No.12 จ๊อกกิ้ง ที่กบาลทะมอ ดูไถง แบกเขนย.........
เช้าวันนี้ เบี้ยวงานเดินทางไป กบาลทะมอ ก็ที่หัวหิน เพราะคาด
ว่าไถง จะส่องสว่างยามค่ำคืน แล้วก็ แบก เขนยที่บ้านพักแสน
สบาย. ทีแรกฟังเพื่อนจังหวัดสุรินทร์พูด บอกตรง ๆ ชือ กบาล
(ปวดหัว) จนต้องกินน้ำแพโด่ง(มะพร้าว) แก้ขอแห้งหลังจากชวน
กันดื่มน้ำ ที่เป็นชื่อล๊อกอินมากไป อิ อิ.
ขับรถขึ้นทางด่วนแถว ถ.ศรีนครินทร์ชื่ออะไรไม่รู้ มันจำยาก จำ
สับสนเช่น บูรพาวิถี คิดว่าไปภาคตะวันออก ที่ไหนได้ไปปทุมธานี
ลงทางด่วน เข้าถนนพระรามสอง รถเขาวิ่งกันก็ 140 ผมวิ่งช้าก็หา
ว่า แก่ทั้งที่เป็นหนุ่มน้อย จัดการตามบ้าง แซงบ้าง พอเลี้ยวเข้า
ถนนเพชรเกษม ก่อนถึงเขาห้อย เอ้ย ย้อย.
พี่สิบล้อกระพริบไฟ หลายคัน. รีบขับชิดซ้ายลดความเร็วเหลือ
90 โอ้ย อึดอัดวิ่งช้าตั้ง สอง กม. พี่ตำรวจผู้หวังดีมาก...
เห็นรถรีบโบกมือให้ผ่าน หลังจากนั้น ก็แจวไม่เป็นฝุ่นกัน.
น้องหญิงที่นั่งข้าง ๆ อยากจะเที่ยว อ.ท่ายาง จะแวะเที่ยวก็ได้
ชิดขวาจะเลี้ยว.
ไม่ใช่ ชิดซ้าย ตัวตลาดอยู่ซ้ายมือ....ลูกสาวแม่ยายบอก
เอ้าซ้ายก็ซ้าย...ไปไม่ถึงร้อยเมตรต้องเลี้ยวขา มุดใต้สพาน
ถนนเพชรเกษม เข้าตัวตลาดกับอำเภอ
มันน่าไหมเนี่ย บอกก็ผิด.....
ไม่รู้ ก็เคยแต่นั่งรถเพื่อนมา. ลูกสาวแม่ยาย ตอบข้าง ๆ คลอง
ขับเที่ยวไปในตลาด เห็นชีวิตชาวบ้านอยู่กันอย่างสบาย มีของ
ขายละทาง พอถึงทางแยกข้างหน้าเจอ คลองชลประทาน
เลี้ยวกับทางเดิม เข้าถนนเพชรเกษมใหม่.
ไม่นานเราก็ขับรถผ่านชะอำ อีก 30 กมก็เข้ากบาลทะมอ
หัวหิน. เลยไปที่ศูนย์การค้า มาเก็ตวิลเลจ ที่ใหญ่ที่สุดในหัว
หิน รอ น้องไหม หลานแม่ยาย ที่ทำงานแห่งนี้ชวนไปกินข้าว
จะได้เป็นสปอนเซอร์.
ไปกินข้าวที่ ร้านม้าทอง เลยคลองชลประทาน
วันนี้เขาไม่เปิด. มานั่งรถหนู ไปกินร้านอาหารอร่อย ทางชะอำ
จะพาไปกินก๋วยเตียวลาดหน้าจาน เจ็บสิบบาท.
อะไรจานเจ็ดสิบบาท กินที่ทำงานแถวสีลม สามสิบสี่สิบ.
เอาหน้า....หนูเลี้ยงเอง. น้องไหมบอก
ไปถึงหน้าค่าย พระรามหก ร้านอยู่ซ้ายมือชื่อ.....ไม่บอก ไม่ได้
ค่าโฆษณา บอกใบ้ว่า ชื่อ วัง..ๆ นี่แหละ.
สามคน หนึ่งสาว กับ คนค่อนข้างหนุ่มสาว(ค่อนข้างมาก) ไป
นั่งใต้ซุ้ม การะเวกใหญ่ มีต้นไทรใหญ่เบียดแทรกทำให้ร่มครึ้ม
ได้โต๊ะไม้จริงใหญ่ เท้าแขนได้สบาย ลมพัดจากทะเลผ่านค่าย
เสียงดัง วิ้ว ๆ .
เสียใจด้วย มาช้าไปก๋วยเตี๋ยวลาด(ราด)หน้าหมดแล้วน้องไหม
บอกเขาขายให้คนทำงานกิน. สั่งอย่างอื่นก็แล้วกัน
ผมเลือกสั่งปลากระเพงทอด ลาดน้ำปลา
น้องไหมสั่ง แกงป่าปลาเห็ดโคน อย่าเผ็ดนะคะ.(ป้าเห็ดโคน
อย่าสดุ้ง) ไม่ได้แกงป้าหรอก ขืนกินป้า แว่นตาติดคอ อิ อิ.
ส่วนลูกสาวแม่ยาย ดูเมนูจนอิ่ม. เอ. อันนี้ก็แพง นี่ราคาตั้ง
180 ไม่ยอมสั่งซะที. เอาเถอะน่า เอานิ้วจิ้มไปอย่างก็แล้ว
กัน หรีตานิดหนึ่ง อย่าเผลอสั่งกุ้งโล แปดร้อยบาท ละ.
ไม่นาน ปลากระพงทอดเนื้อเหลืองเข้มมาถึง ใช้ช้อนตัก
กลิ่นหอมฉุยลอยมา พร้อม ไอร้อน กลิ่นน้ำปลาก็หอม ตักเข้า
ปาก อร่อย. น้องไหมตักแกงปลาเห็ดโคน น้ำข้นหอมสมุน
ไพร เนื้อปลาแล่ตามความยาวของตัวปลา มีผักอะไรไม่รู้รอง
ก้นชามนิด นอกนั้นเป็นปลา.
ผมตักปลากับน้ำแกง ราดข้าวเข้าปาก โอว... ร้อน อร่อยดี
ส่วนผัด 8 เซียน นับดูแล้วมีแค่ 7 วุ้นเส้นนุ่ม กุ้งหลังงอสีชม
ภู กระหล่ำปลี ต้นหอม เม็ดมะม่วง หอยเชลล์ เนื้อปลา พอตัก
เข้าปาก รู้สึกหอมน้ำมันงา ใช่เป่าไม่รู้นะ เค็มนิดเดียว เปรี้ยว
หน่อย ร้อนค่อนข้างมาก อร่อย...
ระหว่างที่กินกัน ลมทะเลพัดมาตลอดเวลา เย็นสบาย.
สามคนกิน อร่อยหรือเปล่าไม่รู้ เช่นแกงปลาเห็ดโคนตักจน
หมดหม้อ..มองซ้ายมองหลัง ไม่มีใครเห็น เอียงหม้อตักน้ำมา
ราดข้าวจนหมด. ส่วนปลากระพงทอด แทะกระทั่งกระพุ้งแก้ม
ที่แห้ง ส่วนหางก็ไม่เหลือแทะจนหมด.
สุนัขแถวนั้น ชะเง้อคอมอง คงเคียดแค้น ไม่ยอมเหลือเนื้อบ้าง
เลยเนาะ.
ส่วนผัด 8 เซียนนับไปแล้วมีตั้ง 10 เซียนก็ลืมนับน้ำปลา น้ำ
ปรุงรส เซียน(ไฟ)อีกหนึ่ง ถ้าขาดก็ซี้ม่องเซ็ก....
ร้านเขาคิดแค่ เจ็ดร้อยกว่าบาท. ปลากระพงคิด สามร้อยบาท
พอไหว. ลูกสาวแม่ยายบ่นนิดหน่อย ที่สามมุขแค่สองร้อยห้า
สิบที่นี่แพงกว่าเยอะ.
น้องไหม ก็บอก ที่นี่กบาลทะมอ นะ ดงคนมีกะตังค์.
ขากลับเข้าหัวหิน น้องไหมนัดให้ไปกินอาหารเย็นที่ร้านเจ๊ก
เปี๊ยะ. ควรออกไปนั่งที่ร้านสี่โมงกว่า สั่งอะไรกินไปก่อนหนู
จะแข่งโบวลิ่งกับเพื่อนพนักงานก่อน แล้วจะตามไป.
ไม่เอา ไม่กิน ขี้เกียจ นั่งกินไป มีแต่คนจ้องมอง คนหล่อ เมื่อ
ไหล่จะลุกซะที จะได้เข้าไปนั่งแทน.
เอางั้นไปกิน บะหมี่ไผ่เขียวก็แล้วกัน เออ. เย็นไปจ๊อกกิ้งใน
วังไกลกังวลซื น้องไหมบอก แต่ต้องใส่กางเกงขายาวนะจึง
จะเข้าได้.
แยกกันไปคนละทาง ผมกับลูกสาวแม่ยาย เข้าบ้านพักอาบน้ำ
เสร็จนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อคอกลมมีแบรนด์ นะ อิ อิ.
ลายเสือ แล้วก็มีอักษร ESSO. แล้วก็นั่งเล่นเน็ตต่อสบาย ๆ
สี่โมงเย็น ลูกสาวแม่ยาย แต่งตัวพร้อม ผมก็ใส่กางเกงวอร์ม
เสื้อมีแขน ใส่รองเท้าชื่อคล้ายนักรบโบราณ เอ. ซีด....ค่อน
ข้างเก่า... ขับรถไปจอดด้านข้างวัง ไกลกังวล มีที่จอดมาก
มอไซค์จอดเพียบ....
เดินเข้าประตู ยื่นบัตร ปชช. ให้ ตร.สูงใหญ่ยื่นบัตรหมายเลข
185 ให้ ก็คนที่ ร้อยกว่าเยอะเหมือนกัน.
ผมไม่ได้จ๊อกกิ้งมานาน หมอห้ามตรงโคนขามันเจ็บจากการ
วิ่งวันละ สิบ กม. เลยขี่จักรยานเสื้อภูเขาเอา เผื่อจะได้เป็น
เสือมั่ง เพราะอยู่กับ ลูกแม่ยาย เป็นแต่ แมว เซื่อง ๆ คร๊าบ
หลังจากวอร์ม วิ่งซอยอยู่กับที่ ยืดเส้นได้ ห้านาทีก็ออกวิ่ง
พอเริ่มวิ่ง ความเป็นนักวิ่งเหลือน้อยเต็มทน แต่ก็เริ่มฉายแวว
ออกมา. หนุ่มสาวเห็นผมวิ่ง ก็ยิ้มแล้วมองไปที่กางเกงวอร์ม
แล้วก็ยิ้มอีก.
มองซ้ายมองหล้ง หนุ่มสาวใส่กางเกงขาสั้น ส่วนแก่ ๆ มีใส่
กุงเกงขายาว สองคนเอง คือลุงผมหงอก กับผม มิน่ามันฉาย
แวว เชยออกมา.
ผมวิ่งตามถนนดำรอบสระบนใหญ่ รอบละประมาณ เก้าร้อย
เมตรไม่ถึง โลดี บรรยากาศ ร่มรื่น มีต้นนนทรีเรียงรายทั้ง
สองข้าง สลับต้น กาสะลอง ฉำฉา ดอกกรรณิการ์ ดอกเข็ม
เย็นนั้นวิ่งได้ 5 รอบก็ สี่โลกว่า พอแล้วเนาะ
ขับรถกับที่พัก บ้านแสนสบาย(เช่าเขา) ผลัดเสื้อผ้าอาบน้ำ
อุ่น แต่งตัวรอน้องไหม. เกือบสองทุ่มพากันไปกินโซบะที่
ร้านไผ่เขียวหน้าวัง.
กลับเข้ามาเล่นเน็ต แซวเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้าบ้าง ถูกตอก
กลับมาบ้าง นอนหลับสบาย 5555
Create Date : 28 สิงหาคม 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 3 ตุลาคม 2554 13:50:32 น. |
Counter : 1753 Pageviews. |
|
|
|
ไปจ๊อกกิ้งที่ วังไกลกังวลอีก คราวนี้ใส่กางเกงขา
สั้นมียี่ห้อ แต่ ปลอม อิ อิ. ยื่นบัตร ปชช.ให้ ตร.
ได้เบอร์ที่ 15 พี่ต้องใส่เสื้อมีแขน จึงจะเข้าได้
อ้าว.....อุตส่าห์มองดูคนอื่นไม่พลาดแล้วนา
น้อง ตร. มองหน้า.... เอาไว้คราวหน้าใส่ก็แล้ว
ก้นเชิญ เข้าไปวิ่งครับ.
วอร์มเสร็จ ก็ออกวิ่งช้า ๆ อากาศเย็นสบาย เริ่ม
สว่าง กลิ่นดอก กรรณิการ์โฉยกลิ่นหอมยามวิ่ง
ผ่าน. วิ่งได้รอบที่สามพระอาทิตย์เริ่มส่องแสง
กระทบคลื่นเล็ก ๆ ในทะเล เป็นแสงวิบวับ.
ซ้ายมือ เจอไก่ป่าที่เขานำมาเลี้ยงในวัง ตัวผู้
สูงกว่า หัวเชิด หางกระดก สีแดงปนดำเข้ม
ส่วนตัวเมีย เตี้ยกว่า ขนสีจืด ไม่เด่นเลย.
พอวิ่งไปอีก สามร้อยเมตรเจอ ไก่ตัวผู้ กับตัวเมีย
อีกสองตัว. เจ้าตัวผู้นี้ยอด มีเมียทีสองตัว แต่
ตัวเรามีได้คนเดียว อยากมีสองก็ไม่ได้..ตายลูก
เดียว.....
สังเกตุไก่ตัวผู้ สวยสง่า สีเข้ม ส่วนตัวเมียสีจืด
ชืด ไม่เหมือนพวกเราที่เป็นคน.
เคยเห็น คนผู้ชาย ตัวเตี้ย หัวล้านไม่หล่อเลย
แต่มีเมียสาว สวย เข้ม.
เคยคุยกับเพื่อนเรื่องนี้ มันบอกว่า เมียเราสวย
ตัวเราก็หล่อ ไม่เหมือนนาย ผมไม่ค่อยมี.
ผมมองเมียมัน แล้ว ยังไงก็ไม่สวย ยามเดินไป
ยานเป็น ถุงกาแฟ.
อย่าเข้าใจผิดนะครับ เมียมัน ถือถุงผ้าดิบเขียน
คำว่า ลดโลกร้อน ใบเบ่อเริ่ม ยานเป็นถึงกาแฟ
ยาวแทบ ละกับทางเดิน.
ส่วนลูกสาวแม่ยาย สวยครับ แฮ่ ๆ
ก่อนสิบเอ็ดโมงเล็กน้อย ขับรถข้ามคลองชล
ประทาน ไปร้าน ม้าทอง เป็นร้านอาหารตาม
สั่ง อย่าเพิ่งแหวะนะครับ เขาไม่ได้มีแต่ผัดสิ้น
คิด. มีอาหารหลายอย่าง ถ้าเที่ยงแล้วยืนรอ
โต๊ะก็แล้วกัน.
ผมเขียนสั่ง ก๋วยเตี๊ยวต้มยำ ลูกสาวแม่ยายสั่ง
ข้าวผัด แต่พอเห็นโต๊ะข้าง ๆ กำลังกินเย็นตาโฟ
เลยตาโตอยากกินมั่ง สั่งมาอีกชาม
ระหว่างที่รอ เดินไปตักน้ำแข็งเอง เปิดน้ำดำที่มี
รสซ่า ๆ มาเท.. แว๊ปไปดูในหม้อ มีกล้วยน้ำว้า
เชื่อมสีออกแดงคล้ำครึ่งหม้อ(อันนี้กินฟรี)
เดี๋ยวเสร็จตูแน่....
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำมา พอคนเสร็จ กลิ่นถั่วลิสงคั่ว
ใหม่ ไอร้อนลอยขึ้นมา ในชามมีปลาหมึกชิน
โต หมูสับก้อนโต กุ้งสด พริก น้ำต้มกระดูก
หมู พอซดแล้ว สุดยอด. ไม่ต้องปรุง.
ส่วนเย็นตาโฟ ขอชิมจากแฟน เส้นใหญ่จะนิ่ม
ปลาหมึกกรอบ ซดเข้าไป ร้อน....เค็มนิดหน่อย
กลิ่นเต้าหู้ยี้ใส่มาก หอม. เลยแย่งกินกับแฟน
พอมาถึงข้าวผัด แฟนดันสั่งแบบต้มยำ เลย
เผ็ด โด่ ไม่อร่อย ต้องบอกตรง ๆ.
เสร็จจากนั้นไปตัก กล้วยเชื่อมมากินคนละถ้วย
พอหมด ชักติดใจ แอบไปตักอีกครึ่งถ้วย อาย
เขาเหมือนกัน อิ อิ.
พอกินอิ่มดี ไม่ ชือกบาล(ปวดหัว) แต่ไม่ได้เล่น
น้ำทะเล ก็ไม่เป็นไร กลับบ้าน กท.ดีกว่า
ขืนอยู่อีกวัน นายเขาไล่ออกจากงานแน่...
จบการกิน เที่ยว เพียงแค่นี้..... ไป ละ.