We don't know future. What we don't know exactly always contains risk. When we take risk, we bet. Therefore, investment is a calculated bet. Just bet wisely.
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
24 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
SMEsมีเฮรัฐหนุนดอกตํ่า3% อุ้มหน้าใหม่เข้าถึงแหล่งเงินทุน


    คลัง เตรียมเข็นมาตรการอุ้มเอสเอ็มอี เสนอขอ ครม.ไฟเขียว วงเงิน 1.5 หมื่นล้าน อุดหนุนดอกเบี้ยต่ำ 3% ด้าน "สุพจน์" เน้นโฟกัสผู้ประกอบการ 4 กลุ่ม ลั่นดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ เชื่อสนองนโยบายรัฐช่วยธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่วน สศค.เผยมีคนสนใจเข้าโครงการ 3-4 พันราย
    นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมผลักดันมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ผ่านเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะเน้นช่วยเหลือ คือ กลุ่มเอสเอ็มอีที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจโดยต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือสภาพคล่อง ขณะที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(ธพว.) ถือว่ามีความสำคัญในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการสนับสนุนภาคธุรกิจอยู่แล้ว
    ขณะที่นายสุพจน์  อาวาส กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า เดิมที่ธนาคารได้ขออนุมัติวงเงินช่วยเหลือไปเป็นเวลากว่า 4-5 เดือน ที่ผ่านมาได้ติดตามความคืบหน้าของโครงการมาตลอด จนสามารถสรุปตัวเลขความช่วยเหลือที่ชัดเจน และได้ขออนุมัติจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการตั้งเป็นงบอุดหนุนช่วยเหลือวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะอุดหนุนอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (MLR) ปัจจุบันอยู่ที่ 7% อย่างไรก็ตาม หากมองตลาดการเงินในการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจทั่วไป โดยเฉพาะเอสเอ็มอีแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่คิดในธนาคารพาณิชย์ทั่วไป จะสูงกว่า 6-7% ขึ้นไป ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีภายใต้โครงการนี้คิดอัตราดอกเบี้ยที่ 4% ถือว่าต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ตามเจตนารมณ์ที่ภาครัฐต้องการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน
    ทั้งนี้ เอสเอ็มอีที่จะได้รับการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากโครงการนี้ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่กระทรวงการคลังให้น้ำหนักมากที่สุด 2.ผู้ประกอบการหน้าใหม่ (SMEs Start up) 3.ผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Small Business) แต่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ขนาดกลาง (Medium Business) และ 4.ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ทำการค้าขายในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี หากสามารถสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินให้กับ 4 กลุ่ม เชื่อว่าน่าจะมีเอสเอ็มอีสามารถปรับตัวก้าวขึ้นเป็นธุรกิจขนาดกลางได้เนื่องจากมีหลายธุรกิจมากที่มีนวัตกรรมเป็นของตัวเอง จากฐานข้อมูลของธนาคารมีไม่ต่ำ 10-20% จากเอสเอ็มอีปกติที่พร้อมขึ้นเป็นผู้ส่งออกจากนวัตกรรมของตัวเอง
    "ยืนยันว่ากระทรวงอยู่ระหว่างขออนุมัติในการออกแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอี เพราะถือเป็นกลุ่มที่เป็นฐานรากของเศรษฐกิจ โดยนโยบายการช่วยเหลือดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากฝ่ายนโยบายและกระทรวงการคลังนำเรื่องนี้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.นัดที่จะถึงนี้"
    แหล่งข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ในส่วนของวงเงินที่อนุมัติต่อรายนั้น จะเน้นกระจายวงเงินให้เข้าถึงเอสเอ็มอีที่เป็นธุรกิจใหม่ให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นคาดว่าจะมีเอสเอ็มอีสนใจไม่ต่ำกว่า 3-4 พันราย โดยจะมีเอสเอ็มอีที่สามารถขออนุมัติสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท แม้จะต่ำกว่าโครงการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีปกติที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อต่อรายอยู่ที่รายละ 15 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าปกติของธนาคารมีแนวโน้มที่จะขอขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตัวเลขคำขอเพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านบาท เพิ่มเป็น 30 ล้านบาท หรือขยายตัวมากกว่า 50% โดยเหตุผลหลัก คือ ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ตกลง 20-30% และราคาวัตถุดิบหรือต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ




Create Date : 24 มิถุนายน 2558
Last Update : 24 มิถุนายน 2558 6:50:06 น. 0 comments
Counter : 522 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rhythm of Love
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Flag Counter

New Comments
Friends' blogs
[Add Rhythm of Love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.