[ ทริปนี้เพื่อฟูจิ ] วันที่ 1 เดินทางสู่ประเทศญีปุ่น&เข้าที่พัก
8 มีนาคม 61
เช้าวันใหม่ เรานัดเพื่อนประมาณ 7 โมงกว่า ลงไปกินมื้อเช้ากัน อาหารก็ทั่ว ๆ ไป ข้าวต้มหมู ขนมปัง กาแฟ จากนั้นก็ให้เขาไปส่งที่สนามบิน
ถือว่าครบถ้วน คุ้มเกินราคา 317/คน (จองช่วงมีโปรโมชั่น ตัดบัตรเครดิตก่อนเข้าพัก 3 วัน)
ด้านหน้าโรงแรม มีโต๊ะหลายตัวไม่ต้องนั่งเบียดกันด้านใน เช้า ๆ แดดยังส่องไม่ถึง
ถึงสนามบิน เข้าแถวเพื่อโหลดกระเป๋าก่อนเลย แนะนำให้เช็กอินออนไลน์ไปก่อน จะมีช่องแยกต่างหาก สะดวกและเร็วมาก ใช้เวลาต่อแถวและจัดการหน้าเคาน์เตอร์ไม่ถึง 10 นาที จากนั้นก็ไปโหลดกระเป๋าเข้าเครื่องสแกน (ต่างจากเมื่อสองปีก่อนที่ต้องสแกนกระเป๋าก่อน)
ตัวเบาเรียบร้อยก็ไปที่เคาน์เตอร์ AIS เพื่อสอบถามเรื่องซิมเนต อันนี้เราซื้อจากที่อื่น เพราะกลัวที่สนามบินหมด การใช้งานโอเคมาก เพื่อนวีดิโอคอลทั้งวัน เนตยังเหลือ แต่ของเราใช้เกิน เพราะเปิดฮอตสปอร์ตใช้กับน้องสาว และน้องไลฟ์สดบ่อยมาก ใช้เกิน 4 GB ในวันที่หก ช่วงค่ำ ๆ ล่ะ ก็ไม่เป็นไร เพราะคืนนั้นเราต้องเข้าสนามบินแล้ว เลยไม่มีปัญหา น้องก็ไปขอแชร์ฮอตสปอร์ตจากเพื่อนของเราต่อ 555
ทำเรื่องซิมเนตเสร็จแล้ว ก็ไปแลกเงินเพิ่ม เพราะพี่ฝากซื้อรองเท้ากับกระเป๋า กลัวเงินที่เตรียมไปจะไม่พอ ได้เรท 30.80 บาท
ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วก็ได้เวลาเข้าเกต
แต่ยังไม่ทันเดินทาง สายกระเป๋าเป้ก็ขาดซะแล้ว
สะพานแบบข้างเดียวไปสิ วุ่นวายรุงรังพิกล
ไมได้สั่งอาหาร ก็นั่งเรื่อย ๆ ชิว ๆ กันไป ออกช้ากว่าปกติครึ่งชั่วโมง เพราะมีคนไม่ขึ้นเครื่อง เลยต้องเอากระเป๋าออก แต่กัปตันบอกว่าเที่ยวบินเราจะถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ถัว ๆ กับที่ออกช้า ก็ถึงสนามบิน 1 ทุ่มพอดี
1 ทุ่มตรง ถึงสนามบินนาริตะ ด้วยอุณภูมิ 6 องศา เราได้นั่งเกือบจะหน้า ๆ (นั่งแถวที่ 15 ) เลยออกมาเร็ว เดินค่อนข้างใกล เพื่อนถาม มึงจะรีบไปไหน 555 เลยบอกว่ารีบไปผ่าน ตม. ตอนนี้คนน่าจะน้อย เราต้องไปก่อนจะได้ออกไปเร็ว ๆ และจริงอย่างที่บอก ตม. คนน้อยมาก มีแบบประปราย ไม่ถึง 20 คนมั้ง
ตอนที่ไปถึง จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารก่อน เป็นโต๊ะกลม ๆ สูง ๆ ขนาดคนยืนล้อม 2-3 คน อารมณ์เหมือนใครยังไม่กรอกอะไรก็กรอกให้เสร็จตรงนี้เลย ถ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะให้ไปเข้าแถว เพื่อผ่านช่องตม. เรายืนรอไม่ถึง 10 วินาทีก็เข้าได้เข้าช่องแล้ว เจ้าหน้าที่ถามแค่มากี่คน กับใคร เราเลยชี้ไปที่น้องสาวที่อยู่ถัดไปอีก 3-4 ช่อง เขาก็พยักหน้าแล้วให้ผ่าน
รูปนี้ถ่ายตอน 19.18 น. (มีรูปก่อนหน้านี้ ถ่ายตรงทางเลื่อน 19.11 น. คิดดูว่าใช้เวลาผ่านตม.เร็วขนาดไหน)
จากนั้นก็ไปรับกระเป๋า มีเจ้าหน้าที่ยกกระเป๋าลงมาเรียงให้ เป็นระเบียบและไม่วุ่นวาย กรมศุลฯถามเยอะหน่อย มากันกี่คน มาจากประเทศอะไร เที่ยวกี่วัน แล้วเอาป้ายสิ่งต้องห้ามมาให้ดู
19.30 น. ยังพอมีเวลา เคาน์เตอร์ JR ยังไม่ปิด มองหาป้ายรูปรถไฟแล้วเดินตามไปเลย ลงไปซื้อ Tokyo Wide Pass และจองที่นั่งสำหรับเที่ยว 3 วัน เจ้าหน้าที่จองให้ครบทุกวัน แถมยังมีซองใส่พาสและแยกพาสที่จองที่นั่งใส่เป็นวัน ๆ ให้ด้วย ราคา 10,000¥ (แพลนเที่ยวคือ วันแรก ไปคาวากูชิโกะ / วันที่สอง จองขากลับ และไปกาลายูซาวะ ขากลับยังไม่จองก่อน / วันที่สาม จองไป-กลับ คาวาซุ เจ้าหน้าที่บอก ที่นี่ป๊อปปูล่ามาก...แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป)
มีซองใส่ให้ด้วย ไม่ต้องกลัวพาสหาย ตั๋วจองที่นั่งก็แยกแบบเป็นวัน ๆ ใส่ซองเล็กให้ด้วย
เสร็จจากเคาน์เตอร์ JR ก็ไปเคาน์เตอร์เคย์เซย์กันต่อ อยู่ติดกันเลย แต่ตอนที่ไป เราไม่เห็น เห็นแต่ฝั่งตรงข้าม เลยเข้าไปถามและโชว์รูปให้เขาดูว่าจะซื้อพาสนี้ เขาเลยชี้ไปที่เคาน์เตอร์อีกฝั่ง ซื้อ SkyLiner + Subway 48 hrs. ในราคา 3,200¥
เคาน์เตอร์ติดกันเลย หาง่ายมาก
เตรียมขึ้นรถไฟได้
มารอให้ตรงคันด้วยนะ เดี๋ยวจะหาที่นั่งไม่เจอ
ระยะห่างของที่นั่งกว้างขวาง นั่งสบาย
ภาพจะสั่น ๆ มัว ๆ หน่อย เพราะใช้มือถือถ่ายและถ่ายตอนรถกำลังวิ่ง
เราลงที่สถานีนิปโปริ เพื่อต่อรถไฟไปลงที่ shin-okubo
แต่ก่อนอื่น เพราะต้องซื้อบัตร suica ก่อน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ก็เดินหาตู้กันอยู่หลายนาที จนต้องถามเจ้าหน้าที่ เจอตู้แล้วก็ทำตามขั้นตอนที่หน้าจอเลย ได้บัตรแบบระบุชื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
จากนั้นก็ต่อรถไฟเพื่อไปลงที่ shin-okubo นั่งรถไฟสาย yamanote line โดยดูจากไฮเปอร์เดีย วิธีการขึ้นรถไฟก็ง่าย ๆ คือดูว่าเราต้องขึ้น line อะไร ก็หาป้าย line นั้นเลย ส่วนจะขึ้นฝั่งไหน ก็ดูที่ป้ายว่าแทร็กนั้นไปที่ไหน ส่วนใหญ่จะบอกสถานีหลัก ๆ ไว้ เช่น for ueno, for tokyo ,for shinjuku , for shibuya อะไรพวกนั้น เราจะไปชินโอคุโบ ซึ่งใกล้กับชินจูกุ ก็เลือกแทรก for shinjuku
นั่งรถไฟอีก 20 นาทีก็ถึง ค่ารถไฟ 165 เยน (ปกติ 170 เยน แต่ใช้ suica มีส่วนลด) ตัวโรงแรม 9hours สามารถมองเห็นได้จากบนสถานี เดินไปนิดเดียว ประมาณ 200 ม.ก็ถึง ก่อนถึงมี 7/11 ด้วย สะดวกมากมาย
ตัวโรงแรมก็มีความทันสมัยมาก มาถึงก็กดลิฟต์ไปที่ชั้น 8 ก่อนเลย (มีลิฟต์ 3 ตัว แต่ใช้ได้แค่ตัวเดียวคือตัวกลาง อีก 2 ตัว ซ้ายกับขวา เป็นลิฟต์ภายในของเขา ต้องขึ้นที่ชั้น 8) เคาน์เตอร์จะอยู่หน้าลิฟต์ที่ชั้น 8 เปิดลิฟต์ก็เจอเลย ถัดจากเคาน์เตอร์จะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ไว้นั่งกิน นั่งเล่น และนั่งมองวิว
เช็กอินแล้ว ก็เดินเข้าลิฟต์ด้านซ้ายมือ มีรูปผู้หญิงติดอยู่ (ด้านขวาจะเป็นลิฟต์ฝั่งผู้ชาย) ชั้น 5,6 เป็นชั้นเก็บกระเป๋าและห้องนอน ชั้น 7 เป็นห้องอาบน้ำ (ส่วนชั้น 2,3 น่าจะเป็นห้องนอน และชั้น 4 เป็นห้องน้ำของผู้ชาย อันนี้เดา)
ได้การ์ดแบบอ่อน ๆ มาหนึ่งใบ เป็น QR Code ไว้เปิดล็อกเกอร์ ด้านในล็อกเกอร์จะมีถุงตาข่ายให้ 1 ใบ มีอุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ในนั้น ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กและผืนใหญ่ รองเท้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เสื้อ+กางเกงนอน (น่าจะเป็นไซส์ L/XL เราสูง 162 ซม. หนัก 62 ใส่ได้สบาย ๆ )
ใส่กระเป๋าล้อลากขนาด 28" ได้สบาย ๆ (แต่ของเราแค่ 25" นะ) แต่ความกว้างต้องดูนิดนึง กระเป๋าเพื่อนเราใส่ไม่ได้ เพราะกว้างเกิน ต้องเอาไปฝากที่เคาน์เตอร์
ด้านบนถัดขึ้นไป เป็นที่วางรองเท้า
โดยรวมถือว่าดีเยี่ยมค่ะ สะอาด สะดวก สบาย เป็นสัดส่วน ห้องน้ำมีเยอะมาก ห้องส้วมก็ทันสมัย เปิดฝาเองเมื่อประตูเปิด ติดตรงที่ไม่มีพื้นที่กางกระเป๋า ต้องกางหน้าล็อกเกอร์ ซึ่งอาจไปเบียดเบียนล็อกเกอร์ข้าง ๆ ได้
ห้องนอน นอนสบาย หมอนนอนสบาย แต่ผ้าห่มเสียงดังไปหน่อยเเหมือนเป็นพลาสติก ได้ยินเสียงกรนเป็นพัก ๆ และเสียงพูดคุยนิดหน่อย อีกอย่างที่รู้สึกไม่สบายตัวอยู่นิด ๆ คือ ในห้องแคปซูลมันเงียบ คือเงียบแบบไม่มีอากาศ เงียบจนได้ยินเสียงวี่ ๆ ไปหู น่าจะมีลมหรืออะไรเป่าสักหน่อย เพื่อนบอกนอนไม่หลับ หายใจไม่ออก ต้องเปิดม่านไว้ เพราะไม่มีอากาศถ่ายเท
เอาล่ะ เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาหาข้าวกินค่ะ เรากินที่ร้าน Yoshinoya เพราะติดใจขิงดองตั้งแต่คราวก่อน
ราคา 580Y
กินเสร็จได้เวลากลับ ฝนเริ่มลงเม็ดละ รู้สึกลางไม่ดีมาแล้ว 55555
ก่อนเข้าที่พัก แวะซื้อของสักหน่อย
ชุดเข็มด้าย ราคา 500Y++ ตีเป็นเงินไทย 150 บ. ทำไมแพงขนาดนี้
ขนมใน 7-11 อร่อยมาก ได้รสชาเขียวและช็อกโกแลต นุ่ม ละลายในปากมาก ๆ จริง ๆ ก็มีขนมอีกหลายอย่าง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะกินไปก่อน 555
หมดไปอีก 1 วัน พรุ่งนี้ไปดูฟูจิ ลุ้นกันเพราะพยากรณ์บอกว่าฝนตก 80%!!!
Create Date : 21 มีนาคม 2561 |
Last Update : 21 มีนาคม 2561 21:49:27 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1349 Pageviews. |
 |
|
ชอบค่ะ