กายสบาย...
ใจปลอดโปร่ง...
โล่งสะอาด...
Group Blog
หน้าปก
ธรรมชาติสีชมพู
ธรรมชาติสีเขียว
ธรรมชาติสีรุ้ง
ธรรมชาติสีขาว
กันยายน 2548
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
24 กันยายน 2548
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 3 (ชายพเนจร)
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 2
All Blogs
มหาสมุทร กับ ขุนเขา
ความจริงในความเชื่อ ... ความเชื่อในความจริง
คำคม...คารมฉัน
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 10 (บทวิเคราะห์)
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 9 (บทสรุป)
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 8
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 7 (การตัดสินใจ)
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 6
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 5
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 4 (ชายพเนจร 2)
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 3 (ชายพเนจร)
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 2
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ
นิทาน - ตัวยุ่งกับถุงวิเศษ 3 (ชายพเนจร)
ผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ชายผู้หนึ่งผู้ซึ่งมีร่างกายกำยำล่ำสัน มีกำลังมาก ได้ร่อนเร่หาอาจารย์มากมายเพื่อฝึกฝนการใช้ร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่อาจารย์ที่เจอมาล้วนแล้วแต่สอนวิชาการต่อสู้ให้เขา แม้เขาจะรู้ว่าการใช้กำลังทำร้ายกันมันไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็มิรู้จะทำเช่นไร อีกทั้งไม่รู้ด้วยว่าโลกนี้จะมีอาจารย์ที่สอนได้นอกจากนี้ไหม แม้เขาจะเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราววิธีการใช้ร่างกายไปในทางอื่นที่เป็นประโยชน์มาบ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาหายสงสัยได้ว่านั่นคือสิ่งที่ทำได้จริง เพราะแม้แต่สักคนที่ทำได้เช่นนั้นเขาก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้และเพราะเขาเป็นผู้ชอบแสวงหา เขาจึงร่ำเรียนวิชาการต่อสู้ต่าง ๆ มากมายไปด้วยความจำใจ และส่วนมากก็ร่ำเรียนเพราะมิตรสหายพาไป แต่ก็ยังคงที่จะคอยสอดส่องหาเรื่องราวของการฝึกฝนร่างกายแบบอื่น ๆ อยู่ จนในที่สุดด้วยวิชาการต่อสู้ที่สั่งสมมามากมายและสิ่งแวดล้อมที่มีแต่เรื่องแบบนี้ อาการร้อนวิชาจึงเกิดขึ้น
เมื่อใดที่เขาเห็นใครสะพายดาบมา เขาก็เริ่มมีความรู้สึกว่าอยากจะปะดาบด้วย เมื่อใดที่เห็นคนที่เป็นหมัดมวย เขาก็รู้สึกอยากชกต่อยด้วย จนในที่สุดแม้แต่คนธรรมดาที่ไม่รู้วิชาการต่อสู้อะไรเลย เขาก็อยากจะทดลองฟันดาบให้คน ๆ นั้นคอขาดกระเด็นไป
วิชาการต่อสู้มากมายที่ร่ำเรียนมาด้วยความจำใจ แต่ไม่ได้แสดงออก เพราะความรู้สึกขัดแย้งว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี จนกระทั่งเมื่อเขาได้ไปศึกษาวิชาการต่อสู้ในสำนักแห่งหนึ่ง เขาได้มีโอกาสพบเห็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญาท่านหนึ่ง ซึ่งวัน ๆ เอาแต่สอนทฤษฎีที่ไม่มีศิษย์คนไหนอยากฟัง เพียงแต่ฟังผ่าน ๆ ไปเท่านั้น แต่สิ่งที่สะกิดใจชายคนนี้ก็คือ วิชาทิ้งดาบ ซึ่งอาจารย์ท่านนั้นได้บอกว่าท่านทำสำเร็จแล้ว การทิ้งดาบที่ง่าย ๆ แต่ยากสำหรับนักสู้ เพราะถ้าดาบห่างตัวเมื่อไร ก็เหมือนกับชีวิตของนักสู้จะต้องขาดสะบั้น
อาจารย์ท่านนั้นได้บอกว่า เราไม่จำเป็นที่จะต้องตัดใจทิ้งไปให้ได้ในทีเดียว แต่ให้เริ่มต้นง่าย ๆ เช่น แทนที่จะเหน็บเอวไว้ ก็เปลี่ยนเอามาถือ ทำบ่อย ๆ จนคิดว่าทำได้มากกว่านั้น แทนที่จะถือก็วางไว้ข้างตัว แทนที่จะไว้ข้างตัว ก็ให้มันไกลตัวเสียบ้าง จนในที่สุดเมื่อรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมีดาบอยู่ข้างตัวแล้วก็ตัดสินใจทิ้งได้ทันที
ชายคนนั้นตั้งใจฟังอย่างแปลกประหลาดใจ มีคนทำได้จริง ๆ หรือ ความคิดคำนึงชั่ววูบที่เกิดขึ้นในใจของเขา ก่อนที่เขาจะหันกลับไปสนใจอย่างอื่น ปล่อยให้อาจารย์ท่านนั้นสอนวิชาน่าเบื่อต่อไป
เมื่อเขาได้ร่ำเรียนวิชามาจนมากพอแล้ว เขาก็ออกเดินทางไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหมาย ตลอดเส้นทางที่ผ่านไปในใจยังคิดคำนึงสับสนอยู่ว่าชีวิตที่ผ่านมาเขาได้ทำอะไรไปบ้าง เขาเริ่มรู้แล้วว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ เขาเริ่มคิดจะทิ้งดาบ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทิ้งไปทำไม เพื่อประโยชน์อะไร รู้แต่ว่าเขาไม่อยากใช้วิชาการต่อสู้ที่เขามีอยู่เต็มตัวนี้ไปทำร้ายใคร จนในที่สุดเมื่อเขาเดินผ่านไปยังเมือง ๆ หนึ่ง สายตาได้เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษเล็ก ๆ ที่แปะอยู่ข้างกำแพงเมือง เขาเดินเข้าไปดู กระดาษแผ่นนั้นมีข้อความสั้น ๆ เขียนไว้ว่า
คนปกติ ไม่พกดาบ
อา... ชายพเนจรอุทาน
ใช่แล้วคนปกติไม่พกดาบ เราอยากเป็นคนปกติ เราไม่อยากเป็นนักสู้ที่กระหายเลือด
ตั้งแต่นั้นมาชายพเนจรก็เริ่มฝึกหัดที่จะทิ้งดาบ โดยเริ่มพยายามเอาดาบมาถือไว้ในมือแทนที่จะพกไว้ที่เอว เขาพบว่าเขาทำได้ แม้จะต้องฝืนใจหน่อย เพราะกลัวจะเผลอวางไว้ เขาทำอย่างนี้อยู่นานหลายปี จนกระทั่งเขาแทบจะไม่ต้องพกดาบไปไหนมาไหนอีก แต่ว่าใจก็ยังคิดเป็นห่วงดาบอยู่ดี เพราะเป็นของสำคัญของนักสู้ ซึ่งเขาก็พยายามเก็บดาบไว้อย่างดีในที่ปลอดภัยจากมือคน และปลอดภัยเพียงพอที่เขาจะไม่อยากจับดาบขึ้นมาอีก
แต่เขากลับรู้สึกกดดันแปลก ๆ กับสภาพแวดล้อมที่รอบตัวมีแต่นักสู้ เดินไปไหนก็ไม่พ้น จนเขาคิดว่าโลกนี้คงไม่มีคนปกติแล้วกระมัง แต่เอาเถอะ ถ้ามันไม่มีเขาก็จะยอมเป็นคนปกติคนเดียวในโลก เขาไม่อยากพลาดพลั้งมือไปทำร้ายใคร
แล้วในที่สุด สิ่งที่เขาตามหามาตลอดทั้งชีวิตก็วิ่งมาหาเขาอย่างตั้งตัวไม่ทัน เขาเดินไปในเมืองเที่ยวชมดูสิ่งของอยู่ในตลาด ไปหยุดอยู่ที่แผงขายของแผงหนึ่งรวมกับกลุ่มคนที่มุงดูอยู่ที่แผงนั้น พลันก็มีหญิงสาวคนหนึ่งหันมาพูดกับเขาว่า
ท่าน ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อน ท่านดูแข็งแรงดี วันมะรืนท่านว่างไหม ท่านสนใจจะไปช่วยกันสร้างถนนไหม หญิงสาวเหมือนจะรวบรวมความกล้าพูดออกมา
ชายพเนจรทำหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่หญิงสาวชักชวน เป็นคำชวนที่แปลกที่สุดที่เคยได้ยินมาในชีวิต เป็นคำชวนไปทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากการต่อสู้ ชายพเนจรรู้สึกสนใจ แต่ด้วยคนชวนเป็นสตรีเพศทั้งเกรงใจและความที่เป็นเขาคนไม่ค่อยพูด จึงตอบไปแต่เพียงว่า
วันมะรืน ข้าว่าง
ดูเหมือนคำตอบนี้จะไม่เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวเข้าใจเจตนาของชายพเนจรได้ถูกต้อง อีกทั้งหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนว่าคงไม่มีใครอยากไปหรอก ทั้งสองจึงจบบทสนทนาไว้แต่เพียงนั้น แล้วต่างก็แยกย้ายกันไป
วันต่อมา หญิงสาวได้เจอชายพเนจรอีก
ท่าน ท่านสนใจจะไปเยี่ยมชมสำนักอาจารย์ข้าไหม สำนักอาจารย์ข้าสอนเรื่องความเป็นคน การพบปะกันครั้งที่สองยังคงเป็นคำเชิญชวน
ชายพเนจรนิ่งเงียบ ยิ้มนิด ๆ ยังคงรักษามาด
ถ้ายังไงท่านแวะไปดูก่อนก็ได้นะ อยู่เลยตลาดนี่ไปนิดเดียวเอง
ชายพเนจรรับคำ แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปอีก
ด้วยความสนใจและความฉงนใจ ชายพเนจรจึงเดินผ่านไปแวะดูสำนักแห่งนั้นอยู่ห่าง ๆ ด้วยความรู้สึกรักษาเชิงของนักสู้ไว้บ้าง เดินวนอยู่หลายรอบแล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่เข้าไป วันต่อมาหญิงสาวก็ได้เจอชายพเนจรอีก
ท่าน ๆ ท่านสนใจที่จะบำเพ็ญพรตไหม คำชักชวนจากหญิงสาวอีกตามเดิม
มันเป็นยังไงล่ะ ชายพเนจรถามตอบ
บำเพ็ญพรตเป็นการบูชาบูรพาจารย์สรรพวิชาน่ะท่าน หญิงสาวยังคงคิดว่าเป็นคำเชิญชวนที่ไม่น่าสนใจ
ข้าไม่ค่อยว่างน่ะ คงต้องดูก่อนนะ ขอบใจเจ้ามาก
หลังจากชายพเนจรให้คำตอบเสร็จ หญิงสาวก็ขอตัวลาไป แต่คราวนี้ชายพเนจรรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างกับคำเชิญชวนเหล่านี้ เป็นครั้งแรกที่มีคนมาชวนในเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้ แถมยังเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
คราวนี้หลังจากที่ชายพเนจรได้หยุดคิดอยู่นานหลายวันแล้ว ก็ตัดสินใจได้ว่าจะลองไปบำเพ็ญพรตดู แต่ยังคงไปด้วยอาการกร่าง ๆ แบบนักสู้อยู่ เขาเดินเข้าไปในสำนักนั้น แล้วก็มองหาผู้คน เดินวนไปวนมาด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจว่าตัวเองเหมาะกับการกระทำเช่นนี้หรือไม่ จนในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้า สลัดความกังวลในสิ่งที่กั้นความอยากรู้ออกไปจนหมด แล้วเดินเข้าไปในตำหนักกลางของสำนักนั้น
ต่อตอน 4 ...
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=relax&month=09-2005&date=25&group=4&gblog=1
Create Date : 24 กันยายน 2548
Last Update : 18 มิถุนายน 2552 15:06:33 น.
3 comments
Counter : 513 Pageviews.
Share
Tweet
แวะมาทักทาย...สวัสดีครับ
มาอ่านนิทานด้วยครับ...
อ่านยังไม่จบ...เดี๋ยวมาอ่านต่อเนาะ...
โดย:
**mp5**
วันที่: 24 กันยายน 2548 เวลา:8:19:46 น.
โดย:
ป่ามืด
วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:2:36:39 น.
สนุกดีค่ะ
กำลังติดตามตอนต่อไปอยู่
โดย: Julie IP: 125.24.162.57 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:15:54:18 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
พักผ่อน
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
คนธรรมดา
Friends' blogs
โสมรัศมี
ป่ามืด
รสา รสา
ตะวันสีชมพู
pataree
โบโลน่าหมูพริก
ตัวยุ่งจัง
หมูน้อยหน้าใส
พิรุฬห์
LiTa Long Time Can't See
monamy
Ka - Ti
maxpal
สาวไกด์ใจซื่อ
มัชฌิมา
STAR ALONE
palmpada
ลูกแมวขี้อ้อน
ดำรงเฮฮา
ป้าเอม
ขี้เหร่ใจร้าย
kayook
sweetez_g
นู๋ฟุ้ง
ถึงหนูจะไม่สวยแต่หนูก็จนนะคะ
swichet
Webmaster - BlogGang
[Add พักผ่อน's blog to your web]
Links
ลานธรรมเสวนา
ลานธรรมจักร
ศาลาสาระ
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
มาอ่านนิทานด้วยครับ...
อ่านยังไม่จบ...เดี๋ยวมาอ่านต่อเนาะ...