บล๊อกประจำวัน ศุกร์ / จันทร์ ตะพาบ 134 |
|
รวงข้าวสีเหลืองทองแน่นหนาโน้มต้นข้าวให้คล้อยต่ำลงสู่ดิน |
แม้ต้นข้าวสีเหลืองจะมากกว่า ต้นหญ้าสีเขียวแซมอยู่บ้างแต่ก็ไม่อาจจะบดบังดิน |
ให้แสงแดดแผดเผาดินให้แห้งแตกระแหง |
|
นกกระจาบตัวเล็ก บินจิกกัดรวงข้าวให้ขาด บินคาบลับหายไปในป่าละเมาะ |
ใกล้นาข้าว แดดค่อยลดแสงลง ไม่นานก็ร่มครึ้ม ลมเย็นจากชายทุ่งเริ่มพัดเข้าสู่นา |
เหลืองอร่าม |
ทิวทองหลาง ใบเหลืองค่อย ๆ ร่วงหล่นสู่ผิวน้ำและใบหญ้าแห้ง ลำน้ำเล็กที่เคยไหล |
จากเนินดินไปสู๋ดงพุทรานา เหือดแห้งไปมิใช่น้อย |
น้ำที่ตกค้างในลำน้ำเล็ก มีปลาน้อยผุดขึ้นหายใจ ผิวน้ำเป็นวงกลมแล้วเลือนหาย |
ไปพร้อมกับแสงอาทิตย์ยามเย็น |
สภาพอากาศที่ร้อนยามกลางวัน สายน้ำในลำเหมืองในนาละแวก บ้านดอยสะเก็ด |
แห้งลดลงมาก ได้เวลา หาปลาสำหรับพวกเราแล้ว |
เลยนัดกันไว้วันอาทิตย์หน้า ไปทำกิจกรรมหนุ่ม ๆ ...... |
........ |
เช้านี้พวกเรา 6 คนเดินพร้อมกันเดินผ่านทุ่งนา เป้าหมายก็ประเภทยิงนก |
ตกปลา ทุกคนมีข้าวเหนียวห่อใบตอง น้ำพริกหนุ่มหรือไม่ก็น้ำพริกแดง |
ไม้ขีดไฟ ผ้าขาวม้า. คันเบ็ดไม้ตาล หรือไม่ก็คันเบ็ดไม้ไผ่ซางเหลาเรียวเล็ก นุ่มเป็น |
สปริง ใส้เดือนใส่กระป๋องของใครของมัน |
เรากะไปกินข้าวเที่ยงกลางทุ่งนา หรือร่มไม้ริมลำรางที่พาดผ่านท้องนาที่เหลืองอร่าม |
ด้วยตอซังข้าว กับข้าวไม่ต้องหรอก... เราไปหาเนื้อนก ปลากินกันข้างหน้า |
|
น้ำในลำเหมืองที่เคยไหลพรั่งพรู ลดระดับลงต่ำ น้ำนิ่งสงบ มีเพียงลมพัดเบา ๆ |
ต้นหญ้าปล้อง โน้มต่ำใบเหลืองทอดยาวบางส่วนสู่ผิวน้ำ กวาดน้ำให้เกิดพริ้วแกว่งไกว |
ตามกระแสลม |
พวกเราทรุดตัวนั่งมิให้เงาทาบผิวน้ำ รอดูปลาผุดขึ้นสู่อากาศ ผิวน้ำราบเรียบ |
ไม่นานแมงมุมน้ำ ขยุ้มน้ำขึ้นลง เป็นวงกลม สายตาของพวกเราคอยจ้องดูเงาปลาในน้ำ |
ฮุบแมงมุม แต่ทุกสิ่งเงียบสงบ แวววาวพริ้วน้ำจากแมงมุมยังคงพริ้ว |
|
หมดกัน |
อะไรหมดวะ ตูน |
ปลาซิ ไม่มีเหลือ ใครคงจะมาจับซะเกลี้ยง |
ไงรู้ วะไอ้ตูน |
คิง(เมิง) ถ้าแมงมุมมาเล่นน้ำ ปลาอยู่ในน้ำมันก็ฮุบไม่เหลือ นี่เงียบ ทำไงดีวะ |
เดินไปกิโลกว่า แถวที่เขาสำรวจสร้างอ่างเก็บน้ำ แม่กวง |
มีต้นไม้ใหญ่ นก กับปลาน่าจะเยอะนะ |
เอาซิ ไปเลย |
|
เดินตัดทุ่งนา ที่แห้ง เหลือตอซังข้าว แดดแรงจัด ใกล้ทิวไม้ลมกลับเงียบ |
ต่างคนต่างบ่นหิวน้ำ... เดินผ่านลำห้วยกลางทุ่ง มีน้ำเหลือตกค้างอยู่บ้าง เฉพาะเพียง |
ในที่ชาวบ้าน ขุดดินกั้นลำเหมือง วิดน้ำออก ดูแล้วคงจะลึกไม่ถึงคืบ |
วิทย์ ใช้มือวักขึ้นดม ส่ายหน้า...ไม่ไหว กลิ่นเหม็น |
|
เกือบครึ่ง ชม. ที่เดินลัดทุ่ง ข้างหน้าต้นหญ้าเขียว เป็นทิว |
น่าจะมีน้ำวะวิทย์ |
ฮา(กรู) ก็ว่าใช่วะ มีน้ำแน่ เริ่มหิวแล้ว ทำไงดี นกก็ไม่มีให้เห็น.. |
นั่นไง มีน้ำห้วยขวาง คงมีปลาให้จับบ้าง |
|
ข้างลำห้วย มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม น้ำไหลช้า ๆ ใสริมลำห้วยมีต้นหญ้าปกคลุม |
อยู่บ้างไม่มากนัก |
น่าจะมีปลาวะ |
เออ หวะ.. ลองตกปลาดูหน่อย เผื่อจะได้ |
พวกเราต่างคน ต่างเดินดูทำเลที่จะตกปลา เราจะเดินไปจ่อมนั่งเงียบ นำเบ็ดมาโรย |
สายเบ็ด จับใส้เดือนมาคล้องเกี่ยว แล้วค่อยโยนไปแอ่งน้ำข้างหน้า |
ผมเดินไปดู ลำห้วยไปเรื่อย ๆ ห่างจากเพื่อน ๆ กว่า 100 เมตร เจอแอ่งน้ำลึกดำมืด |
อยู่ข้างหน้า ทุกสิ่งยังคงเงียบ ไม่มีปลาขึ้นมาหายใจ |
เลยปลดผ้าขาวม้าออก เดินลุยน้ำที่ลึกเกือบเมตร ใช้มือลงควาน เศษหญ้า ดินเลน |
ให้กว้าง น้ำเริ่มขุ่น เมื่อใช้หัวแม่เท้า งัดดินไปมาเป็นวงกว้างกว่าเมตร |
กลิ่นดินโคลนคลุ้งไปทั่ว... |
ล้างเท้าแล้วไปทรุดตัวนั่งเงียบกว่า 10 นาที ใช้ตัวเบ็ดงอ สีดำเกี่ยวใส้เดือน |
สีดำแดง แล้วค่อยหย่อนลงลงกลางน้ำที่ขุ่น |
ตัวเบ็ดที่หนัก ถึงดินเลน ส่วนฟ่อม(ทุ่นที่ทำจากปุ่มไม้งิ้วเบาเหลาเป็นลูกหนำเลี๊ยบ) |
ร้อยเจาะกับสายเบ็ด กลับทอดยาวไปตามน้ำ |
งั้นความลึกของสายเบ็ดใช้ไม่ได้ เลยตัวเบ็ดขึ้นแล้วรูดฟ่อม(ทุ่น) ลงไปเกือบนิ้ว |
กะให้เบ็ดงอที่เกี่ยวกับใส้เดือนถึงดินเลน ส่วนฟ่อมให้ลอยตรงกับตัวเบ็ด |
ทุกสิ่งยังเงียบ ที่ทำน้ำให้ขุ่น เพื่อให้ปลาหน้าดิน พวกปลาดุก ปลาหลดได้กลิ่นดินใหม่จะ ว่ายมาหาอาหาร นั่งมองฟ่อมไปเรื่อย ๆ และแล้ว สายเบ็ดสั่นนิด |
ปลาคงเจอเหยื่อ รออึดใจ ฟ่อม(ทุ่น) ถูกดึงจมหายไปในน้ำ |
รีบตะหวัดเบ็ดเฉียงไปทางขวามือ.. ประสาทในมือรู้เลยว่า ปลาฮุบเหยื่อพาลากไป |
เลยโก่งคันเบ็ดขึ้นสูง ปลาเริ่มดิ้นแรงไปมา แล้วก็ยอมแพ้ให้ รีบดึงขึ้นจากน้ำ |
ปลาดุกตัวเขื่อง สีดำมืดถูกลากขึ้นบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยหญ้า |
ใช้ฝ่ามือซ้ายกดหัวปลาดุกให้หยุดนิ่ง ใช้นิ้วมือขวาปลดเบ็ดจากปากปลาออก วางไว้ |
ที่หลุมดินแห้ง แล้วหย่อนเบ็ดพร้อมเหยื่อใหม่ ไม่นานก็ได้มาเพิ่มอีกตัว |
|
|
ดูดวงอาทิตย์ คล้อยเฉียงไป น่าจะเกือบบ่ายโมง เลยทะยอยมารวมตัวกัน |
6 คนได้ปลามา 3 ตัว ก็ปลาดุกอีก 2 ตัว ........ |
พวกเราเลยก่อกองไฟ ช่วยกันย่างปลา ใต้ต้นไม้ส่วน ประวิทย์กับผม แก้ผ้าเหลือแต่ |
กก.ใน อาบน้ำในลำด้วย ทรุดตัวนั่งในน้ำเย็นสบาย |
เฮ้ยตูน อะไรตรงตีน ฮา(กรู) นี่ไง หอย..อะไรวะตัวโต |
น่าจะเป็นหอยทราย สองฝา ไหนลองงมดู เผื่อจะได้อีก ปลา 5 ตัวคงไม่พอกินวะ |
|
|
|
พวกเราต่างคน ต่างใช้มือคุ้ยทรายปนดิน ในลำเหมือง ได้หอยกาบมาสิบกว่าตัว |
จัดการล้างดินเลน ไปกองไว้ที่กองไฟ |
ทำไงดีวะ |
หมกขี้เถ้าให้หอยสุกซิ |
เราก็โยนหอยเข้า กองขี้เถ้า เอาเศษไม้เล็กสุม ไฟเริ่มลามเลีย ความร้อนจาก |
ขี้เถ้าเริ่มระอุ เปลือกหอยที่หนา เริ่มอ้า..ส่งกลิ่นหอม บางตัวมีน้ำไหลล้นออกมา |
|
ใช้ปลายมีดเหน็บเขี่ย หอย เคาะ ๆ ให้ขี้เถ้าหลุดแล้ววางไว้บนตอง |
กล้วย ลองแงะไอร้อนพวยพุ่งออกมาพร้อมกลิ่นหอม |
ใช้ปลายมีดเขี่ยเนื้อหอยที่ร้อน ๆ เข้าปาก น้ำเนื้อหอยทราย หอม..... |
|
พวกเรา หกคนนั่งยอง ๆ ล้อมวง บิเนื้อปลาดุก ใส่ปากใช้ข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกหนุ่ม |
เข้าปาก อร่อย.. แต่ละคนเขี่ยหอยออกนำมาเป่าขี้เถ้า เคาะเปลือก |
ออก ใช้นิ้กับมีดแงะเนื้อหอย จิ้มกับน้ำพริก กับกับข้าวเหนียว |
เนื้อหอยหวาน หอมกลิ่นไฟนิด ๆ ชักติดใจ เลยยกเปลือกหอยซดน้ำหอย |
รสหวาน... |
ระหว่างที่เขียน นึกถึงตอนโตแล้ว ได้กินหอยนางรม เปลือกหนาปิ้งย่าง ใช้ช้อนแคะ |
เนื้อหอยกินแล้ว ยกเปลือกหอยซดน้ำหอย อร่อยยังไง ยังงั้น |
|
ส่วนเนื้อปลาดุกย่าง กลางทุ่งนาร้อน ๆ บิเนื้อกินคนละนิดหน่อย เนื้อปลาขาวคล้าย ปลาตะเพียน เนื้อมีก้างเยอะหน่อยแต่ก็ใช้ได้ |
ยังสงสัย ว่า หิวอร่อย กับอิ่มอร่อย อันไหนดีกว่ากันเนาะ |
|
ขอบอกไว้ก่อนนะครับ เปลือกหอยกับเนื้อหอยข้างบนเป็นภาพแทน |
ที่งมได้ตอนเด็ก ณ อ.ดอยสะเก็ดเชียงใหม่ |
เป็นตัวหอยน้ำจืดชนิด 2 ฝาใหญ่เท่าฝ่ามือผู้ใหญ่ ผิวเปลือกข้างนอกขรุขระ แต่ไม่มาก |
เท่าหอยนางรม...หลังจากนั้นไม่เคยเจออีกเลย |
เพื่อน ๆ ใครเคยเห็นหอยแบบที่ว่าบ้าง บอกมั่งนะ... หรือว่า มันสูญพันธ์ไปเพราะ |
พวกผมกินก็ไม่รู้ซิ... |
ก็ ๆ ติดใจรสชาด หวาน หอมควันไฟนิด ๆ ..นะครับ |
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
แหม้มม ปลาย่างเสียบไม้ น่าทาน จริงๆ ค่ะ พี่
ท่าทาง น่าจะหอม มากๆ นะคะ