เราเริ่มได้ลิ้มรสอาหารอินเดียในครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อนค่ะ และจากนั้นได้มีโอกาสลิ้มลองอาหารอินเดียมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศอินเดียถึง 2 ครั้งสองคราในเดือนที่ผ่านมา ก็ล้วนได้ทานอาหารอินเดียทั้งสิ้นกว่า 20 มื้อ
แม้แต่ตอนอยู่ที่ไทยเองก็เหอะ เมื่อได้ไปทานบุฟเฟต์ในโรงแรมต่างๆ ซึ่งเป็นธีมอาหารนานาชาติ ก็จะเห็นอาหารอินเดีย
รวมอยู่ในไลน์รายการเหล่านั้น จึงบอกได้ว่าอาหารอินเดียมีบทบาทและเป็นที่นิยมเรื่อยๆ ในประเทศไทยด้วยเช่นกันค่ะ
วันนี้เราจึงมีโอกาสอีกครั้งที่ได้มาทาน ซันเดย์ บรั้นซ์ อาหารอินเดียทั้งหมดค่ะ
ที่ห้องอาหารปัญจาบ กริลล์ ณ โรงแรมเรดิสัน สวีท กรุงเทพฯ สุขุมวิท ซอย 13
ที่รู้มาคือ ห้องอาหารปัญจาบ กริลล์ กรุงเทพฯ ถูกขนานนามให้เป็นห้องอาหารอินเดียที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากผู้รีวิวใน TripAdvisor อีกด้วย
ไปชมกันค่ะว่า อาหารอินเดียจะเป็นหนึ่งในเมนูที่คุณอยากลิ้มลองหรือเปล่า ^^
จึงอยากให้มาลิ้มลองลิ้มรสเปิดประสบการณ์ในการทานอาหารอินเดียด้วยกัน
ปัญจาบ กริลล์ ซันเดย์ บรั้นช์ เปิดให้บริการทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. - 15.00 น. โดยผู้ที่สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ที่เว็บไซด์ //www.punjabgrillbangkok.com หรือได้ที่โทรศัพท์ 02-645-4952 และ 091-8418-5248
การเดินทางมายัง โรงแรมเรดิสัน สวีท กรุงเทพฯ เราสะดวกด้วยการนั่ง BTS มาลงที่สถานีนานา
เดินทางออกประตู 1 หรือ 3 จากนั้นก็เดินเข้าซอยสุขุมวิท 11 รอที่ร้านเซเว่นหน้าปากซอย สามารถโทรเรียกรถของโรงแรมมารับได้เลยค่า
เบอร์ 02 645 4999 ติดต่อ concierge เพื่อให้รถ Shuttle Van มารับ รอกันนิดนึงนะคะ
ห้องอาหาร ปัญจาบ กริลล์ เปิดเมนูซันเดย์บรั้นช์ใหม่ โดยเมนูขึ้นชื่อของร้าน อาทิ Chaat , Lassi, Chole Bhature, Live Carving Station,
Grill and Tawa, Salads, Egg Roll, Masala Chai, Kulfi เมนูหลักและขนมหวานอื่นๆ
ในราคาสุทธิท่านละ 1,000 บาท (ราคาดังกล่าวได้รวมเครื่องดื่มที่ไมมีแอลกอฮอล์แล้ว)
หรือสามารถจ่ายเพิ่ม 600 บาท สำหรับเครื่องดื่ม เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มสปาร์คกลิ้งที่เติมได้แบบไม่อั้น
สำหรับเด็กที่มีอายุ 0-12 ปี ที่ติดตามมาด้วยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โปรโมชั่นดังกล่าวไม่สามารถใช้กับโปรโมชั่นอื่นๆ ได้ค่ะ
คือครั้งแรกที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร ปัญจาบ กริลล์ บอกเลยค่ะว่าตกแต่งได้หรูหรามาก
เข้ามาแว๊ปแรกซ้ายมือจะเป็นไลน์สลัดและของหวานต่างๆ และ Dahi Phucka ที่อยากเน้น นม ชีสเยอะๆ
ให้มาตรงไลน์นี้เลยค่ะ จะมีพนักงานคอยบริการประจำอยู่ตรงนี้
อ้อ พนักงานและเซฟส่วนมากของห้องอาหาร ปัญจาบ กริลล์ จะเป็นคนอินเดียด้วยนะคะ
ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่า อาหารอินเดียในนี้ปรุงจากต้นตำหรับถิ่นเค้าจริงๆ ค่ะ
ห้องอาหารปัญจาบ กริลล์ กรุงเทพฯ มีพื้นที่ทั้งหมด 280 ตารางเมตร รวมบาร์และเลานจ์ สามารถรองรับแขกได้ 70 ที่นั่งค่ะ
ภายในห้องอาหารจัดตกแต่งได้หรูหราแบบอินเดีย และร่วมสมัยกับฝั่งตะวันตกด้วย โต๊ะที่นั่งแต่ละจุด วางในตำแหน่งทีพอดี ห่างกัน
สะดวกลุกเดินไปสั่งอาหารและเมนูต่างๆ ได้ง่าย และจะมีพนักงานคอยอำนวยความสะดวกให้ตลอดเวลา
เรามาประเดิมด้วยเมนูหลักๆ ของอาหารอินเดียใน ห้องอาหารปัญจาบ กริลล์ กรุงเทพฯ กันเลยนะคะ
ส่วนเราคือค่อนข้างจะผ่านตามาเกือบหมดทุกรายการแล้วที่อินเดีย พอมาเห็นในนี้อีก ก็ทำให้ชินมากยิ่งขึ้น อิอิ
Tikki Te Tikki (Lime & Chili Mojito)
แก้วนี้เราคุ้นเคยและเคยลิ้มลองมาจากอินเดียแล้วคะ มีป้ายเขียนไว้ตอนนั้นที่เห็นคือจะเป็นเครื่องดื่ม
ที่ช่วยดีท็อกให้ร่างกาย ช่วยในการขับสารพิษ ท้องโล่งขึ้นอะไรแบบนี้ ดูจากใบเขียวๆ ในแก้วคือสระแหน่ + มะนาว
รสชาติแก้วนี้จะเปรี้ยวๆ หวานนิดๆ คล้ายน้ำมะนาวผสมโซดานี่แหละค่ะ พอใส่น้ำแข็งไปด้วย
เวลาดูดขึ้นไป จะสดชื่นในทันที
Gulabi Mojito กุหลาบ
คอกเทลแก้วนี้สีสันชวนน่าลอง โมฮิโต้เครื่องดื่มยอดนิยมทั่วโลกในสไตล์ของปัญจาบ ถูกดีไซน์ออกมาให้แตกต่างด้วยการเติมดอกกุหลาบ
เข้าไปด้วย ทำให้มีสีสันและกลิ่นกุหลาบ มองดูแล้วเพิ่มเสน่ห์อีกแบบหนึ่งนะคะ
อุปกรณ์ทานอาหารบนโต๊ะจัดเรียงอย่างเรียบร้อย
แลดูหรูหราและคลาสสิคผสมกันไป
ที่นั่งมุมนี้ เป็นโซนไพรเวทค่ะ ที่สามารถปิดประตูกั้นได้เพื่อความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย
สำหรับครอบครัวหรือหมู่คณะ สามารถโทรจองห้องนี้กันได้เลยนะคะ
บรรยากาศทั่วไปภายใน ห้องอาหารปัญจาบ กริลล์ กรุงเทพฯ ค่ะ
เริ่มเวลา 12.00 น. - 15.00 น. ช่วงที่เรามาราวๆ บ่ายโมง เริ่มคึกคักกันแล้ว
ความน่าสนใจของห้องอาหาร ปัญจาบ กริลล์ กรุงเทพฯ คือเวลาเราสั่งอาหารและเดินสำรวจไลน์อาหาร
แต่ละเมนูนั้น เซฟจะยิ้มแย้มทักทายเป็นกันเอง
พร้อมโชว์ลีลาการย่างบนหน้าเตาอย่างชำนาญงาน เสียดายนะไม่ได้ถ่ายคลิปไว้ คือเจ๋งเลยช่วงไฟลุกท่วม 555
ในภาพคือ เซฟกำลังย่างกุ้งค่ะ Grilled Prawn พอยกวางจานนี่กลิ่นหอมออกมาก่อนที่จานจะถึงตัวเราด้วยนะ
แบบว่า กลิ่นลอยมาให้ยลก่อนไรงี้ 555
อีกหนึ่งไฮไลท์ของห้องอาหาร ปัญจาบ กริลล์ กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีเมนูย่างหลายรายการ ก็ทำให้ได้เห็น เตา Tandoor ด้วย
ซึ่งเตานี้เป็นอุปกรณ์หลักอย่างนึง ในการทำอาหารอินเดีย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำมาจากโอ่งดินเผา
ดีนะที่เป็นกระจกใสเปิดให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยค่ะ
Chicken Biryani (ข้าวหมกไก่อินเดีย) เมนูนี้เชื่อว่วาหลายคนคุ้นเคยอยางมากสำหรับคนไทย
รวมทั้งเราด้วยที่เคยทานบ่อยๆ เม็ดข้าวอินเดียจะเรียวเล็กแหลมๆ เป็นเอกลักษณ์ของอินเดีย
Grilled Chicken (Grilled Chicken) / Grilled Prawn (Tandoori Jheenga)
Chutneys Complimentary sauces (ซอสต่างๆ)
เมนูย่างจานนี้มาจากเตา Tandoor ใบใหญ่นั้นเอง เป็น เมนูที่รวมเอาความอร่อยของเนื้อชนิดต่างๆ ไว้ในจานเดียว
ทั้งเนื้อไก่ กุ้ง และแกะ ซึ่งแต่ละตัวจะหมักเครื่องเทศต่างชนิดกันทำให้ได้รสชาติที่มีความเข้มข้นแตกต่างกัน
พร้อมซอสต่างๆ 3 แบบ เราชอบแบบถ้วยกลางค่ะ มีเปรี้ยวนิดๆ เหมือนน้ำจิ้มซีฟู๊ดบ้านเราดี
Chole Bhature หรือออกเสียงว่า โชเล บัตตูเร
ซึ่งถือว่าเมนูนี้เป็นที่นิยมกินกันแพร่หลาย หาได้เกือบทุก ๆ ร้านอาหารอินเดียค่ะ
ในถ้วยเล็กมีส่วนประกอบของมาซาล่าทั้งหลายด้วยเยอะมาก ทั้งผงกะหรี่ เม็ดยี่หร่าอะไรสารพัด
พร้อมกับแป้งโรตีทอดกลมๆมาถึงตอนแรกจะพองๆ นะคะ พอไม่นานโดนลมหน่อย แป้งก็จะแฟ๊ปตามระเบียบ
Naan แป้งนาน เสริ์ฟ พร้อมกับ Saag paneer/Meat Punjab Grill/Butter Chicken/ Dal Makhani
อีกหนึ่งเมนูที่เราจะคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ในการทานอาหารอินเดีย ซึ่งจะมีประจำโต๊ะเกือบทุกมื้อก็ว่าได้ นั่นคือแป้งนาน
เราชอบเอามาฉีกทานเล่นด้วยนะ แต่ทานเล่นก็กระไรอยู่ มีจืดนิดๆ แต่ทานตอนร้อนๆ จะอร่อยใช้ได้ ต้องมีเครื่องเคียง
นั่นคือแป้งนานทานคู่กับ กับแกงมาซาล่า หรือมัสมั่นไก่ ในหลายๆ แบบดูนะคะ
Sev Papadi Chaat
ขนมปังกรอบราดด้วยท็อปปิ้ง รสชาติจัดจ้านและเครื่องเคียงหลากชนิด ในส่วนตัวเรามองว่าเหมาะเป็นเมนูทานเล่นกันค่ะ
Dahi Phucka
แป้งที่ราดด้วยส่วนผสมของเนย นมและชีสมากเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องรสชาติ ตัวน้ำจิ้มจะออกเผ็ดอมเปรี้ยว
เวลากินคนอินเดียจะนิยมเอาตัว puri ที่ใส่ไส้ไว้แล้วนั้นไปตักน้ำจิ้มเลย เหมือนเอาขันตักน้ำน่ะ แล้วก็กินไปทั้งคำค่ะ
มาอยู่ที่พี่ไทยเรา ยังมีตักแบ่งครึ่งอีกนะเพราะใหญ่เกินปาก อิอิ
มาครบถ้วนแล้ว ถ่ายภาพไว้เช็คอินกันหน่อยนะคะ ว่าวันนี้ชั้นได้มาทานอาหารอินเดียแล้วนะเออ
ถ้ายังไม่จุใจพอกับเมนูไหน หรือชอบเมนูไหนเป็นพิเศษ เดินไปตักเพิ่มเติม หรือสั่งเซฟทำใหม่
แบบสดๆ ร้อนๆ กันได้เลยค่ะ
มาที่ผลไม้และของไอศครีมกันบ้าง ผลไม้จะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล เหมือนของไทยเรา
แต่ไอศครีมอินเดีย รสชาติเข้มข้น หอมนมออกมันๆ โรยถั่วด้วยนะเออ
Rabri Kulfi ไอศครีมคูฟี่ ทำจากครีมนมผสมกับไนโตรเจนเหลว
หน้าตาออกมาจะเป็นแบบนี้ค่ะ สามารถเลือกท็อปปิ้งเพิ่มได้อีก
ปิดท้ายซันเดย์ บรั้นซ์มื้อนี้ ด้วยการได้ชิม ชา Masala Tea / Chai Tea
(มาซาลา จาย) อันนี้จะเป็นชาร้อนใส่เครื่องเทศแบบอินเดีย มีกลิ่นเครื่องเทศเป็นฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมาค่ะ
ลองหน่อยนะ คนละแก้ว ^^
ก่อนออกจากห้องอาหาร ปัญจาบ กริลล์ กรุงเทพฯ ไป เรามองเห็น ถาดสีทอง มีถ้วยวางใส่หลายอย่าง และเห็นลูกค้าคนอื่นๆ ตักใส่มือและหยิบเข้าปาก เดินออกออกจากร้านไป เราจึงถามได้ความว่า เจ้าถาดนี้คือ Mouth freshener หมากอินเดีย สำหรับล้างปากหลังรับประทานอาหารนั่นเองค่ะ
อีกหนึ่งประสบการณ์ของอาหารอินเดียที่คุ้นเคยสำหรับเรา และใครหลายคนที่อยากลิ้มลองให้เป็นประสบการณ์แรกๆ ของการทานอาหารอินเีย
ลองไปลิ้มรสความจัดจ้านของเครื่องเทศ ความหอมกลิ่นแป้งนาน และลอง แกงมาซาล่าแบบต่างๆ กันดูนะคะ
ในห้องอาหารหรูๆ ปัญจาบ กริลล์ กรุงเทพฯ แ่ห่งนี้
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
Rinsa Yoyolive
แต่ไม่เคยกินเลย เห็นแล้วอยากกิน
ขอบคุณที่เอามาฝากเด้อครับ