No. 682 บล๊อกประจำ ศุกร์ - อาทิตย์ |
|
|
อ่านข่าว ดูข่าวทางทีวี เห็นการล่าสัตว์ในอุทยานแห่งชาติ เห็นซากสัตว์หลายตัว |
มีคนต่อต้านการกระทำเยอะมาก
|
บางคนมีจุดประสงค์ไปค้างแรมในป่า เพื่อล่าสัตว์นำมาเป็นอาหาร แต่บางกลุ่มขอทำอาหารเอง |
เป็นของที่ซื้อเตรียมไป และนอนในที่ลำบาก ดิบ ๆ...ก็พอ
ทำให้นึกถึงเมื่อ พ.ศ.2540 |
|
ให้บังเอิญ ต้องไปทำสวน ทำไร่ ควบคู่ไปกับการทำงานประจำที่เหลือเพียง 15 วันต่อเดือน |
หุ หุ ก็ตอนฟองสบู่เริ่มพอง แตกดังปุ๊ ๆ |
|
สถานที่ไปเป็นที่กว้าง 30 กว่าไร่ รอบ ๆ ไร่เป็นป่า กับสวนยางพารา ต้องทำอาหารเอง ทำเท่าที่ทำได้ ปิ้งย่างเป็นกับแกล้ม หุ หุ
ที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ |
เอ..เราอยากได้โฉนด ในภายภาคหน้า จนท.บ้านเมือง เขาแนะนำให้ปลูกพืชยืนต้น |
เพื่อแสดงว่าทำประโยชน์แล้วนะ.. ก็เอาซิ. |
|
เลยปลูกบ้านริมสวน ห่างจากบ้านคนอื่นครึ่ง กม. วางแผนขอเลขที่บ้าน จนท. |
อำเภอแนะนำ ว่าให้สร้างบ้านที่มีส้วม แล้วถ่ายภาพส้วมไปให้ ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพใกล้บ้าน |
แพทย์เขาเห็นภาพ จะออกหนังสือรับรองว่า ถูกต้อง คุณค่อยนำไปให้ กำนันขอเลขบ้าน |
ที่อำเภอนะ .. |
|
พอแพทย์เห็นภาพส้วมกับห้องน้ำที่มีชักโครก โห..ดีกว่าที่นี่ซะอีก คุณทำห้องน้ำ |
จะได้นั่งสดวก เป็น สุขา คือ มีความสุขจากการนั่ง 555
|
แล้วก็ได้เลขที่บ้าน ทะเบียนบ้านถูกต้อง แสดงตัวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินย้ายทะเบียน |
เดือนมีนาคม ก็ยื่น ภงด.90 เสียภาษีที่อำเภอแก่งหางแมว หุ หุ ชื่อพิลึกดีแน่นอนเก็บใบเสร็จภาษีไว้ |
หวังว่าในอนาคต จะได้โฉนด แต่เหนืออี่นใด ราคาที่ดินจะสูงขึ้น ส่วนผลไม้
|
เป็นเหตผล รอง.. คือขายผลไม้ ได้ไม่ได้ ไม่เป็นไร |
|
วันหยุดก็ไปพัก นั่ง ยืน มองไกลออกไป เห็นเขาอะไรไม่รู้ น่าจะเขาชะอม ตั้งตระหง่าน |
เจอรอยหมูป่า เข้าเหยียบย่ำริม ลำห้วยมีน้ำไหลริน แน่นอน รอยกระต่ายด้วย |
|
แม้จะไม่เห็นตัว ก็หวังว่าคงจะเห็นสักวัน... ว่าเข้านั่น แต่ที่ไม่คาดคิด วันหนึ่ง ขับรถพิคอัพ |
ไปบ้านสวน ด้านหลังเขาชะเมา ผ่านป่าใหญ่ สลับกับสวนผลไม้ชาวบ้าน |
เวลาโพล้เพล้.. อ้าวเฮ้ย ช้างป่า เดินผ่านถนนดินลูกรังแดง อย่างเชื่องช้า มองเราด้วยตาเล็ก ๆ |
|
กว่าพี่ใหญ่จะ เดินลับเข้าป่าเชิงเขา.. ทำเอาเหงื่อซึมไปทั้งตัว คือ อยู่ในรถถอยหลังไม่ได้ |
หลังรถเป็นสพานไม้ชนิด ใช้ลำต้นไม้ใหญ่ พาดข้ามห้วย แต่กลางสะพาน โบ๋
ภาพข้างล่างเป็นภาพแทน.. ของจริงลำห้วยลึก กว้างกว่า ป่าสองข้างทางโล่งหน่อย
|
|
คืนนั้นกว่าจะเข้าถึงบ้านสวน เกือบ 2 ทุ่ม จุดตะเกียงรั้ว ในบ้านค่อยสว่างหน่อย หายกลัว |
เกือบหมด คือยังหวั่น ๆ กลัวผีเหลืออยู่บ้าง แหะ ๆ ก็เดินทางเข้าป่า คนเดียวนี่นา |
|
ปกติจะเข้าห้างแมคโครซื้อ หมูเนื้อ ของกินกระป๋องเข้าป่า พอไปถึงจะทำความสะอาดหมู |
ทำหมูต้ม หรือเนื้อ รวน ไม่ให้เน่า จะเก็บไว้กินสองสามวัน อยู่เกินต้องกินปลาทูน่ากระป๋องแทนอาหารสด บ้านสวนยังไม่มีไฟฟ้า
|
เพื่อนบ้านมักจะ แบ่งเนื้อหมูป่าให้. ดีใจที่ได้กินของป่า ก็ขอบคุณพวกเขา แบ่งข้าวสาร |
กับเครื่องกระป๋องให้เพื่อน.. พวกเขาดูแล้ว ผมคงไม่เป็นตัวปัญหามั้ง วันหลังเลยนำ
|
เนื้อกวางแดดเดียวหรือ หลายแดดไม่รู้ มาให้ แล้วก็ไม่กล้าถามเขาว่า เอามาจากไหน
|
บอกตรง ๆ จัดการทอด เป็นกับแกล้ม อาหย่อย.. เหนียวนิด ๆ หอมมาก ๆ
เนื้อกวาง มีกลิ่นแรงกว่า เนื้อวัวนิด ๆ แต่เนื้อละเอียด ไขมันน้อย ส่วนเนื้อหมูป่า ชอบที่มีเนื้อเยอะ ติดหนังทำอาหาร
แล้ว เคี้ยวหนังกุ๊บ ๆ ไขมันเกือบไม่มี เขาบอกว่า เลี้ยงหมูป่าไว้ที่โน่น..
|
กลับเข้า กท.ก็ถ่ายภาพ บ้านสวน ป่าที่ขับรถไป ลำห้วย แล้วเล่าให้เพื่อน ๆ ที่สวนหลวงฟัง |
บอกว่า แถวสระน้ำที่ขุดไว้
มีกบป่าตัวดำ จับมาแกงแคแบบ เชียงใหม่
|
แกงแคเป็นไง คุณไวน์ |
ก็ เอายอดชะอมเด็ด ยอดฟักทอง ผักคาด ยอดใบพริก แช่น้ำ... นำน้ำพริกแกงส้ม ซื้อจากตลาดไว้ก่อนแล้ว ลงผัดไฟจนหอม |
จับเนื้อกบที่ไม่ลอกหนังสับ ๆ โยนใส่คั่วจนหอม เยาะน้ำหน่อย โปรยผักลงไป |
ปิดฝาจนเดือดคลั๊ก ๆ แค่นั้นเป็นเสร็จ คุณเอ้ย ซดน้ำเผ็ด หอม กินกับข้าวสาย อร่อยสุด ๆ |
|
ดีเลยคุณไวน์ ผมขอไปค้างด้วยได้ปะ |
ได้ซิ แต่ไปครั้งละ 3 วันนะ เมียนายไม่ว่านะ |
ไม่ว่าหรอก มันตัดหางปล่อย..วัดนานแล้ว ว่าแต่ว่า มีเนื้อกวาง หมูป่าปะ |
|
ที่แถวบ้าน เจอเนื้อกวางบ้าง แต่เนื้อหมูป่าสบาย ๆ มีแน่นอน ถ้าอยากกินเนื้อกวาง จะพาไปกิน |
แถวตลาด อ.แกลง ร้านใกล้สะพานนั่นน่าจะมีทุกวัน |
|
เพื่อน ๆ ไปด้วย ครั้งละ 3 - 6 คน คือพวกเขาหลวมตัวไป ตอนเย็นนั่งดื่มน้ำ |
พรรค์นั้น ตบยุงไป 555 เพื่อนบ้านมาช่วยรับแขก ช่วยปิ้งปลาทะเล กับเนื้อบาร์บีคิวกัน |
|
ตอนกลางคืนผม ปูเสื่อตามยาว แจกหมอนเพื่อนคนละใบ ผ้าห่มไม่ต้อง |
ผมติดมุ้งลวดด้วย สบายหน่อย ถ้าหมอนมีไม่ครบ ก็ใช้ผ้าขาวม้าพัน ๆ ผ้าห่ม หนุนกัน |
ไม่น่าเชื่อ เพื่อนๆ ไม่เข็ด ไปเล่าให้กลุ่มอื่นฟัง... เลยพาไปบ้าง
|
คือเขาติดใจ พาไปกินเนื้อกวางที่ อ.แกลง คิอพวกเขาคิดว่า เป็นเนื้อกวางป่า แถวเขาชะเมา |
หรือ ป่าอยู่ใกล้เคียงกัน
|
ผมไม่บอกหรอกว่า ผมทำงานให้บริษัทนำเข้าเนื้อกวางเป็นเนื้อกวาง รูซ่า ออสเตรเลียมาขาย |
คือเขามีเซลล์แมนติดต่อขายให้ ร้านอาหารป่า ภัตตาคารหลายแห่ง |
น่าจะขายให้ ร้านค้าแถว อ.แกลง อ.นายายอามด้วย หุ หุ
|
ตามความจริงแล้ว ครม.อนุมัติปลด กวางออกจากสัตว์ป่าคุ้มครองตั้งแต่ปี 2535 มีผู้ทดลอง |
เลี้ยงกวางรูซ่า จากนิวคาลิโอเนีย มาเลี้ยง แต่กวางชนิดนี้ออกลูกเพียงปี
|
ละหนึ่งตัว น้อยมาก แต่เนื้อกวางขายได้ กก.ละ 300 - 1,500 บาทตามประเภทเนื้อ |
แต่ เขา กวางขายได้ กก.ละ 6,000 กว่าบาท..
|
ต่อมาราชการไทยทดลอง นำกวางไทยไปผสม |
หรือใช้กวางไทยเลี้ยงเป็นกิจการค้าได้ กวางไทยตัวโตกว่า รูซ่ามาก ได้เนื้อเยอะกว่า |
แต่ลงทุนสูง กว่าจะคุ้มทุนน่าจะ 5 ปี เลยมีผู้นำเข้าเนื้อกวางจาก ออสเตรเลียมาขายอยู่บ้าง |
คนไม่รู้คิดว่า พรานไทยล่า หุ หุ
|
ไม่ต้อง นั่งทำหน้าเรียบเฉย ๆ เป็นจำเลยของสังคม.. เวลามีคนถ่ายภาพกำลังกิน เนื้อกวางย่าง
การที่บริษัทนำเข้าเนื้อกวาง ต้องเสียภาษี อากร ช่วยให้รัฐ มีรายได้เพิ่ม ดีไปอย่าง
|
เอ้อ พี่ไวน์ เนื้อกวางที่ขายเป็นกวางเลี้ยงทั้งหมดหรือเปล่า |
ไม่รู้ ซิ 555 |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ เจ้าของภาพ สพานไม้ซุง กับ ภาพแกงแค |
Last 1,267,684 |
st. ผู้เข้าชม 1,263.992 |
= 3,872 |
งานเขียนประเภท Diarist |
|
ตามมาเที่ยวป่า
และชิมกบด้วยค่ะ
สุขสันต์วันศุกร์นะคะ
Voteค่ะ