★ LINKIN PARK :: Live in Bangkok
เล่าอย่างกระชับกับคอนเสิร์ต เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน 50 บ่ายๆวันอาทิตย์ ตอนไปก็...นั่งรถตู้ไป ปรากฏว่ารถยางแตก ! ในระยะอีกราวกิโลนึงก็จะถึงเมืองทอง เรานั่งอยู่ตำแหน่งตรงใกล้ล้อหน้าที่มันระเบิดพอดี ตกใจมากกกกกกกกกกก นึกว่ามีใครมาลอบยิง 555 แต่เค๊าประสานงานกันได้เยี่ยมมากๆ นั่งรอราว 10 นาที ก็มีรถมาให้เปลี่ยนคัน ถึงลานแอคทีฟสแควร์ราวบ่าย 2 โมงครึ่ง ประชากรเสื้อยืดสีดำยังบางตา (เรากลัวคนไม่หันมามองก็เลยใส่เสื้อสีส้ม) และเพราะซื้อตั๋วที่เมเจอร์ (คิดค่าบริการเพิ่มตั๋วละ 10 บาท) เลยต้องรีบมารับบัตรแข็งหน้างาน สิ่งที่ได้รับคือบัตรแข็ง สายคล้องคอออกอารมณ์ประมาณเป็นสต๊าฟ ตามภาพที่ปรากฏด้านบน ระหว่างนั้นก็เดินไปเดินมา สังเกตการณ์ทางเข้าทางออกว่าเราจะต้องเข้าทางไหน แวะถ่ายรูปกับป้าย LP ที่มีภาพครบทั้งวง .. ทีแรกไม่มีใครสนใจป้ายเลยนะ แต่คนผ่านไปมาคงเห็นเราสนุกสนาน เค๊าก็เอาบ้าง 55 กลายเป็นมีการรอคิวเข้าฉากเพื่อถ่ายคู่กับโปสเตอร์ LP ไปซะงั้น ราวบ่าย 3 โมง ผู้คนก็เริ่มทยอยกันมา รถติดนิดหน่อย มองไปทางไหนก็เห็นพลพรรคเสื้อดำกางเกงขาลีบเต็มพรึ่ดไปหมด มีกลุ่มเด็กหนุ่มเปรี้ยวๆเมาๆ 4-5 คน เสียดังตะโกนอะไรซักอย่าง เหมือนว๊ากรับน้อง..สมใจเค๊าแหละ เรียกร้องความสนใจของผู้คนแถวนั้นให้หันไปมองได้และเดินหนี ถอยห่างๆ ดูเวลาแล้วใกล้จะได้เวลาประตูเปิด ก็เลยเดินไปต่อคิวตรงทางเข้าประตูฝั่ง AL (ติดเวทีซีกซ้าย) ซึ่งมีคนมายืนมานั่งเข้าคิวต่อแถวกันแล้ว 2 แถวยาวประมาณหนึ่ง บ่าย 4 โมง เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้เข้าไปยืนจองที่ จากขอบเวที ก็มีช่องอีกราวเมตรครึ่ง แล้วถึงจะเป็นแดนของคนดูล็อค A เรายืนอยู่ราวแถวที่ห้า กะว่าจะขอสบตากับพี่เชสเตอร์จังๆสักที เพราะจากประสบการณ์จากเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่อยู่ล็อค B นั้น มองเห็นคนบนเวทีไม่ชัดและตัวเหลือเท่ามด ระหว่างรอ ราวจะ 5 โมงเย็น ก็มีฝนโปรยเล็กน้อย พอให้ใจหาย แต่คงด้วยกระแสจิตต้านจากคนดูทั้งหมด ฟ้าเลยสว่างเป็นใจให้ฝนหยุด มีลมพัดเย็นโชยมาบ้าง โชคดีที่อากาศไม่ร้อนมาก ไม่นานเกินรอFuton ก็มา...กรี๊ดดดดดดดดด ... ขอสมัครเป็นแฟนเพลงตลอดไป...ให้ตายสิ โดนจิตอย่างแรงงงงง ไม่สามารถบอกรายชื่อเพลงได้เพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย หุหุ ร้องตามก็ไม่ได้ซักเพลง ได้แต่ทำตัวและทำใจไปตามจังหวะ Futon ร้องหลายเพลง ... ไม่นาน Retrospect ก็มา เพลงมันส์ดี ไม่เหมือนได้ยินจากทีวี ก็แหงล่ะ เครื่องขยายเสียงต่างกันราวฟ้ากับเหวขนาดนั้น มีเพลงคุ้นๆ ที่เราพอจะงึมงำได้บ้าง แต่ตัดสินใจไม่ดำน้ำ เพราะอายน้องๆข้างๆที่เค๊าร้องตามได้ทุกเม็ด ชาวต่างชาติที่ยืนข้างๆบอก "เจ๋งดี วงนี้" เมื่อ Retrospect ไป Slot Machine ก็มา มีเพลงคุ้นๆอย่างเคย แต่ก็ยังร้องไม่ได้อยู่ดี 555 3 วงที่ขึ้นมาโชว์มาแสดงนี้ ดิชั้นร้องได้อยู่เพลงเดียวคือเพลง "ตาสว่าง " ที่ Slot Machine ยืมของ Modern Dog มาร้อง อันนี้ร้องได้ครบจบกระบวนความ เพราะเป็นเพลงโปรด ช่วงรอยต่อระหว่างเพลง แอบเห็นเจ้าหน้าที่บางคนเข้ามากระซิบนักร้องนำ Slot Machine ไม่รู้คุยอะไรกัน ...บอกรักกันป่าวไม่รู้ เรารู้สึกว่าวงนี้ร้องอยู่หลายเพลง..ช้าบ้าง มันส์บ้าง แล้วก็ถึงเวลาที่เค๊าต้องลง ชาวต่างชาติที่ยืนข้างๆคนเดิมบอก เออ...ไปซะที แหมะ..พี่ก็...รู้น่าว่ารอ LP...... ใจเย็นดี๊ .... เวทีว่างลง ทิ้งระยะห่างไปนานผิดปกติ 2 ทุ่มกว่าแล้ว Ebola ก็ยังไม่มา ประชาชนเริ่มซุบซิบงึมงำ หันหน้าเข้าหากัน ปรึกษากัน ทำหน้ายุ่งๆ ซักพัก อยู่ๆ เพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น เกือบทุกคนร้องตาม ข้างหลังเราเริ่มมีเสียงเด็กสาวชาวต่างชาติหัวเราะคิกคักและพยายามจะเบียดจะดันขึ้นมา เพลงสรรเสริญพระบารมีจบ หันไปดู น้องเค๊ามากันเป็นหมู่คณะเลย ทำตาบ้องแบ๊วและทำเนียน "ซ้อรี ซ้อรี" แล้วพยายามแทรกตัว เบียดและดันจนแถวที่ยืนๆกันอยู่ต้องเอียงกะเท่เร่ระเนระนาดกันไปหมด ขณะที่เราตาเขียวใส่น้องๆผมทอง Ebola ก็ขึ้นเวทีมาหลังจากเพลงสรรเสริญพระบารมีจบ มาด้วยแบบฟอร์มของการเป็นร็อคเกอร์ เสื้อดำ กางเกงดำ ส่วนเราและสาวไทย น้องๆห้าวๆชาวไทยรอบตัวก็ยังบ่นและไม่ยอมเสียดินแดนให้ชาวต่างชาติได้ง่ายๆ ก็เลยรวมพลังกันต้าน เกาะแขน จับแขนต่อกัน พยักหน้าหงึกๆให้กัน ร่วมกั้นพื้นที่ไว้ (มัน) ดันมา เราก็ดันไป บริเวณที่เรายืนและรัสมีรอบตัวอีกราว4-5 เมตรกลายเป็นคลื่นยักษ์ ใครเสียหลักล้มน่ะ..แย่แน่ๆ ไอ้เราก็เกร็งตัวสุดฤทธิ์เหมือนกัน พลางนึกในใจ นี่ตรูมาทำอะไรที่นี่วะ จะมาดู LP นะเนี่ย ไม่ได้หวังต้องมารักษาแดนดินและตรึงกำลังขนาดนี้นะเว้ยเฮ้ย!!! ก็ยื้อกันอยู่นาน เพลงเพลิงเลยไม่ได้ฟัง ไม่ได้ดู ทั้งๆที่ Ebola เป็นวงที่เรารู้จักอยู่หลายเพลง รอจะร้องตาม แต่ต้องมาเสียสติเพราะเด็กผมทองเหล่านั้น... มันน่าจับต้มกินซะมากๆเลย เหนื่อยก็เหนื่อย หิวน้ำก็ด้วย ข้าพเจ้ามายืนรอตั้งกะตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า เพื่อจะมายืนตรงนี้ให้ได้ แล้วพวก(แก)น้องๆมาจากไหน มาจากด้านหลัง โอเค มาดีดี อาจจะมีน้ำใจแบบเคืองๆเบี่ยงตัวให้มายืนด้วยกัน แต่พวก(แก๊..)น้องๆเล่นมาเนียนทำเสียงน่ารักหัวเราะแบบคิกขุ... หึหึ เดี๋ยวพี่....ให้ เป็นอันว่า จน Ebola ลาไปแล้ว สงครามข้อศอกและต้นแขนก็ยังไม่สงบ ยังมีก่อศึกกันเนืองๆ ....3 ทุ่มกว่า... เจ้าหน้าที่ที่เป็นชาวต่างชาติ ทำตัวตะคุ่มๆ มาเดินเช็คดูนู่นดูนี่ คนดูก็...กรี๊ดดดดดดดดดด เพราะชวนสงสัยว่าเป็นสมาชิกในวง LP รึเปล่า ก็เปล่าเลย 5555 พักใหญ่ๆ มิสเตอร์ฮาน ก็ออกมาปรากฏกาย เรียกเสียงกรีดร้องจากคนทั้งลาน ให้คนทั้งโลกหันมามอง แล้วสมาชิกวงทั้งหมด ก็ทยอยกันออกมา ไมค์ ชิโนดะ // โอ...ไมค์ ชิโนดะ ผอมลงมาก เท่ซ๊า... ฟีนิกซ์ , แบรด , ร็อบ และ เชสเตอร์ เตอร์เตอร์เตอร์ เชสเตอร์ออกมาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีแดง ผ้าพันข้อมือที่(เคย)หักและยังเจ็บอยู่ ก็สีแดง และออกมาพร้อมกับเพลง One Step Closer ที่ทุกคนในลานเพลินแห่งนี้ก็พร้อมใจกันโยกหัว ขย่มพื้น..โดดดด ที่ว่าพลังงานได้ถูกใช้ออกไปตั้งกะบ่าย 3 บ่าย 4 และแบตจวนจะหมดแล้วนั้น เมื่อได้พบกับสี่งที่รอ คนที่ใช่แล้ว ก็เหมือนปลาได้น้ำ ต้นไม้ได้ฝน สดชื่นกันถ้วนหน้า มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที จะยืนเป็นตอไม้ตายซากก็ใช่ที่... ว่าแล้วก็...เอ้า...โดดดดดดดดดดดดดด แอบเห็นเวลาเชสเตอร์กระโดด อันเดอร์แวร์ก็ สีแดง ....จริงจริ๊ง...ไม่ได้มั่ว (จ้อง)เห็นมากะตา 555 มีอยู่จังหวะหนึ่งที่พี่ต่างชาติ แมนๆ ตัวใหญ่ๆ เสียงห้าวๆ ตะโกนข้ามหัวดิชั้น ความว่า" เช้สเต้อร์เอ้อเอ้อเอ้อ ไอ เลิฟ ยู้ว " (นึกในใจ เหวยยยย....)Linkin Park เล่นกันมันส์ แบบนันสต๊อป หลายเพลง Set List ดังนี้ One Step Closer Lying From You Somewhere I Belong No More Sorrow Papercut Points of Authority Wake Given Up Dont Stay From The Inside Leave Out All The Rest Numb Pushing Me Away Breaking The Habit Shadow Of The Day in the End Bleed It Out จำไม่ได้ว่าในช่วงรอยต่อของเพลงไหน ที่เชสเตอร์พูดไทยทักทายแฟนเพลง "สวัสดีครับ " แล้วก็เห็นแกเดินไปหยิบโพยขึ้นมาอ่าน " ผม รัก เมือง ทาย " แล้วคนดูก็กรี๊ดดดด ยิ้มหน้าบาน ไม่รู้ทำไม เพลง Bleed It Out จากอัลบั้มล่าสุด Minutes to Midnight เป็นเพลงที่เราเฉยๆ ออกค่อนข้างไม่ชอบ เพราะจังหวะมันเร็ว (555) แต่พอเล่นสดบนเวที กลับเป็นเพลงที่เล่นได้สนุกมากๆ ทางวงใส่ลูกเล่นแพรวพราวโดยมีผ่อน มีหนัก มีช้าและมันส์ ให้คนดูร้องตามบางท่อน หนุกหนานๆ เยี่ยมเจงๆ แต่แล้ว.......สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อเพลง Bleed It Out จบลง ทุกคนก็ลาแฟนเพลง แต้งกิ้ว แต๊งกิ้วววววว ทยอยเดินกันเข้าหลังเวที บางคนก็รู้ไต๋ บางคนอาจไม่เข้าใจ เพราะเราได้ยินเสียงคนบ่น ไรวะ ไรวะ ถูกต้อง...เป็นธรรมเนียมที่เมื่อเขาเข้าไปกันแล้ว(แสร้งว่าจบแล้ว) เราก็ต้องร้องเรียกเขาออกมาอีกครั้ง ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเดี๋ยวเค๊าต้องออกมา แต่เราก็รู้สึกว่า...ก็อยากจะตะโกนเรียกให้ออกมา จากใจจริงๆ ไม่ใช่แค่ทำตามธรรมเนียมที่เคยยึดถือปฏิบัติ กลัวพวกเค๊าจะไม่ออกมาเหมือนกัน....ก็เลยต้องร้องเรียกหา ขณะนั้น เจ้าหน้าที่ต่างชาติบางคนก็มาเก็บนู่นเก็บนี่ ถอดปลั๊กและเสียบเข้าที่เดิม (ฮา...อันนี้แซวเค๊าน่ะ) ... พักใหญ่ๆ พี่ไมค์ ชิโนดะ ออกมาก่อนใครเพื่อน เข้าประจำที่ที่คีย์บอร์ดของแก.. แล้วเพลง What Ive Done ก็ถูกบรรเลง เรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูได้ลูกเบ้อเริ่ม เชสเตอร์ ตามออกมา และสมาชิกทุกคนก็ทยอยออกมาทำหน้าที่ของตนจนเพลงจบ แล้วต่อด้วย Faint ...Faint เป็นเพลงสุดท้าย ส่งลาประชาชนคนดูชาวไทยในคืนนั้น หลังเพลง Faint จบ Linkin Park โบกมือบ๋ายบายคนดูและพูดขอบคุณ "แต้งกิ้ว แต้งกิ้ว...." มิสเตอร์ฮาน คว้ากล้องดิจิตอลส่วนตัวออกมาถ่ายคนดู กดไปหลายแช๊ะจนหนำใจ...แล้วก็โบกมือบ๋ายบายกันอีกรอบ เดินเข้าหลังเวที+ + สิ้นสุดการรอคอยแล้วจริงๆ หลังจากมองตามหลังเชสเตอร์เดินเข้าไปหลังเวที จนลับหายไปจากสายตา ... ... From The Inside :: LP :: ถ่ายเอง คุณภาพก็..ไม่ค่อยดีเพราะบันทึกด้วยมือถือ
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550
8 comments
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 17:00:31 น.
Counter : 1805 Pageviews.
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 16 พฤศจิกายน 2550 12:25:16 น.
โดย: haro_haro IP: 58.8.64.37 17 พฤศจิกายน 2550 13:04:15 น.
.Just wait until night
then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30
แวะเข้ามาเที่ยวด้วยคนครับ
และเก็บภาพมาฝากครับ
อยากดูแบบบรรยากาศแบบเต็มๆ คลิกที่รูปได้เลยครับ