแป้งเด็กอยู่ดีด้วยความเคยชิน ตอนก่อนมีลูก บุ๊งไว้ทรงผมซอยสั้นมาตลอดค่ะ พอคลอดลูก ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกบ้าน ก็เลยไว้ผมยาว และก็เป็นช่วงที่มาเริ่มเขียนบล็อกพอดี เพราะฉะนั้นภาพแรกที่ทุกๆ คนจะเห็นก็คือบุ๊งผมยาว ไปๆ มาๆ รู้สึกว่าไว้ผมยาว แล้วร้อนแล้วก็หนักหัว เลยไปตัดสั้นหน่อย แต่ยังไม่สั้นมาก ทีนี้บุ๊งเป็นคนผมหยักศก ถ้าตื่นมา ปล่อยไว้เฉยๆ ผมจะดูเป็นยายเพิ้งสุดๆ ค่ะ ก็เลยต้องนั่งไดรทุกเช้า ความขี้เกียจเริ่มครอบงำ ตัดสินใจซอยสั้นเหมือนเมื่อก่อนจะดีกว่า ตื่นมาไม่ต้องทำอะไรเยอะ พอซอยสั้นปุ๊บ รู้สึกว่า นี่แหละสบายเหมาะกับเราที่สุดแล้ว อิอิ ส่วนตัวริน ได้มีโอกาสเจอคุณบุ๊งครั้งหนึ่ง และได้ขนมมาชิมด้วย อร่อยมากกกก ไม่นึกว่าจะกลายเป็นขนมที่ขายดีตามที่คุณบุ๊งได้บอกมานะคะ ^^ ตัวตนในบล็อกคุณบุ๊งเป็นอย่างไร ตัวจริงที่รินเป็นก็จะเป็นแบบนั้น และที่สำคัญคือ เป็นคนคุยเก่งมากๆๆๆ แถมกินเก่งอีกต่างหาก (รินกินเก่งแล้วยังยอมแพ้เลย) 555 วันนี้คุณบุ๊งได้มาบอกกล่าวเรื่องราว ได้มาแบ่งปันความคิด ความรู้สึก ที่ทำให้ได้รู้มุมมองแนวคิดคุณบุ๊งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรินได้เห็นด้วยเลยว่า บางบล็อกที่ให้ความสำคัญกับคะแนนโหวต จนลืมไปว่า จริงๆ แล้ว เราเขียนบล็อกเพราะอะไร บล็อกคือพื้นที่แห่งการแบ่งปันค่ะ หากเราได้แบ่งปัน เราไมได้เข้ามาเพื่อแข่งขัน รินเชื่อว่า ความสุขเรามองอยู่ตรงนี้่เอง ท้ายสุดขอขอบคุณคุณบุ๊งมากๆ เลยนะคะที่สละเวลามาตอบคำถามที่แฟนคลับอยากรู้ หากเพื่อนๆคนไหนอยากรู้เรื่องอะไรเพิ่มขึ้น ไปทักทายกันต่อที่บล็อกคุณบุ๊งได้เลยค่า
ขอขอบคุณที่ปรึกษาโครงการ
Interview .., the Blogger 2013
กะว่าก๋า น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
มัชชาร
**mp5**
เพื่อนบล็อกที่ช่วยกันร่วมตั้งคำถาม เนินน้ำ / JewNid /schnuggy/anigia
ของแต่งบล็อกจาก เนยสีฟ้า
และขอบคุณทุก ๆ กำลังใจจากเพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามาทักทายกันด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเกอร์ที่เป็นเพื่อนของผู้สัมภาษณ์ก็ดี หรือผู้ให้สัมภาษณ์ก็ดี สิ่งดีดีที่ทำให้ได้รู้เพิ่มขึ้นคือ บล็อกสัมภาษณ์นี้ ได้เป็นศูนย์กลาง และเป็นตัวเชื่อมที่ทำให้บล็อกเกอร์หลายคนได้รู้จักมากขึ้น จนอยากตามไปทักทายกันที่บล็อกในเวลาต่อๆ มา ^^ RinSa YoyoLive
บล็อกสวยงาม น่าอ่านจัง....................