No.16 ป่าลึก(บ้านเล็ก แอ่งดอย(ผัดปลารมควัน.....)
ความเดิมจาก บ้านเล็ก กลางแอ่งดอย(หาปลา บนดอย)
เช้าตรู่ ท่ามกลางความเย็นสบาย แสงจันทร์ยังคงอยู่ เสียงขวานสับไม้ ดังอยู่ด้านเหนือของบ้านตูบ ของเรา.
เปิดประตูบ้านที่แง้มไว้ ออกไปนอกชายคาบ้าน อากาศเย็นพรูเต็มร่าง รอบตัว แสงจันทร์ยังนวล หมอกลอยเป็นแผ่นบาง ๆ ลอยเรี่ยกับพื้นดิน สอดแทรกไปกับพุ่มไม้เล็กข้างตลิ่ง หมอกกับไอน้ำจากลำห้วยรวมตัว เป็นทิวยาว ไปกับสายน้ำลำห้วยที่ไหลลงสู่เบื้องล่าง.
เสียงสับไม้ยังดังเป็นระยะ พี่พะก่อผู้ช่วยเหลือผมจากสลบ กำลังใช้ ขวานเล็กสับฟืน.
พี่ ผมขอล้างหน้า ขัดฟันเดียวมาช่วยนะ เอาเถอะ ไม่ต้องรีบจะเสร็จแล้ว พี่สับให้มันเล็กลงเท่านั้น. น้องไปล้าง หน้าขัดฟันเถอะ. พี่พะก่อตอบ.
แสงอาทิตย์เริ่มส่องสว่าง แทนแสงจันทร์นวล ผมก็ช่วยกัน แบกไม้ไผ่ สดปล้องยาวใหญ่ มาผ่า เหลาให้แบนกองไว้ ช่วยกันสองคนได้กองโต
น้องน้ำ เอาไม้มาเรียงห่างกันประมาณความกว้าง ของแผ่นไม้ไผ่ แล้ว อีกอันสอดขวาง แบบนี้ ลายนี้เรียกว่า ลายสอง. สังเกตว่า ผิวไม้ไผ่ อยู่ด้านเดียวกัน พอสานเสร็จใหญ่เท่าเตาย่าง จะยกไปวางบนเตาย่าง ไผ่สดยามถูกความร้อน จะไม่ค่อยไหม้ อยู่สูงเกือบเมตรครึ่ง แต่เรา ต้องระวังอย่าให้ ไฟลุก คอยควบคุมให้มีแต่ควัน ถ้าไฟลุก ตักขี้เถ้า สาดกลบ ไฟจะไม่ลุกขึ้น ควันไฟจะลอยไปรมปลา ที่เราทำเมื่อคืนจน สุก. มันสุกจากความร้อนที่มากับควัน ปลาจะหอมแห้งเก็บไว้ได้นาน.
ไม่นานตะแกรงย่างปลาก็เสร็จ ยกไปวางบนเตาย่างพอดี ด้านบนเอา ใบตองกล้วยป่า วางทับจนเต็ม ให้มีช่องโหว่นิดหนึ่ง
ผมก่อไฟด้านล่างเตา พอลุกดี เสือกหลัว(ฟืน) ใส่ให้ติด แต่ไม่ให้ลุก เอาเศษไม้เล็ก ๆ ที่สับบาง ๆ โรยให้เกิดควัน แล้วปิดเตาด้านหน้า
บนตะแกรงไผ่ วางปลาด้านท้องที่แร่ จนเต็มหน้าเตา เอาใบกล้วยปิด ท้บอีกสองชั้น ความร้อน ไอร้อนลอย รมปลาเอื่อย ๆ พอไฟเริ่มมอด ผมก็เอาเศษไม้ที่พี่พะก่อเรียกว่า ไม้ฮีกโปรยใส่ เป็นควันลอยขึ้นไม่ ขาด. ถ้ามีไฟลุกจัดการเปิดเตา วักน้ำใส่นิดหนึ่ง ควันจะลอยขึ้นอีก
ได้เวลาอาหารเช้า ก่ำเด็กชาย ทำอาหารง่าย ๆ นั่งกินกันที่ แคร่ไม้ ไผ่หน้าบ้านตูบ เช้านี้เป็นแกงปลาสด ใส่ก้านตูน(คูน) ที่ขึ้นริมลำห้วย รสดีมาก. ก่ำ ทำกับข้าวลำแต้ ๆ เน่อ.....ผมชม ลำก๋า พี่สายน้ำ บ่าจูนา( อร่อยจริงเหรอ ไม่โกหกนะ) จริง พี่พูดคำไหนคำนั้น.....
กินเสร็จผมกับพี่พะก่อ นั่งคอยดูไฟ รมควันปลา ได้ครึ่งวันก็กลับปลา เอาอีกด้านลงคว่ำ ความร้อนทำให้มีน้ำมันปลา หยดลงไม้ที่ติดไฟ เกิดควัน รมปลาทำให้เกิดความหอม น้ำมันผสมร้อน ลอยจับตัวปลา เกิดสีน้ำตาลไม้ ไปกับตัวปลา. เราเอาใบตองกล้วยใหม่มาปิดทดแทน ของเก่าที่เหี่ยวไหม้ไปบ้าง.
ตกบ่ายสามโมง เปิดดูเนื้อปลา กำลังสุกหอม เนื้อซุย เลยแบ่งเอาไว้ สิบตัว เตรียมไว้ทำอาหารเย็น. ส่วนกลางวันกิน แกงตูนที่เผ็ด หอม จากใบแมงลัก กับข้าวเจ้าสีแดงที่เราปลูกแล้วตำเก็บไว้ทุก สามวัน
พี่ เย็นนี้ผมทำกับข้าวให้กินนะ เอาเลยน้ำ พี่จะรอกิน.........
เอาพริกแห้งสามเม็ดใหญ่ แช่น้ำจนนิ่ม ใส่ครกตามด้วยเกลือผงสีเทา ใบมะขูด(มะกรูด) นิด หอมขาว(กระเทียม) สองหัว ตำพอแหลกแล้ว ควักถั่วเน่าเม๊อะใส่ขนาดหัวแม่มือสองหัว จนแหลกพอดี
พริกไทยป่า แช่น้ำไว้ หนึ่งช่อ. เอาหัวละแอน(กระชาย) ให้ ดช.ก่ำ ตัวดำไปล้างที่ลำห้วย จนสอาด นำมาซอยตามยาวได้หนึ่งขยุ้ม
ไฟเตาสามเซ้าลุกดีแล้ว เอาหม้อดินปากกว้างตั้งไปจนร้อนควันขึ้น ตักน้ำพริกใส่ ตามด้วยน้ำมันกวาง นิด น้ำพริกแกงถูกความร้อนจาก หม้อดิน เสียงดังแฉ่ กลิ่นหอม ฉุนคลุ้งไปทั่ว.
เอาปลาย่างรมควัน ที่เนื้อซุย สับแล้วเป็นท่อนขนาดสองข้อนิ้ว โยน ใส่หม้อดิน ผสมกับน้ำพริก ดังฉู่ฉ่า ไอเผ็ด ร้อน หอม ผสมกับเนื้อ ปลาย่างรมควันคลุ้งไปทั่วห้องครัวที่ต่ำ
เสียงจามของพี่พะก่อกับ ก่ำหลายที สงสัย จะลำขนาด เน่อ น้องน้ำ......พี่พะก่อตะโกนบอก ต้องลำแน่นอนอยู่แล้วพี่.........ผมตอบ พลางขยุ้ม ฝอยกระชายที่ ซอยตามยาวลงคลุกเคล้า พอสุก ตักใส่ชามไม้ จนเต็มชาม ส่งให้ ดช.ก่ำ ยกไปที่กินข้าวของเรา ก็. บนแคร่ไม้ไผ่ หน้าบ้านตูบ.
ผมถือหม้อข้าวที่สุกร้อน กับชามไม้ตามไป เราใช้ช้อนไม้ ตักปลาย่างใหม่ ๆ ผัด วางบนข้าวแดง ยามตักเข้าปาก ความหอม ความร้อน เนื้อปลาร่วนซุยหอม หวาน. เคี้ยวไม่นานต้อง รีบกลืน ก็ มันร้อน. เอาตักใหม่ข้าวน้อยหน่อย ปลานิดผสมน้ำพริก แกง กระชาย ค่อย ๆ ละเลียดเคี้ยว อร่อยจนบอกไม่ถูก.
ไม่นานนัก ข้าวในหม้อก็หมดเพราะช่วยกันกิน ส่วนปลาย่างรมควัน หมดไปครึ่งชาม เหงื่อไหลจากหัว ลงลำคอทุกคน ผมต้องรีบกินน้ำ เป็นระยะ เพราะทานเผ็ดไม่ค่อยได้ ไม่เหมือนดช.ก่ำกับพี่พะก่อ
ผมกับพี่พะก่อ คอยลุกไปดู เตาย่างปลาเป็นระยะ จนกระทั่งมืดก็ ราไฟให้มอดไปเอง. ความร้อนในเตาคงระอุไปเรื่อย ๆ จากถ่านไม้ กลบด้วยขี้เถ้า. วันพรุ่งนี้ต้องรมควันอีกครึ่งวัน.
ความมืด ความเย็นเข้ามาแทนที่ ลมเย็นพัดเบา ๆ ผ่านผิวกาย แสง จันทร์นวลเริ่มส่องสว่าง ไปทั่วแอ่งดอย เสียงน้ำลำห้วย ยังคงไหล ดัง คลิ๊ก ๆ ตลอดเวลา.
สามคนลงไปอาบน้ำที่ลำห้วยข้างล่าง สระหัวด้วย น้ำมะซักที่ตำ แช่ไว้ในหม้อเล็ก ข้างลำห้วย น้ำมะซักเป็นผลของไม้ชนิดหนึ่ง เมื่อถูกน้ำ จะเป็นฟอง เวลาฟอกผม หนวดเครา หรือร่างกายจะ เกิดฟองเต็มตัว เราก็ทรุดตัวลงดำน้ำ ไล่ฟองออกจนสอาด.
ขึ้นจากน้ำ ผลัดผ้าตากไว้กับ ราวไม้ไผ่รวก ข้างบ้าน ล้างเท้าหน้า บ้านเล็ก ไล่ดิน เดินเข้าบ้านที่มีดินอัดแน่นเรียบ ปูด้วยไม้ไผ่สับ เป็นแผ่น ติดกับดิน เต็มพื้นห้อง.
ใส่เสื้อสีกรมท่า แล้วเข้านอน เป่าไฟ จากกระถางดินใบเล็กให้ ดับ เสียงน้ำไหลข้างล่างหัวย แสงจันทร์ส่องลอดหน้าต่างบาน เล็กของห้อง เป็นลำ ผสมกับอากาศเย็นสบาย.....ไม่นานก็หลับ ไปพร้อมเสียงน้ำไหล................
Create Date : 30 กันยายน 2553 |
|
39 comments |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2560 11:32:05 น. |
Counter : 2319 Pageviews. |
|
|
|
ได้บรรยากาศบนดอยครับ