★ หนังที่ได้ดู ... (10)
Title :: Iron Man (2008)Director :: Jon FavreauCountry :: USA เป็นการกลับมาคืนโลกเซลลูลอยด์ได้อย่างงามงด หลังจากที่ก่อนหน้านี้เดินเข้าเดินออกคุกตารางเป็นว่าเล่นและผลงานการแสดงแม้จะมีออกมาให้ชมอยู่อย่างเนืองๆอย่าง Zodiac (Paul Avery ,2007) ,Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus (Lionel Sweeney ,2006) หรืออย่าง A Scanner Darkly ( James Barris ,2006) แต่ เรื่องเมาแล้วขับ, มีสารเสพติดไว้ในครอบครอง ขึ้นโรงขึ้นศาล ดูจะมีคนพูดถึงและจดจำได้มากกว่า..ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง โรเบิร์ต ดาวน์นี่ จูเนียร์ ซูเปอร์ฮีโร่ในชุดเกราะสีแดงและทอง และเป็นฮีโร่พันธ์กวนโอ๊ยภายใต้ชุดสูทแพงระยับใน Iron Man (ขอนับเฉพาะครึ่งหลังของหนังละกัน 55) Iron Man เล่าเรื่องได้สนุก กระชับไม่เย่นเย้อ การแปลงร่างในช่วงชุดแดงทองนี่ก็น่าประทับใจจริงๆ พาลนึกไปถึง Transformers (2007) ตอนที่รถยนต์แปลงร่างถอดประกอบเป็นหุ่นยนต์ที่ทำเอาตื่นตาตื่นใจมากๆเหมือนกัน (หรือจริงๆแล้วเป็นคนที่คลั่งไคล้เสียงของระบบไฮโดรลิคมั๊ง..คิดว่านะ) บท โทนี่ สตาร์ค หนุ่มอภิมเศรษฐีเจ้าสำราญของ โรเบิร์ต ดาวน์นี่ จูเนียร์ นั้นมันทั้งยียวนกวนประสาทและน่าสมน้ำหน้านักเมื่อต้องไปตกอยู่ในดงสินค้าที่ตัวเองผลิตออกมา แต่กระนั้นเราก็ยังเอาใจช่วยให้เขาเอาตัวรอดออกไปให้ได้ทั้งเพราะเราเริ่มเห็นว่าเขาพอจะมีสำนึกดีอยู่บ้าง และทั้งเพราะเรารู้ว่าเขาเป็นพระเอก ^_^กวินเนท พัลโทรว์ ในบทของ เวอร์จิเนีย เพพเพอร์ พอทส์ เป็นผู้ช่วยและเป็นเลขาประจำตัวของ โทนี่ สตาร์ค ก็เรื่อยๆมาเรียงๆ ไม่โดดเด่นเกินไปแต่ก็ยังพอจะมีความหมายและความสำคัญอยู่บ้างในยามที่พระเอกต้องการคู่หู (เกือบๆจะเป็นคู่ใจ) บุคลิคลักษณะรูปร่างของเธอไร้ที่ติในการเป็นผู้ช่วยและเลขาให้พระเอก ติดแค่ว่าสีหน้าเธอออกจะเนือยๆเหมือนคนไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับใคร (แต่ชื่อแปลว่าพริกไทยที่เผ็ดร้อนเนี่ยนะ 555) สรุปแล้วว่า สนุก(กว่าที่คาด 555)ชื่อเรื่อง :: สี่ แพร่ง (2551)ผู้กำกับ :: ยงยุทธ ทองกองทุน / ปวีณ ภูริจิตปัญญา /บรรจง ปิสัญธนะกุล และ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิแดนดิน :: ถิ่นไทย** หมายเหตุ :: ทีแรกกะจะเขียนยาวๆโดยใช้ชื่อว่า (ฉัน, หนังผี...) สี่แพร่ง (และ เธอ...) แต่เกิดเปลี่ยนใจเอามาลงในหมวดหนังยาวแต่เล่าสั้นแทน เพราะมันมีแต่น้ำ 555 สมัยเด็กๆ ชอบอ่านนิยายหรือเรื่องสั้นประเภทผีผี ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นหนังสือเก่าของพ่อที่อยู่ติดบ้านมาหลายปีแล้ว ช่วงปิดเทอม(ที่ไม่มีเรียนพิเศษ) ก็จะอยู่ติดกับบ้านนอนอ่านหนังสือประเภทเรื่องราวลึกลับ มัมมี่ เบอร์มิวด้า เรื่องราวสยองขวัญและ ผี โดยเฉพาะเรื่องสั้นผี อ่านแล้วก็กลัวจับจิต นอนอ่านเหยียดยาวที่โซฟา แต่เวลาจะลงจากโซฟา ก็หวั่นว่าจะมีมือยืดยาวแขนเหวอะโผล่ออกมาฉุดคว้าข้อเท้า บางวันอ่านไปก็นึกภาพไปว่าจะมีอะไรนอนเหยียดยาวเหมือนเราอยู่ใต้โซฟาหรือเปล่า จนบางครั้งเพื่อเอาให้ชัวร์ ก็จะก้มลงดูให้แน่ใจ ว่ามีหรือไม่มี กลัว...แต่ก็ไม่อยากกลัวอยู่นาน (ฮา) จริงๆแล้วก็ไม่ใช่คนชอบดูหนังผีนะ ประมาณแบบว่าตาหลุด หน้าเละ ปากเหวอะ ท้องเปื่อย อะไรอย่างนี้ เพราะเวลามีฉากเหล่านี้ทีไร สายตาที่เคยโฟกัสอยู่กลางจอก็จะย้ายตำแหน่งไปอยู่ขอบๆจอทันที นัยว่ายังขอให้เห็นแค่อะไรไหวๆก็พอ ถ้าปิดตา เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะมาจะไป แต่จากสถิติของตัวเองเวลามีหนังผีเข้าฉายทีไร (กรณีหน้าหนังโอเคด้วยนะ) ก็จะหาโอกาสไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทดสอบความกล้าอยู่บ่อยๆแม้เทียบกับเปอร์เซนต์ของหนังผีผีหลายตระกูลที่เทกระจาดเข้าโรงฉายอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็ยังอยู่ในเปอร์เซนต์ที่ต่ำกว่าชาวบ้านเขา อย่าง ลองของ ทั้ง 2 ภาคนั้นต้องขอยกธงขาวแบบเร็วๆเลย ทนเห็นไม่ไหว ทั้งเจาะทั้งกรีดทั้งเย็บทั้งสอย !!! หรืออย่างตุ๊กแกผี ก็เลือกที่จะไม่ดู บอดี้สแลมเอ้ย บอดี้ ศพ#9 ก็พลาดไป อาจารย์ใหญ่ ก็ไม่ได้ดู ฯลฯ ว่ากันถึงหนังผี สี่แพร่ง กันดีกว่า เรื่องย่อทั้ง 4 อ่านได้ ที่นี่ เหงา ของ คุณสิน ยงยุทธ ทองกองทุน หนังใช้ข้อจำกัดหลายอย่างเป็นตัวบังคับให้คนดู (เป้าหมายอันดับหนึ่ง)อยู่ติดกับเนื้อเรื่องได้ยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งการให้ตัวละครอยู่ในห้องบรรยากาศทึมๆเสมือนห้องปิดตาย หรือการช่วยเหลือตัวเองได้ยาก(อุปสรรค)และการได้ลุ้นกับข้อความ SMS ที่ ปิ่น ทั้งส่งและได้รับจากชายนิรนาม คนดูถูกหลอกล่ออารมณ์ให้ตายใจไปกับข้อความที่ทั้ง 2 ฝ่ายส่งถึงกันอย่างอบอุ่นใจ แล้วก็ทำลายแบบจริงจังด้วยภาพถ่ายในมือถือที่เรียกให้ขนหัวลุก ขนแขนก็ลุกกันถ้วนหน้า และยังกระตุกขวัญกันสุดๆเมื่อตอนชายนิรนามขึ้นมาพบเธอถึงห้อง ยัง..ยังไม่พอ หนังยังทุ่มความช็อคด้วยภาพก่อนสุดท้ายและภาพสุดท้ายที่เป็นที่มาที่ไปของปิ่นและชายนิรนาม ...(ตายกันไปข้าง....) ขอชื่นชมในเหตุและผลของบทหนัง รวมทั้งบรรยากาศที่ชวนอึดอัดสยองในจิตที่มาจากฝีมือการกำกับของ ผกก.ที่กำกับ สตรีเหล็ก, แจ๋ว, แก็งชะนีกับอีแอบ !!! ยันต์สั่งตาย ของ กอล์ฟ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ( บอดี้ ศพ#9 ) เป็นตอนที่สนุกและตื่นเต้นน้อยที่สุด ด้วยเพราะความพยายามจะทำให้หนังมันกระชับ จึงตัดต่อและตัดสลับเหตุการณ์กันวุ่นวายอย่างที่คนดูยังไม่ทันจะมีส่วนร่วมและเห็นใจตัวละครเลย มาถึงก็ว่า ว่า ว่า กันเป็นชุดด้วยคำพูดที่ตั้งใจให้ดราม่า ให้มีปม แต่..มันผิวเผินเกินไป เทคนิคดึงภาพวูบเข้าวูบออกก็สร้างความขุ่นเคืองในดวงตามากกว่าที่จะรู้สึกว่ามันเจ๋ง CG ถูกนำมาใช้ได้พอแปลกอารมณ์แต่คุ้นตา บอดี้ ศพ#9 เป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่เสียดายยังไม่ได้ดู ไม่เช่นนั้นคงพอจะได้รู้ทางของ ผกก.คนนี้มาล่วงหน้า (รู้แค่ว่าใน บอดี้ ศพ#9 ก็มีผีมีวิญญาณที่เป็น CG อยู่หมือนกัน)คนกลาง ของ โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกุล (ชัตเตอร์ , แฝด) ผองเพื่อนทั้ง 4...เต๋อ, เอ, เผือกและชิน ต่างทำหน้าที่ในการเป็นตัวละครในหนังได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยไดอะลอคที่เป็นธรรมชาติ ความเนียนในการแสดงสีหน้าท่าทางและน้ำเสียง ทั้งสถานการณ์ที่คับขัน ชวนให้เราปักใจว่าทั้ง 4 กำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันจริงๆ และชวนขบขันเรื่องการนอนกลางนอนริม เรื่องการยกเอาหนังฝรั่งเรื่องโน้นเรื่องนี้มาสปอยล์ (เผยใจความสำคัญ/จุดหักมุม) และสุดท้ายตลบหลังคนดูด้วยการหักมุมในท้ายเรื่องจริงๆ ไม่เสียชื่อผกก. ที่เคยทำให้เราอกสั่นขวัญแขวนมาแล้วจาก ชัตเตอร์ และ แฝด ได้รับคะแนนชนะ 3 คะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์จากเสียงโหวต 3 คนในกลุ่มของเรา ที่เมื่อดูครบทั้ง 4 เรื่องแล้วสรุปว่าชอบเรื่อง คนกลาง มากที่สุด เพราะเป็น 1 ใน 4 ของหนังสยองขวัญชุดนี้ที่ทั้งตลก ฮาและชวนขนหัวลุกได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน Last Fright ของ โอ๋ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ (ชัตเตอร์ , แฝด) หนึ่งใน 2 ผู้กำกับ ชัตเตอร์และ แฝด ได้นักแสดงหญิงมากฝีมือและสวย อย่าง พลอย ไลลา บุญยศักดิ์ มาเป็นแอร์โฮสเตสสาวที่ต้องต่อสู้กับความหลอนอันมาจากเรื่องเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นเหนือพื้นดินสูงขึ้นไป...บนเครื่องบิน...(พื้นที่จำกัด) ซึ่งทีแรกดูเหมือนหนังจะทำเป็นว่าหลอนจิตไปเอง แต่ผลลัพท์ในท้ายเรื่องบอกกับเราว่า นี่ยังเป็นหนังผีไทย และไม่ต้องการหักมุม พลอย แสดงได้ยอดเยี่ยมกับบทของสาวจิตประหวั่น หนังเพิ่มน้ำหนักให้เธอมีมิติด้วยมีสาเหตุน่าเชื่อถือที่ทำให้เธอต้องบินไฟล์ทนี้ และต้องรับ ผลตอบแทน ที่เธอได้เคยทำไว้ทั้งเมื่อครั้งก่อนนู้นและหนนี้ บรรยากาศของหนังก็ชวนอึดอัด บวกทั้งบุคลิกของเจ้าหญิงที่ดุดันขึงขัง ก็ช่วยเสริมให้หายใจไม่ทั่วท้องไปด้วย Last Fright เป็นได้ทั้ง ความกลัวหนสุดท้ายและ Last Flight เที่ยวบินเที่ยวสุดท้ายของเธอ
I'd like to hear your voice. ขอเชิญ ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหนังหลากเรื่องหลายแนว ทั้งชนโรง ทั้งหนังแผ่น ได้ที่ //vreview.yarisme.com ค่ะ และเรายังมีกิจกรรมให้ทุกท่านมีสิทธิลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท ฟรี!!!! จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน . .
Create Date : 05 พฤษภาคม 2551
16 comments
Last Update : 10 มิถุนายน 2551 10:34:31 น.
Counter : 1555 Pageviews.
โดย: บลัดดี้โม IP: 124.120.72.46 5 พฤษภาคม 2551 17:59:39 น.
โดย: nanoguy IP: 125.24.74.87 6 พฤษภาคม 2551 3:45:34 น.
โดย: Tony Koon IP: 58.9.191.243 7 พฤษภาคม 2551 20:03:12 น.
โดย: บลูยอชท์ 8 พฤษภาคม 2551 14:06:04 น.
.Just wait until night
then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31