AN INCONVENIENT TRUTH :: a global warning ( 2006)



การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ … ที่มีขึ้นในคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 นั้น จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้รับการประกาศว่าสามารถเอาชนะ อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ ( เป็นรองประธานาธิบดีของนายบิล คลินตัน ) คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตไปได้

นาย Albert Gore หรือมักเรียกกันสั้นๆว่า อัล กอร์ หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนั้น เขาก็ได้ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย และในระหว่างนั้น เขาสนใจใส่ใจและเริ่มศึกษาเรื่อง มลภาวะและสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อโลก รวมทั้งมนุษย์และชาติพันธุ์อย่างจริงจัง และได้เดินทางไปในหลายๆประเทศในเวลา 6-7 ปีที่ผ่านมา บ้างก็ตามนักวิทยาศาสตร์ไป เพื่อเก็บภาพและข้อมูลต่างๆ

จนวันนี้ ได้เกิดสารคดีเรื่อง AN INCONVENIENT TRUTH ขึ้นมา และได้รับรับรางวัลพิเศษ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา จากรางวัล Humanitas Prize** โดยรางวัลดังกล่าวระบุว่าบทสารคดีเรื่องนี้มีนัยยะสำคัญ ที่กระตุ้นให้ผู้คนในสังคมโลกได้ตระหนักถึงผลกระทบจากอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น

ตัวสารคดีเรื่องนี้ เริ่มเรื่องด้วยเสียงบรรยาย (over voice) ของอัล กอร์ พร้อมกับภาพของต้นไม้ริมลำธารเล็กๆ แห่งหนึ่ง ใบไม้กำลังพริ้วสะบัดล้อลมเอื่อยๆ ประกอบกับแสงนวลตาของดวงอาทิตย์ส่องลอดผ่านใบไม้ ตกกระทบสู่ผิวน้ำ และเกิดแสงระยิบระยับ

ชวนฝันทีเดียว

แต่บรรยากาศอย่างนี้ ... อาจจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว หากมนุษย์เรายังเพิกเฉยและละเลย ต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งร่อยหรอลงไป และหากทุกวันนี้เรามองยังไม่เห็นและยังรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัวล่ะก็ คิดผิดถนัด…. และคิดผิดอย่างไรนั้น นายอัล กอร์ ที่ครั้งนี้ เป็นวิทยากรพิเศษ ขออาสาเป็นผู้ชี้แจง



การนำเสนอข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวถึงภาวะที่โลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย คลื่นความร้อนที่ส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิต กระแสน้ำเย็นน้ำอุ่นที่แปรเปลี่ยน เฮอริเคนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และนับวันมีแต่จะขยายขนาดใหญ่ขึ้น รุนแรงขึ้น การปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ แหล่งน้ำลดหาย หรือกระทั่ง การเพิ่มประชากรของมนุษย์ชนิดก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้ (และมากกว่านี้ ) ถูกนำเสนอโดยการใช้สื่อทางดิจิตอลทั้งที่ฉายให้เห็นเป็นภาพถ่าย ทั้งเป็นอนิเมชั่นเรื่องสั้น แผนภูมิสถิติ ที่เป็นกราฟฟิค จึงทำให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เราคาดว่าน่าจะหนักอึ้งนั้น กลับรับรู้ได้ง่ายไม่ยากเกินตามทัน และสนุก ไม่เบื่อ

และ คงเพราะด้วยการมีวาทะศิลป์ในการพูด ขณะเล่าเนื้อหาเป็นชุดๆนั้น นายอัล กอร์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินเรื่องเพียงคนเดียวเหมือนเดี่ยวไมโครโฟนนั้น ก็มักมีมุขตลกขำขัน เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ดึงดูดทั้งผู้รับฟังการบรรยาย (ในหนัง) และผู้ชมในโรงให้สนใจใคร่ติดตามได้จนจบ

ลองดูภาพบางส่วนที่นำมาเปรียบเทียบระหว่างอดีตกับปัจจุบัน





**



วันนี้
เมื่อเรารับรู้ถึงมหันตภัยครั้งใหญ่ของโลก ที่กำลังคืบคลานเข้าใกล้ตัวเราขนาดนี้แล้วยังนึกภาพไม่ออกว่าเราจะได้รับผลกระทบจากภาวะนี้อย่างไรล่ะก้อ ขอให้ลองนึกในวงแคบลงว่า ก่อนหน้านี้เคยมีไหมที่น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ ก่อนหน้านี้เคยมีไหมที่ฝนตกหนักติดกันหลายวันถนนขาดและดินถล่ม ดินไหล หรือ ก่อนหน้านี้เคยมีไหมที่น้ำหลากพัดพาบ้านเรือนเสียหายเป็นร้อยเป็นพันหลังคาเรือนขนาดนั้น หรือราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นชนิดไม่มีเพดานให้ติด ต่างๆเหล่านี้ ต่างเป็นผลกระทบชนิดลูกโซ่ที่พ่วงมาจากเราทั้งหลายทั้งก่อนหน้านี้และปัจจุบันได้ร่วมกันใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างบ้าคลั่งนั่นแล

และวันนี้ เรา…มนุษย์ตัวเล็กๆ หนึ่งในแสนแสนล้านคนบนโลกใบนี้ สามารถชลอและช่วยแก้ปัญหาระบบนิเวศน์และภาวะโลกร้อนได้ อย่างไม่เหนือบ่ากว่าแรง คือการเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดไฟ ใช้หลอดประหยัด ใช้น้ำมันรถชนิดที่ไม่ก่อมลภาวะ ถ้าไปไหนไม่ไกลให้ใช้วิธีเดินหรือจักรยาน…ซื้อหนังสือเล่มสองเล่มก็ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติค (อันนี้บอกเอง ^_^ ) และอีกหลายประการ ที่ตอนท้ายของหนังจะบอกเรามาเป็นชุด

เมื่อเราตระหนักได้อย่างนั้นจริงและเริ่มลงมือช่วยกันเสียแต่วันนี้ ผลดีและคุณประโยชน์ย่อมค่อยๆก่อขึ้นและเห็นผลในอีกหลายสิบปีข้างหน้าอย่างแน่นอน มันอาจจะดูเป็นเวลาที่ยาวนานนักสำหรับผู้ที่รอจะเห็นผล ก็ขอให้นึกเสียว่าคนรุ่นต่อๆไปและต่อๆไป หรือลูกหลานจะได้ไม่ประสบภาวะแร้งแค้นอย่างที่เราๆท่านๆเผชิญอยู่ก็แล้วกัน

อยากให้ทุกคนได้ดูนะ ถึงแม้เราเองไม่ได้มาจากองค์กรพิทักษ์โลกหรือ กรีนพีซ แต่ก็ยังอยากเชิญชวนให้ทุกท่านได้ไปดู อย่างน้อยก็เพื่อไปรับรู้ความจริงว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่หลังจากนั้นแล้ว หากจะคิดจะทำประการใด ก็สุดแท้แต่ค่ะ




** Humanitas Prize เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้เขียนผลงานด้านภาพยนต์หรือโทรทัศน์ ที่พูดถึงความเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่า มีศักดิ์ศรีที่สง่างามกับคุณค่าของชีวิต โดยเริ่มจัดตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1974

ในปี 2005, Hotel Rwanda ได้รับรางวัลนี้ไปในส่วนของ feature film และ ด้านโทรทัศน์ตกเป็นของ The West Wing


Format :: @ Scala




 

Create Date : 03 กันยายน 2549
19 comments
Last Update : 3 กันยายน 2549 19:43:02 น.
Counter : 1395 Pageviews.

 

ตอนแรกว่าจะไปดูวันนี้แต่พอดีเกิดไม่สบายขึ้นมา
แต่ไปดูแน่นอนค่ะ
ไหนๆก็เป็นสมาชิกกรีนพีซอยู่แล้ว

 

โดย: keyzer 3 กันยายน 2549 18:25:09 น.  

 

เมื่อวานวางแผนว่าจะดู 4 เรื่อง ปิดท้ายด้วยเรื่องนี้
แต่เอาเข้าจริง จบเรื่องที่สามก็โซซัดโซเซกลับบ้านแล้ว

 

โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ 3 กันยายน 2549 18:55:31 น.  

 

อ่านแล้วอินเลยจังค่ะ


 

โดย: เด็กน้อยคนเดิม (เด็กน้อยคนเดิม ) 4 กันยายน 2549 1:42:25 น.  

 

หวัดดีวันจันทร์จ้า (very bloody Monday )

กะจะไปดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะตะก่อนเคยเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องพวกนี้ (เป็นมลพิษ ) แต่ก็ห่างหายไป

ดีใจที่มีคนดัง ๆ ทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมานะ คนจะได้หันไปดู หันมาสนใจกันบ้าง ไม่งั้นก็จะไม่ค่อยนึกถึงกันหรอก ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันมันมีผลกับโลกโดยรวมขนาดไหน

ไปละ ช่วงนี้เซ็งจิต

 

โดย: unwell 4 กันยายน 2549 7:24:13 น.  

 

นายอัล กอร์ เนี่ย ดูแล้วรู้เลยว่าแกเป็นนักบรรยายมืออาชีพจริงๆ
แบบว่าแกบรรยายได้น่าติดตาม มีจังหวะเน้น จังหวะผ่อน มีมุขตลกกระตุ้นความสนใจ มีจุดคลายแม็กซ์ ทำให้ตลอดการบรรยายดูมีสีสันไม่น่าเบื่อเหมือนการบรรยายแบบเรียนในห้องเรียน
คือแกรู้และเข้าใจเรื่องนี้จริงๆเนอะ
น่าจะมาประเทศไทยบ้าง

ผมชอบตอนหมีขั้วโลกหาน้ำแข็งเกาะมากเลย ดูแล้วมันเคว้งๆน่าสงสาร
กับอีกตอนที่แกแสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วโลกเรามันก็แค่จุดเล็กๆเอง

 

โดย: kimprite 4 กันยายน 2549 11:10:53 น.  

 

ลืมบอกอีกอย่างว่า
ชอบนายเรนต์เมือนกันครับ
เทห์จริงๆ

 

โดย: kimprite 4 กันยายน 2549 11:13:08 น.  

 

I think we cannot stop it whatsoever, sooner or later it will happen. As long as we do what we used to do.

Human are hard to change, that's what I think (that's suck but it's true).

 

โดย: BloodyMonday 4 กันยายน 2549 21:21:53 น.  

 

ถึงคนเราจะเปลี่ยนยาก แต่ก็ควรจะพยายามเปลี่ยนนะ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมน่ะ (แอบเถียงคุณเลือดท่วม ตัวเองก็เปลี่ยนไม่ค่อยได้หรอก อิอิ)

วันนี้เหนื่อยมากเลย

 

โดย: unwell 5 กันยายน 2549 19:44:47 น.  

 



คุณ keyzer * ถึงวันนี้ คงได้ดูแล้วกระมัง..หืม..อยู่กรีนพีซด้วย......ดีจัง ดีจัง ^_^

น้าพล แค่เพียงรู้สึกสุขใจ * พักผ่อนพักผ่อน เป็นยาวิเศษค่ะ ^_^ (อ้าว....ไม่ใช่กีฬาๆเป็นยาวิเศษหรอกรึ)

คุณ เด็กน้อยคนเดิม * ขอบคุณนะค๊า ที่แวะมาอ่าน ขอบคุณเจงๆ ^_^

คุณ kimprite * ใครจะมองว่าดูเหมือนแอบหาเสียงไปในทีก้อตาม แต่พอมองประเด็นที่แกเจาะแล้วก้อ ขอซูฮกซะทีดีก่า......เศร้าเหมือนกันค่ะ ตอนเจ้าหมีขาวตะกายจะเกาะก้อนน้ำแข็งก้อนกะจิ๊ดริด T_T .......โย่ โย่ พี่เรนตั้นแกก้อเท่ห์จิงๆอ่ะแหละ อิ อิ

คุณ BloodyMonday * สำหรับเรื่องโลกร้อน เราว่าถ้าคนรู้ แล้วไม่เปลี่ยนไม่คิดจะทำอะไรก้อไม่เป็นไร ชั่วโมงนี้เราว่าหนังต้องการหว่านให้กว้างที่สุด ให้คนได้รับรู้มากที่สุด เพราะ..เผื่อจะมีผู้มายกมือขยับจะทำอะไรๆบ้าง.....

เราไม่สามารถจะบังคับหรือจับมือให้เขาทำอย่างที่เราต้องการได้.....เรื่องแบบนี้ มัน...อยู่ที่.......ใจ........จ้า ^_^

แม่นาง หงเอ๋อ เอ้ย! แม่นาง unwell x 2 * หายเซ็งจิตละยัง แว่บไปดูหนังจิ อาจช่วยได้นา อย่างน้อยก้อลืมนึกเรื่องโหดๆไปได้ตั้ง 2 ชั่วโมงแน่ะ ^_^

เหนื่อยนักก้อพักน๊า..อย่าหักโหม ระวังจาเหนื่อยเพิ่มเป็น 2 เท่านา แอบเถียงมิดเตอบลัดดี้มันเด อ่ะ ^_^"


 

โดย: renton_renton 5 กันยายน 2549 21:26:15 น.  

 

ปอ ลอ......ขอบคุณทุกท่านด้วยน๊า ที่แวะมาอ่าน แม้ไม่ทิ้งร่องรอยไว้... ^_^

 

โดย: renton_renton 5 กันยายน 2549 21:30:45 น.  

 

น่าสนใจมาก ๆ อีกแล้วครับท่าน

 

โดย: ดำรงเฮฮา 6 กันยายน 2549 4:38:00 น.  

 

ยังไม่ได้ดู แต่จะไปดูเร็วๆนี้ ถ้าหนังสามารถทำให้คนสัก 1 คนเปลี่ยนพฤติกรรมได้แม้เพียงบางอย่างเพราะตระหนักถึงส่วนรวมคือโลกใบนี้ ก็ถือว่าหนังได้ทำหน้าที่ของมันสมบูรณ์แล้ว

ขอออกความเห็นถึงคุณ Bloody Monday คงไม่ว่ากันนะ ถือว่าแชร์ความเห็นซึ่งกันและกัน มนุษย์เราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้แน่นอน ถ้าเขาหรือเธอคิดได้ว่าพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและต่อส่วนรวม เพราะจิตส่วนลึกของคนทุกคนเป็นจิตใจที่บริสุทธิ์ เพียงแต่ว่าเรายังไม่เคยเข้าไปสำรวจลึกภายในของเราเองต่างหาก ดังนั้นพฤติกรรมของคนทุกคนสามารถเปลี่ยนได้อย่างแน่นอนที่สุด อยู่ที่ว่าเรายอมรับความจริงหรือไม่ และกล้าหาญพอที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า

โลกใบนี้ยังพอมีเวลาเยียวยาได้ถ้าทุกคนหยุดคิด และสำรวจตัวเราเอง ทุกวันนี้เรามีข้อมูลมากมายและแสนจะหาง่าย ประเทศไทยเราก็กำลังผจญกับภัยพิบัติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นถ้าหากเราเป็นห่วงอนาคต และคิดถึงคนรุ่นหลังที่กำลังจะเกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้ ก็คงถึงเวลาที่จะช่วยกันแล้วละครับ

 

โดย: Wanga IP: 202.133.176.208 6 กันยายน 2549 11:19:52 น.  

 

Yeah, I completely agree what you 've said Wanga. But let's me just tell you that don't be too optimistic about it. People sometime can change, true. But we are not only one who living in this world. There are so many people who sometime can influence or even manipulate your behavior.

Pure mind is difinitely inside everybody. But one way or another we will shaped by society or environment that we lived in. Which lead to ability of oneself whether he/she can breaktrough those superficial surrounding things and learn to know him/herself or not.

It's not impossible thing to do but it's damn sure hard to do.

 

โดย: BloodyMonday 6 กันยายน 2549 16:17:10 น.  

 

มาทักทายครับ ชอบหนังเรื่องนี้เช่นกันครับ

 

โดย: ตี๋หล่อมีเสน่ห์ 6 กันยายน 2549 19:55:59 น.  

 

แกเอาจริงจริงเปล่าอ่ะ กลัวเป็นพวกนักการเมืองสร้างภาพ

 

โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) 6 กันยายน 2549 20:24:14 น.  

 

เรื่องสิ่งแวดล้อม มันเป็นเรื่องซีเรียสจริง ๆ ด้วย ดูดิ เถียงกันใหญ่ อิอิ ดีแล้ว ช่วยกัน ๆ

 

โดย: unwell 7 กันยายน 2549 8:20:21 น.  

 

ไปดูมาแล้วครับผม ยอมรับเลยว่าเป็นหนังที่ดีมากเรื่องนึง ทำให้ผมต้องไปดูอีกรอบ พร้อมกับลากพ่อกับแม่ไปดูด้วย เพื่อให้เขารับรู้ กลายเป็นว่า บ้านผมตอนนี้หกลายเป็นบ้านแห่งการประหยัดพลังงานไปซะแล้ว แอบเซ็งนิดๆ แต่ก็เป็นการสร้างวินัย รับได้ครับ

อีกอย่างชอบมากเลยครับที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่เป็นการบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและให้เราไปคิดแก้ไขปัญหาเอง แต่มีการบอกคำตอบและวิธีแก้ไขไปในตัว เยี่ยมมากๆ เลยครับ



ปล. มีเพลงใหม่ของสาวน้อยน่ารักมาฝากครับผม ว่างๆ ไปฟังได้เสมมนะครับผม

 

โดย: เข็มขัดสั้น 7 กันยายน 2549 14:16:32 น.  

 

ดีครับ
ตอนนี้กำลังพยายามทำตามกฏ 10 ข้อช่วยลดโลกร้อนอยู่
คนละไม้ละมือครับ

 

โดย: คนขับช้า IP: 203.146.63.187 12 พฤศจิกายน 2549 23:36:20 น.  

 

ร้อนมาก!
นี่จะหน้าหนาวแล้วจริงหรือ

 

โดย: Oakyman 21 พฤศจิกายน 2549 15:00:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.