บล๊อกประจำวัน ศุกร์ / จันทร์ |
|
ก่อนไปเมืองพุกาม ได้ดูภาพเจดีย์มากมาย ที่คนไปเที่ยวถ่ายมา |
ยังนึกอยู่เลยว่า คนพม่าโดยเฉพาะกษัตริย์ หรือ คหบดีมีสตางค์ สมัยก่อน มีความเชื่อ |
การสร้างเจดีย์ จะได้บุญมากที่สุด |
จะแตกต่างกว่า ไทย ในปัจจุบัน ซึ่งมีความเชื่อว่า การทำบุญด้วยการ ภาวนาเจริญธรรม |
ได้บุญสูงสุด |
ทีมเที่ยวของเรา เลยตั้งเป้า จองที่พักไว้ที่เมือง Bagan หรือ พุกามไว้ 2 คืน |
ทั้งที่หวั่น ๆ ว่า ความร้อนที่นั่นจะทำร้ายผิว เราหรือเปล่าหนอ |
|
วันแรกที่ไปถึง นั่งรถแอร์เย็นฉ่ำ ดูเจดีย์ กับภูมิประเทศ คล้ายดงพุทราที่ อยุธยา |
กับป่าโปร่งแอฟริกา กับเจดีย์สวยงามมากมาย |
ไม่เห็นต้นพุททรานะครับ มีหญ้าแห้งเกรียนพื้นดินจะเป็นดินลูกรังสีแดง ยามลมพัด |
ฝุ่นสีแดงปลิวแทรกไปกับต้นหญ้าไม่มากนัก ใบหญ้าดูกลมกลืนไปกับฝุ่นเกือบจะไม่เห็น |
ใบหญ้าสีน้ำตาล |
พื้นดินเป็นเนินสูงต่ำ มีต้นไม้ใหญ่ใบค่อนข้างหรอมแหรม คงเป็นต้นการปรับตัวให้อยู่ |
รอดจากการขาดน้ำ แสงแดดสาดไปทั่ว ไม้ใหญ่เริ่มปลดใบที่เหลืองให้ล่วงหล่นสู๋พื้น |
เพื่อลดการคายน้ำ จากใบ น้ำที่เหลือจะได้เลี้ยงลำต้นให้คงอยู่ |
รอฤดูฝนที่จะตกลงมา ให้ชุ่มชื้นจะได้ผลิใบ งอกงามสีเขียว เตรียมสังเคราะห์อาหาร |
จากลำต้นที่ดูดซึมขึ้นมา เลี้ยงลำต้น ให้อยู่ตลอดไป |
|
|
วกเข้าเรื่องต่อนะครับ เราวนเวียนอยู่ในดงเจดีย์ ที่สวยงามสร้างด้วยอิฐสีแดง |
บางครั้งก็มุดเข้าไปข้างใน บ่อยหน่อยเพราะอากาศเย็นสบายกว่าข้างนอก |
คนโบราณสร้างเจดีย์ ต้องมีฐานะดีจริง ๆ คิดดูนะครับ อิฐแต่ละก้อน ต้องนำดิน |
ทราย มาผสมจนได้ที่ เทเข้าแบบ พอแห้ง นำไปเผาหลายวัน ด้วยแกลบ แล้วกว่าจะเป็น |
แกลบก็ต้องได้เมล็ดข้าว มาเลี้ยงดูคน |
|
กษัตริย์ หรือ เจ้าเมือง คณบดี ต่างคนต่างสร้าง เพือเป็นพุทธบูชา หรือน่าจะเรียก |
ว่า อุทานสิกเจดีย์ แหะ ๆ แอบเข้าไปค้นดู เป็นเจดีย์ที่สร้างอุทิศให้ พระพุทธเจ้า |
เป็นสัญญาลักษณ์ มากกว่า พวกเขาเชื่อว่า ถ้าได้สร้างแล้วจะได้บุญกุศลมากมาย |
กว่าการทำบุญอย่างอื่น |
|
ผมได้พยายามสอบถาม หรืออ่านเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ค่อยพบว่าเขาสร้างเพื่อการอื่น |
รวมทั้งเข้าไปดูใน พิพิธภํณฑ์สถานของ บากัน ก็ไม่มีกล่าวไว้ |
ไม่เหมือนเจดีย์ของไทย ที่พบว่า เป็น ธาตุเจดีย์ สร้างเพื่อบรรจุ พระบรมธาตุ |
เช่น เส้นพระเกษา กระดูกหน้าอก พระทนต์ ผมใช้ภาษาชาวบ้านนะครับจะได้เข้าใจง่าย |
|
เพื่อน ๆ เข้ามาอ่าน อาจจะกำลังง่วง งั้นออกจากเรื่องนี้ดีกว่านะครับ |
ไปพุกาม ครั้งนี้ ตั้งใจจะไปดู พระอาทิตย์ตก ลับเหลี่ยมเจดีย์ กับ |
ลับไปกับ สายน้ำ อิรวดี หรือ อิยาวดี |
|
เย็นแรก เราไปดูตะวันลับฟ้า ณ เมืองเก่าพุกาม คนขับรถบอกว่า น่าจะไปดูอีกที่ |
ไม่ใช่เจดีย์ใหญ่ที่ คนไปรอชมตะวันลับฟ้า ยังกะหนอน |
นี่ครับ พาไปเจดีย์แห่งนี้ เป็นเจดีย์ขนาดกลาง คนน้อยหน่อย แต่ทางขึ้นคล้ายกับ |
ทางขึ้นองค์พระที่ สุโขทัย คือเข้าไปข้างในเจดีย์ แล้วมีทางแคบมาก ชันขึ้นไปข้างบน |
เอาก็เอา.. ผมขึ้นไปเป็นคนแรก ความที่ตัวสูง ต้องค้อมตัว หัวให้งอ แต่ก็ไม่พ้น |
ง่าย จนคนตาม ก้น.. ใช้มือ ดัน ก้นช่วย 555 จริงนะครับ |
หญิงชาวบ้านถือ ไฟฉายส่องทางลงมาให้เห็น บอกให้ ระวังหัว ทางก็ชันแถมหักศอก |
พอขึ้นไปข้างบนได้ แสงแดด อ่อน กำลังสาดไปทั่ว ลมเย็นเริ่มพัดมาเบา ๆ |
สบายตัวดี ต่างคนรีบ ตั้งขากล้อง รวมทั้งชาวต่างชาติอื่น |
|
|
|
ส่วนผมเหรอ รู้แล้วว่า แสงทไวไลท์จะให้เราเห็นไม่น่าเกิน 5 นาทีถ้ามือไม้สั่น |
เหงอะงะ ไม่ได้ภาพแน่ เสียค่าเครื่องบินตั้ง เกือบ 4 พันบาท 555 |
เลยคว้ากล้องวิดิโอ วางไว้บนกำแพงด้านหน้า ไม่ไหว ไม่หวั่น ใครไม่ขวางทางด้วย |
อันนี้สำคัญ... ตอนนั้นคิดถึง ทีมช่างภาพถ่ายรับปริญญา มีตั้งหลายกล้อง |
แต่ก็ต้องมีกล้องวิดิโอไว้ด้วย ยังไงก็มีภาพแต่ละคนแน่ ส่วนจะสวยหรือไม่นั้น |
ค่อยว่ากันอีกที |
|
แต่ก็ไม่มีโชค..... ระหว่างตะวันลับขอบฟ้า เห็นแสงนุ่มนวล ได้นิดเดียว ดันมี |
เมฆมาขวางกั้นไม่ให้สาด ส่องขึ้นข้างบน เซ็งเป็ดเลย |
แต่ก็มีภาพ ก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ให้ดูพอแก้ขัดได้นะครับ |
|
|
|
ตะวันลับท้องฟ้าแรก เป็นท้องฟ้าจาก ทุ่งเจดีย์ ส่วนอีกวัน ได้ภาพจากการ |
ไปเช่าเรือ ล่องแม่น้ำ เอยาวดี อันกว้างใหญ่ |
การล่องเรือนี้ผมว่า คุ้มค่านะครับ อากาศเย็นสบาย ดูได้สุดลูกหูลูกตา เรือที่เราเช่ากว้าง |
ใหญ่ลุกเดินสดวก |
........ เรานั่งเรือ มุ่งไปข้างหน้า ฝั่งขวามือมี รีสอร์ท แน่นอน มีวัด เจดีย์อยู่ด้วย เรือใหญ่จอดรอแขก เรือที่แล่นออกไป มี มากลำ.... อากาศสบาย ๆ มีลมอ่อน ๆ พัด ...... ผลัดกัน ถ่าย รอเวลา และแล้ว ตะวันก็ค่อยเคลื่อนคล้อยลงสู่พืันดิน ...... ถ่ายมาหลายภาพ แต่ ภาพไม่สวย เหมือนของเพื่อน ใช้โฟโต๊ช๊อบ แต่งเหมือนกันแต่ปรับให้มัน สว่างหรือ ให้โทนแสงอ่อนลงเท่านั้นนะครับ ไม่อยากให้เพื่อนที่เข้ามาดู แล้วคล้อยตามมากนัก เวลาไปเจอ ของจริง หรือบรรยากาศจริง จะได้ไม่ผิดหวัง เลยใช้เฉพาะ ลดขนาดพิคเซลเท่านั้น หลังจากเรือแล่นกลับมาส่ง ณ ท่า ความมืดครอบคลุมอยู่ทั่วไป เลยให้ ทิน อ่องโชเฟอร์ขับไปส่งร้านนี่ครับ ภาพนี้ เป็นภาพถ่าย กลางวัน นะครับ ไม่ใช่ตอนเย็น คือร้านนี้ อาหารรสชาดใช้ได้ ราคาไม่แพง พวกเรามากินมื้อกลางวัน แล้วตอนเย็นก็กลับมาอีก มาดูอาหารที่สั่ง ...... ....... |
...... |
|
|
|
..... |
บริเวณร้านกว้าง นั่งสบาย |
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
เป็นอีกประสบการณ์ ในการเดินทาง ที่ น่าสนุก นะคะ